กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 04-04-2016, 11:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๙

ถาม : ในขันธ์ ๕ ตัวสัญญา อยากทราบวิธีพิจารณาว่าตัวสัญญา หรือภาษาไทยแปลว่าความคิด จะพิจารณาอย่างไรหรือครับว่ามันไม่ใช่เราไม่มีในเรา ?
ตอบ : ใครแปลสัญญาว่าความคิด ? สัญญาคือความจำ ก็ดูจากพวกอัลไซเมอร์สิ มีเยอะแยะไป หรือมีเมียแล้วเสือกทำเป็นสัญญาเสื่อม จำไม่ได้ว่ามีเมียแล้วดันไปมีกิ๊กอีก ก็เตรียมตัวตายได้...! สารพัดวิธีที่จะพิจารณา

สิ่งที่อยากจะจำกลับลืม สิ่งที่อยากจะลืมดันไปจำ สรุปแล้วขันธ์ ๕ ก็มีแต่ความทุกข์ ท้ายสุดตัวเราตายไปก็ไม่มีอะไรเหลือ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 14:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 04-04-2016, 11:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมรู้สึกกลุ้มใจกังวลใจมากเลยครับ เวลาภาวนาทั้ง ๆ ที่ผมเคยได้ฌาน ๑ รู้สึกสุขมาก หรือเวลาสวดมนต์จู่ ๆ ความคิดด่าพระเข้ามาในจิต ?
ตอบ : ไม่ต้องถามต่อ แปลว่าฌานเสื่อมไปเรียบร้อยแล้ว ถ้ายังทรงฌานอยู่ ความคิดอื่นจะแทรกเข้ามาไม่ได้นอกจากอารมณ์ภาวนา ยกเว้นอยู่อย่างเดียวว่า ทำจนชำนาญแล้วสามารถคิดพิจารณาได้ แต่ก็เป็นการพิจารณาในธรรม สรุปว่าเคยได้ฌาน แต่ปัจจุบันเจ๊งไปแล้ว ส่วนความคิดด่าพระเป็นกิเลสมารดลใจ ยิ่งขาดสมาธิสมาบัติ ก็ยิ่งโดนเขาพาให้เสียได้ง่าย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 14:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 04-04-2016, 11:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บุคคลที่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง พระพุทธเจ้าหรือพระอริยสงฆ์ท่านมีวิธีทำให้เป็นสัมมาทิฐิ เห็นตามความเป็นจริงอย่างไรหรือครับ ?
ตอบ : ก็ไม่เห็นต้องมีอะไรนี่ เขาเชื่อว่าพระเจ้ามีจริงก็เป็นเรื่องดี ก็แค่ปรับให้พระเจ้าของเขามาเป็นพระพุทธเจ้าก็จบแล้ว แบบเดียวกับหลวงปู่ตื้อและหลวงปู่แหวน ท่านไปโปรดพวกชาวป่าข่าระแด ที่เป็นชาวป่าล้าหลังมาก ไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร นับถือแต่ผี หลวงปู่ท่านก็เอารูปพระพุทธรูปไป บอกว่าองค์นี้เป็นหัวหน้าผีที่ใหญ่ที่สุด ถ้านับถือแล้วผีอื่น ๆ ไม่กล้าเบียดเบียน ไม่กล้ารังแก เขาก็เลยหันมานับถือพระพุทธเจ้ากันหมด แล้วค่อยสอนให้เขาสมาทานศีล รักษาศีล

ส่วนที่น่าสังเกต คือ วิธีการของพระพุทธศาสนาไม่เคยคัดค้านหลักการของใคร เพียงแต่นำเสนอหลักการที่ดีกว่า ในเมื่อไม่ไปคัดค้าน ความคิดเป็นศัตรูของเขาไม่มี เขาก็ยอมเปิดใจรับฟัง พอได้สิ่งที่ดีกว่าไป เขาก็ยินดีรับเอาไปปฏิบัติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 14:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 04-04-2016, 11:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การกำหนดจิตควบคำภาวนาขึ้นลงเป็นเส้นตรงภายในร่างกายจากจมูกไปท้อง จากท้องไปจมูก โดยไม่ได้กำหนดรู้ลม จิตไม่ได้สนใจลมภายใน แต่เพราะในร่างกายเป็นช่องว่างที่มีลมเป็นฐาน การกำหนดจิตแบบนี้แม้ไม่ได้สนใจในลม ถือว่าเป็นการทำอานาปานสติหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่เกาะลม ไม่ถือว่าเป็นอานาปานสติ อานะกับอาปานะ แปลตรง ๆ ว่าลมหายใจเข้ากับลมหายใจออก ในเมื่อลมหายใจเข้าออกเราไม่จับ จะเรียกว่าอานาปานสติไม่ได้

ถาม : จากคำถามก่อนหน้า หากกำหนดรู้ลมภายในร่างกายไปด้วย จากจมูกไปท้อง จากท้องไปจมูกเป็นอานาปานสติใช่ไหมครับ ? และถ้าคิดว่าเป็นการทำวาโยกสิณ จะถือเป็นการทำวาโยกสิณที่ถูกวิธีได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจกำหนดลมก็เป็นอานาปานสติ ถ้าตั้งใจจะทำวาโยกสิณ กำหนดลมหายใจได้ แต่ต้องใช้คำภาวนาว่า "วาโยกสิณัง" แทน

ถาม :การกำหนดรู้กองลมกองเล็ก ๆ เท่าปลายนิ้วก้อย แค่จุดเดียว จุดใดจุดหนึ่งภายในร่างกาย เช่น ที่ท้องน้อย ถือว่าเป็นการทำอานาปานสติไหมครับ ? และถ้าหากคิดว่าเป็นการทำวาโยกสิณ แค่กำหนดรู้กองลมกองเล็ก ๆ แค่จุดเดียวในท้องน้อยเช่นนี้ จะถือว่าเป็นการทำวาโยกสิณได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้ากำหนดลมหายใจก็เป็นอานาปานสติ ถ้าจะกำหนดวาโยกสิณ ก็ต้องใช้คำภาวนาว่า "วาโยกสิณัง" สรุปแล้วก็คือคำตอบเดิม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 15:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 04-04-2016, 11:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระภิกษุจะฉันน้ำมันชาตรีที่ผสมกับน้ำมันงาหลังเที่ยงวันเพื่อเป็นยารักษาอาการเจ็บป่วยเช่น ปวดหัว ปวดท้อง ตัวร้อน เป็นไข้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้...แต่ต้องให้คนประเคนก่อน

ถาม : ถ้าพระภิกษุจะฉันน้ำมันชาตรีที่ผสมน้ำมันงาก่อนเพล ต้องให้โยมประเคนน้ำมันชาตรีทุกครั้งที่ฉัน หรือประเคนหนึ่งครั้งอยู่ได้เจ็ดวันค่อยประเคนใหม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าจะเอาให้แน่ก็อย่าให้เกิน ๗ วัน เพราะน้ำมันเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ใช้เป็นเภสัช ก็คือ อาหารที่ฉันหลังเที่ยงได้ แต่เป็นสัตตาหะกาลิก ก็คือ ประเคนครั้งหนึ่งอยู่ได้ไม่เกิน ๗ วัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 15:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 04-04-2016, 11:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วัตถุมงคลที่อยู่ที่บ้านวิริยบารมีในวันที่พุทธาภิเษกพิธีฝ่าวิกฤติ แต่ไม่ได้อยู่ในกองวัตถุมงคลที่จัดไว้เป็นการเฉพาะ เช่น วัตถุมงคลในตู้วัตถุมงคล วัตถุมงคลด้านหลังห้อง รวมถึงวัตถุมงคลที่ท่านต่าง ๆ นำติดตัวไปร่วมพิธีในวันดังกล่าว

วัตถุมงคลต่าง ๆ เหล่านี้จะได้รับอานุภาพของพิธีฝ่าวิกฤติ เช่นเดียวกับวัตถุมงคลที่จัดไว้ในกองวัตถุมงคลสำหรับพุทธาภิเษกเป็นการเฉพาะด้วยหรือไม่ครับ ?

ตอบ : ถ้าท่านให้ก็ได้ ถ้าท่านไม่ให้ก็ไม่ได้ ประเภทขี้สงสัยไปเรื่อยแบบนี้ ต่อให้ของจริงก็กลายเป็นของปลอม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 15:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 04-04-2016, 12:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมสงสัยว่าพระโพธิสัตว์ ท่านสามารถมีโคตรภูญาณได้ไหมครับ ?
ตอบ : มีโคตรภูญาณไม่ได้ แต่เข้าถึงได้ เหมือนอย่างกับคนที่ยังเป็นเจ้าของที่ดินไม่ได้ แต่ไปเดินเหยียบแถวนั้นเล่นได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 15:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 04-04-2016, 12:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ๒-๓ ปี ก่อนผมภาวนา "นะ มะ พะ ธะ" ก่อนนอน และพอผมภาวนาไปเรื่อย ๆ ตอนนั้นผมรู้สึกชัดเลยว่าหัวใจเต้นเร็วมากเหมือนแผ่นดินจะไหว เลยอยากทราบว่า อาการแบบนี้คืออะไรแล้วแก้ไขอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องแก้ ให้ตัดสินใจตอนนั้นว่าตายเป็นตาย ถ้าตายเราจะไปกราบพระบนพระนิพพานก็จบแล้ว นั่นเป็นอาการของกำลังสมาธิที่รวมตัว เพื่อที่จะส่งกายในออกไป ถ้าแรงกว่านั้นอีกนิดเดียวก็ไปได้แล้ว ตอนนี้เชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนยังไม่พอ เพราะดันไปกลัวตายเสียก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 15:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 04-04-2016, 12:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คำทำนายของพระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระที่ว่า "เมื่อพระพุทธศาสนาอายุถึงกึ่ง ๕,๐๐๐ ปี นับแต่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน จะมีพระมหาโพธิสัตว์จะมาบำรุงพระศาสนา" ผมเลยสงสัยว่า พระมหาโพธิสัตว์พระองค์นั้นจะมาบำรุงพระศาสนาอีกนานไหมครับ ?
ตอบ : รอดูต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 15:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 04-04-2016, 12:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเคยอ่านมาว่า บุคคลที่ทรงสมาบัติ ๘ สามารถคุยกับคนต่างชาติและเข้าใจภาษาต่างชาติได้ โดยไม่ต้องเรียนภาษาต่างชาติเลย อันนี้จริงแท้ประการใดหรือครับ ?
ตอบ : ฟังมาจากใคร ? แบบนี้เขาเรียกว่าจับแพะชนแกะ ต่อให้ทรงสมาบัติ ๑๖ ก็ต้องหาล่ามมาแปล บุคคลที่ทรงสมาบัติ ๘ ต้องเข้าถึงความเป็นพระอนาคามีขึ้นไป จึงจะเกิดนิรุตติปฏิสัมภิทา คือรู้ทุกภาษา ไม่ใช่แค่ทรงสมาบัติ ๘ แล้วก็รู้ได้ทุกภาษา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 15:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 04-04-2016, 12:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนผมอายุ ๑๕ ผมนั่งสมาธิแล้วภาวนา "พุทโธ" ผมมารู้ที่หลังว่าเข้าฌาน ๑ ตอนนั้นผมรู้สึกสุขแบบหาอะไรในโลกนี้มาเปรียบเทียบไม่ได้อีกแล้ว แล้วผมรู้สึกถึงลมหายใจเข้าออก รู้ชัดเลยว่าเข้าออกสั้นและยาวเท่าไร และตอนนั้นเองจิตผมดิ่งลงเหนือตรงกลาง ๆ สะดือดิ่งแล้วดิ่งอีกดิ่งไม่มีที่สิ้นสุด เลยอยากถามพระอาจารย์ ว่าอาการจิตดิ่งลงไม่มีที่สิ้นคืออะไรหรือครับ ?
ตอบ : ให้ไปสนใจว่าตอนนี้ทำได้ไหมจะดีกว่า เพราะบอกว่าทำได้ตอนอายุ ๑๕ แสดงว่าตอนนี้เจ๊งหมดแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 15:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 04-04-2016, 12:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กสิณลม เวลาจะอธิษฐานจะให้ร่างกายเราไปพรหมโลก สวรรค์ หรือที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ ต้องเปิดหน้าต่างและประตูก่อนเปล่าครับ ? เพราะถ้าปิดประตูและหน้าต่าง เดี๋ยวร่างกายจะติด แล้วจะบินไปสถานที่ซึ่งเราต้องการไม่ได้ ?
ตอบ : ถ้าลำพังกสิณลมก็ไปได้แค่ในโลกนี้เท่านั้น ถ้าอยากจะไปโลกอื่นด้วยต้องชำนาญกสิณทั้ง ๑๐ กอง ไม่ใช่มั่วไปเรื่อย ว่าจะขี่จักรยานแล้วจะไปในอวกาศได้..!

ถ้าเป็นเรื่องของกสิณลมอย่างเดียว ก็ควรที่จะเปิดประตูหน้าต่างด้วย แต่ถ้าเป็นกสิณ ๑๐ ไม่จำเป็น เพราะจะออกไปทางไหนก็ได้ ในส่วนของวัตถุธาตุทั้งหมดที่เราเห็นว่าเป็นแท่งทึบ แต่ความจริงประกอบไปด้วยโมเลกุลเล็ก ๆ ทั้งนั้น แปลว่ามีช่องว่างระหว่างโมเลกุลเยอะมาก ในความรู้สึกของเราเห็นว่าทึบ ไปไม่ได้ แต่บุคคลที่ทรงกสิณ ๑๐ เห็นว่าใหญ่กว่าประตูโบสถ์เสียอีก ฉะนั้น...ไม่ต้องเปิดประตูก็ไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-04-2016 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 04-04-2016, 12:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมสงสัยครับ ว่าทำไมพวกหมอผีที่ทำคุณไสยใส่พระดี ๆ อย่างหลวงพ่อเล็กก็ดี หรือหลวงพ่อวัดท่าซุงก็ดี ทำไมสมาธิของหมอผีไม่เสื่อม ในเมื่อเขาปรามาสพระรัตนตรัย ?
ตอบ : รู้ได้อย่างไรว่าตูโดน ? อาตมายังไม่เคยเห็นหมอผีที่ไหนกล้าหือ แค่ตวาดแว้ดเดียวขนาดเดินเอียงมายังเดินตรงเลย..!

พวกเหล่านั้นเขาเรียกว่าโลกียอภิญญา พอทำแล้วก็เสื่อมทันที เมื่อรวบรวมกำลังใจได้ใหม่ก็ทำได้อีก เหมือนกับตัวคนถามนั่นแหละ ที่บอกว่าสมาธิอยู่ดี ๆ ก็เสื่อมไป แล้วทำไมทำได้ใหม่อีก ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 15:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 04-04-2016, 12:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตัวกระผมสงสัยครับ ว่าทำไมพระโพธิสัตว์บารมีมาก อย่างโตไทยพราหมณ์ ยังปรามาสพระรัตนตรัยอยู่ ในเมื่อตนเองบารมีใกล้จะเต็มเป็นพระพุทธเจ้า ? แล้วทำไมสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ในสมัยท่านเสวยพระชาติเป็นโชติปาลมาณพ ท่านก็ยังปรามาสพระพุทธเจ้าสมัยนั้น ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติของคนที่ยังมีกิเลส พระโพธิสัตว์ไม่ใช่ผู้ที่สิ้นกิเลส ยังมีกิเลสเต็มเปี่ยมอยู่ รอไปตรัสรู้ในชาติสุดท้ายเท่านั้น เพราะฉะนั้น...มีโอกาสคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้เสมอ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 15:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 04-04-2016, 12:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระสงฆ์เมื่อทำชั่วหรือทำดี จะมีอานิสงส์ประมาณหนึ่งแสนเท่าเมื่อเทียบกับฆราวาส แล้วสามเณรเมื่อทำชั่วหรือทำดี จะมีอานิสงส์ประมาณกี่เท่าเมื่อเทียบกับฆราวาสครับ ?
ตอบ : ง่ายจะตายไป ก็เอา ๒๒๗ หารแสน แล้วคูณด้วย ๑๐ ก็ได้แล้ว บัญญัติไตรยางศ์ง่าย ๆ เลย อันนี้พูดเล่นนะ อย่าไปหารจริง ๆ

ในเรื่องของสามเณรท่านไม่ได้เปรียบไว้ชัดเจน แต่ถ้าไปดูในทักขิณาวิภังคสูตร ที่บอกว่าทำบุญกับผู้ที่มีศีลบริสุทธิ์ จะมีอานิสงส์กว่าผู้ที่มีศีลไม่บริสุทธิ์เป็นร้อยเท่า เพราะฉะนั้น...ถ้าต้องการจะเปรียบเทียบกับคนธรรมดา ก็ดูว่าบุคคลนั้นมีศีลหรือไม่ ? ถ้าเป็นคนไม่มีศีลเลยก็เป็นหมื่นเท่า ถ้าเป็นคนมีศีลแล้วศีลพร่องก็เหลือร้อยเท่า คราวนี้ก็ไล่ขึ้นไปสิ เดี๋ยวก็รู้เองว่ากี่เท่า


ถาม : ตกเลขนี่คำนวณไม่ได้นะคะ ?
ตอบ :ได้แต่ประมาณเท่านั้น ขนาดพระพุทธเจ้ายังใช้คำว่า "ประมาณร้อยส่วน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 15:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 04-04-2016, 13:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สืบเนื่องจากผมได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับการตายเเล้วฟื้น รวมความประมาณว่า "ใส่บาตรเเล้วไม่ได้ถวายน้ำไปด้วย ตายไปเลยไม่มีน้ำกิน" ซึ่งตัวผมเองมักจะใส่บาตรด้วยข้าวสวย ไข่ต้ม เเละกล้วยเป็นประจำ เเต่ทุกครั้งก็ทำด้วยความตั้งใจเเละเจตนาดี ประกอบกับปัจจัยที่มีอยู่อย่างพอดี ผมจึงมักใส่บาตรด้วยสิ่งของดังกล่าว อาจจะมีเพิ่มเติมพิเศษบ้างตามโอกาสสำคัญ ดังนั้น...ผมจึงเกิดข้อข้องใจคือ ถ้าล่วงชาตินี้ไปผมก็จะได้รับอานิสงส์ตามที่ผมถวายพระ ใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๙ ที่อาตมาให้เอาน้ำมาถวาย ก็ตั้งใจให้คนประเภทนี้แหละ คนที่คิดแบบนี้มีจริง ๆ

คนตายไปแล้วถ้าไปดีก็ไม่ต้องกิน ถ้าไปไม่ดีก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะกิน สำหรับพวกที่ยังไปกินอยู่ ก็คือพวกที่ติดอุปาทานจากโลกมนุษย์ไปว่า ยังต้องกินต้องดื่มเป็นปกติ เพราะฉะนั้น...จึงมีเขตแดนอยู่เขตแดนหนึ่ง อยู่ริมของชั้นจาตุมหาราช ลักษณะคล้าย ๆ กับตลาดจตุจักร อาตมาไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี น่าจะเป็นตลาด "JJ" สาขาพิเศษ มีของทุกอย่างให้ไปช้อปปิ้งได้ สำหรับพวกที่ติดอุปาทานตั้งแต่ยังเป็นมนุษย์ว่า ยังจำเป็นต้องมีสิ่งของเหล่านั้น ก็จะไปเลือกหาที่นั่น จะเอาแบรนด์เนมขนาดไหนก็มีหมด

แต่ถ้านึกขึ้นมาได้ว่า เอ๊ะ...เราเป็นเทวดานางฟ้า เรามาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ? ก็เป็นอันว่าจบกัน กำลังบุญเสริมให้เต็มที่ ก็ไม่ต้องไปกินไปใช้อีก ส่วนท่านที่ลงข้างล่างไปเลย ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น...โปรดทราบว่าบุญที่ท่านทำส่งผลโดยตรงเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปกิน ถ้าทำแล้วยังต้องเสียเวลาไปกิน อาตมาก็ไม่ทำให้เหนื่อยหรอก


ถาม : ตอนไปช้อปปิ้งข้างบนจ่ายเป็นอะไรคะ ?
ตอบ : ก็เงินอุปาทานทั้งนั้น

ถาม : แล้วที่เขาฝึกมโนมยิทธิบอกว่าขึ้นไปไม่เห็นรองเท้า ให้ลงมาถวายรองเท้า ไม่เห็นสระน้ำ ให้ลงมาทำบุญสร้างสระน้ำ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าโง่ไปหน่อย อยากได้ก็นึกเอาสิวะ..! ประเภทมีบุญไม่รู้จักใช้ ถ้าทำเองไม่เป็นก็ไปชั้นที่ ๕ เทวดาชั้นนี้มีหน้าที่ทำของให้คนอื่น อยากได้อะไรท่านก็ช่วยเนรมิตให้ ท่านทั้งหลายเหล่านี้เหมือนกับนายช่างฝีมือดีแล้วไม่มีงานทำ ถึงเวลาก็นั่งเซ็ง พอคนขอให้ช่วยทำ จึงรีบกระตือรือร้นไปทำให้ นิมมานรดี คือ ผู้ยินดีกับสิ่งที่เนรมิตเอา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 15:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 04-04-2016, 13:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเป็นไปได้ อยากขอให้หลวงพ่อช่วยยกตัวอย่างฆราวาสที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้ ที่ท่านสำเร็จเป็นอริยบุคคลในสามประเภท อันได้แก่ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี ส่วนพระอรหันต์ที่เป็นฆราวาสคงไม่มี เพราะคงต้องบวชเป็นพระสงฆ์ไปแล้ว เพื่อให้เป็นแบบอย่าง ให้ผมและผู้ที่ศรัทธาได้ดูตัวอย่างท่านผู้ปฎิบัติดี ปฏิบัติชอบ ว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีรูปแบบปฏิปทาในการดำเนินชีวิตอย่างฆราวาสที่เป็นแบบอย่างที่ดีอย่างไร ?
ตอบ : ไปอ่านเอาจากพระไตรปิฎก มีตัวอย่างมากมายมหาศาล ส่วนเรื่องการไปพยากรณ์มรรคผลของบุคคลอื่นไม่ใช่หน้าที่ของอาตมา เป็นหน้าที่ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น เพราะฉะนั้น...มิบังอาจไปทำหน้าที่ซึ่งไม่ใช่ของตน เดี๋ยวความดีจะมาเยือน...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 15:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 04-04-2016, 13:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สมมติว่ามีคุณป้าท่านหนึ่ง ท่านฝึกมโนมยิทธิมาสักช่วงเวลาหนึ่งแล้ว จิตของท่านยึดพระนิพพานเป็นอารมณ์ สามารถขึ้นบนพระนิพพานได้สม่ำเสมอ ท่านเห็นพระพุทธเจ้า เห็นหลวงพ่อได้ เห็นวิมานบนพระนิพพาน แต่ท่านไม่สามารถสื่อสารด้วยเสียง หรือได้ยินเสียงได้ คุณป้าท่านนั้นต้องวางกำลังจิต หรืออธิษฐานจิตอย่างไรจึงจะสามารถสื่อสารได้ครับ ?
ตอบ : เลิกอยาก...มีหน้าที่ไปก็ไป ซักซ้อมกำลังใจให้คุ้นชิน แสดงว่าสภาพจิตของเรายังไม่ชินกับอารมณ์พระนิพพานจริง ๆ ความละเอียดยังไม่ถึง จึงไม่สามารถที่จะสื่อสารกับอายตนะที่ละเอียดขนาดนั้นได้ ฉะนั้น...ให้ทิ้งความอยากเสีย ได้แค่ไหนพอใจเอาแค่นั้น แล้วก็หมั่นซักซ้อมไว้บ่อย ๆ เดี๋ยวก็ดีไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 15:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 04-04-2016, 14:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมจะต้องมีเหตุที่จะต้องเดินเหยียบ หรือขับรถทับหอยทากตามที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะบนถนนเข้าบ้านของตัวเองเกือบจะทุกอาทิตย์ ทั้ง ๆ ที่มีพื้นที่เยอะแยะมากครับ แต่เขาจะต้องมาอยู่พอดีในตำแหน่งที่เท้าผมเหยียบลงไปพอดี หรือในแนวที่รถผมขับผ่านพอดีเกือบทุกครั้ง จนผมต้องค่อย ๆ เคลื่อนรถเข้าบ้านตัวเองตอนดึก ๆ อย่างช้ามาก ๆ ต้องคอยมองถนนดี ๆ ซึ่งก็มักจะเจอพวกเขา และผมก็จะต้องหยุดรถลงไปเก็บเขาด้วยมือตัวเอง เพื่อไปวางไว้ข้างทาง เป็นอย่างนี้ตลอดเวลาเลยครับ ไม่ว่าจะหน้าฝน หน้าร้อน หน้าหนาว

แต่บางครั้งผมก็มองพลาด ไม่ทันเห็น แต่รู้สึกได้ว่าล้อรถทับเขาไปแล้ว ต้องลงมาไหว้ขออโหสิกรรม อุทิศบุญให้กันอยู่บ่อยครั้ง มีครั้งหนึ่ง ผมเดินทางไปที่ประเทศลาว พักโรงแรมที่ดีมาก ๆ ที่นั่น พอเดินออกมาจากห้องที่พักไม่กี่ก้าวก็ไปเหยียบหอยทากที่นั่นเข้าให้อีก อาจจะมากกว่าหนึ่งตัวด้วยครับ เนื่องด้วยทางเดินมันมืด มองไม่เห็นพื้นครับ

วันนี้ดึก ๆ ผมขับเข้าบ้าน ตั้งแต่หน้าบ้านที่ลงมาเปิดประตูรั้ว ผมรู้สึกว่าได้เตะอะไรเข้าอย่างจัง เห็นเป็นหอยทากลอยกระเด็นไป ใจยังนึกดีใจที่ไม่ได้เหยียบหรือทับเขา เขายังไม่ตาย ผมเลยเปิดไฟจากโทรศัพท์มือถือส่องดู ต้องตกใจมากครับ เนื่องด้วยถึงแม้ตัวนั้นจะไม่ตาย แต่ล้อรถผมก็ได้ทับหอยทากอีกสองตัว ตายแบนราบอยู่ในแนวเดียวกันเลยครับ ผมก็ต้องยกมือไหว้ขออโหสิกรรม อุทิศส่วนกุศลให้ด้วยความหดหู่ใจอย่างมาก

ผมรู้สึกว่าทนสงสัยต่อไปไม่ไหวแล้วครับ ต้องขอรบกวนหลวงพ่อช่วยกรุณาให้คำแนะนำผมด้วยว่าเกิดจากเหตุปัจจัยอะไร ที่ผมต้องสร้างกรรมนี้กับหอยทากโดยไม่ได้มีความตั้งใจเลยบ่อยครั้งมาก และควรจะแก้ไขอย่างไรดีครับ ?

ตอบ : แนะนำว่าถ้าครั้งหน้าอาตมาไปฝรั่งเศส ให้ไปด้วยกัน อยากกินมานานแล้วพวกเอสคาร์โก ที่นั่นหอยทากอบเนยอร่อยมาก...!

ที่ทำมาผิดวิธี ต่อไปให้ใช้วิธีแผ่เมตตาทุกวัน แล้วตั้งใจว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เคยล่วงเกินมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขอให้เป็นอโหสิกรรมกันทั้งสองฝ่าย และภาวนาบทกรณียเมตตสูตร ตัดเอาแค่ เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิงฯ ตั้งใจขอให้เจ้าที่เจ้าทางทั้งหลายช่วยกันกวาด ๆ ไปให้พ้นทางเราด้วย ไม่ใช่ว่าถึงเวลาทับตายแล้วลงไปขออโหสิทีละตัว ถ้าอย่างนั้นก็คงจะได้ทับอยู่เรื่อย ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 15:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 04-04-2016, 14:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กระผมอยากทราบว่า การไม่กินเนื้อสัตว์ การกินผัก และผลไม้เป็นอาหารหลัก แบบหลวงปู่ครูบาศรีวิชัย หลวงปู่ครูบาวงศ์ จะมีผลต่อการเจริญสมณธรรมอย่างไรครับ ? เพราะเคยได้อ่านหนังสือที่หลวงพ่อวัดท่าซุงได้เทศน์เอาไว้ว่า ในอดีตท่านก็เคยกินแต่ผัก ไม่กินเนื้อสัตว์ แต่อารมณ์ทางด้านกามราคะก็ยังเจริญงอกงามตามปกติ ?
ตอบ : ต้องดูเจตนาด้วย หลวงพ่อวัดท่าซุงต้องการศึกษาว่า การกินมังสวิรัติช่วยลดกามราคะได้หรือไม่ ? ส่วนทางด้านหลวงปู่ครูบาศรีวิชัย หลวงปู่ครูบาวงศ์ ท่านมาสายพุทธภูมิ ตั้งจิตเมตตาต่อสรรพชีวิต ก็เลยไม่คิดจะเบียดเบียนใคร คนละเรื่องเดียวกัน อย่าจับไปชนกันมากนัก พวกเราส่วนใหญ่ศึกษามามาก อ่านมามาก แต่ก็มั่วมากทุกครั้ง ถ้ากินได้ตามกำลังใจของตน มีความสบายใจ การปฏิบัติสมณธรรมก็เจริญ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2016 เมื่อ 15:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:21



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว