กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #121  
เก่า 18-03-2016, 14:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ให้พิจารณาต่อไปว่าร่างกายนี้ใช่ของเราไหม ? เพราะว่าลักษณะอย่างนั้นก็คือไปกระทบกับสิ่งที่เราเคยประพฤติปฏิบัติในอดีตมา ปีติถึงได้เกิด เราก็ดูต่อไปเลยว่า เรื่อง “ตน” นี้จริง ๆ ยึดถือมั่นหมายได้หรือเปล่า ? เรายังมีความต้องการอยู่หรือไม่ ? จนกระทั่งเห็นชัดว่าไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราแล้ว ก็กองเอาไว้ตรงนั้นแหละ ทำหน้าที่ไปวัน ๆ จนกว่าจะหมดอายุ

ถาม : แล้วเวลาสวดมนต์จะมีเสียงคนแก่แทรกขึ้นมา ?
ตอบ : ตั้งใจแผ่เมตตาแล้วอุทิศส่วนกุศลให้เขาทุกครั้ง ขอให้เขาอโหสิกรรมให้ด้วย ส่วนเขาจะอโหสิกรรมหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขา

ถาม : ให้แผ่เมตตาให้เขาไป ?
ตอบ : แล้วก็อุทิศส่วนกุศลให้เขาไปด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2016 เมื่อ 16:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #122  
เก่า 18-03-2016, 14:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เจ้าภาพบวชพระรูปละเท่าไรคะ ?
ตอบ : ๓,๐๐๐ บาท ถูกไปไหม ?

ถาม : ไม่ถูกค่ะ แพงไป เดี๋ยวต้องไปเพิ่มเงิน
ตอบ : อย่าทำบุญแบบคนโง่ ทำบาทเดียวตั้งใจเป็นเจ้าภาพบวชพระทุกรูปก็ได้ ไม่ใช่เขาบวชรูปหนึ่ง ๓,๐๐๐ บาทเราต้องทำ ๓,๐๐๐ บาท แล้วก็ได้แค่รูปเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2016 เมื่อ 16:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #123  
เก่า 18-03-2016, 14:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์สนทนากับหลวงพี่เอ (พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม) "เวลาป่วยหนัก ๆ นี่ผมเห็นประโยชน์ตรงที่ว่า เรารู้ว่าต้นทุนเรามีเท่าไร พร้อมที่จะไปหรือยัง ? ป่วยขึ้นมาแต่ละทีนี่ไม่อยากกลับเลย โดนถีบกลับมาทุกที"

ถาม : ใช่ครับ ทำใจยากจริง ๆ ไปเลยเสียยังดีกว่า ?
ตอบ : พอรู้ต้นทุนของเราแล้วก็เหลืออยู่อย่างเดียวว่าพอหรือยัง ? ถ้ายังไม่พอก็ต้องรีบตะกายทำให้มากไว้

ไปนึกถึงหลวงปู่ธรรมชัย พอท่านรู้ว่าเป็นวันที่ ๕ ธันวาคม ท่านก็ตั้งใจเข้าสมาธิถวายกุศลในหลวง คราวนี้หลวงปู่ท่านเข้าสมาธิชีพจรก็หยุดเต้น โหย...พยาบาลเขาช่วยกันปั๊มหัวใจ แล้วคราวนี้เขากระแทกกันแรง ๆ หลวงปู่ท่านก็คงรำคาญ
เลยไปดีกว่า คนที่ไม่เข้าใจนี่ลำบาก

หลวงปู่มหาอำพันท่านเข้าสมาธิอยู่ หมอมาตรวจร่างกายพอดี พอจับชีพจรหมอตกใจวิ่งไปตามคน ผมรู้ก็เลยสะกิด “หลวงปู่ครับ ๆ ถ้าหลวงปู่ไม่กลับนี่หมอเขาเอาไปเผาแน่”


ถาม : เดี๋ยวต้องไปบูชาวัตถุมงคลที่เข้าพิธีเมื่อวานครับ ตอนทำพิธีนี่สะเทือนไปถึงพระเจดีย์วัดปากน้ำ นั่งไม่ติดเลยครับ ?
ตอบ : ท่านฝากไว้ทุกที่ ที่ไหนที่มีพระเจดีย์เป็นหลักก็เอาหมดเลย ครูบาอาจารย์ท่านตั้งใจสงเคราะห์จริง ๆ สำคัญที่ว่าเราจะรับกันหรือเปล่า แต่ว่าเป็นห่วงเหมือนกันเพราะสถานการณ์ประเทศชาติแย่มาก โดยเฉพาะองค์ในหลวง ไม่รู้ว่าจะประคองพระองค์ท่านไปได้อีกนานเท่าไร

ถาม : ตอนนี้ข่าวเขาปิดกันครับ ?
ตอบ : เพราะข่าวไม่ออกนี่แหละถึงลำบาก คือถ้าออกข่าวคนทั้งประเทศพร้อมใจกันทำความดีถวายพระองค์ท่านก็จะมีผล ไม่อย่างนั้นแค่จุดเล็ก ๆ อย่างพวกเราเหมือนกับเอาน้ำถังเดียวไปดับไฟทั้งกองก็ยาก

ถาม : (พูดถึงพระอุปคุตชัยวัฒน์)
ตอบ : ไม่ทันรู้ตัวว่าพระเต้นได้ พวกนี้เขาดูอยู่ พิธีอย่างนี้ก็คงไม่มีอีกแล้ว เพราะฉะนั้น...เก็บได้ก็เก็บเถอะ เผื่อลูกศิษย์เขาต้องการจะได้มีให้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2016 เมื่อ 17:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #124  
เก่า 18-03-2016, 15:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีเพื่อนบอกว่ากสิณเป็นการส่งจิตออกนอก ผมจะบอกเขาว่าอย่างไร ?
ตอบ : จิตส่งออกที่แท้จริงคือตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส แล้วก็ไปฟุ้งซ่าน การฝึกกสิณใช้สมาธิควบคุมอยู่เฉพาะหน้า แล้วก็ไม่ได้ไปไกล ไปแค่รูปกสิณนั้น แล้วก็กลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออกของตัวเอง บอกเขาว่าการฝึกทุกอย่าง ถ้าหากว่าผิดก็มีโทษ ถ้าหากว่าถูกก็มีประโยชน์ ขึ้นอยู่กับว่าคุณทำถูกไหม ?

ถาม : การที่จิตออกไปนอกกาย แล้วสามารถควบคุมจิตให้ทรงตัวได้ก็ไม่ใช่จิตส่งออก ?
ตอบ : ลักษณะของมโนมยิทธิก็คือการส่งจิตออกไปข้างนอก แต่มีการควบคุมด้วยอำนาจสมาธิของตัวเอง ก็ไม่ได้ฟุ้งซ่านไปใน รัก โลภ โกรธ หลง จิตส่งออกที่เป็นโทษคือฟุ้งซ่านไปใน รัก โลภ โกรธ หลง ต่าง ๆ แล้วก็ทำให้เราปรุงแต่งมากขึ้น ๆ กลายเป็นยึดเกาะว่าสิ่งนี้เราชอบ สิ่งนี้เราไม่ชอบ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2016 เมื่อ 17:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #125  
เก่า 18-03-2016, 15:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อรูปฌานกับวิปัสสนาญาณใกล้เคียงกันมาก การที่เราได้เห็น ได้รู้ ได้เข้าใจในความไม่มีตัวตน เช่น ผู้ชาย พ่อ ซึ่งเป็นวิปัสสนาญาณ ถ้าคนที่จะได้อรูปฌานต้องได้รูปฌานสี่ก่อน คนที่ได้วิปัสสนาญาณต้องได้อรูปฌานก่อนหรือเปล่าจึงจะสามารถเป็นวิปัสสนาญาณได้ ?
ตอบ : เอาทีละอย่าง ของคุณไปไกลเกินไปแล้ว เรื่องของรูปฌานไม่จำเป็นต้องได้กสิณก็ได้ ใช้อานาปานสติอย่างเดียวก็สามารถเข้าถึงรูปฌานได้ แต่ถ้าต้องการจะทำอรูปฌานต้องได้กสิณกองใดกองหนึ่งในกสิณ ๑๐ ที่ไม่ใช่อากาสกสิณ เสร็จแล้วเพิกภาพกสิณนั้นเสียถึงจะกลายเป็นอรูปฌาน คราวนี้คำถามต่อไป

ถาม : ทีนี้วิปัสสนาญาณที่เห็นภาวะของอนัตตา จำเป็นต้องได้รูปฌานก่อนหรือเปล่า ?
ตอบ : การปฏิบัติ ถ้าหากว่าเป็นฌานสมาบัติแล้วนำมาพินิจพิจารณาวิปัสสนาญาณ จนกระทั่งสามารถปลดใจตัวเองออกได้ ไม่ยึดเกาะอะไร ๆ ทั้งปวง เขาเรียกว่าบรรลุโดยเจโตวิมุติ ใช้สมถะนำหน้า

แต่ถ้าพิจารณาวิปัสสนาญาณมาก่อน จนกระทั่งกำลังใจค่อย ๆ ทรงตัวกลายเป็นสมาธิขึ้นมา แล้วสามารถละวางทุกอย่างลงได้ เขาเรียกว่าปัญญาวิมุติ คือหลุดพ้นด้วยปัญญา

แต่ทั้งสองแบบจะต้องมีอำนาจของสมาธิเป็นพื้นฐาน ก็คืออย่างหนึ่งเริ่มจากสมาธิแล้วไปใช้ปัญญา อีกอย่างหนึ่งเริ่มจากปัญญาพิจารณาไปจนกระทั่งกลายเป็นสมาธิ คนส่วนใหญ่จะไปเข้าใจว่าฝ่ายปัญญาวิมุตินั้น บรรลุโดยไม่มีสมาธินั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีกำลังของสมาธิจะไม่สามารถตัดกิเลสได้ เพียงแต่ท่านพิจารณาจนจิตดิ่งลึกไปเรื่อย ๆ แล้วทรงตัวเป็นสมาธิไปเอง


ถาม : ปัญญาวิมุตติไม่จำเป็นต้องได้อรูปฌานก่อน ?
ตอบ : ไม่จำเป็น จะเป็นปัญญาวิมุติหรือเจโตวิมุติก็ไม่จำเป็นที่จะต้องฝึกกสิณ แต่ว่าเรื่องของสมาธิต้องได้ ต่ำสุดต้องเป็นปฐมฌานขึ้นไป ไม่อย่างนั้นเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าไม่ได้ เพราะกำลังไม่พอตัดกิเลส
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2016 เมื่อ 03:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #126  
เก่า 18-03-2016, 15:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การช่วยเหลือคนอื่นจำเป็นต้องได้กสิณไหมครับ ?
ตอบ : ต้องดูว่าช่วยด้านไหน ถ้าช่วยในเรื่องของ ทาน ศีล ภาวนา ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องได้กสิณ ๑๐ แต่ถ้าคุณจะไปแบกกรรมแทนคนอื่นเขา ก็จำเป็นที่จะต้องได้กสิณหน่อย แต่ว่าก็เดือดร้อนทีหลังจนได้ เพราะว่าไปรับกรรมแทนเขา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2016 เมื่อ 21:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #127  
เก่า 19-03-2016, 14:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนตอนเด็ก ๆ เวลาหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หรือหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ท่านพุทธาภิเษกวัตถุมงคล สามารถเอาเสื่อไปนอนรอได้เลย ท่านนั่งลงไปทีหนึ่ง ๓-๔ ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ไม่กระดิกเลย

สมัยนั้นอาตมารู้จักหลวงปู่ทิม หลวงปู่โต๊ะ เพราะพระครูแสงทั้งนั้นแหละ แล้วใครจะไปคิดว่าเหรียญเจริญพรสมัยโน้นราคาไม่กี่บาท สมัยนี้ราคาเป็นแสนเป็นล้าน

สมัยแรกที่ไปหาหลวงปู่โต๊ะไม่ได้เจตนาจะไปหาท่าน ตั้งใจจะไปกินอาหารโรงทาน เพราะโรงทานเยอะมาก แล้วสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จทุกปี พูดง่าย ๆ ว่าเป็นพระอาจารย์ในดวงใจของพระองค์ท่าน สมัยเด็ก ๆ ไม่ได้รู้จักคุณงามความดีของครูบาอาจารย์ท่านหรอก เพราะว่าบ้านยายอยู่สามแยกไฟฉายนี่เอง วัดหลวงปู่โต๊ะใกล้นิดเดียว

พอเขาบอกว่ามีงานวันเกิดหลวงปู่ก็ไป ตั้งใจจะไปกินโดยเฉพาะ แย่จริง ๆ เลยนะ แต่ก็ดีอยู่อย่างว่า ใจคิดแต่จะไปวัด ไม่รู้หรอกว่าท่านมีความดีอย่างไร คนโน้นบอกหลวงปู่เก่งอย่างโน้น คนนี้บอกหลวงปู่เก่งอย่างนี้ อาตมาก็ เออ...ท่านเก่ง แต่ตูจะไปกิน..!

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ รักตรงท่านั่งของท่าน เพราะท่านจะนั่งเหมือนหลวงปู่แหวน คือจะนั่งเอียง ๆ ข้างหนึ่ง ไม่ทราบว่าเส้นท่านเสียหรือเปล่า ? แต่หลวงปู่แหวน ทราบว่าท่านไปธุดงค์แล้วตกเขา เส้นเสีย ทำให้นั่งเอียงไปข้าง เวลาหลวงปู่ทิมท่านนั่ง บางทีก็ ๗-๘ ชั่วโมง นั่งลงไปก็เงียบหายไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-03-2016 เมื่อ 16:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #128  
เก่า 19-03-2016, 14:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาภาวนา รู้ได้อย่างไรว่าใจสงบ ?

ตอบ : "รู้จักนิวรณ์ ๕ ไหม ? ถ้านิวรณ์ ๕ ไม่มีแปลว่าใจสงบ ถ้าหากว่าใจไปประหวัดคิดถึงเพศตรงข้ามก็ดี ความโกรธเกลียดอาฆาตคนอื่นก็ดี ฟุ้งซ่านไม่อยู่กับการภาวนาก็ดี หรือในส่วนของการลังเลสงสัยในคุณพระรัตนตรัยก็ดี ไปคิด ๆ อยู่กับเรื่องพวกนี้ก็ไม่สงบ ถ้าไม่คิด อยู่กับลมหายใจเข้าออกได้ อยู่กับคำภาวนาได้ ก็คือสงบ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-03-2016 เมื่อ 16:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #129  
เก่า 19-03-2016, 16:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีดหมอสำหรับไล่ผี เขาไล่กันอย่างไรครับ เป็นผีอยู่ในหมู่บ้านครับ ?
ตอบ : ไปหามีดหมอหลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือให้ได้ ท่านทำเอาไว้สำหรับลุยกับผีโดยเฉพาะ มีดหมอสำนักอื่นมักจะใช้รักษาโรค แต่ของหลวงพ่อแจ่มเอาไว้เล่นกับผีโดยเฉพาะ พอ ๆ กับมีดหมอของวัดเขาอ้อ มีดหมอของวัดเขาอ้อชื่อมีดหมอมหาปราบ เอาไว้ลุยสิบทิศเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-03-2016 เมื่อ 03:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #130  
เก่า 20-03-2016, 14:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ให้พรญาติโยมว่า "ใครเขาจะวางระเบิดสร้างสถานการณ์ ใครเขาจะวางระเบิดหวังผลทางการเมือง ก็ขอให้พวกเราทุกคนปลอดภัย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2016 เมื่อ 17:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #131  
เก่า 20-03-2016, 14:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันงานหล่อพระ มีคนทำไอโฟนหาย ประกาศอยู่ครึ่งค่อนวันไม่มีใครมารับ ตอนประมาณบ่าย ๓ โมงอาตมาไปโกนหัวนาค ปรากฏว่ามีเจ้าหนุ่มคนหนึ่งมาบอกว่าโทรศัพท์ของเขาหาย อาตมากำลังยุ่ง ๆ กับเรื่องโกนหัวนาค ก็เลยส่งให้ไปโดยไม่ได้ตรวจสอบ

ปรากฏว่าพอตอนประมาณ ๕ โมงเย็น ทิดโจ้โทรมาบอกว่าไอโฟนหาย น่าตายไหม ? อาตมาประกาศอยู่ครึ่งค่อนวัน ย้ำแล้วย้ำอีกว่าอย่ามั่นใจว่าของตัวเองอยู่ ให้ล้วงดูก่อน คือทุกคนมักจะมั่นใจว่าของเราไม่หาย ปรากฏว่าโดนเจ้านั่นคาบไปเรียบร้อยแล้ว ก็เลยสั่งเปิดกล้องวงจรปิดดูว่าเป็นใคร

โยมไปวัดท่าขนุนไม่รู้ว่ามีวงจรปิดอยู่ ๑๐ กว่าตัว ปรากฏว่าเป็นเด็ก กศน. ที่ไปปฏิบัติธรรม ก็เลยให้โยมโทรไปหาครู บอกว่าให้เด็กเอามาคืน ไม่อย่างนั้นจะเดือดร้อนแน่ ปรากฏว่าที่วิ่งขี้แตกมาก่อนเลยคือพ่อ และตามด้วยครู โดยเฉพาะครูไม่ยอมเด็ดขาด ลูกศิษย์ฉันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ที่ไม่ยอมเพราะคิดว่าพระไปใส่ร้ายเด็กของเขา

ปรากฏว่าหลักฐานระบบวงจรปิด ระบบ HD ชัดกว่าตาเห็นอีก วงจรปิดวัดท่าขนุน ๑๐ กว่าตัว พร้อมกับฮาร์ดดิสก์ ๒ เทราไบต์ ๓ ตัว รวมราคาทั้งหมด ๘๑,๐๐๐ บาท เป็นระบบ HD ชัดกว่าตาเห็น อาตมายังสงสัยว่าของรัฐบาลทำไมฮาร์ดิสก์ตัวหนึ่ง ๔๐๐,๐๐๐ บาท ทั้ง ๆ ที่ห่วยกว่าของอาตมาตั้งเยอะ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2016 เมื่อ 17:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #132  
เก่า 20-03-2016, 14:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาบอกพ่อเขาว่า "เอาอย่างนี้...ถ้าลูกคุณเอาไอโฟนมาคืนก็จบแค่นี้ ไม่มีปัญหาอะไรกันต่อ แต่ถ้าหากว่าไม่ยอมสารภาพ ไม่ยอมเอามาคืน แต่จนด้วยหลักฐานเพราะกล้องวงจรปิด ถึงอาตมาได้ของคืน ก็จะแจ้งความ" สรุปว่าไอ้เจ้านั่นคลานมาสารภาพแต่โดยดี ถามว่า "มึงนึกอย่างไรถึงมาเอา ?" เขาบอกว่า "เพื่อนอยากได้" "แล้วมึงไม่รู้หรือว่าวัดนี้วงจรปิดเพียบเลย ?"

ถามว่า "ของอยู่ไหน ?" "เข้าร้านไปแล้ว" "ไหนบอกว่าเพื่อนอยากได้ เสือกเอาไปขายแล้ว...! ไปเอาคืนมา" เขาก็ติดต่ออยู่พักใหญ่ บอกว่าทางร้านส่งเข้ากรุงเทพฯ ไปแล้ว เร็วขนาดนั้นเลยหรือ ? เลยบอกว่า "มีสองวิธี วิธีแรกคือให้ร้านเอามาคืน วิธีที่สองคือมึงซื้อเครื่องใหม่มา แต่กูให้เวลาแค่ ๕ โมงเย็นนี้เท่านั้น" ก็เลยไปซวยที่พี่สาว

พี่สาวบอกว่าน้องคนนี้ ทำเรื่องให้เดือดร้อนมาหลายครั้งแล้ว จึงบอกเขาว่า "อาตมาไม่ได้ใส่ใจตรงนั้น ว่าจะทำด้วยเหตุผลอะไร แต่ตอนนี้ที่ต้องการคืออยากได้ของคืน เพราะของมาหายในวัด ซึ่งปกติแล้วไม่เคยหาย ฉะนั้น...อาตมาให้เวลาแค่ ๕ โมงเย็น ถ้าเอามาคืนไม่ได้จะแจ้งความ...! โดยเฉพาะคุณเป็นต่างด้าว กำลังรอบัตรประชาชนไทย ถ้าแจ้งความเมื่อไรโดนถอนสิทธิ์การรับบัตรประชาชนแน่นอน" พี่สาวก็เลยซวย น้ำตาไหลน้ำตาร่วง โทรไปสั่งร้านในเมืองกาญจนบุรีให้ส่งของมากับรถตู้ มา
อีก ๑๐ นาทีจะหมดเวลา ทันเส้นตายพอดี

ส่วนไอ้ตัวแสบไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอก เพราะรู้อยู่แล้วว่าทำแล้วมีคนจ่ายแทน ตกลงทิดโจ้ได้ไอโฟน ๔s ใหม่เอี่ยมเลย ของเก่าเข้ากรุงเทพฯ ไปเอาคืนไม่ทัน เลยบอกว่า ความจริงอาตมาจะแจ้งความว่าร้านรับของโจรก็ได้นะ แต่ไม่อยากทำ ความจริงอยากได้ ๖s มากกว่า แต่จะขูดรีดโยมมากไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2016 เมื่อ 17:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #133  
เก่า 20-03-2016, 14:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาเป็นคนไม่โหดร้าย ที่เขาลือว่าอาตมาดุมาก นั่นเขาใส่ร้ายอาตมา...! เพราะอาตมาจะเปิดทางให้คนเสมอ ว่าถ้าคุณเอามาเป็นอันว่าจบกัน ไม่แจ้งความ แต่ถ้าคุณไม่เอามา ก็คือแจ้งความ พอเป็นคดีขึ้นมา อาตมาไม่รอมชอมกับใคร ในเมื่อเราเปิดทางให้เขา เขาก็ต้องเลือกตามทางที่ดีกับเขา

เหมือนสมัยที่อยู่วัดท่าซุง อาตมาจับพระปลอมได้ พกอาวุธ พกโพยหวย แล้วไปยืนจีบเด็กนักเรียน อาตมาบอกว่าให้เลือกเอาสองทาง ทางแรกคือแจ้งข้อหาพกอาวุธ และเล่นหวยเถื่อน แล้วคุณก็ติดคุกไป ทางที่สองคือยอมสึกเสียดี ๆ แล้วหมดเรื่องกันแค่นี้ เขาก็ยอมสึกเสียโดยดี แต่อาตมาเสียเสื้อผ้าให้ไปชุดหนึ่ง ต้องไปซื้อให้เขาใส่ คืออาตมาต้องการให้เขาสึกอยู่แล้ว อย่างไรเขาก็ต้องเลือกทางที่อาตมาต้องการ แต่อาตมาเปิดทางให้เขาเลือก ว่าจะติดคุกดีหรือสึกดี ? ฉะนั้น...ที่เขาว่าอาจารย์เล็กโหด ไม่จริงหรอก เขาใส่ร้ายอาตมา...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2016 เมื่อ 17:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #134  
เก่า 20-03-2016, 14:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นั่งสมาธิ หายใจเข้าหายใจออก แล้วร่างกายลั่นกริ๊ก...! หายไปเลยค่ะ วูบออกไปคุยทักทายกับใครไม่รู้ ? เยอะแยะเลย จิตไม่รวมสักที ออกไปเรื่อยค่ะ ?
ตอบ : อันนั้นแหละเรียกว่ารวม ถ้ารวมไม่พอก็ออกไม่ได้ ต้องรวมพอถึงจะออกได้ ถ้าตามที่ว่ามาช้าไปนิดหนึ่ง เพราะว่าต้องภาวนาจนถึงลั่นกริ๊ก แล้วไปได้...ใช่ไหม ? ปกติเขาแค่คิดก็ไปแล้ว ไม่ทันภาวนาหรอก ไปซ้อมให้เร็วกว่านี้นิดหนึ่ง

ถาม : ไปดูกายแล้วก็งง ๆ ?
ตอบ : ไม่ต้องไปดูแล้ว ถึงเวลานั้นถ้ารู้จักสังเกตจะเห็นว่า รัก โลภ โกรธ หลง กินใจเราไม่ได้ ต้องตั้งเป้าให้ชัด ๆ ไว้อย่างหนึ่งว่า หลังจากทักทายเขาเสร็จก็จะไปกราบพระที่จุฬามณี หรือที่พระนิพพานไปเลย อันนั้นยิ่งกว่ารวมอีกนะ

ถาม : ก็ต้องนั่งก่อน ?
ตอบ : อย่างไรก็ได้ หกคะเมนตีลังกาอย่างไรก็ไปได้

ถาม : เหมือนมีผีอยู่เยอะแยะเลยค่ะ แต่หนูก็กลัวว่าคนนี้หน้าตาเหมือนเราเลย บางคนก็แยกออกไปค่ะ ไม่รู้ว่าหนูจะทำอย่างไรดีค่ะ ?
ตอบ : ไม่ต้องทำ ถ้าต้องการจะอยู่คนเดียวก็รวมทั้งหมดมาอยู่ที่เรา ถ้าไม่ต้องการก็แยกออกไปเยอะ ๆ

ถาม : แล้วเราไม่ใช่ผีหรือคะ ?
ตอบ : ถ้าคิดว่าผี เราเป็นผีนานแล้ว ก็ตัวเรานั่นแหละ เพียงแต่แยกจิตทำงานหลายอย่างพร้อมกัน หลงกลัวแทบตาย กลัวตัวเอง ให้สังเกตไว้อย่างหนึ่งว่า ขนาดเราทรงสมาธิขนาดนั้น เรายังกลัวอยู่ เจ้าตัวนั้นเรียกว่ากลัวตาย

ผีหลอก เดี๋ยวผีบีบคอเรา แล้วเราจะตาย ถ้ากำลังใจยังยึดร่างกายอยู่ก็จะกลัวเป็นปกติ ต่อให้อยู่ในสมาธิระดับไหนก็กลัว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2016 เมื่อ 17:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #135  
เก่า 20-03-2016, 14:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พยายามทำความเพียร แต่ง่วงมากค่ะ ข้างในจะออกตลอด ขยับได้แล้ว มักจะพุ่งออกไปก่อน ?
ตอบ : อาการที่ว่ามาไม่ใช่อาการง่วง แต่เป็นอาการที่จิตกับกายจะแยกออกจากกัน ทำให้ประสาทรับรู้ทางร่างกายไม่ค่อยจะรับรู้แล้ว เพราะจิตกับประสาทเริ่มแยกคนละส่วน จะบังคับร่างกายได้ยาก

ใจจะไป เราก็ดื้อไปรั้งเอาไว้ คราวหน้าถ้าไปก็ปล่อยให้ไปเลย จะไปไหนก็ไป ท้ายสุดนึกถึงพระไว้ก็พอ

เมื่อจิตกับประสาทแยกออกจากกัน เราจะบังคับร่างกายไม่ได้ ก็เหมือนกับคนง่วง ร่างกายไม่ค่อยอยากจะทำงาน บางทีก็เหมือนเคลิ้ม ครึ่งหลับครึ่งตื่น


ถาม : ควรทำอะไรเพิ่มเติม ?
ตอบ : ทำไปเรื่อย ๆ เอาใจเกาะพระนิพพานไว้ตอนท้าย ตั้งใจเสมอว่าถ้าตายลงไปเมื่อไร เราขอไปอยู่กับพระท่านที่พระนิพพานเท่านั้น คนทำไม่ได้ก็อยากได้ ส่วนคนทำได้ก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2016 เมื่อ 17:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #136  
เก่า 20-03-2016, 14:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "บางทีพระไปต่างประเทศแล้วทำตัวตามสบาย ละเมิดศีลบ้างอะไรบ้าง เพราะคิดว่าฝรั่งไม่รู้ ปรากฏว่าคนรู้ดันถ่ายคลิปมาออกยูทูบ ซวยไปตาม ๆ กัน

พระผู้ใหญ่ท่านไปชมสนามฟุตบอลในอังกฤษ ไปนั่งฉันไอศกรีมแล้วเขาถ่ายรูปมา ไอศกรีมฉันได้ไหม ? ถ้าเป็นนมเป็นเนยอย่างเดียวได้ แต่อาตมาถือตามที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอก เคยถามท่านว่าตกลงว่าไอศกรีมฉันได้ไหม ? ท่านบอกว่า "ถ้ามีแต่นมแต่เนย ไม่ได้ใส่อย่างอื่นก็ได้ แต่พ่อขอร้องเถอะ...ถ้าไม่ถึงกับจะตายห่า มึงอย่าไปแดกเลย มันน่าเกลียด..!"

ปรากฏว่าพระที่ท่านไปสนามฟุตบอล ท่านไปฉันไอศกรีมโคน แล้วดันแทะถ้วยเข้าไปด้วย ถ้วยเป็นแป้ง จัดเป็นอาหาร ก็เลยแก้ตัวไม่หลุด เพราะเขาถ่ายรูปมาชัด ๆ

แม้จะเป็นอาบัติเล็กน้อยสามารถแสดงคืนได้ แต่ถ้าเราใจด้านทำโดยไม่ละอาย พอไปทำบ่อย ๆ เข้า ความเคยชินจะทำให้ละเมิดอาบัติที่หนักกว่านั้นได้ คือเราทำชั่วเล็ก ๆ ไปเรื่อย เดี๋ยวก็ทำชั่วที่มากขึ้นได้ เหมือนกับเขื่อนที่เริ่มมีรูรั่ว ถึงเวลาน้ำไหลออกมาเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ดันเขื่อนแตกจนได้ จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องระมัดระวังตัวเอง โยมไม่รู้...พระก็ต้องเตือนโยมให้รู้ แล้วก็อย่าไปทำในลักษณะที่ว่าบัญญัติเอง บอกว่าฉันได้ หรือทำได้ ทั้ง ๆ ที่ทำไม่ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2016 เมื่อ 18:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #137  
เก่า 20-03-2016, 14:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาไปพม่า ทางด้านโน้นเขาฉันอาหารเย็นกันเป็นปกติ เพราะพม่าเขาถือพระวินัยไม่ลักลั่นกัน บ้านเราถือพระวินัยลักลั่นกันอยู่ คือพระวินัยมีอยู่ ๒ ข้อ ข้อหนึ่งว่า ภิกษุฉันอาหารในเวลาวิกาล ต้องอาบัติปาจิตตีย์ อีกข้อหนึ่งคือภิกษุเข้าบ้านยามวิกาลโดยไม่ได้บอกลา ต้องอาบัติปาจิตตีย์

ของเราการฉันอาหารในเวลาวิกาล บอกว่าหลังเที่ยงไปแล้ว แต่เข้าบ้านยามวิกาล เราไปตีความว่าตะวันตกดินไปแล้ว ส่วนพม่าเขาตีความราคาเดียวกันว่า วิกาลคือตะวันตกดินแล้ว ฉะนั้น... ๕ โมงเย็น ๖ โมง เขานั่งฉันอาหารกันเป็นปกติ เพราะถือว่ายังไม่วิกาล แต่บ้านเราในเมื่อตีราคาคนละอย่างกัน จนเป็นจารีตประเพณีแล้ว บ้านเราจึงทำไม่ได้ ในเมื่อทำไม่ได้ บ้านเราคตินิยมเป็นแบบนี้ก็ต้องถือแบบนี้

พอไปอยู่รวมกับพวกเขา ตอนเย็นอาตมาก็แวบออกไปตั้งแต่ ๔ โมงเย็น ไปนั่งสวดมนต์ภาวนาที่พระเจดีย์หรือพระพุทธรูปสำคัญ อย่างเช่น พระมหาเจดีย์ชเวดากอง พระบรมธาตุอินทร์แขวน หรือหลวงพ่อพระมหามุนี หรือไม่ก็ถึงเวลาก็หาเรื่องไปเดินดูของ ทำเป็นนักท่องเที่ยวไปหาดูของที่ระลึก รอจนหนึ่งทุ่มหรือทุ่มครึ่งแล้วค่อยกลับมา ให้เขาทำอะไรให้สบายใจเขาก่อน ไม่อย่างนั้นก็ต้องไปปฏิเสธเขา กลายเป็นว่าเราไปถือเคร่งกว่าเขา ทำให้เจ้าถิ่นเขาหนักใจ

ทางเหนือของเรายังมีฉันข้าวเย็นกันเป็นปกติ เพราะว่าทางเหนือของเราโดนพม่ายึดครองอยู่ ๖๐ กว่าปี เลยถือธรรมเนียมพม่ามาจนชิน ปัจจุบันนี้ถ้าจะบวชวัดทางเหนือ พ่อแม่ต้องถามลูกให้ดีว่าจะกินข้าวกี่มื้อ ถ้ากินมื้อเดียว ก็บวชวัดป่าสายธรรมยุต กินสองมื้อก็บวชวัดทั่วไป สายมหานิกาย กินสามมื้อก็บวชวัดที่ถือธรรมเนียมพม่า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2016 เมื่อ 18:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #138  
เก่า 20-03-2016, 15:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"การฉันอาหารในเวลาวิกาลเป็นอาบัติปาจิตตีย์ แสดงคืนได้ ก็กลายเป็นว่า ถึงเวลาก็ไปกินแล้วก็มาปลงอาบัติกัน คุณเสฐียรพงษ์ วรรณปก ตอนเป็นเณรอยู่อีสาน เพื่อนเณรสะกิดให้ไปแอบดูหลวงพี่กินข้าวเย็นกัน ก็เลยไปกัน ปรากฏว่าเขาอุตส่าห์หนีไปอยู่ในป่าช้า นี่ก็ไปย่องหมอบ ๆ คลาน ๆ มุดพุ่มไม้ไปแอบดู ด้วยความที่เป็นเด็ก ไม่รอบคอบ ไปทำกิ่งไม้หักกร๊อบ...! โดนหลวงพี่หิ้วคอมา จับบีบปาก เอาข้าวเหนียวจิ้มปลาแดกยัด บังคับว่ากลืนลงไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นโดน กินไปเรียบร้อยแล้วบอกว่า "มึงไปฟ้องหลวงพ่อเลย มึงก็กินเหมือนกัน"

ส่วนหลวงพ่อฤๅษีเจอทีเด็ดกว่านั้นอีก ท่านบอกว่าพอขึ้นวัดเท่านั้น เจ้าถิ่นต้อนรับแข็งขัน "นิมนต์ครับ ๆ" พอขึ้นมาจัดน้ำใช้น้ำฉันเสร็จสรรพ ลงไปตะโกนสั่งเด็กวัดให้ฆ่าไก่ แกงเลี้ยงพระเย็นนี้ เล่นเอาหลวงพ่อห้ามเจ้าอาวาสแทบแย่ ความจริงท่านต้อนรับดีนะ น่ารักมากเลย "ตามธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ อย่างดีเลิศตามมีและตามเกิด ให้เพลินเพลิดกายากว่าจะกลับ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2016 เมื่อ 18:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #139  
เก่า 20-03-2016, 15:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระผิดศีล พระอุปัชฌาย์มีส่วนรับผิดชอบไหม ?
ตอบ : พอบวชเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว พระอุปัชฌาย์มีหน้าที่ต้องสั่งสอน ถามว่ามีส่วนรับผิดชอบไหม ? ถ้าสอนแล้วพระไม่ฟัง ก็เป็นโทษของพระท่าน แต่ถ้าไม่สอนแล้วพระท่านไปทำ ต้องถือว่าพระอุปัชฌาย์มีส่วนด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2016 เมื่อ 18:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #140  
เก่า 20-03-2016, 15:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อ่านเรื่องไสยศาสตร์มา ทำไมเขาถึงต้องมีวันปล่อยของ เขาไม่กลัวพลังของมันหรือครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ใช่พวกที่ตั้งใจทำร้ายใครโดยเฉพาะ ตามสายการปฏิบัติของไสยศาสตร์ วันเสาร์กับวันอังคารจะต้องปล่อยของครั้งหนึ่ง ไม่อย่างนั้นตัวเองจะร้อนรุ่มกระวนกระวาย พูดง่าย ๆ คือกินไม่ได้นอนไม่หลับ เดือดร้อนเอง ในเมื่อเขาปล่อยไป ก็แล้วแต่เวรแต่กรรม โบราณเรียกว่าลมเพลมพัด

เรื่องของลมเพลมพัด ถ้าเราไม่ทักก็ไม่เกิดโทษ แต่ถ้าทักเมื่อไรก็เข้าตัวเมื่อนั้น แสดงว่าคนนั้นมีวาระกรรมเปิดอยู่ แต่ถ้าพวกที่เขารับเงินรับทองมาเพื่อไปเล่นงานคนอื่น เขาไม่สนใจว่าคุณจะเป็นใคร กำลังใจของคุณจะบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์แค่ไหน รู้อยู่อย่างเดียวว่ารับเงินมาก็เล่นคนนั้นแหละ ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้ ค่อยมาคิดกันทีหลัง


ถาม : ถ้าปล่อยของมาจะมีผลกับใครบ้างครับ เกี่ยวกับคนที่มีกำลังสูงกว่าหรือต่ำกว่าหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต่อให้กำลังสูงกว่า แต่ถ้าวิบากกรรมเปิดให้พอดี ก็มีช่วงเผลอให้โดนได้ อย่างหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ท่านโดนบังฟัน วิชาบังฟันต้องบอกว่าเป็นการฆ่าที่โหดมาก เพราะว่าคนที่โดนตายโดยที่ร่องรอยบาดแผลภายนอกไม่มี แต่ข้างในขาดหมด

ถาม : ทำไมห้อยพระเครื่องแล้วยังโดน ?
ตอบ : เข้าใจคำว่าวาระกรรมไหม ? กรรมมาถึงอย่างไรก็เผลอจนได้ ถ้าปกติเราเผลอสติ วัตถุมงคลก็ป้องกันได้ แต่ท่านถอดวัตถุมงคลออกจากตัวเพราะกำลังจะสรงน้ำพอดี ฉะนั้น...วิธีที่ปลอดภัยที่สุด หลัง ๆ ที่หลวงปู่ท่านทำคือเป่ายันต์เกราะเพชร เพราะยันต์เกราะเพชรถอดไม่ได้ ยกเว้นคุณไปกินเหล้า หรือขโมย ถึงจะสูญไป

ถาม : แล้วการรักษาศีล ถ้าผิดแล้วรักษาใหม่ ยันต์จะอยู่ไหมครับ ?
ตอบ : หมดแล้วหมดเลย เริ่มรักษาใหม่ก็ไม่มีประโยชน์ นอกจากได้อานิสงส์ในการรักษาศีล ของสูญไปแล้วจะเอาคืนมาอย่างไร ?

ถาม : มองในแง่ของคนทั่วไปที่ไม่ได้มีวาระกรรม เราจะสร้างเหตุอย่างไรในแง่ของการป้องกันไม่ให้โดนของ ?
ตอบ : ภาวนาให้กำลังใจทรงตัวเป็นปกติ เริ่มตั้งแต่เช้ามืดเลย พอกำลังใจทรงตัวแล้วอาราธนาบารมีพระครอบตัวไว้ ถ้าคุณไม่เผลอ วันนั้นก็รอด รอวันต่อไปก็อาราธนาใหม่

ถาม : คนที่ครูบาอาจารย์ เทวดาคุ้มครอง รอดไหมครับ ?
ตอบ : คำว่าเทวดาหรือครูบาอาจารย์คุ้มครอง ก็คือวาระบุญยังมีอยู่ ถ้าวาระกรรมมาถึง พระหรือเทวดารักษาเราไม่ได้ ก็โดนได้ ฉะนั้น...อย่าพึ่งครูบาอาจารย์ หรือพรหมเทวดาอย่างเดียว ตัวเราควรจะมีศีล สมาธิ ปัญญา เอาไว้ด้วย จะได้รักษาตัวเองได้

ถาม : การที่เราตั้งใจสะสมผลบุญ บุญเราทั้งหมดจะได้ชาติไหน หรือว่าทำได้เรื่อย ๆ ?
ตอบ : บุญทำแล้วไม่ได้ไปไหน เพียงแต่ว่าอยู่ในลักษณะที่อย่าเผลอ พูดง่าย ๆ ว่าเรามีปืนอยู่ ป้องกันไม่ให้โจรมาปล้นเรา แต่อย่าเผลอลืมพกปืนนะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2016 เมื่อ 18:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:37



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว