กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 27-03-2017, 18:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๐

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเขาออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

ในเรื่องของคำภาวนานั้นอย่าเปลี่ยนบ่อย เพราะว่าถ้าเราไม่มีความชำนาญแล้วไปเปลี่ยนคำภาวนาบ่อย สภาพจิตไปยึดโยงกับของเก่าแต่ถูกบังคับให้ใช้ของใหม่ จะเกิดการต่อต้านกัน แล้วการภาวนาก็จะไม่เป็นผล

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ สำหรับการปฏิบัติธรรมของพวกเรานั้น ส่วนใหญ่แล้วเคยมีประสบการณ์ที่ได้รู้ ได้พบ ได้เห็น บางสิ่งบางอย่างจากการปฏิบัติภาวนา หรือว่าเคยมีใจสงบจากการภาวนาไปตามลำดับแล้ว แต่มาภายหลังกลับไม่รู้ไม่เห็น มีจิตใจไม่สงบ เนื่องเพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเกิดจากการปฏิบัติแล้วเราอยากได้เหมือนเดิม

ในเมื่อขึ้นต้นด้วยคำว่า "อยาก" ก็แปลว่าเราวางกำลังใจผิดแล้ว ถ้าถามว่าไม่อยากแล้วจะให้ทำไปเพื่ออะไร ? ก็ต้องตอบว่า “อยากได้ แต่ตอนภาวนาให้ลืมความอยากนั้นเสีย เรามีหน้าที่ภาวนาอย่างเดียว กำลังจะทรงตัวหรือไม่ทรงตัวก็ช่าง” ถ้าสามารถวางกำลังใจลักษณะอย่างนี้ได้ ก็จะทำให้อารมณ์ใจของเราทรงตัวได้ง่าย

แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วก็ไม่สามารถที่จะทำให้กำลังใจตั้งอยู่ในตัวอุเบกขาลักษณะอย่างนี้ เมื่อทำไปแล้วอยากได้ อยากมี อยากเป็น จึงทำให้ไม่สามารถที่จะเข้าถึงการปฏิบัติที่แท้จริงได้เสียที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2017 เมื่อ 19:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 27-03-2017, 18:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกส่วนหนึ่งก็คือ การปฏิบัติของเรานั้นจำเป็นต้องยึดโยงอยู่กับลมหายใจเข้าออก สมาธิจึงจะทรงตัวได้ ถ้าเราทิ้งลมหายใจเข้าออกเมื่อไร รัก โลภ โกรธ หลง จะกระหน่ำตีจนกระทั่งเราไม่สามารถที่จะรักษากำลังใจได้ เมื่อเราไม่สามารถที่จะรักษากำลังใจได้ การปฏิบัติจะให้ได้ผลก็ย่อมเป็นไปไม่ได้เช่นกัน

อีกส่วนหนึ่งก็มัวแต่เกรงใจสังคม การปฏิบัติธรรมของเราเป็นการทวนกระแสโลก แต่เราไม่สามารถที่จะทนขี้ปากชาวบ้านได้ พอโดนคนอื่นตำหนิด่าว่า กล่าวหาว่าบ้าบ้าง อายุยังน้อยจะปฏิบัติไปทำอะไร เราก็ไหลตามกระแสไป ละทิ้งการปฏิบัติไปอย่างน่าเสียดาย

อีกส่วนหนึ่งคือเมื่อกำลังใจทรงตัวตั้งมั่นแล้ว ไม่รู้จักประคับประคองรักษาเอาไว้ ทำให้กำลังใจนั้นสูญหายไป พังไป แล้วเรายิ่งไปอยากได้ ยิ่งไปเร่งการปฏิบัติก็ยิ่งไม่ได้ จนบางคนท้อใจ เลิกการปฏิบัติไปเลยก็มี

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นประสบการณ์ที่นักปฏิบัติทุกคนจะต้องได้พบได้เจอ ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถปรับกำลังใจของเราได้เร็วเท่าไร อาตมาเคยเปรียบเทียบว่า มีคนเดินมา ๒ คนแล้วล้มลงพร้อมกัน คนหนึ่งลุกขึ้นได้ก็เดินต่อไปเลย ส่วนอีกคนหนึ่งก็มัวแต่นั่งคร่ำครวญว่า เดินทางมาไกลแล้ว ไม่น่าจะล้มเลย เจ็บเหลือเกิน ปวดเหลือเกิน แล้วเมื่อไรเราจะได้ระยะทางเท่ากับคนอื่นเขา ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2017 เมื่อ 19:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-03-2017, 21:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฉะนั้น...ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมของเรา เมื่อ รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้น เราไปพ่ายแพ้ต่อกิเลส ก็อย่าไปเศร้าหมองกับกิเลสเนิ่นนานนัก ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมของเราใหม่ ตั้งหน้าตั้งตารักษาศีล รักษากำลังใจของเราใหม่ พอ ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ เกิด ความดีพังทลายไป รู้ตัวเมื่อไรก็รีบวิ่งกลับมาหาความดีของเราทันที

เนื่องเพราะว่าหน้าที่ในการปฏิบัติธรรมของเรานั้น จริง ๆ แล้วมีน้อยมาก ถ้าหากกล่าวเป็นหลักธรรมเขาเรียกว่า ปธาน ๔ ปธานะ คือความเพียร มี ๔ อย่างด้วยกัน คือ

๑. สังวรปธานะ หรือ สังวรปธาน ได้แก่ การระมัดระวังไว้ไม่ให้มีความชั่วเกิดขึ้นในใจของเรา

๒. ปหานปธาน เมื่อมีความชั่วเกิดขึ้นแล้วก็พยายามที่จะกำจัดขับไล่ออกไปจากใจ

๓. ภาวนาปธาน
ถ้าหากว่ายังไม่มีความดีอยู่ ก็เพียรสร้างความดีให้เกิดขึ้นในจิตในใจของเรา

๔. อารักขนานุปธาน เมื่อมีความดีเกิดขึ้นแล้วก็เพียรพยายามระมัดระวังรักษา ให้ความดีนั้นเจริญงอกงามยิ่ง ๆ ขึ้นไป

หน้าที่หลัก ๆ ของเรามีแค่นี้ ในส่วนอื่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับเราจะพลิกแพลงปฏิบัติกันไปเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-03-2017 เมื่อ 03:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 28-03-2017, 22:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่าลืมว่าเราจำเป็นจะต้องมีอานาปานสติ คือ ลมหายใจเข้าออกเป็นพื้นฐานใหญ่ มีพรหมวิหาร ๔ เพื่อรักษาความแช่มชื่นเบิกบานของสภาพจิตใจของเราไว้ มีมรณานุสติเพื่อที่จะไม่ประมาท ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมเพราะรู้ว่าความตายจะมาถึงเราอยู่ตลอดเวลา มีอุปสมานุสติหรือพุทธานุสติเป็นจุดยึดเกาะ เป็นเป้าหมายว่าถ้าเราหมดอายุขัยตายไป หรือว่าเกิดอุบัติเหตุอันตรายถึงแก่ชีวิต เราขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือขอไปอยู่ที่พระนิพพาน

หลักธรรมทั้งหลายเหล่านี้จำเป็นต้องมีอยู่เพื่อเป็นแนวทางที่จะนำพาเราสู่ทางแห่งการพ้นทุกข์ หลังจากนั้นก็มาทบทวนศีลทุกสิกขาบทของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล ทำความเคารพใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริงใจ ไม่ละเมิดด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง มีความรู้ตัวเสมอว่าเราต้องตาย ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว

ถ้าในแต่ละวันเราทบทวนว่าหลักธรรมทั้งหลายเหล่านี้ หลักการปฏิบัติทั้งหลายเหล่านี้มีอยู่ในใจของเราหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ทำให้มีขึ้นมา มีแล้วก็ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป หน้าที่ในการปฏิบัติธรรมของเราก็จะมีเหลืออยู่เพียงเท่านี้เอง

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้สัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-03-2017 เมื่อ 03:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:25



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว