|
เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๒
หลวงพ่อกล่าวว่า "ปัจจุบันนี้เท่าที่มองเห็นในเรื่องการศึกษา ส่วนใหญ่สักแต่ว่าเรียนให้ผ่านไปเฉย ๆ ไม่ได้คิดจะเอาความรู้อะไรเลยจริง ๆ ในเมื่อแต่สักให้เรียนผ่านไปเฉย ๆ พวกวิชาการต่าง ๆ มันก็จะอ่อนลงไปทุกวัน ถ้าหากเปรียบเทียบสถิติในเรื่องการศึกษาเราสู้ใครไม่ได้หรอก พวกที่ได้เหรียญทองโอลิมปิกมาถือว่าเป็นอัจฉริยภาพเฉพาะตัวของเขา ภาพรวมนี่มันห่างไกลประเทศอื่นมากเหลือเกิน
ตั้งแต่ใช้ระบบสอบซ่อมขึ้นมา เด็กไม่ให้ความสนใจในการสอบเลย เพราะว่าตกก็ซ่อมได้ เขาก็เลยไปสนใจเรื่องอื่นแทน ในเมื่อไม่ให้ความสนใจไม่ให้ความสำคัญ แล้วมันจะเอาความสามารถที่แท้จริงมาจากไหน" "พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ต่อไปสัญญาและปัญญาของคนจะทรามลงไปเรื่อย มันเป็นเรื่องจริง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 16-09-2015 เมื่อ 18:06 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
หลวงพ่อเล็กท่านเล่าให้ฟังว่า เวลาท่านเรียนท่านทุ่มให้สุดตัว ชนิดที่ว่าถ้าอาจารย์ความรู้ไม่แน่นจริง โดนซักขึ้นมาแทบจะหอบผ้าหนีไปเลย และด้วยความเคยชินของท่าน งานทุกอย่างเวลาทำแล้วต้องดี ยิ่งอาจารย์ท่านใดมีการตำหนิแล้วให้แก้ไข หลวงพ่อก็จะชอบมาก เพราะจะได้รู้ว่าตนมีข้อบกพร่องตรงไหน
นอกจากนี้ท่านยังบอกว่า ตอนเรียนปริญญาตรีเทอมแรก พวกรุ่นน้องเดินถือแฟลชไดร์ทมาเป็นแถว มาขอก๊อปตัวอย่างรายงานจากท่าน (อาจารย์สั่งให้ทำ) หลวงพ่อบอกว่า รายงานของท่านที่ทำไป ยังคิดว่ามันไม่ดีด้วยซ้ำ แต่กลายเป็นว่าดีที่สุดให้เขามาเลียนแบบ "ตอนที่ย้อนกลับไปอ่านก็เห็นข้อบกพร่องในรายงานเยอะแยะ แต่มันดันกลายเป็นดีที่สุดให้เขามาเลียนแบบ เพราะว่าตอนที่เราเรียนไม่ว่าอยู่ในระดับใดก็ตาม มุมมองที่เราเรียนจะไม่กว้างพอ ในเมื่อมุมมองไม่กว้างพอ ความคิดไม่เป็นระบบพอ งานมันออกมาดีแค่ไหน มันดีแค่ระดับนั้น พอเราก้าวพ้นแล้วมาตรวจดู ก็จะมาคิดว่า ก่อนหน้านั้นเราทำไปได้อย่างไร"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-09-2009 เมื่อ 13:20 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ท้ายสุดท่านกล่าวว่า "ถ้าถามว่าการเรียนที่ผ่านมามันมีประโยชน์หรือเปล่า......มีประโยชน์มาก แต่ว่าส่วนใหญ่มันเป็นประโยชน์ทางโลก แต่ถ้าจะเอาประโยชน์จากการปฏิบัติ มันเฉพาะตัวของใครของมัน ก็คือ ใครสามารถรักษาอารมณ์ได้ขณะที่เรียน ก็เท่ากับว่ากำลังปฏิบัติอยู่ในตัวอยู่แล้ว
จากที่เรียนมาด้วยกันสี่ปี เพื่อนมันจะเห็นข้อต่างไปเรื่อย ๆ เพราะของเราเสมอต้นเสมอปลาย แต่ของเขานี่ถอยไปเรื่อย กลายเป็นว่าต่อให้ไม่มีอะไรก้าวหน้าเลยก็ตาม ระยะห่างมันจะทิ้งห่างไปเรื่อย เพราะเพื่อนเขาถอยหลัง ฉะนั้นการเรียนนี่ ประโยชน์ทางธรรมมีน้อย ยกเว้นสามารถรักษากำลังใจตัวเองเอาไว้ได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ถาม : เรื่องการสึกนี่ จะสึกตามฤกษ์สะดวกจะได้ไหม
ตอบ : จริง ๆ ถ้าบวชไม่ต้องมีฤกษ์ แต่สึกจะต้องมี เพราะว่าการสึก คือ การจากที่เย็นไปสู่ที่ร้อน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
หลวงพ่อบอกว่า "วันที่ ๔ ตุลาคม เป็นวันออกพรรษา วันที่ ๕ ตุลาคม ตักบาตรเทโว สนุกไปกันใหญ่ พวกเราเตรียมตัวไปตักบาตรเทโวด้วยแล้วกัน ตักบาตรเทโวที่วัดท่าขนุน จะเป็นงานใหญ่ของอำเภอ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-09-2009 เมื่อ 19:10 |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ท่องคาถาเงินล้านเยอะ ๆ คาถาเงินล้านจะมีคาถาปัดอุปสรรคด้วย ช่วยให้สำเร็จด้วย และเกี่ยวข้องกับเรื่องลาภผลโดยตรง ท่องให้ได้วันละ ๑๐๘ จบ หรือมากกว่านั้นก็ได้ แต่ต้องสม่ำเสมอทุกวัน อย่างเช่นถ้าเราทำ ๑๐๘ จบ ก็ต้อง ๑๐๘ จบทุกวัน ถ้าทำสักสองเดือนติดกันแล้วทุกอย่างจะคล่องตัว แต่ว่าต้องท่องแบบคุณภาพนะ ไม่ใช่เร่งให้จบ ทำเป็นกรรมฐานไปเลย เช้าสัก ๓๖ จบ กลางวัน ๓๖ จบ เย็น ๓๖ จบ มันจะได้ไม่หนักเกินไป ถาม : แล้วที่อยู่ที่เดิม ตอบ : ถ้าหากมันมีความคล่องตัว อยู่ที่ไหนมันก็อยู่ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
ถาม : (สอนหนังสือเด็กแล้วเด็กไม่สนใจเรียน)
ตอบ : เข้าใจคำว่าสอนกระดานดำไหม ว่าของเราไปเรื่อยตั้งแต่ต้นจนจบ เขาจะคุย จะเล่นอะไรเรื่องของเขา ถึงเวลาข้อสอบออกมาแล้วเขาจะรู้เองว่าเจออะไรบ้าง ถาม : คือทางโรงเรียนเขาให้เราช่วยเหลือด้วย ตอบ : ช่วย.....แต่ช่วยด้วยการซ่อมสัก ๔ รอบ แล้วเด็กมันจะจำเราไปจนวันตาย สอนเหมือนกับว่าไม่มีพวกเขาอยู่ด้วย ทำแบบนั้น ถาม : แต่คนที่ตั้งใจเรียนเขาก็ตั้งใจค่ะ ตอบ : ใช่ คนที่เขาสนใจเขาจะได้ ส่วนคนที่ไม่สนใจต่อไปก็เกิดโทษแก่ตัวเขาเอง ไม่ใช่เรา ถาม : แต่คนที่ไม่สนใจ เขาก็จะไม่สนใจเลย ตอบ : เขาจะทำอะไรเรื่องของเขา คะแนนออกมาแล้วเขาจะรู้บทเรียนเอง ถาม : ถ้าบังคับ ตอบ : ไม่ต้องบังคับ เขาจะทำอย่างไรก็เรื่องของเขา ก็บอกแล้วว่าเราสอนกระดานดำของเราไป แต่ถ้าเขาสอบตก ก็ให้เขาซ่อมไปเรื่อย ติด ร. ไปเรื่อย อย่างน้อยให้ซ่อมสัก ๔ ครั้งแล้วค่อยปล่อยผ่าน แล้วมันจะเข็ดเอง ถาม : แล้วอย่างนี้ทางโรงเรียนเขารู้ เขาก็จะมองว่าเราสอนไม่มีประสิทธิภาพ ตอบ : เราสอนมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าเขาไม่ต้องการคนอย่างเรา เราก็ไปหาที่อื่นต่อ ถาม : ใจหนูอยากจะช่วยพวกเขาค่ะ อย่างคนที่เขาตั้งใจ ตอบ : ก็ถ้าเราสอนของเราไปอย่างเต็มที่ คนดีก็จะได้ของเขาไปเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปกังวลกับเขา ทำแค่ที่ทำได้ ไม่ใช่ว่าไปแบกโลกทั้งโลก ประเภทป้อนอาหารถึงปากแล้วบ้วนทิ้ง แถมยังพ่นใส่หน้าเราด้วย แล้วยังจะไปป้อนมันอีกหรือ ก็เอาคนที่มันกินสิ พูดง่าย ๆ ว่าทั้งห้องถ้ามีคนสนใจเรียนเพียงแค่ ๑ คน ก็พอแล้ว ถาม : แต่อาจารย์ที่นั่นเขาบอกว่าอย่าไปซีเรียสกับเด็กนัก ก็คือ... ตอบ : ก็ใช่ ถึงได้บอกว่าไม่ต้องซีเรียส ถาม : เขาบอกว่าสอนแค่ครึ่งชั่วโมงก็พอแล้ว อย่าไปยัดให้เต็มเวลา แล้วคนที่ดี ๆ...... ตอบ : เราสอนของเราไป เอาสักครึ่ง อย่างเช่นว่าชั่วโมงครึ่งเป็นอย่างน้อยแล้วค่อยปล่อย อาตมาเองก็สอนครึ่งเวลาแล้วค่อยปล่อย ถาม : แต่หนูโดนผู้ใหญ่ตักเตือนมาว่า อย่าปล่อยก่อนเวลา ตอบ : ถ้าเด็กมันต่อรองก็บอกว่า อาจารย์โดนมาแล้ว เขาด่ามา เพราะฉะนั้นปล่อยก่อนไม่ได้หรอก พวกเธอจะทำอะไรก็เชิญ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-09-2009 เมื่อ 13:19 |
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
หลวงพ่อบอกว่า "เดือนที่แล้วนอกจากจะมีแต่คนแห่ไปไหว้พระอุปคุตแล้ว ยังมีจดหมายส่งมาอีกว่า ขอรายการวัตถุมงคลที่เป็นพระอุปคุตทุกแบบ พร้อมราคาด้วย
จะเห็นได้ว่าแรงโฆษณานี่มันรุนแรงมาก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
หลวงพ่อก็กล่าวว่า "จริง ๆ ในเรื่องของอาหารถ้าเรามีวินัยตัวเอง อย่างโบราณเขาบอกว่ากินแค่รู้รส แต่ส่วนใหญ่แล้วห้ามใจไม่อยู่ เคยมีเด็กคนหนึ่ง ซื้อขนมปังไส้สัปปะรดใส่โหลให้เขา มันกินจนหมดเกลี้ยง ทั้ง ๆ ที่ คนทั่วไปกินสัก ๕-๖ ชิ้นกรอกน้ำตามไป มันอิ่มแน่ แต่นี่กินหมดโหลเลย นั่นแสดงว่าเขาห้ามปากตัวเองไม่ได้ "
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 25-08-2014 เมื่อ 14:47 |
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
มีคนมากราบเรียนถามเกี่ยวกับเรื่องการจัดทำบายศรี หลวงพ่อเล็กได้กล่าวว่า "เดี๋ยวนี้ตำราการทำบายศรีของหลวงพ่อ(ฤๅษี) ไปกันใหญ่ ก็เพราะว่าคนทำมันไม่รู้ เติมนั่นเติมนี่ตามใจเยอะ
ข้าวสุกหรือข้าวสวยมันอยู่ในบายศรีปากชามอยู่แล้ว ขณะเดียวกันเรื่องของถั่วเขียวคั่วเป็นของสำหรับบายศรีตั้งศาลพระภูมิ บางท่านก็จะมีทองหยิบฝอยทอง ซึ่งอันนั้นเขาบวงสรวงกรมหลวงชุมพรโดยเฉพาะ หลายท่านก็มีขนมจีนมาด้วย ถ้าขนมจีนน้ำพริกก็เป็นการบวงสรวงกรมหลวงชุมพร แต่ถ้าหากเป็นขนมจีนทั่วไป จะเป็นน้ำพริกน้ำยาอะไรก็ตาม เขาใช้สำหรับทำการบวงสรวงเฉพาะในวัดเท่านั้น เพราะว่าหลวงปู่ขนมจีนท่านขอเอาไว้ บางท่านก็เล่นปลาช่อนแป๊ะซะเสียด้วย ถ้าหากบวงสรวงมีได้ก็ดี แต่ถ้าหากมีศาลเจ้าที่อยู่ก็ตั้งที่ศาลเจ้าที่เลย เพราะว่าปลาแป๊ะซะนี่เจ้าที่เขาขอให้เป็นสัญลักษณ์ บายศรีนั้นมีกำลังเท่าไร....ทำเท่านั้น ไม่ใช่ไปจำกัดว่าต้องเป็นสามชั้น ห้าชั้นอะไร อย่างนั้นมันไม่ใช่"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-09-2009 เมื่อ 13:16 |
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
ถาม : พักหลังนี่ภาวนาแล้วเครียด ๆ แล้วก็ปวดตรงตา
ตอบ : กำหนดรู้แล้วก็ผ่อนคลาย ถาม : ต้องทำกรรมฐานกองไหน ตอบ : ให้กำหนดดูที่ศูนย์กลางกายแทน อย่าไปกำหนดไว้ตรงหน้า ถ้ากำหนดไว้ตรงหน้า....เผลอใช้สายตาแล้วมันจะเครียด กำหนดตามลมไปให้มันอยู่ตรงที่สุดลม ให้มันนิ่งไว้ ถาม : ไม่จำเป็นต้องเป็นภาพพระใช่ไหม สั่งจิตวางไว้ ตอบ : ไม่ต้อง สั่งจิตวางไว้เฉย ๆ หรือจะกำหนดเป็นลูกแก้วอะไรก็ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 135 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
หลวงพ่อเล็กกล่าวถึงหลวงพ่อวิรัชว่า "พี่วิรัชจะว่าไปแล้ว ท่านน่าจะมีอานิสงส์อย่างพระอานนท์ พระอานนท์อุปัฏฐากรับใช้พระพุทธเจ้ามานาน ถามว่าก่อนนั้นมีคนอุปัฏฐากไหม.....มี แต่ว่าท่านอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าไม่นาน
อย่างพระจุนทะเถระก็เคยอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า พระเมฆิยะก็เคยอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าแต่ว่าทิ้งไป ทิ้งเลย เพราะว่าท่านเห็นที่ที่เหมาะใจในการปฏิบัติ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าอย่าเพิ่งไปเลย แต่ว่าท่านไม่ฟัง ท่านวางบาตรและสังฆาฏิของพระพุทธเจ้าไว้ แล้วก็ไปปฏิบัติของท่าน พระพุทธเจ้าก็ต้องถือบาตรและสังฆาฏิเสด็จไปเอง พอพระอานนท์บวชเข้ามา พระสงฆ์ท่านก็เลยลงมติให้พระอานนท์รับหน้าที่อุปัฏฐาก พระอานนท์จึงได้ขอพร ๘ ประการ อย่างเช่นว่า อย่าประทานผ้าไตรจีวรดี ๆ ให้ อย่าพาท่านไปในที่ที่นิมนต์ด้วย เพื่อป้องกันคนอื่นว่าท่านรับหน้าที่เพราะเห็นแก่ลาภ แล้วอย่างข้อที่ว่าถ้าไปเทศน์ที่ไหนขอให้มาเทศน์ซ้ำให้ท่านฟังด้วย ข้อนี้เพื่อป้องกันว่าถึงเวลาเขาถามแล้ว ท่านตอบไม่ได้ คนจะตำหนิว่าอยู่ใกล้ชิดพระพุทธเจ้าเสียเปล่า แค่นี้ก็ไม่รู้ แล้วท่านก็ทำหน้าที่มาตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งพระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระพุทธเจ้าท่านบอกพระอานนท์ว่าในกาลต่อไปข้างหน้าชาวบ้านจะศรัทธามาก เพราะว่าได้อุปัฏฐากใกล้ชิดมาก่อน ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้ามาก สามารถที่จะกล่าวสอนธรรมได้เหมือนอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านกล่าว ท่านจำได้หมด แล้วคนก็จะติด อย่างพี่วิรัชคนจะให้การสนับสนุนมาก เพราะท่านเคยใกล้ชิดหลวงพ่อมาก่อน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-09-2009 เมื่อ 13:19 |
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
ถาม : พระธาตุหรือพระบรมสารีริกธาตุ ทำไมเดี๋ยวนี้จึงมีมาก
ตอบ : ก็ต้องถามสิ ว่าทำไมคนถึงรู้จักมากขึ้น ถาม : คนรู้จักมากขึ้น ? ตอบ : หลายส่วนทำขึ้น เมื่อหลายส่วนทำขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเดี๋ยวนี้เครื่องมันผลิตได้ง่ายจะตายไป แต่ถ้าหากใจเรายึดมั่นก็เหมือนของจริง สำคัญตรงว่าเราระลึกนึกถึง แต่ถ้าเราไม่ระลึกนึกถึง มีแต่ความลังเลสงสัย ต่อให้เป็นของจริงก็เหมือนของปลอม แต่ถ้าเราระลึกนึกถึงด้วยความเชื่อมั่น ด้วยความศรัทธา ของปลอมก็เหมือนของจริง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-09-2009 เมื่อ 13:17 |
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
ถาม : กรรมที่เราไม่เจตนา ที่เป็นวิบาก อย่างนี้เราจะแก้ไขอย่างไรครับ
ตอบ : ถ้าเป็นไปได้ขอขมาโดยตรงเลย ถ้าหากว่าไม่ได้ก็สร้างทาน ศีล ภาวนาให้มากเข้าไว้ เดี๋ยวมันตามไม่ทัน เพราะว่าไม่ได้เจตนานี่แรงมันน้อย มันต้องรอกรรมอื่นแสดงผลแล้ว มันจึงโผล่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 134 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาถวายสังฆทาน ยกพระพุทธรูปมาวาง ควรหันหน้าพระพุทธรูปไปทางด้านไหน
ตอบ : ยกมาถวายให้ถึงที่ก็สมควรแล้ว มันอยู่ที่เขาสบายใจ บางคนก็สบายใจว่าหันหน้าให้ผู้รับ บางคนก็สบายใจว่าหันหน้าให้ตัวเอง เพราะฉะนั้นอันไหนสมควรกว่ากันไม่ต้องคิดถึง คิดถึงอย่างเดียวว่าให้ถึงมือพระก็ใช้ได้แล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-09-2009 เมื่อ 13:22 |
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#16
|
||||
|
||||
ตอนนี้วัดท่าขนุนได้กลายเป็นศูนย์ฝึกอบรมการปฏิบัติธรรมแล้ว ช่วงที่ผ่านมาทางวัดได้ฝึกอบรมการปฏิบัติให้กับทางผู้คุมเรือนจำ มีอยู่ตอนหนึ่งหลวงพ่อท่านได้เล่าเกี่ยวกับการบรรยายธรรมให้ฟังว่า
"วันสุดท้ายบอกเขา (ผู้คุมเรือนจำ) ให้เอาธรรมะทั้งหมดที่บรรยายมาไปประยุกต์ใช้ให้ได้ โดยเฉพาะตัวพรหมวิหาร ขอให้คิดว่าทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมด ไม่ใช่ว่าเขาเป็นผู้ต้องขังเพราะทำผิดมา เนื่องจากการตัดสินของศาลนั้นเป็นไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏเฉพาะหน้าเท่านั้น ซึ่งมันอาจจะถูกหรือไม่ถูก แต่ละคนถ้าหากเขาทำชั่ว ทำผิด ในระหว่างที่เขาต้องโทษ ก็คือ เขากำลังชดใช้อยู่แล้ว ถ้าหากเราไปซ้ำเติมเขามันจะเกิดโทษแก่ตัวเราเอง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-10-2016 เมื่อ 16:09 |
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#17
|
||||
|
||||
หลวงพ่อเล็กเล่าให้ฟังว่า "สมัยก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไม่คบกับพวกวงการพระเครื่อง เพราะว่าโดนมันเล่นซะเจ็บเลย
ตอนนั้นท่านสั่งสร้างพระปิดตา ต.ช.ด. รุ่น ๑ เป็นพระปิดตาเล็ก ๆ เหมือนกับสามเหลี่ยมแต่ว่าตัดเหลี่ยม สั่ง ๓๐,๐๐๐ องค์ เยอะมากเลยในสมัยนั้น ปรากฏว่าเขา (แอบ) ปั๊มเกินเป็นเท่าตัว หลวงพ่อท่านก็เลยสั่งระงับ พิธีพุทธาภิเษกก็ยกเลิกไปเลย แล้วหนังสือพิมพ์ก็ไปตีข่าวว่า "ฤๅษีลิงดำทราบด้วยญาณว่า มีการปั๊มเกินจำนวนมาก จึงสั่งระงับการสร้างปิดตา ต.ช.ด." พอเรื่องเงียบหลวงพ่อท่านก็สั่งเอามาพุทธาภิเษกแจกเขา ปั๊มเกินไปหนึ่งเท่า สมเด็จคำข้าวและสมเด็จหางหมากก็ลักษณะนั้น เขานัดส่งงานแล้วเลื่อนออกไปสองเดือน ลองคิดดู...แม่พิมพ์ ๑๓ ตัว สองเดือนเขาปั๊มได้เท่าไหร่ ผงก็ของเรา เนื้อก็ของเรา พิมพ์ก็ของเราอีกต่างหาก จะไปหาจุดตำหนิของปลอมได้ที่ไหน ถ้าหากหลวงพ่อคบหากับพวกตลาดวัตถุมงคล ชื่อเสียงท่านจะดังมากกว่านี้อีก แต่ว่าที่ท่านไม่เอาก็เพราะว่าคนจะมาเพราะเครื่องรางของขลัง ไม่ได้มาเพราะธรรมะ แบบเดียวที่ไปวัดท่าขนุนแล้วไปถามว่า พระอุปคุตรุ่นนี้ราคาเท่าไหร่ จ้องจะไปเอาวัตถุมงคลกันอย่างเดียว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-01-2019 เมื่อ 01:43 |
สมาชิก 136 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#18
|
||||
|
||||
ถาม : สติในสัมโพชฌงค์กับสติธรรมดา ต่างกันอย่างไร
ตอบ : จริง ๆ เหมือนกัน เพียงแต่ว่าสติในสัมโพชฌงค์เป็นสติที่มุ่งมั่นเพื่อการหลุดพ้นโดยตรง สติทั่ว ๆ ไป อาจจะเป็นสติสัมปชัญญะ การระลึกได้ จะว่าไปก็คือสติตัวเดียวกัน เพียงแต่ว่าเน้นหรือไม่เน้นเท่านั้นเอง ในมหาสติปัฏฐานสูตรที่ท่านบอกวิธีการปฏิบัติ จะมี อาตาปี ก็คือ เพียรเพ่ง สร้างตบะในการแผดเผากิเลส สัมปชาโน มีความรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ สติ มีความระลึกได้ว่าเรากำลังทำอะไรเฉพาะหน้าอยู่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-09-2009 เมื่อ 14:38 |
สมาชิก 125 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#19
|
||||
|
||||
ถาม : คาถาที่หลวงพี่บอกให้ท่อง....
ตอบ : แสดงว่าเราไม่ได้เรื่อง ใช้คำภาวนา มันไม่ใช่ท่อง ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ตัวคาถาไม่ใช่สักแต่ว่าท่อง ๆ ให้มันคล่องปากไป คาถามันจะมีผลต่อเมื่อสมาธิทรงตัว ไม่ใช่เราท่องไปเรื่อยเปื่อยไม่มีสมาธิ แล้วผลมันจะเกิดได้อย่างไร ไปทำใหม่ ใช้คำว่าภาวนาคาถา ไม่ใช่ท่อง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-09-2009 เมื่อ 14:59 |
สมาชิก 125 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#20
|
||||
|
||||
ถาม : หนูอยากถามว่าการกินเจเป็นการละเว้นสัตว์หรือไม่
ตอบ : ถ้าเราไม่กินเนื้อสัตว์ก็เท่ากับว่าเป็นการงดเว้น ถาม : แล้วมันดีไหม ตอบ : ดีไหม...ก็ต้องดูว่าถามแง่ไหน ถ้าแง่ในทางโลก คนที่อายุไม่ถึง ๑๘ ปีไม่ควรกิน ถาม : แล้วเจเป็นมังสวิรัติหรือเปล่าคะ ตอบ : จริง ๆ แล้วเจกับมังสวิรัตมันความหมายเดียวกัน เพียงแต่ว่าอาหารเจบางอย่างเขาไม่งดเว้น เพราะว่าเขาไปถือเอาตามวรรณกรรมของจีน เช่น อาหารเจเขาไม่งดเว้นหอยนางรม เขาเชื่อว่าครั้งหนึ่งที่มีพระถังซำจั๋งอดอาหาร แล้วเฮ่งเจียหาให้ไม่ได้ ก็อธิษฐานเอาไม้กระบองกวน ๆ อยู่ในทะเล ว่าถ้ามีอะไรติดขึ้นมาก็ถือว่าเป็นอาหารเจ ปรากฏว่ามีหอยนางรมติดขึ้นมา เขาก็เลยถืออย่างนั้น แต่ว่ามังสวิรัติงดเว้นเนื้อสัตว์ทุกประเภท เพียงแต่ว่าอายุยังน้อยร่างกายยังต้องการสารอาหารอยู่ ถ้าหากว่าไปกินเจซะทีเดียว บางทีก็ขาดสารอาหารบางส่วนเหมือนกัน ทำให้เวลาอายุมากแล้วกระดูกจะเสียได้ง่าย เมื่อครู่ถามว่าเรามุ่งเอาประโยชน์ด้านไหน ถ้าถามในเรื่องทางโลกมันก็คือข้อบกพร่องอยู่ ในเรื่องของทางธรรม พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้ห้าม ท่านบอกว่าเนื้อสัตว์นั้นถ้าหากไม่รู้ว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ไม่เห็นว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ไม่รังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ก็กินได้ ถาม : แล้วการที่เรากินอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นการที่เรากินเพราะเขาฆ่าเพื่อเราหรือคะ ตอบ : ถ้าเราไม่กินเขาก็ฆ่าอยู่ดี แต่ว่าขอให้ดูนะ ดูตัวอย่างคนอินเดีย คนอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดูจะเป็นมังสวิรัติโดยอัตโนมัติเลย ตัวเขาเท่าตึก เวลาจะคุยเราต้องแหงนคอมอง นั่นเขาเป็นมังสวิรัติตั้งแต่เด็กเลย แต่ว่าเขากินพวกถั่ว พวกงา พวกนมแทน ก็แปลว่ามันต้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนด้วย ถ้าจะเป็นมังสวิรัติก็กินแบบฮินดูเขา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|