กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-01-2015, 21:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,770 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default พูดถึงพ่อ ภาคพิเศษ วันเสาร์ที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๘

พูดถึงพ่อ ภาคพิเศษ
โดย พระครูภาวนาพิลาศ (หลวงตาวัชรชัย) และ พระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก)


หลวงตา : ขอเวลาท่านอาจารย์เล็กพูดกับญาติโยมสักหน่อย สัก ๕ นาที ทีแรกจะไม่พูดเพราะไอ (อายนะ) แต่ก็ทนไม่ไหว ตั้งแต่ลูกหลานญาติโยมทั้งหลายสมาทานศีล ๕ กันแล้ว พระก็เต็มใจที่จะสมาทานพร้อมกันไปด้วย ด้วยเหตุที่นึกถึงพระคุณครูของเรา คือพระคุณหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ซึ่งหลวงตาจะชอบเรียกคำนี้มาก เพราะว่ายศถาบรรดาศักดิ์ ต่อไปข้างหน้าคนเขาอาจจะตั้งชื่อซ้ำท่านได้ ชื่ออันสูงสุดคือพระมหาวีระ ก็อาจจะมีคนชื่อวีระบวชเข้ามา ได้ฉายา “ถาวโร” ซ้ำกันอีก

แต่คำว่า “หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ” ขอประทานอภัยที่ต้องเอ่ยคำนี้ เป็นพระมงคลนามที่พระคุณหลวงปู่ปาน ก็คือปู่ของเรา ได้ตั้งให้ลูกชายที่ท่านรักที่สุด ซึ่งชื่อนี้ไม่มีทางที่จะมีใครมาซ้ำได้ หลวงตาก็เลยกล่าวนามว่า “หลวงพ่อฤๅษี” ไม่บังอาจไปกล่าวคำนั้น ก็เอ่ยว่า “หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง” ก็เป็นอันรู้กันว่าครูของเราคือองค์นี้

สำหรับอาจารย์เล็ก หรือว่าท่านจิตโต หรือว่าพี่น้องทุกคน พระคุณครูอาจจะสอนด้วยลีลาที่นุ่มนวล สมกับความงามของจริยาวัตรของแต่ละท่าน แต่กับหลวงตานี่ท่านสอนแบบโหดมาก สมกับความหยาบคาย หยาบกระด้าง
ซึ่งมีอยู่ในขันธสันดานของหลวงตา คงหลายชาติมาก ขอเล่าให้ฟังหน่อยหนึ่ง เพราะได้เห็นน้ำใจของเราทั้งหลาย

น่าจะตอนพรรษาที่ ๒ กระมัง หลวงตานั่งอยู่ที่หน้ากุฏิตรงเมรุเก่า (มุมวัดด้านใน ติดกับศาลา ๑๒ ไร่ในปัจจุบัน) ๓ โมงที่พระคุณหลวงพ่อเลิกรับแขกแล้วจะกลับไปพัก (ตอนนั้นหลวงพ่อรับแขกที่ศาลานวราชบพิตร) มีโยมคนหนึ่ง จำได้ว่าคือคุณอภิชาติ สุขุม เป็นคนที่เคารพหลวงตา พอออกจากหลวงพ่อก็ดิ่งมาหาหลวงตา พอแกมาถึงประตู แกเห็นก็ดีใจ ร้องว่า “หลวงพี่อยู่...หลวงพี่อยู่” พอเข้ามานั่งคุกเข่ากราบได้ครั้งเดียว แกก็ควักใบละ ๕๐๐ มาใบหนึ่ง ๕๐๐ บาทสมัยเมื่อหลวงตาอายุ ๓๑ ปี (ตอนนี้ ๗๓ ปี) ตอนนั้นก็เยอะนะ บอกว่า “ขอทำบุญถวายหลวงพี่เป็นส่วนตัว” ยกมือไหว้แล้วยื่นมือมา

ตอนนั้นหลวงตากำลังรวบรวมสตางค์ที่จะซื้อวิทยุสื่อสาร เพื่อใช้งานกันในวัดตอนนั้น เขาเรียก ว.ถ. จะถวายหลวงพี่สุรจิตบ้าง ใครบ้าง พอเห็นสตางค์ ๕๐๐ บาทก็ “โอ้โห..ได้อีก ๕๐๐ แล้วเว้ย”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-01-2015 เมื่อ 12:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-01-2015, 21:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,770 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก็ยื่นมือจะไปรับ เสียงพระคุณครู พระคุณพ่อของเรานี่แหละ ดังมาจากไหนไม่รู้ ? เข้ามาทางข้างหลังหลวงตานี่แหละ (ด้านหลังศีรษะ) ไพเราะมาก “ไอ้สัตว์นรก..! เอามือกลับมาเดี๋ยวนี้นะ” หลวงตาก็ใจเสีย ตกใจ นึกถามสวนไปในเสียงนั้นว่า “ผมเลวขนาดนั้นเชียวหรือพ่อ ?”

ท่านบอก “เออ..ให้ระวังไว้ แกลองตอบคำถามฉันสิ ว่าคนที่เขาไปไหว้ข้าข้างบน เขาไหว้ด้วยการตั้ง นะโมฯ ถึงสรณคมน์ มีศีล ๕ บริสุทธิ์ แล้วถวายสังฆทานถวายส่วนตัวกับข้านี่ เขาถวายมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ใจเขาอิ่มเอิบเบิกบานออกมา แล้วเขาก็ฟังข้าเทศน์เรื่องความตาย ยึดมั่นอารมณ์พระโสดาบันอย่างน้อยไว้เป็นอารมณ์ แล้วก็เดินลงมาหาแก มาหาพระสงฆ์รูปหนึ่ง น้ำใจของพระอริยะขนาดนั้น ถ้าใครก็ตาม ถึงสรณคมน์เป็นสรณะ ปรารถนาพระนิพพาน มีศีลบริสุทธิ์ เริ่มเบื่อหน่ายร่างกายตามสมควร นั่นคือน้ำใจของพระโสดาบันเป็นอย่างน้อย แล้วพระอริยะระดับนี้ เขาเต็มอิ่มมา เขาควักสตางค์คิดว่าแกเป็นเนื้อนาบุญ ยื่นเข้ามา แกจะไปรับนี่ อารมณ์ของแกเท่าเขาไหม ?”

บางคนอาจจะเถียงว่าเท่า แต่ขอถามว่าเขากำลังอิ่มด้วยศีล ของเราศีล ๒๒๗ เราคิดทันไหม ? ตอนนั้นมัวแต่ดีใจ “๕๐๐ เว้ย” ตอนนั้นอารมณ์ตกไปแล้ว จึงกำหนดใจถามท่านว่า “แล้วจะทำอย่างไรละครับ ?” เสียงท่านบอกว่า “เอ้า..แกตั้งอารมณ์ใหม่ แล้วก็บอกเขาไปด้วย”

อาจารย์เล็กนี่จะชำนาญมโนมยิทธิ หลวงตาก็พยายามเรียน ก็บอกให้ลูกหลานทราบว่า พอหลวงพ่อบอกว่า “แกบอกเขาไปด้วย” เหมือนอย่างกับว่า ครูท่านจะเข้ามาในหัวเรา เข้ามาในเครื่องแปลงเอกสารในสมองเรานะ ในสัญญา ในสังขารเรา พอเราเข้าใจ เราก็ต้องพูดออกไปให้เขาฟังด้วย เหมือนกับว่าเป็นคำพูดของเรา ธรรมะของเรา แต่จริง ๆ ไม่ใช่ เป็นของครูบาอาจารย์ นี่เป็นเหตุให้คนหลงเคารพหลวงตา โดยคิดว่าเป็นของหลวงตาเอง แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่นะ แค่แปลเร็วทันใจเท่านั้นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-01-2015 เมื่อ 12:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 20-01-2015, 12:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,770 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงตาก็บอกว่า “คุณอภิชาติ..ก่อนที่คุณจะลงมานี่ วางกำลังใจอย่างนี้ใช่ไหม ? มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ มีศีล ๕ บริสุทธิ์ แล้วปรารถนาพระนิพพานเป็นอารมณ์ เริ่มเบื่อหน่ายร่างกายใช่ไหม ?” เขาก็ตอบว่า “ใช่ครับ” ก็บอกต่อไปว่า “คุณอภิชาติ..อารมณ์พวกนี้นะ เป็นอารมณ์พระโสดาบัน ถ้าระหว่างทางคุณอภิชาติไปเห็นไส้เดือนตายตัวหนึ่ง กบตายตัวหนึ่ง หรือหมาตายข้างถนน เกิดอารมณ์เบื่อหน่ายร่างกายตัวเอง เท่าพระอนาคามี อารมณ์ยิ่งละเอียดใหญ่ ถ้าหากทานระดับนี้ยื่นเข้ามา พระสงฆ์เอื้อมมือไปแตะโดยอารมณ์ไม่เท่าคุณ ก็ตีลังกาลงนรกทันที

คุณอภิชาติ..หลวงตาขอตั้งจิตนิดหนึ่ง หลวงตาบวชเข้ามาก็ตั้งใจจะไปพระนิพพาน พยายามรักษาศีลให้บริสุทธิ์ตามภาวะของตัว เริ่มเบื่อหน่ายร่างกายแล้วปรารถนาพระนิพพาน ชีวิตนี้ก่อนตายก็จะขอรับใช้ธรรมทานจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แล้วถ้าไปพระนิพพานได้ก็จะไปในชาตินี้ เอ้า..ส่งมาได้”
แล้วค่อยรับสตางค์เขา ใช่ไหม ?

แล้วหลวงพ่อท่านก็บอกว่า “บอกเขาด้วยว่า ต่อไปข้างหน้าถ้าเจอพระไม่ดี หรือที่เราระแวงสงสัย ไม่ต้องไปด่าไปว่า ไม่ต้องไปกลั่นแกล้งเขาให้เสียหาย ให้เขาตั้งใจในอารมณ์พระนิพพานให้แน่วแน่ผ่องใส แล้วก็เพ่งไปเลยว่า พระรูปนี้ต่อไปข้างหน้าต้องเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในโลก เป็นเนื้อนาบุญชั้นดี ต้องเข้าพระนิพพานได้ ด้วยสัจจะวาจาที่เราคิดอย่างนี้ ขอถวายทานกับพระอรหันต์ในอนาคตหรือปัจจุบันก็ตาม แล้วส่งเข้าไป ถ้าท่านตั้งอารมณ์ไม่ทัน ท่านก็ตกนรกไปเอง ไม่ต้องไปแกล้งใคร” จำไว้นะโยม..ไม่ต้องไปทำร้ายใครนะลูก ไม่ต้องไปว่าร้ายพระสงฆ์ ไม่ต้องไปว่าร้ายฆราวาสทั้งหลาย

แล้วหลวงพ่อท่านก็สอนต่อว่า “แกจำไว้นะ..คนที่นั่งอยู่ทุกคน ที่แกเห็นหน้าตั้งแต่เกิดมายันแกตาย ทั้งไส้เดือน กิ้งกือ หมาตัวผู้ตัวเมีย จะกาจะไก่อะไรก็ตาม เขามีจิตดวงหนึ่งซึ่งเกิดมานานแล้ว บังเอิญพลาดพลั้งมาได้ร่างเดรัจฉาน หรือได้ร่างคนทุพพลภาพ แต่ดวงจิตทุกดวงที่เกิดมานี่ มุ่งเหมือนกัน คือต้องการจะละเว้นความชั่วด้วยประการทั้งปวง ถ้าสังโยชน์ ๑๐ เขาหมดเมื่อไร ต้องการจะทำความดีให้ถึงพร้อม ถ้าบารมี ๑๐ เต็มเมื่อไรก็ผ่องใส ดวงจิตดวงนั้นก็เข้าสู่พระนิพพาน แม้ไม่อยากเข้าก็ต้องเข้า เพราะเชื้อหมดแล้ว เข้าใน ๓ ทาง คือ ๑. เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ตั้งพระศาสนา ๒. เป็นพุทธสาวก พระอรหันต์ผู้สืบพระศาสนา ๓. ดวงกลางคือพระปัจเจกพุทธเจ้า”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-01-2015 เมื่อ 13:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 20-01-2015, 12:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,770 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น..ลูกทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี้ โยมทุกคน ยุงทุกตัว คนที่นั่งรถไฟฟ้าทุกคน ต่อให้เขาเมาอย่างไรก็ตาม ต่อไปข้างหน้า..ดวงจิตดวงนั้นต้องเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในโลก แล้วท่านก็บอกว่า “เวลาเห็นโยมทั้งหลาย เห็นหมา เห็นแมว ให้เห็นด้วยไตรลักษณญาณ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ถ้าคนไหนวิบากกรรมยาว ก็สระอายาวหน่อย อนัตตาเสียงยาวหน่อย พอตาตัวสุดท้าย คือร่างกายจะสลายไป ไม่มีเชื้อของขันธ์ ๕ เหลือ เมื่อนั้นจิตดวงนั้นก็คือพระวิสุทธิเทพ ให้เห็นรูปพระวิสุทธิเทพที่เราบูชา ที่หลวงพ่อหรือว่าท่านอาจารย์หล่อกันนี่แหละ เห็นปะอยู่ที่หัวเขา หัวหมาตัวนั้นนะ หรือให้ขี่หลังหมาก็ได้ ลอยอยู่เหนือตัวเขานั่น เมื่ออนัตตาตัวสุดท้ายแล้ว จิตเขาต้องเป็นพระวิสุทธิเทพองค์หนึ่ง ให้โมทนาในจิตหลังกระแสอันนั้น

ต่อไปนี้แกอย่าไปทำร้ายใคร อย่าไปคิดร้ายต่อใคร ถ้าเห็นคน ๆ หนึ่ง หรือหมาตัวหนึ่ง เลวทรามต่ำช้าโดยสภาพของโลก ก็คิดว่า โถ..อนาคตพระอรหันต์หนอ.. อุตส่าห์แกล้งเลวเสียเหมือนเลย อุตส่าห์เมตตามาสั่งสอนว่าเป็นความเลว ไม่น่าเอาอย่าง ขอบุญอะไรที่เกล้ากระหม่อมฉันมี ที่ผมมี ที่ฉันมี จงเป็นเครื่องสักการะส่งเสริม ให้เขาเข้าพระนิพพานให้รู้แล้วรู้รอดไป อย่าได้ขวางทางคนดีเขาเลย”
เป็นพระอรหันต์แล้วเขาไม่ทำร้ายคน ขอให้ท่านไปพระนิพพานก่อนเรานะ

จำไว้ว่า ถ้าหากเราส่งเสริมอนาคตพระอรหันต์องค์หนึ่งให้มีความสุขไม่ได้ ก็อย่าบังอาจไปทำร้ายความดีของเขา ไปขวางทางอนาคตพระอรหันต์องค์นั้นเป็นอันขาด จะเกิดโทษกับเราเอง

เมื่อเป็นอย่างนี้ ลูกหลานทุกคนรวมทั้งหลวงตาด้วย ก็จะเข้าใจคำว่า "เป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มีภัย ไม่มีศัตรู มีแต่สรณคมน์เฉพาะหน้าอย่างเดียว มีแต่พระนิพพานอย่างเดียว" ส่วนเรื่องที่เราเห็น เป็นเพียงกฎธรรมดาของวัฏสงสาร อย่าเผลอสติไปเล่นเกมส์กับเขานะ เราเป็นคนข้างบน ก็ขอฝากไว้แค่นี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2015 เมื่อ 12:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 20-01-2015, 12:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,770 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล็ก : กราบขอบพระคุณหลวงตาที่เมตตาให้ข้อคิด ในส่วนที่หลวงตาได้จากพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่านซุงมากที่สุด คือการได้ถวายการรับใช้ใกล้ชิด หลวงตาท่านเป็นผู้ชายคนเดียว ที่รับใช้อยู่ข้างหลวงพ่อวัดท่าซุงได้นานที่สุด คือ ๘ ปีกว่า อาตมาได้แค่ประมาณ ๓ ปีเท่านั้น นอกนั้นถวายการรับใช้ได้คนละเล็กคนละน้อยก็บวชกันหมด

ในระหว่างที่ถวายการรับใช้พระเดชพระคุณหลวงพ่ออยู่นี้ ทุกครั้งที่พระท่านเมตตาสงเคราะห์พระเดชพระคุณหลวงพ่อลงมา ไอ้ตัวกะเปี๊ยกที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลอยได้รับไปด้วย และทำให้ทั้งหลวงตาและอาตมาเอง บางทีสามารถบอกได้เลยว่าโยมถามอย่างนี้ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจะตอบว่าอย่างไร เพราะกระแสของพระที่ท่านคลุมลงมาคือในส่วนที่เราพลอยได้รับไปด้วย

ตรงนี้เป็นประโยชน์สูงสุดที่อาตมาเห็นว่า บุคคลที่ในถวายการรับใช้ใกล้ชิดครูบาอาจารย์ควรจะได้รับมากที่สุด แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านอื่นได้ประโยชน์ตรงนี้แค่ไหน ? แต่ว่าเรา ๒ คนได้
ตรงจุดนี้จนกระทั่งอยากจะบอกว่า ชีวิตนี้ที่มอบถวายให้กับพระรัตนตรัยนั้น เกิดจากการสงเคราะห์ของพระและพระเดชพระคุณหลวงพ่อในส่วนนี้เกือบทั้งหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2015 เมื่อ 12:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 21-01-2015, 11:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,770 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงตา : หลวงตาก็เลยเดี่ยวไมโครโฟน ตอนนี้เดี่ยวคู่นะ ทีแรกตอนบ่ายหลวงตามีธุระจริง ๆ นะลูกนะ เป็นความลับ บอกไม่ได้ ก็เลยทำให้แผนการเปลี่ยนไป แต่เอาเสียตอนนี้แหละ กินข้าวช้าไปหน่อยก็ไม่เป็นไรนะ

ที่ซอยสายลมครั้งหนึ่ง ระหว่างที่หลวงพ่อท่านรับแขก เราจะนั่งอยู่ข้าง ๆ ฆราวาสนั่งก่อนนะ แล้วเป็นพระ สักพรรษาเดียวพระก็ถูกห้ามไม่ให้ตามไปแล้ว อันนั้นก็เป็นวิบากกรรมที่ยอมรับ ตอนหลวงพ่อนั่งคุยอยู่ เราก็สังเกต ใจเราก็แวบ ๆ พอเขาถามปุ๊บ เราก็อือ ๆ เราเข้าใจว่าเรารู้นะ แล้วหลวงพ่อก็ตอบตามนั้น เราก็คิดว่า “กูทิพยจักขุญาณเท่าหลวงพ่อหรือเปล่าวะนี่ ?” ทะลึ่งขนาดนั้นนะ เป็นความเข้าใจผิด

พอคุยไปคุยมา คล้ายจะรู้ไปเลยว่าตอนบ่ายจะมีคนถามอย่างนี้ ถ้าถามอย่างนี้หลวงพ่อจะตอบอย่างนี้ โอ้โห..เรานี่สติสัมปชัญญะอ่อน แต่ว่าคิดว่าแข็ง เข้าใจว่าเรานี้มีญาณหยั่งรู้นะ ใจพองไปหลายวัน เวลาเตือนนี่หลวงพ่อท่านทำเสียงกระแอม ตอนฉันน้ำนะ มีเสียงลอดใต้แก้วมา “ไอ้สันดาน..!” อะไรอย่างนี้นะ คือท่านจะเตือนขนาดนี้นะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2015 เมื่อ 14:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 120 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 21-01-2015, 11:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,770 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล็ก : ขออนุญาต....

หลวงตา : เดี๋ยว ๆ เดี๋ยวก่อน..เดี๋ยวลืม คือท่านจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเลยนะ บางทีข้ามวันไปเลยนะ ก็ถามหลวงพ่อในใจ “พ่อครับ อันนี้ทำอย่างไร ? ผมดูเหมือนอิ่มใจแต่รู้สึกเสียว ๆ หัวอย่างไรไม่รู้ ?” ท่านบอก “เออ..ไอ้คนระยำ เข้าใจว่าเป็นความรู้ของตัวเอง หารู้ไม่ว่าดวงจิตของโยมทั้งหลายที่มาประชุมกัน มีเกณฑ์ความดีความเลวเฉลี่ยออกมาเป็นค่าที่ตั้งไว้ในโลก พระและพรหมเทวดาท่านรู้ว่า ความเลวอะไรควรจะสอนให้เบื่อหน่าย ความดีอะไรควรจะพูดให้มั่นคงผ่องใส กระแสอันนั้นจะตรงเหมือนเงากับตัว”

ถ้าใครก็ตามที่นั่งอยู่ในนี้ มีดวงจิตซึ่งเข้าอารมณ์พระโสดาบันเป็นอย่างน้อย ก็จะเหมือนกระจกอย่างไรละลูก..นึกออกไหม ? ท่านแชตลงมานะ ส่งสติ๊กเกอร์ ส่งคำพูดลงมา ใส่หลวงพ่อ ใส่กระแสกรรม ถ้าใครก็ตามผ่องใสแล้วออนไลน์ไว้นะ ก็เป็นกระจก


พระอาจารย์เล็ก : เป็นไลน์กลุ่มนะ

หลวงตา : เป็นกระจก ภาพที่ปรากฏในใจของหลวงพ่อ ก็มาปรากฏบนหัวกบาลเราด้วย เข้าใจไหมลูก ? ถึงเวลาเราก็ขนลุก "ใช่ ๆ" หลวงพ่อพูดตามปกติของท่านนั่นแหละ เราก็พลอยหลงไปตาม “โอย..กูรู้” ที่แท้กระจกของเราบังเอิญใส เข้าใจไหมลูก ? ก็เป็นเหตุให้เราทั้งสองคน แล้วก็หลาย ๆ คน เรียนรู้มโนมยิทธิกับทิพจักขุญาณในการตอบปัญหาจากพระคุณครูใหญ่ของเรา โดยที่เหมือนกับไม่ใช่สอน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2015 เมื่อ 14:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 122 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 21-01-2015, 11:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,770 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล็ก : ต้องบอกว่าฝึกจากของจริงที่ท่านให้มา แต่ว่าหลวงพ่อเวลาตีพวกเรานี่ท่านไม่เลี้ยงเลย โดนแต่ละทีต่อหน้าประชาชีชนิดแทบจะมุดดินหนีลงไปตรงนั้น แล้วบางทีสิ่งที่ท่านตีมาก็กลายเป็นว่า "ทำไมโดนเราคนเดียว ?"

อาตมาเองออกกิจนิมนต์ครั้งแรก ด้วยความที่ว่าสวดมนต์ได้ตั้งแต่เป็นนาค ออกกิจนิมนต์ครั้งแรกได้รับสังฆทาน ได้รับปัจจัยมา ก็ตั้งใจว่า..นี่เป็นครั้งแรกที่เราออกกิจนิมนต์ในความเป็นพระ ก็ขอเอาไปถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่าน เพื่อเป็นการบูชาพระคุณครู เดินขึ้นศาลานวราชบพิตรด้วยความมั่นใจมากเลย งานนี้เหมือนอย่างกับว่า เราไปได้สิ่งที่เกิดจากศรัทธาของญาติโยมมา ขอถวายบูชาท่าน

เดินขึ้นบันไดขึ้นมา อาตมาเดินลุยเข้าไปตรงกลาง เชื่อไหมว่าหลวงตาวัชรชัยท่านยืนจำหน่ายวัตถุมงคลอยู่ ท่านมองตามเลย “ไอ้นี่โดนแน่..!” หลวงตาท่านโดนมาเยอะแล้ว ท่านอ่านเกมส์ขาดเลย อวยพรตามหลังไปเลยว่า "ไอ้นี่โดนแน่..!" พอเดินเข้าไปถึงถวายหลวงพ่อท่านก็ “เออ..ไอ้หนูได้มาจากไหนหว่า ?” กราบเรียนว่า “ไปออกกิจนิมนต์ได้มาครับ จึงเอามาถวายหลวงพ่อ” ท่านว่า “ดี ๆ ลูก” แล้วท่านก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม เสียงที่ลอดใต้แก้วมานะสิ “โคตรแม่มึงดูด้วยนะ..จะเหยียบชาวบ้านเขาคอหักตายอยู่แล้ว
..!

เสียงท่านเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ ดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด แต่คนอื่นไม่ได้ยินสักคน..แปลกมาก เป็นเสียงที่เข้ามาในใจตรง ๆ เลย ท่านประสิทธิ์บวชอยู่รุ่นเดียวกัน ซึ่งตอนนี้เป็นทิดไปแล้ว เดินตามหลังมา เอาของมาถวายหลวงพ่อเหมือนกัน พอถวายเสร็จสรรพออกมาถามว่า “หลวงพ่อให้พรอะไรหลวงพี่..ตั้งยาว” พรนี้กูโดนเต็ม ๆ..! นี่คือลักษณะที่หลวงพ่อท่านตีชนิดไม่เลี้ยงเลย

สำหรับหลวงพ่อท่าน ถ้าเห็นว่าเราสมควรจะได้อะไร ท่านจะใส่ไม่ยั้งเลย ถ้าได้ก็คือคุณได้ไปเลย ถ้าไม่ได้..รู้จักไปทบทวนใหม่ เราจะได้ประโยชน์ทีหลังอีกมาก ไม่มีการที่จะมานั่งโอ๋ให้เสียเวลา ถึงเวลาญาติโยมไปหา คนโน้นก็ลูก คนนี้ก็ลูก อาตมาเคยไปนั่งน้อยใจว่า "
แล้วไอ้ที่ดู ๆ มานี่กูใช่หรือเปล่าวะ ? ทำไมกูโดนด่าอย่างเดียวเลย" ก็คือลักษณะอย่างนี้ หลวงตาท่านโดนมาก่อน

มาระยะหลัง พออาตมาบวชตามเข้าไป ด้วยความที่ว่าเห็นหลวงตาท่านเป็นแบบอย่าง (ไอดอล) พยายามที่จะทำตาม แล้วมีอะไรก็สอบถาม ถึงได้บอกว่าหลวงตาเท่ากับเป็นครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง คอยแก้ข้อสงสัยต่าง ๆ ที่ติดขัดในการปฏิบัติ อาตมายืนยันว่าที่เป็นผู้เป็นคนมานี่ ถ้าโดนพ่อทุบมา ก็จะมีพี่คอยปลอบอยู่เสมอ ไม่อย่างนั้นน่วมแน่ ๆ เลย คาดว่าคงสึกหาลาเพศไปนานแล้ว นี่คือลักษณะลีลาที่หลวงตาท่านประคับประคองน้อง ๆ มาโดยตลอด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-01-2015 เมื่อ 09:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 117 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 21-01-2015, 12:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,770 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงตา : ถ้าจะมีการแนะนำหรือสอนกัน ก็คือเล่าเรื่องที่หลวงตาโดนมาให้น้อง ๆ ฟัง ว่าต่อไปถ้าพวกแกโดนอย่าแปลกใจ สิ่งหลวงตาโดนจะเป็นเรื่องเลวจริง ๆ ทั้งนั้นนะ มีอยู่ครั้งหนึ่ง..นั่งอยู่กับท่านเวลารับแขก เวลาเขาถวายสตางค์ท่าน หลวงตาก็รับซองของท่าน ถ้าส่วนตัวของตัวเองก็ใส่กระเป๋า ถ้าสังฆทานก็ใส่ขัน แล้วเอาวัตถุมงคลแจกแทน เพราะว่าหลัง ๆ มาหลวงพ่อท่านจะเหนื่อย

ท่านนั่งอยู่ตรงกลางนี่ พวกไอ้ขวัญ (เยาวลักษณ์ มิตรศรัทธา) พวกคนรุ่นเก่าก็ดี เขามาก็จะเตรียมซองมาถวายหลวงตาด้วย ถวายสังฆทานหลวงพ่อแล้วถวายหลวงตา วันนั้น..อีหนูชื่ออะไรไม่รู้..สนิทกัน เขาเข้ามา เราก็นึกในใจ “เฮ้ย..มีแค่ซองเดียวว่ะ” เขาไม่มีซองให้เรานี่ แล้วเขาไม่มองหลวงตาด้วยนะ ถวายหลวงพ่อเสร็จแล้วก็หันหลังไปเลย เราก็กำลังรวบรวมความโลภอย่างแรง แล้วนึกเสียดาย “อะไรวะ ?” ก็คนมันเลวนะ ก็คิดหาเหตุจะเข้าข้างตัวเองตลอด

ที่แท้อีหนูเขาเห็นเราแล้ว แต่เขาก็รู้สึกเสียใจว่าไม่ได้เตรียมมา ไม่นึกว่าเราจะเข้าเวรตอนนั้นพอดี เขาก็ไปเอาซองมาแล้วก็เดินเลี่ยง ๆ เข้ามา มาถวายเรา เราก็ดีใจ “เฮ้ย..มาแล้วเว้ย” พอหลวงตาได้ซองมา หลวงตาก็เม้มซองดูว่าแบงค์อะไร ขอโทษนะลูกนะ..อวดความเลวนะ ทำให้ร้อนขนาดนั้น หลวงพ่อก็กระแอม “อะแฮ่ม..ระยำ..!” โดนมาก่อนแล้วก็มาเล่าให้ท่านเล็กฟังทุกทีแหละ

วันนั้นหลวงตาก็เสียใจ เสียใจมาก ๆ ตอนบ่าย โยมสงวน (สงวน จิตตาลาน) ก็นั่งรถเข็นมา คุณโยมก็ถามว่า “หลวงพ่อเจ้าคะ ตอนนี้หลวงพ่อทำอะไรบ้าง ?” ท่านก็บอก “ก็ทำที่เห็น ๆ อยู่นี่แหละ” พ่อนี่ไม่มีทางที่จะไปฉกฉวยศรัทธาลูก ๆ เลย “ดิฉันอยากจะทำบุญ มีสตางค์เหลืออยู่ หลวงพ่อกำลังสร้างอะไร ?” หลวงพ่อบอกว่า “ก็สร้างทุกอย่างนั่นแหละ” “ได้ข่าวว่าเครื่องเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาลหลวงพ่อกำลังรับบริจาคอยู่หรือคะ ?” เขาจ่ายเต็มไปแล้ว หลวงพ่อก็ไม่เอา ท่านก็บอกว่า “เขาช่วย ๆ กันมา”

โยมก็ถามต่อว่า “หลวงพ่อ..บอกมาเลยว่าเครื่องละเท่าไร ?” หลวงพ่อถึงได้บอกว่า "เครื่องละแปดแสน" เขาเขียนเช็คแปดแสนบาทถวายหลวงพ่อ หลวงตาก็ “แหม..ถ้าเราได้สักครึ่งหนึ่งละก็นะ” ตอนที่จะสร้างพระปัจเจกพุทธเจ้าอย่างไรล่ะ คิดว่าถ้าได้ครึ่งหนึ่งนี่ซื้อทองคำได้เยอะเลย เอาอีกแล้ว..ท่านดื่มน้ำแล้วเสียงมา “ระยำ..!” ทีนี้มีโยม
อีกคนหนึ่งเอาสตางค์สด ๆ มาถวายอีกห้าแสน วันนั้นไฟนรกเผาแล้ว บอกอย่างไม่อายเลยนะลูกหลานนะ

ตอนกลางคืนพ่อว่าง จึงไปพักที่บ้านบางโพ (บ้านคุณฉวีวรรณ สรรพกิจ) ก็เข้าไปกราบเท้าท่าน กราบเรียนว่า “หลวงพ่อช่วยผมด้วย ผมตกนรกแล้ว” ท่านก็ว่า “อะไรวะ ?” หลวงตาก็ตอบท่านไปว่า “ผมอิจฉาหลวงพ่อ ผมอยากได้ลาภอย่างที่หลวงพ่อได้” พ่อก็ถามว่า “เอาไปทำไมล่ะ ?” กราบเรียนไปว่า “เอาไปสร้างพระครับ” เล่าให้ท่านฟัง พ่อท่านก็ตอบว่า “เออ..คุณนี่คิดเกินตาย จำไว้นะว่า..ให้คิดถึงความตายอยู่ตลอด ว่าวันนี้เราอาจจะตายได้ ได้มาแปดแสนก็ตาย ได้มาแปดบาทก็ตาย สร้างพระเสร็จก็ตาย สร้างไม่เสร็จก็ตาย จะไปเอาอะไรไปได้ เอาใจเข้าถึงกระแสพระนิพพานดีกว่า”

แล้วท่านก็หัวเราะ “เออ ๆ ถ้ามึงกล้าอย่างนี้ มึงรอดตัว” คือไม่หมกความเลวไว้..ใช่ไหม ? ท่านก็บอกว่า “ข้าก็เคยเป็น..แต่ข้าจะตัดโดยความตาย” จำไว้นะลูกนะ ถ้าอารมณ์เลวหรืออะไรเกาะใจเรา ให้คิดว่า ถ้าเราตายวันนี้ เรื่องจะเป็นอย่างไร เราจะเอาอะไรไปพระนิพพานได้ นี่ก็เล่าให้ท่านเล็กฟังทุกที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2015 เมื่อ 14:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 118 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 22-01-2015, 11:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,770 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล็ก : นี่เป็นลีลาหนึ่งของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ถ้าเรารู้ผิดแล้วเข้าไปสารภาพโดยดี ท่านจะประคับประคองและแนะนำหนทางที่ถูกให้ แต่ถ้าพวกเราคิดว่า“งานนี้กูถูก” รับประกันได้เลย โดนทุบจมดิน ๓ วาแน่นอน..! เพราะฉะนั้น..เวลาที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเข้าไปในโบสถ์ ถ้าท่านมองหน้า พระทุกรูปจะสำรวมมาก ก้มหน้าดูพื้นกันหมด ไม่มีใครกล้าเงยหน้าเลย

หลวงตา : เพิ่มเติมนิดหนึ่ง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ย้ายการปวารณาพรรษาไปที่ ๒ ไร่ พ่อก็นั่งอยู่ข้างหน้า ตอนแรกก็หน้าผ่องใส ตัวนวลเชียวนะ องค์ปัจจุบันลงนะ สวยมาก พูดก็เพราะ พระก็ไปนั่งกันข้างหน้า อยากใกล้ท่านให้มากที่สุด โอ้โห..หลวงพี่ชัยศรีกับเรานี่จะรู้ทาง เล็กนี่ก็รู้ด้วย สักประเดี๋ยวหลวงพ่อท่านกราบพระ..ครั้งแรกนี่ตัวดำปี๋เลย

พระอาจารย์เล็ก : ท่านหันไปกราบท่านี้นะ (เอี้ยวตัวไปกราบพระด้านหลัง)

หลวงตา : ดำทั้งตัวทั้งแขน กูเลี่ยงเลย หลบมาแถวสองเลย ให้คนข้างหน้าบังไว้ คนข้างหน้าไม่รู้เรื่อง พอกราบครั้งที่สองครั้งที่สามดำทั้งตัวเลยทีนี้ แล้วท่านก็พูดเสียงเข้มเลย “เออ..พระฟังนะ ไอ้พวกระยำทั้งหลายมันคิดอย่างนี้” โอ้โห..ยาวสัก ๑๐ นาที คนข้างหน้านั่งมองพื้นหมดเลย เรานั่งข้างหลังนี่..เวลาท่านมองก็หลบหลังคนหน้าไว้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2015 เมื่อ 11:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 100 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 22-01-2015, 11:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,770 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล็ก : ท่านนั่งโซฟายาวอยู่แล้วหันไปกราบพระด้านหลังซึ่งเป็นพระประธาน คือก่อนประชุมท่านจะไหว้พระก่อน ท่านจะเอี้ยวหลังกลับไปกราบ พอหันกลับมานี่ดำไปครึ่งหนึ่งแล้ว บรรดาพี่ ๆ น้อง ๆ ที่ไม่รู้ลีลาก็เป็นอันว่าคุณรับไปเต็ม ๆ ก็แล้วกัน พวกนกรู้นี่เผ่นไปอยู่ท้ายแถวกันหมด

แล้วบางทีท่านก็ต้องด่าฝาก คือลักษณะว่าถ้าด่าคนอื่นตรง ๆ คงไปไม่รอด เขาคงขาดใจตายแน่นอน ก็จะด่าหลวงตาบ้าง ด่าอาตมาบ้าง จนคนอื่นรู้สึกว่าไอ้สองคนนี้โดน ไม่ใช่ตัวเอง นั่นแหละ..เดี๋ยวจะเลี้ยวกลับมา นี่เป็นลีลาหนึ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเมตตาสั่งสอน ต้องบอกว่า “ทุบ” พวกเรามา จนกระทั่งอาตมาต้องไปนั่งเขียนกลอนที่ว่า “มีดดีต้องตี เหล็กดีต้องทุบ” ลักษณะอย่างนั้น

ในส่วนที่ท่านให้กับพวกเรา ต้องบอกว่าเป็นทั้งหลักธรรม เป็นทั้งแบบอย่าง เป็นลีลาในการปกครองและสั่งสอนลูกศิษย์ ซึ่งขอย้ำว่า ในส่วนของพระผู้ใหญ่ที่ท่านสอนเรา ท่านไม่ได้สอนด้วยคำพูดอย่างเดียว แต่การกระทำของท่านทุกอย่าง เป็นตัวอย่างให้เราลอกเลียนแบบได้ แต่เนื่องจากว่าการที่หลวงตาก็ดี อาตมาก็ดี ลอกเลียนแบบใกล้ชิดจนเกินไป ก็มีบางท่านที่ไม่ชอบใจ แล้วก็ไปกล่าวหา จนกระทั่งมีการประชุมสงฆ์เพื่อที่จะตำหนิข้อประพฤติตรงนี้ ซึ่งอาตมายังจำได้แม่นที่สุด ที่หลวงตาท่านแก้ข้อกล่าวหาว่า “ก็ในเมื่อกูเป็นลูกช้างก็ต้องขี้ตามพ่อช้าง ให้กูขี้แบบหมาไม่ได้” นี่คือลักษณะที่ว่าหลวงพ่อท่านเมตตาสั่งสอนพวกเรามา

ในสิ่งที่ได้มาในชีวิตนี้ ต้องบอกว่าชีวิตทั้งชีวิตก็เกิดจากการปลุกปั้นของท่าน พ่อแม่ให้ร่างกาย ให้เลือดเนื้อเรามา แต่ในส่วนของจิตวิญญาณ เกิดจากการเมตตาช่วยแนะนำ ขัดเกลา สั่งสอนพวกเรา จนกระทั่งมานั่งอยู่ตรงจุดนี้ แม้ว่าความดีไม่ได้หนึ่งในล้านของหลวงพ่อท่านก็ตาม แต่จะพยายามรักษาปฏิปทาและแนวทางการปฏิบัติที่ท่านเมตตาสั่งสอนและแนะนำพวกเรามา

หลวงตาจะเปรียบไว้ว่าพวกเราต้องเป็นหัวรถจักร ถึงเวลาถ้าเขาเอาตู้มาเกี่ยว อย่างไรเราก็ต้องลากเขาไป ฉะนั้น..ญาติโยมโปรดอย่าเกี่ยวมาก เพราะหลวงตาท่านสุขภาพไม่ค่อยดีแล้ว หรือไม่ก็ไปเกี่ยวหลวงตาท่านมาก ๆ หน่อยก็แล้วกัน อาตมาจะได้เบาลงนิดหนึ่ง

ฉะนั้น..ทั้งหลายทั้งปวงที่หลวงตาท่านเมตตามาสงเคราะห์ตรงนี้ ก็เพราะได้เห็นว่า พวกเราทั้งหมดที่ปฏิบัติตามแนวปฏิปทาที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสอนมา โดยเฉพาะในส่วนของความกตัญญูกตเวที ซึ่งเมื่อครู่นี้สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยท่านก็ยังชื่นชม ท่านบอกว่า “ถ้าเรารักษาความกตัญญูกตเวทีลักษณะอย่างนี้ได้ พร้อมกับตั้งใจรักษากรรมบถ ๑๐ ได้ ท่านยืนยันว่าท่านสงเคราะห์ให้ได้ ถ้าใครไปพระนิพพานชาตินี้ไม่ได้ ถึงสมัยของท่าน ท่านรับอาสาพาไปเอง”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2015 เมื่อ 15:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 97 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 22-01-2015, 11:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,770 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงตา : เมื่อครู่อาจารย์เล็กไล่หลวงตาไปพัก เดี๋ยวจะไปแล้ว ก่อนจะไปก็ขอกล่าวถึงพระคุณครู คือพ่อของเรา ซึ่งขอกล่าวแทนลูก ๆ ทุกคน ญาติโยมทุกคนว่า ที่วัดเขาวง หลวงตาจะสร้างวัดแบบให้มีแต่ธรรมชาติ เหมือนกับสร้างที่ให้พระคุณพ่อท่านไปดูงาน ไปพักผ่อน ตรงนั้นก็จะเป็นจุดที่หลวงตาสร้างรูปหลวงพ่อซึ่งนั่งบนก่อนก้อนหินนะ นั่งอิริยาบถสบาย

พระอาจารย์เล็ก : รูปนั้นหลวงพ่อนั่งที่บ้านคุณประชา สิกขวานิช ที่บางนา นั่งบนม้าหินยาว ๆ แต่คราวนี้หลวงตาท่านอาศัยคอมพิวเตอร์ตัดออกมา แล้วไปใส่บนก้อนหินตามความชอบใจของท่าน

หลวงตา : หลวงตาก็นึกกลอนได้กลอนหนึ่ง เขียนแก้ไม่ได้เลยนะ จะเติมจะตัดไม่ได้เลย เขียนถึงพ่อ เขียนแล้วก็นั่งร้องไห้ ทุกวันนี้ถือว่ารูปภาพนั้นคือกลอนจากใจของพวกเราทุกคนวันนี้ว่า หลวงพ่อท่านเหน็ดเหนื่อยเพื่อเรามานาน บัดนี้ท่านพักแล้ว เหลือเรากระโดกกระเดกตามท่านไป กลอนอันนั้นมาจากใจพวกเราทั้งหลายว่า

พ่อเอย... พ่อนั่งพัก
พ่อเหนื่อยมานานนัก สิบหกอสงไขย
พ่อนำลูก เดินทางมายาวไกล
พ่อถึงหลักชัย ลูกจะทยอยติดตาม
ถ้าทำเพื่อตนเอง พ่อจบไปนานแล้ว
แต่พ่อแก้ว ทำเผื่อลูกน้อยที่ตามหลัง
ลูกซาบซึ้งน้ำใจ... พ่อเอยพ่อจงฟัง
ต่อนี้ไปลูกจะทำบ้าง พ่อเอย..พ่อนั่งดู

พระอาจารย์เล็ก : ตรงนี้ผมไม่ได้สัญญานะ เอาเป็นว่าพอสมควรนะ เพราะว่าธาตุขันธ์หลวงตานี่คนอายุขึ้น ๗๐ ไม่ไหวแล้ว

หลวงตา : ๗๓ แล้ว

พระอาจารย์เล็ก : ๗๓ แล้ว หลวงตาท่านยืนยัน กลัวจะแก่น้อย อาตมาเอง ๕๖ เป็นอันว่าแย่พอ ๆ กันแล้ว เนื่องจากสร้างเวรสร้างกรรมเอาไว้มาก ขออนุญาตหลวงตาท่านพักผ่อนก่อนที่จะฉันเพลสักนิดหนึ่งนะจ๊ะ


-----------------------------------
จบพูดถึงพ่อช่วงเช้าเพียงเท่านี้ค่ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2015 เมื่อ 12:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 97 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 22-01-2015, 11:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,770 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ช่วงบ่ายของวันนั้น พระอาจารย์ได้กล่าวถึงงานสวดพระคาถาเงินล้านในครั้งนี้ว่า

"วันนี้ที่ปีติมีสองอย่างด้วยกัน เรื่องแรก คือ การที่พวกเราพร้อมใจกันสวดพระคาถาเงินล้าน ซึ่งถือว่าเป็นสมบัติที่หลวงพ่อวัดท่าซุงให้ไว้กับเรา เรื่องของพระคาถาเงินล้าน ถ้าตั้งใจทำจริงก็จะเกิดผลจริง เพียงแต่มีเคล็ดลับอยู่นิดเดียวว่า ตอนภาวนาต้องไม่นึกอยากรวย แบบที่พวกเราภาวนาไปครึ่งหนึ่งแล้วพระท่านสงเคราะห์ลงมา จะเป็นการภาวนาโดยอัตโนมัติ ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลย เราต้องวางอารมณ์ลักษณะอย่างนั้น เป็นอารมณ์ที่เป็นอุเบกขา ไม่ประกอบไปด้วย รัก โลภ โกรธ หลง ผลของพระคาถาจะเกิดเร็ว

ส่วนที่สองที่ปีติ ก็คือ ทั้งพระและเทวดาท่านเมตตาสงเคราะห์ อาตมาขึ้นไปกราบพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ตลอดจนผู้มีพระคุณด้านบน ปรากฏว่าวันนี้เป็นวันประชุมเทวสภา เพื่อประกาศความดีของมนุษย์ ปกติแล้วด้านบนจะประชุมเทวสภาประมาณเดือนละสี่ครั้ง ท่านปู่พระอินทร์บอกกับปัญจสิกขเทพบุตรที่เป็นเลขานุการว่า ให้รอก่อน คือ รอเพื่อบันทึกความดีของคณะพวกเราที่ทำครั้งนี้ก่อน แล้วค่อยไปประกาศพร้อมกัน

ปัญจสิกขเทพบุตรทูลว่า จะเลยเวลาประชุมไปประมาณ ๑๐ นาทีของโลกมนุษย์ ท่านปู่พระอินทร์บอกว่าไม่เป็นไร จะกราบขอกับพระศรีอาริยเมตไตรยที่ท่านจะมาเทศน์ที่เทวสภาในวันนี้ ขออนุญาตเลยเวลานิดหนึ่ง เพื่อที่จะบันทึกความดีที่ลูกหลานได้พร้อมใจกันทำในครั้งนี้ ให้เทวดานางฟ้าทั้งหลายได้โมทนาร่วมกัน พระศรีอาริยเมตไตรยท่านมารอเทศน์อยู่แล้ว เห็นว่ายังไม่มีอะไรทำ ท่านก็เลยลงมาดูว่าพวกเราทำอะไรกัน

ถ้าใครที่สวดพระคาถาเงินล้านไป อยู่ ๆ เกิดอาการอยู่สองสามอย่างด้วยกัน อย่างแรกคือ ง่วงเหมือนกับลืมตาไม่ขึ้น พยายามอย่างไรก็ตั้งสติไม่ได้ อย่างที่สองคือ รู้สึกหนักตัว หนักหัว หรือบางทีก็ร้อนไปทั้งตัวเลย รู้สึกว่าหนักจนแทบจะโดนกดติดพื้นไปเลยก็มี อาการที่สามก็คือ อยู่ ๆ การภาวนาคล่องตัวขึ้นเป็นอัตโนมัติ เหมือนกับสมาธิของเราทรงตัวและลื่นไหลดีมาก ถ้าลักษณะนั้นให้รู้ตัวว่า เป็นกำลังของท่านที่สงเคราะห์ลงมา

โดยเฉพาะมีท่านปู่อยู่องค์หนึ่ง คือ ท่านท้าวสุยามเทวาธิราช ปกติท่านดูแลสวรรค์ชั้นยามาอยู่ บริวารของท่านจะนิยมในการภาวนาและสวดมนต์มากเป็นพิเศษ ในเมื่องานประชุมยังไม่เริ่ม ท่านจึงขอแวบหนีการประชุมสวดมนต์กับพวกเราก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2015 เมื่อ 12:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 107 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 22-01-2015, 11:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,770 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนนี้เห็นแล้วก็เกิดความปีติว่า ปกติเรื่องของพระ เรื่องของเทวดาที่จะมายุ่งเกี่ยวกับมนุษย์..เป็นไปได้โดยยาก เทวดาเขาเหม็นกลิ่นมนุษย์ แต่ถ้าที่ใดที่ตั้งใจประพฤติทาน ปฏิบัติศีล เจริญภาวนา อานุภาพของความดี กลิ่นหอมของความดี ทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเกิดความศรัทธา เกิดมุทิตาจิต อยากจะมีส่วนร่วมด้วย ยอมลงมาปะปนลงมาอยู่กับหมู่พวกเรา เพื่อทำความดีร่วมกัน

ฉะนั้น..สองส่วนนี้ที่เห็นแล้วเกิดปีติ ถ้านับคนของพวกเราวันนี้ก็แค่พันกว่า สองพันคน แต่เทวดามากันมากมายเป็นโกฏิเลย กลายเป็นชวนกันทำความดีในเรื่องที่หาได้ยาก นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเป็นเรื่องโกหก ใครจะจับโกหกกรุณาไปดูเอาเอง

อีกส่วนหนึ่ง งานครั้งนี้สำเร็จลงได้ด้วยชาวเว็บพลังจิต ซึ่งนำโดยคุณวีระชัย แก่นภักดี หรือที่เรารู้จักกันในยูสเซอร์เนม WebSnow และชมรมโมทนาบุญพลังจิต ซึ่งนำโดยคุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา ตลอดจนกระทั่งผู้บริหารเว็บหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ดร.ณัฐพัชร จันทรสูตร ก็ดี หรือคุณณญาดา ศราภัยวานิช หรือที่เรารู้จักกันในนาม คุณหญิงก็ตาม ก็ช่วยกันทำให้งานนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี เป็นไปโดยเรียบร้อยสนุกสนาน

ได้นิมนต์หลวงตาวัชรชัยมาร่วมงานด้วย ซึ่งปกติหลวงตาท่านอายุ ๗๓ ปีแล้ว ต้องบอกว่าธาตุขันธ์ก็ไม่ได้แข็งแรงเหมือนสมัยก่อน แต่ก็ยังเมตตามาร่วมงานกับพวกเรา ตอนแรกท่านเองก็คิดว่าคงไม่ได้มีโอกาสที่จะเล่าเรื่องพ่อให้ฟัง ไป ๆ มา ๆ เห็นความสามัคคีพร้อมเพรียงของพวกเราในการปฏิบัติความดี โดยเฉพาะการแสดงกตเวทิตาคุณต่อครูบาอาจารย์ ท่านจึงยอมอยู่สนทนาด้วยก่อนฉันเพล สร้างความสนุกสนานรื่นเริงให้กับพวกเราไปตาม ๆ กัน

ซึ่งในส่วนเรื่องพวกนี้ ถือว่าเราฉลองปีใหม่ร่วมกัน ด้วยการกระทำความดีที่น่าปลื้มใจ และมีความปีติ มีความรื่นเริงในธรรมด้วยกัน สิ่งใดก็ตาม ถ้าเริ่มต้นด้วยดี โบราณว่าสำเร็จไปเกินครึ่งแล้ว ปีใหม่ของเรา เราเริ่มต้นด้วยดี ตั้งแต่สวดมนต์ข้ามปีมา จนถึงการภาวนาพระคาถาเงินล้านร่วมกันในครั้งนี้

โดยเฉพาะที่สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยท่านเมตตาฝากเอาไว้ ว่าท่านเห็นในส่วนคุณความดีกตัญญูกตเวทิตาของพวกเราทุกคน ท่านเต็มใจที่จะสงเคราะห์ ถ้าใครพลาดจากพระนิพพานในชาตินี้ หลุดไปถึงสมัยของท่าน พระองค์ท่านยืนยันว่าจะพาไปทั้งหมด แต่มีข้อแม้ว่าให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติในกรรมบถ ๑๐ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเลย เพื่อเป็นพื้นฐานความดีรองรับว่า ถึงหลุดพ้นศาสนาของสมเด็จพระสมณโคดมไป ก็จะสามารถไปเกิดในยุคของท่านได้

ถือว่าเป็นพระเมตตาที่หาได้ยากยิ่ง ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ที่ดีเลิศ หาอะไรเปรียบได้ยาก ก็ขออนุโมทนากับทุก ๆ ท่านที่เป็นฝ่ายเริ่มงาน ดำเนินการ ประสานงาน และคณะของอาจารย์วิชชุ อารมณ์ดี ที่ร่วมกันดูแลความเรียบร้อยมาตั้งแต่เมื่อคืน จนถึงตอนนี้ได้หลับได้นอนกันหรือยังก็ไม่รู้ ? ก็ขออนุโมทนาด้วย

ความดีทั้งหลายที่ท่านได้ทำก็ขอให้เป็นปฏิพรย้อนสนองกลับไป ไม่ว่าจะประสงค์จำนงหมายสิ่งใดที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรมวินัย ก็ขอให้ความประสงค์ของเราสำเร็จ สมปรารถนาตลอดปี ๒๕๕๘ ด้วยกันทุกคน ...(สาธุ)... รับพรไปแล้วก็กลับบ้านได้แล้ว ไล่กันตรง ๆ เลย..!



พระครูภาวนาพิลาศ (หลวงตาวัชรชัย) และ พระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก)
งานสวดพระคาถาเงินล้าน และพูดถึงพ่อ ภาคพิเศษ ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๘

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยเถรีและรัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2015 เมื่อ 12:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 103 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 22-01-2015, 15:17
ชยาคมน์'s Avatar
ชยาคมน์ ชยาคมน์ is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Apr 2009
ข้อความ: 222
ได้ให้อนุโมทนา: 21,244
ได้รับอนุโมทนา 155,513 ครั้ง ใน 2,941 โพสต์
ชยาคมน์ is on a distinguished road
Default

กราบขออนุญาตลงคลิปในวันงานครับ


ขอขอบคุณคุณชินเชาว์และคุณโอรสที่เอื้อเฟื้อวีดีโอครับ
__________________
ร่วมรณรงค์การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เริ่มต้นได้ด้วยตัวคุณเอง
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 79 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชยาคมน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:10



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว