กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 10-12-2014, 12:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับคุณหญิง (ณญาดา ศราภัยวานิช) ว่า "จะให้หญิงจัดเรื่องไปเนปาล ยังไม่มีใครจัด ถ้าอาตมาขืนจัดเองเดี๋ยวเครื่องบินไม่พอนั่ง ให้จำกัดยอดด้วย อันดับแรกคือต้องตรวจสอบเรื่องที่พัก ถ้าในภักตรปุระไม่มีโรงแรมที่รับคณะใหญ่ ๆ ได้ ก็ต้องพักที่กาฐมาณฑุ แล้วจากกาฐมาณฑุก็ต้องเดินทางไปภัตรปุระอีก ๑๒-๑๓ กิโลเมตร แล้วระยะทาง ๑๒-๑๓ กิโลเมตรบ้านเขานี่ไม่เหมือนบ้านเรานะ

สำรวจที่พักกับราคา จะได้รู้ว่าเราจะจำกัดยอดได้เท่าไร ไม่ใช่เรื่องสนุกหรอก ค่าเครื่องบินก็หลายหมื่นบาท ที่แนะนำก็คือเนปาลแอร์ไลน์ เพราะว่าแอร์เอเชียต้องไปต่อเครื่องที่มาเลเซีย จะยุ่งมาก ถ้าไม่ได้ภาษา อ่านหนังสือไม่ออกนี่วุ่นวายตายชักเลย ส่วนการบินไทยแพงเกิน เนปาลแอร์ไลน์นั่นแหละ ดูเอาวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เป็นวันหลัก เพราะว่าเป็นวันที่เราไปทอดกฐิน แล้วจะไปก่อนไปหลังอย่างไรค่อยว่ากันอีกที เพราะเนปาลแอร์ไลน์ไม่ได้บินทุกวัน

กฐินของเราวันเสาร์ ถ้าไปวันศุกร์ ทอดเสาร์ กลับอาทิตย์ได้ก็จะประหยัดที่สุด แต่ถ้าจำเป็นก็ต้องเอา เพราะว่าที่พักน่าจะแพง ประมาณ ๒๕ ดอลลาร์ต่อคนต่อวันนะจ๊ะ ไม่ใช่ต่อคนต่อห้องนะ คุณจะนอน ๒ คน ๓ คน ก็เสียคนละ ๒๕ ดอลลาร์ทั้งนั้น แล้วก็บริหารดี ๆ อย่าให้เขาฆ่ากันตาย..! ดูท่าคนอยากไปกันเยอะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-12-2014 เมื่อ 04:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 10-12-2014, 13:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครรู้จัก คุณบุญนำ สุขสกุล บ้างไหม ? พระที่เขาจองตั้งแต่งาน ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ยังไม่มารับ ทิดมงคลชัยก็สึกไปเรียบร้อยแล้ว คุณบุญนำที่จะมารับแทนก็ไม่มา เจ้าตัวก็ไม่มา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 14:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 10-12-2014, 13:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมไปถวายเพลที่วัดหนึ่งเขาจัดงาน พอถวายเสร็จเขาก็บอกว่า จะเอาไปถวายเพลพระที่มาร่วมงาน ปรากฏว่าถึงเวลาจริง ๆ พระท่านที่เป็นเจ้าหน้าที่คว้าของผมไปกินคนเดียวโดด ๆ ไม่ทราบว่าอานิสงส์สังฆทานผมจะได้ไหมครับ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจไว้ก็ได้ แต่พระที่ฉันคนเดียวก็เฮงไป ถ้าไม่ทันตั้งใจไว้ก็ยกให้ท่านไปเถอะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 15:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 10-12-2014, 14:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาอยู่ที่วัดท่าซุงทั้งหมด ๑๘ ปี มีอยู่ปีเดียวที่วัดท่าซุงหนาวที่สุดคือ ๑๖ องศาเซลเซียส อยู่ทองผาภูมิ ๒๒ ปี ปีที่หนาวที่สุด ๒.๕ องศาเซลเซียส เพราะฉะนั้น..ตอนนี้จ้างให้กลับไปวัดท่าซุงก็ไม่ไปแล้ว ร้อนเป็นบ้าเลย ช่วงนี้อากาศของทองผาภูมิกำลังสบาย ๑๘-๑๙ องศาเซลเซียส เช้า ๆ นี่หมอกท่วมเมืองเลย

เรื่องของอาหาร เรื่องของอากาศ เรื่องของบุคคล เรื่องของสถานที่ เรื่องของธรรมะ เหล่านี้ถ้าหากว่าเหมาะสม การปฏิบัติก็จะเจริญได้ง่าย คราวนี้บางคนไม่ชอบหนาว ไปเจอที่หนาวมาก ๆ ก็แย่ บางคนอยู่ภาคอีสานหรือภาคเหนือไม่ได้ เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นข้าวเหนียวข้าวนึ่ง ต้องหาที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวเล็ก : 10-12-2014 เมื่อ 16:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 10-12-2014, 14:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันก่อนไปบวงสรวงในงานฉลองศาลาการเปรียญของวัดมาบฟักทอง อยู่ที่บางละมุง ห่างจากวัดญาณสังวรารามประมาณ ๓-๔ กิโลเมตร เกิดมาก็ไม่เคยได้ยินชื่อ แต่ปรากฏว่าเข้าไปแล้ววัดใหญ่ ศาลาสร้างได้สวยทีเดียว ของเขาหมดไป ๑๐ กว่าล้านบาท แล้วก็ไปเจอหลวงตาแจ่ม เป็นรุ่นน้องที่ห่างจนไม่ทันกัน บวชที่วัดท่าซุงแล้วออกไปตั้งสำนักสงฆ์อยู่ใกล้ ๆ แถวนั้น วัดของท่านอยู่ห่างจากวัดมาบฟักทองออกไปประมาณ ๓๐๐ เมตรเอง เสียดายว่าบวงสรวงเสร็จแล้วต้องขอตัวรีบกลับมาฉันเพลที่กรุงเทพฯ ก็เลยไม่ทันแวะไปดูวัดของหลวงตาแจ่มท่านว่าเป็นอย่างไร

ที่วัดนั้นความจริงไม่ได้รู้จักท่าน แต่ว่าที่ไปเพราะว่าโยมที่เป็นเจ้าภาพสร้างศาลาคุ้นเคยกับตุ๊ป้อสิงห์ วัดถ้ำป่าไผ่ ตุ๊ป้อสิงห์ท่านแนะนำว่า “ถ้าจะบวงสรวงแล้วให้ดี ต้องนิมนต์พระอาจารย์เล็กวัดท่าขนุนมาด้วย” ตกลงว่าตุ๊ป้อท่านก็เลยสบาย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 15:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 10-12-2014, 14:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาจะทำพิธีพุทธาภิเษกมีดหมอปลายเดือนมกราคม คราวนี้รีบสุดชีวิตแล้ว มีดหมอสร้างได้ไม่มาก ตอนนี้ในห้องก็ ๖๐ กว่าเล่ม อาตมามีหน้าที่นั่งเสกทุกวัน เพราะว่ามีดรุ่นนี้ฝังตะกรุด ก็เลยทำให้หาเหล็กที่หนาพอจะฝังตะกรุดได้ยาก นอกจากหาเหล็กได้ยากแล้ว ช่างฝีมือก็ยังหาได้ยากอีกด้วย

ยังเหลืออีก ๒๐ กว่าเล่มเหล็กก็จะหมด แล้วโรงงานก็ไม่ผลิตเหล็กแบบนี้อีกแล้ว ถ้าทำเสร็จครบก็น่าจะได้ ๘๐ กว่าเล่ม เดี๋ยวได้ตีกันตาย เพราะฉะนั้น..จึงให้หามีดไปเข้าพิธีกันเอง ปกติอาตมาใช้มีดของทางบ้านจ่าตุ่มเป็นหลัก ปรากฏว่าตอนนี้ช่างหมีที่เป็นช่างประจำ สายตาไม่ค่อยดี ทำไม่ค่อยไหวแล้ว บอกว่าจะเกษียณตัวเองเร็ว ๆ นี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 15:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 10-12-2014, 19:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงมณฑปพระทองคำว่า "คราวนี้จะอลังการงานสร้างมาก ตอนแรกไม่นึกว่าจะได้เฮียจั๊ว (นายเซียงจั๊ว แซ่ตั้ง) มา เพราะว่าลูกศิษย์คนแรกที่ทำงานเกี่ยวกับด้านนี้บอกว่า ไปซ่อมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทอยู่ อาตมาไม่กล้าไปรบกวนเขา ปรากฏว่าไป ๆ มา ๆ เขาคงจะทำงานร่วมกับเฮียจั๊ว

รายโน้นได้รางวัลอะไรสักอย่างจากสมเด็จพระเทพฯ เกี่ยวกับการออกแบบลวดลายไทย คนเขาฝีมือระดับนี้แล้ว จะออกแบบอลังการแค่ไหนก็ได้ สำคัญตรงที่ว่าจะทำให้เหมือนกับแบบ ก็ต้องได้ฝีมือระดับนี้ด้วยกันอย่างเฮียจั๊ว

อาตมาให้แนวคิดคุณประพนทัศน์ไป บอกเขาว่าเคยเห็นมณฑปโบราณที่ทรงเหมือนเรือแล้วมี ๓ ยอดไหม ? เขาบอกเคยเห็น ก็บอกว่านั่นแหละ พยายามปรับให้ออกมาคล้ายแบบนั้นให้ได้แล้วกัน ของเก่าเขาจะโค้งมากเหมือนอย่างกับเรือ
เลย ตอนนี้ก็เท่ากับมีอะไรสนุก ๆ ให้ทำอีกเยอะ จะไปสิ้นสุดโครงการโน่น เดือนมิถุนายนปี ๒๕๕๙ ปี ๒๕๕๘ พวกเราฉลองศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ปี ๒๕๕๙ พวกเราก็ฉลองมณฑป ๑๐๐ ปีหลวงพ่อวัดท่าซุง ถึงเวลาหล่อพระพุทธรูปทองคำเสร็จ เราก็ฉลองพระกันต่อ อาจจะตรงกับช่วง ๑๐๐ ปีหลวงพ่อวัดท่าซุงด้วย

เดี๋ยวต้องดูแบบจากช่างปัทม์ (นายปัทม์ บุณยรังค์) ให้ช่างปัทม์เขาหล่อพระพุทธรูปเป็นบรอนซ์องค์หนึ่งก่อน ถึงจะแพงหน่อย แต่ก็เพื่อจะคำนวณได้ว่าจริง ๆ แล้วต้องใช้ทองคำเท่าไร ถ้าไม่พอจะได้หาเพิ่ม ถ้าพอแล้วอาจจะทำเลย ตอนแรกก็ว่าท่านอาจารย์สุชาติแกปั้นลายสวยมากเลย จะให้อาจารย์สุชาติปั้นองค์พระพร้อมลาย แล้วหล่อทีเดียวให้จบเรื่องไปเลยดีไหม ? แต่พอนึก ๆ ดูแล้ว เรื่องของเครื่องทรงพระนี่ ถ้าถอดไม่ได้ก็เหมือนกับไม่ได้อย่างใจ ต้องถอดได้ จึงต้องสร้างเครื่องทรงต่างหาก

ตอนแรกมณฑปจะปิดทองประดับคริสตัล ก็คิดว่าถ้าใช้ไม้สักทองจะแพงโดยใช่เหตุ แต่ช่างเขาบอกว่าไม้สักทองจะแกะลายได้เนียนที่สุด ในเมื่อเป็นอย่างนั้นก็ต้องยอมแพงหน่อย เพราะถ้าใช้ไม้อย่างอื่นแกะแล้วมาปิดทอง อย่างไรก็ไม่เห็นเนื้อไม้อยู่แล้ว..ใช่ไหม ? ปรากฏว่าเขาบอกว่าไม้สักทองแกะได้ลายเนียนที่สุด ถึงปิดทองแล้วไม่เห็นเนื้อไม้ก็ต้องยอม

คนอื่นเขาทำงานจะช้า เพราะว่าเขารอจนมีเจ้าภาพแล้วเขาถึงทำ ส่วนอาตมาทำไปเรื่อย ๆ คนโน้นให้บ้างคนนี้ให้บ้าง ก็พอไปเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 20:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 10-12-2014, 19:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : รถเฉี่ยวชนบ่อยค่ะ ?
ตอบ : เฉี่ยวชนบ่อยหรือ ? ขาย..ซื้อคันใหม่ไปเลย..! ก็เอาไปให้หลวงปู่หลวงพ่อที่ไหนเจิมเสียหน่อยสิจ๊ะ เฉี่ยวชนบ่อยอยู่ที่เราขับกระมัง ? สมัยก่อนมีน้องผู้หญิงอยู่คนหนึ่งขับรถ อาตมานั่งนี่หัวใจเกือบจะวายตาย เขาขับตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว ไม่ได้สนใจใครเลย ดูว่าถ้าเราขับรถแข็งแล้วเฉี่ยวชนบ่อย ก็เอารถไปเจิมเสียหน่อย ถ้าหากว่าเราขับรถไม่แข็ง เฉี่ยวชนบ่อยก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 20:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 10-12-2014, 19:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของฤกษ์ยามปี ๒๕๕๘ ต้องขอปรับตามปฏิทินทั่วไปก่อนนะจ๊ะ แล้วจะยื่นเรื่องประท้วง คือปัจจุบันนี้การคำนวณฤกษ์ยามปฏิทินมาจาก ๒ สายด้วยกัน ก็เลยทำให้ต่างกันไป แต่ว่าโดยมาตรฐานแล้ว การคำนวณต้องอยู่ในรอบ ๑๑ ปี กับรอบ ๘ ปี

รอบ ๑๑ ปีก็คือ ๓ ปีมี ๘ สองหนครั้งหนึ่ง ๓ ปีมี ๘ สองหนครั้งหนึ่ง ๓ ปีมี ๘ สองหนครั้งหนึ่ง แล้วก็ ๒ ปีมี ๘ สองหนครั้งหนึ่ง รวมแล้วเป็นรอบ ๑๑ ปี

ถ้ารอบ ๘ ปีก็คือ ๓ ปีมี ๘ สองหนครั้งหนึ่ง ๓ ปีมี ๘ สองหนครั้งหนึ่ง แล้วก็ ๒ ปีมี ๘ สองหนครั้งหนึ่ง คราวนี้พอเอา ๘ กับ ๑๑ มารวมกัน ก็จะเป็นรอบ ๑๙ ปี ซึ่งวันเวลาจะตรงกันทั้งทางสุริยคติและจันทรคติพอดี ก็คือถ้าจะเอารอบใหญ่ตรงกันจริง ๆ ต้อง ๑๙ ปีครั้งหนึ่ง

แต่คราวนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าตำราอื่นเขาคำนวณกันอย่างไร จึงมาพลาด แล้วเขาก็เลยตามเลยมา ๒ ปีแล้ว ไม่อย่างนั้นปีที่ผ่านมาของเรานี่ ต้องมีวันแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๗ แต่ของเขาไม่มี ในเมื่อของเขาไม่มีเท่ากับพลาดไปวันหนึ่ง ฤกษ์ปีหน้า (๒๕๕๘) ก็เลยมั่วไปหมด งานต่าง ๆ คงต้องขอพระท่านสงเคราะห์ให้เป็นพิเศษ คือถ้าพระท่านสงเคราะห์ ฤกษ์อะไรก็ได้ แต่คราวนี้ในเมื่อส่วนรวมไปใช้อันที่เราว่าผิด จึงยุ่งกันใหญ่

เรื่องนี้ถ้าไม่ได้ศึกษาทางโหราศาสตร์มา ก็จะกลุ้มว่าเขาคิดกันอย่างไร ? โบราณท่านใช้คำว่า "เดือนคี่ดับคู่ เดือนคู่ดับคี่" ก็คือว่าเดือนที่เป็นเดือนยี่ เดือน ๔ เดือน ๖ เดือน ๘ เดือน ๑๒ ข้างแรมเดือนดับจะมีถึงแรม ๑๕ ค่ำ ส่วนเดือนคี่ดับคู่ก็คือ เดือนอ้าย เดือน ๓ เดือน ๕ เดือน ๗ เดือน ๙ เดือน ๑๑ ข้างแรมจะมีแค่แรม ๑๔ ค่ำ เป็นเลขคู่ ก็เลยจำง่าย ๆ ว่าเดือนคี่ดับคู่ เดือนคู่ดับคี่

ฟังแล้วคนไม่มีพื้นฐานก็เมาไปเลยว่าคืออะไร ? คราวนี้เดือนทางจันทรคติก็จะมี ๒๙ วัน หรือ ๓๐ วัน ส่วนเดือนทางสุริยคติจะมี ๓๐ วัน กับ ๓๑ วัน ยกเว้นเดือนกุมภาพันธ์ที่มี ๒๙ วันหรือ ๒๘ วัน ซึ่งเขาถือตามปฏิทินเกรกอเรียน ทางด้านจันทรคติของเราท่านเก่ง ท่านปรับสูตรตามที่ว่า คือ สูตร ๑๑ และสูตร ๘ พอ ๑๑ กับ ๘ รวมกันเป็น ๑๙ ปี วันทางจันทรคติกับสุริยคติจะมาตรงกันพอดี ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านทั้งหลายที่ทำปฏิทินของปีนี้เมาอะไรขึ้นมา พลาดไปได้ขนาดนั้น คือถ้าผิดทีหนึ่งก็จะผิดยาวไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-12-2014 เมื่อ 04:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 10-12-2014, 19:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ...(ไม่ได้ยิน)...?
ตอบ : ถ้าหากว่าดาวเสาร์ไม่ได้ย้ายมาอยู่ในราศีของเรา ก็ไม่ต้องทำพิธีรับอะไรหรอก เพราะท่านไม่ได้มายุ่งเกี่ยวอะไรกับเรา คนที่ดาวเสาร์ย้ายเข้าราศีควรจะทำพิธีรับนิดหนึ่ง

ถาม : ทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ยุ่งตายชักเลย ต้องใช้ของสีม่วงซึ่งเป็นสีของดาวเสาร์ วัสดุก็จะมีธงสีม่วงจำนวนเท่ากับกำลังของพระเสาร์ก็คือ ๑๐ จะมีธงสีม่วง ๑๐ ข้าวตอก ๑๐ ดอกไม้สีม่วง ๑๐ เงิน ๑๐ บาท เป็นต้น จะเพิ่มอาหาร ๑๐ ชุด ผลไม้ ๑๐ อย่าง ของหวาน ๑๐ อย่างไปด้วยก็ได้ จัดเอาไปถวายพระ แล้วอุทิศส่วนกุศลให้พระเสาร์ไป ก็เท่ากับว่าเทวดาชั้นจาตุมหาราชต้องเดือดร้อน เพราะว่าเทวดานพเคราะห์ท่านยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์เป็นปกติ ซึ่งเทวดาชั้นที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์เป็นปกติก็คือชั้นจาตุมหาราช ท่านก็ต้องหาคนมารับหน้าที่ไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 20:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 10-12-2014, 19:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนทำชั่วมาทั้งชีวิต ก่อนตายเกาะพระได้ก็ไปพระนิพพาน แบบนี้ก็ไม่ยุติธรรมสิครับ ?
ตอบ : ฟังให้ดี ๆ นะ บุคคลที่ทำดีในอดีต ทำชั่วในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะไปชั่ว เพราะมีผลบุญที่ดีในอดีตรับรองอยู่ บุคคลที่ทำชั่วในอดีต ทำดีในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะไปดี เพราะผลของความชั่วเก่ามีอยู่ เราจะไปสรุปอย่างที่ว่ามานั้นไม่ได้

พระพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลที่สามารถทำทิพจักขุญาณอันบริสุทธิ์ให้เกิดขึ้นได้ รู้เห็นนรกสวรรค์ แล้วกล่าวว่าบุคคลทำดีไปสวรรค์โดยส่วนเดียว บุคคลทำความชั่วไปนรกโดยส่วนเดียว ตถาคตขอกล่าวว่าไม่ใช่

บุคคลที่ทำดีในอดีต ทำดีในปัจจุบัน ไปดีแน่นอน
บุคคลที่ทำดีในอดีต ทำชั่วในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะไปชั่ว
บุคคลที่ทำชั่วในอดีต ทำชั่วในปัจจุบัน ไปนรกแน่นอน
บุคคลที่ทำชั่วในอดีต ทำดีในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะไปดี


เพราะฉะนั้น..ที่ว่ามานั่นเข้าใจผิด โดยเฉพาะถ้าเกาะพระได้แล้วไปพระนิพพานนี่ยิ่งเข้าใจผิดไปหลายโยชน์เลย เกาะพระได้ไปสุคติแน่ แต่ไม่ใช่ไปพระนิพพาน ส่วนที่เราบอกว่าไม่ยุติธรรมนั้น จริง ๆ แล้วยุติธรรมมาก อย่างมัฏฐกุณฑลีเทพบุตร ทำชั่วมาทั้งชีวิต เกาะพระนิดเดียวตอนท้าย ไปอยู่ดาวดึงส์ แต่มีอายุแค่ ๗ วันของดาวดึงส์เท่านั้น ยุติธรรมไหม ? ไม่ยุติธรรมหรือ ? ก็เขาทำดีมาแค่นั้น แต่ในอดีตเขาเคยสร้างความดี ก็คือเคยสร้างพระพุทธรูปมา ทำให้วาระสุดท้ายของชีวิต นอกจากพระพุทธเจ้าเดินผ่านให้เกาะได้แล้ว ยังเป็นวาระที่พระองค์ท่านเสด็จขึ้นไปโปรดพระพุทธมารดาพอดี ได้ฟังเทศน์กลายเป็นพระโสดาบัน ก็เลยอยู่มาจนบัดนี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วไปทำดีตอนท้ายนิดเดียว ถ้าอย่างนั้นไม่ไม่ยุติธรรมแน่ เรื่องกฎของกรรมยุติธรรมที่สุด เรารู้จริงหรือเปล่าเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 20:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 10-12-2014, 19:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การมัดตราสัง ?
ตอบ : การมัดตราสังคนตายเป็นการแสดงออกซึ่งปริศนาธรรม ให้คนที่ไปงานศพได้เห็น ห่วงลูกเหมือนโดนผูกคอ ห่วงทรัพย์สินเหมือนกับโดนผูกเท้า ห่วงเรื่องของสามีภรรยาเหมือนโดนผูกมือ เขาทำให้ดูว่าถ้ามีห่วงอยู่ ก็ยังเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ ถ้าอยากจะพ้นการเวียนว่ายตายเกิดก็ต้องหมดห่วง คราวนี้พวกเราไม่ได้ไปดูในเรื่องของปริศนาธรรม แต่ไปสงสัยว่าทำไมต้องมามัดกันด้วย

ถาม : ต้องมัดแน่นจนลุกไม่ได้ ?
ตอบ : เขาไม่ได้มัดขนาดนั้น เขาเอาแค่สายสิญจน์เส้นเดียว มัดอย่างไรก็มัดไม่อยู่หรอก เพราะฉะนั้น..สัปเหร่อที่ค่อนข้างมีประสบการณ์ ก่อนจะเผามักจะใช้มีดตัดเส้นเอ็นก่อน เขาจะเอาปลายมีดกดตัดเอ็นแถวข้อพับมือข้อพับเท้า ถึงเวลาเผาแล้วเอ็นหด ศพจะได้ไม่ลุกนั่งให้คนเขาตกใจ

ถาม : เขาว่าต้องจับขาถ่างให้ห่างกันไว้ ถ้าขาติดกันเดี๋ยวจะมีคนตายติด ๆ กันไปอีก ?
ตอบ : อันนี้ก็เหมือนกัน ทางวัดท่าซุงจะไม่เคยมีตายศพเดียว ภายใน ๗ วันจะต้องมีอีกศพหนึ่ง หรือไม่ก็อาจจะเป็นศพที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ไปเลย เขาบอกไอ้พวกท่าซุงขี้เหงา ไม่ยอมตายคนเดียว เขาให้สังเกตดู อาตมาอยู่มา ๖ - ๗ ปีตอนที่เป็นพระ จริง ๆ ด้วย สวดศพจะต้องได้สวดคู่เป็นประจำ ก็เป็นเรื่องประหลาดดีเหมือนกัน ของคุณถ้าทำแล้วสบายใจก็ทำให้เขาหน่อย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะกลายเป็น "ตายตามไปจริง ๆ ด้วยเว้ย..!" เดี๋ยวก็เลื่องลือกันไปใหญ่

ถาม : ตายพร้อมกันเพราะผูกกรรม ?
ตอบ : มักจะทำกรรมมาใกล้เคียงกัน ดีไม่ดีก็ทำมาเหมือนกันเลย จึงไปด้วยกัน วันก่อนมีข่าวสามีภรรยาตายพร้อมกันวันเดียวกัน อันนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุนะ แก่ตาย..ตายวันเดียวกันเลย แสดงว่ารักกันจริง ทำกรรมมาเสมอกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 20:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 10-12-2014, 20:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ยมทูตเอาตัวคนที่นามสกุลผิดไป ?
ตอบ : ชื่อนามสกุลต่างกันยังเอาผิดไปเลย ปกติแล้วไม่ค่อยผิดหรอกจ้ะ ท่านแค่ต้องการให้คนไปดูบ้าง ว่าการที่ทำดีทำชั่วแล้วผลเป็นอย่างไร เสร็จแล้วก็เอามาคืน จะได้บอกกับคนที่พอจะมีบุญอยู่บ้าง ถ้าคนไม่มีบุญบอกให้ตายก็ไม่เชื่อ

ถาม : ถ้าคืนไม่ทัน ?
ตอบ : ยังไม่มีตัวอย่างที่คืนไม่ทัน แล้วเขาบอกหรือเปล่าว่าอีกนานเท่าไหร่ถึงจะมาเอา ? ...(หัวเราะ)... ถ้าบอกว่าอีกนานเท่าไรจะมาเอานี่ เตรียมตัวได้เลยจ้ะ ถึงเวลาต้องไปแน่ ๆ

ถาม : ถ้าพระท่านเจิมรถเรา แล้วจะมีแม่ย่านางมาคุ้มครองไหมคะ ?
ตอบ : ไม่แน่จ้ะ...ถ้าพระที่ท่านเจิม ท่านอัญเชิญเทวดาได้ก็จะมี แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่แม่ย่านางหรอก ส่วนใหญ่เป็น "พ่อปู่นาย" เสียเยอะ ถ้าเชิญไม่เป็น ไม่มีเทวดามารักษา ก็ไม่มีแม่ย่านาง อาตมาเองใช้รถมา ๕ คันก็เพิ่งจะมีผู้หญิงมารักษาคนเดียว ขอยืนยันว่าผู้หญิงชั้นจาตุมหาราชดุฉิบหา..เลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 20:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 10-12-2014, 20:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราเปิดเทปบวงสรวงเอง แล้วเจิม ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วถ้าทำอย่างนั้นได้จะดีมากเลย เพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกไว้ตั้งแต่ตอนท่านอายุมากแล้วเจิมรถไม่ไหว ท่านบอกว่าให้เปิดเทปบวงสรวง เสร็จแล้วก็ตั้งใจนึกถึงภาพพระครอบเราลงมา คิดว่าเป็นพระท่านเจิมให้ ไม่ใช่ตัวเราเจิม เราเป็นแค่ผู้แทนเท่านั้น ท่านสอนให้ทำอย่างนั้นเองเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 20:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 10-12-2014, 20:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การดูลายมือมีหลักอย่างไรบ้างคะ ?
ตอบ : ถ้าจะเอาละเอียดจริง ๆ ต้องดูทุก ๑๕ วัน เพราะว่าอย่างเส้นลายมือนี่ ๑๕ วันจะเปลี่ยนทีหนึ่ง เส้นหลัก ๆ อาจจะไม่เปลี่ยน แต่ว่าถ้าเส้นรองจะเปลี่ยน เพราะฉะนั้น..หมอดูที่มีความสามารถจริง ๆ จะดูให้ทุก ๑๕ วัน แล้วสามารถบอกรายละเอียดได้เหมือนตาเห็นเลยก็มี เพียงแต่หายาก อาตมาเองวันก่อนมานั่งเล็ง ๆ ตายละวา..ปกติเส้นอาทิตย์ของอาตมาสั้นนิดเดียว ตอนนี้ยาวต่อกันหมดแล้ว เพราะฉะนั้น..ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปก็รับเงินอย่างเดียว..!

ถาม : อยากได้บ้างค่ะ ?
ตอบ : อยากได้ให้เอามีดกรีด เส้นจะได้ขึ้นคม ๆ ชัด ๆ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 20:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 10-12-2014, 20:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การยอมรับสภาพความเป็นจริงของร่างกาย ?
ตอบ : สภาพจิตของเราเห็นและยอมรับว่า ร่างกายนี้มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ เป็นทุกข์เป็นปกติ สกปรกเป็นปกติ ให้เรากับมันก็ตายพังจากกันไป ต่อให้รักแค่ไหนก็ไม่สามารถยึดเป็นตัวตนของเราได้ ให้ใจของเรายอมรับว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ พอถึงเวลาคิดว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเราแล้วจิตไม่เถียง ไม่ใช่พอเขาตี ก็ "โอ๊ย..! ตีกูทำไม ?"

ถาม : เวลาเป็นสมาธิแล้วร่างกายโยก ?
ตอบ : ปล่อยเลยจ้ะ เพราะว่าสภาพจิตเริ่มเข้าช่วงปีติก่อนจะเป็นฌาน ต้องปล่อยให้ตึงตังโครมครามให้เต็มที่ไปเลย แล้วก็จะเลิกไปเอง ถ้าเราไม่ปล่อย ไปอายเขา แล้วบังคับให้หยุด ก็จะหยุด แต่ถ้าทำถึงตรงนั้นอีกเมื่อไรก็จะเป็นอีก เพราะฉะนั้น..ต้องปล่อยให้เต็มที่ไปเลยทีเดียว

ถาม : เป็นอุปาทาน ?
ตอบ : จะอุปาทานอีท่าไหนเล่า ? ก็โยกจริง ๆ ถ้าไม่เชื่อก็ตั้งโทรศัพท์ถ่ายคลิปเอาไว้ พอถึงเวลาก็มาเปิดดูคลิปของเราเองว่าโยกแค่ไหน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 20:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 10-12-2014, 20:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ฆราวาสที่บรรลุที่ต้องตายใน ๗ วัน ?
ตอบ : ถ้าถึงเวลานั้นแล้ว เขาไม่อยากอยู่กันแล้วจ้ะ เพราะฉะนั้น..ถ้าอยากจะตายก็ตายไปเถอะ ส่วนผู้ชายเองถ้าไม่มีงานไม่มีอะไรแล้วก็..บ๊ายบาย ไปแล้วเหมือนกัน ถึงตอนนั้นจะรู้สึกว่าร่างกายนี้ไร้สาระไร้แก่นสารมาก เบื่อหน่ายมาก ๆ เลย อยู่ต่อแม้แต่อึดใจเดียวก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เหลือจะทน เขาจึงไม่ขวนขวายเพื่ออยู่หรอก แต่เนื่องจากความเข้าถึงธรรมทำให้มีปัญญามาก เขาก็ไม่ดิ้นรนที่จะตายเหมือนกัน ปล่อยไปตามวาระของกรรม

ถาม : ไปนอนให้เลือดมา เห็นเลือดแล้วจะช็อกเป็นลม ...(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : ไม่ได้จ้ะ ถ้าไม่ถึงวาระอย่างไรก็ไม่ตาย แต่ที่ช็อกนั่นร่างกายตัดระบบเอง ต่อไปก่อนให้เลือดสั่งร่างกายว่า “ห้ามช็อก..ห้ามเป็นลม ห้ามช็อก..ห้ามเป็นลม” ภาวนาจนเป็นฌานไปเลย คือร่างกายของเราสามารถตั้งระบบได้ ถ้าระบบอ่อนก็จะตัดเร็ว สมัยก่อนอาตมาเห็นเลือดก็เป็นลมแล้ว สมัยนี้เอาดาบมายังไม่กลัวเลย สรุปก็คือกลัวตายนั่นแหละ

พอกลัวตายถึงเวลา
ร่างกายก็ตัดระบบให้ทำงานช้าที่สุด ถ้าเสียเลือดช้าจะได้ตายช้าหน่อย ถ้าหากว่าเราสั่งเขา บอกเขาว่าอย่าเป็น อายเขา เลิกเป็นได้แล้ว ถ้าเราตั้งโปรแกรมของเราอย่างนี้ใหม่ ๆ อยู่เรื่อย เดี๋ยวร่างกายเขาก็จะตั้งระบบใหม่ตามมาเอง เพราะฉะนั้น..ต้องไปให้เลือดใหม่อีก ๒-๓ ครั้ง ตั้งระบบให้ชิน เดี๋ยวก็ดีขึ้นไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 21:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 10-12-2014, 20:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระพี่น้องที่ลอยแพมา ?
ตอบ : เขาว่าอย่างนั้น แต่ความจริงเป็นพระที่ชาวบ้านเขาเอาลอยแพหนีพม่ามา ในเมื่อลอยมาหลาย ๆ องค์พร้อมกัน เขาก็นับเป็นพี่เป็นน้องกัน

ถาม : ลอยมาเองหรือคะ ?
ตอบ : ตีเสียว่าลอยแพมาง่ายที่สุด อย่าไปคิดว่าลอยมาเองหรืออะไร เพราะบางคนจะคิดว่า เป็นโลหะลอยได้อย่างไรวะ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 21:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 10-12-2014, 20:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ออกรถใหม่ต้องทำอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ออกแล้วก็ขับสิจ๊ะ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2014 เมื่อ 21:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 11-12-2014, 12:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ท่านที่ปฏิบัติถึงระดับที่มีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ท่านใช้ร่างกายนี้แบบแยกออกจากใจ เหมือนเราขับรถไหมคะ ?
ตอบ : ใช้ตามปกติจ้ะ เพียงแต่ใช้โดยให้รู้ตัวอยู่ตลอดว่าไม่ใช่เรา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นสักแต่ว่าทำ ตาเห็นรูปก็สักแต่ว่าเห็น มือสัมผัสก็สักแต่ว่าสัมผัส

ถาม : ท่านจัดการกับการรับรู้อย่างไรคะ เมื่อท่านเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้รส หรือสัมผัสต่าง ๆ แล้ว แต่ไม่ปรุงแต่ง ?
ตอบ : เป็นเพียงกิริยา ในเมื่อเป็นกิริยาก็สักแต่ว่าทำ ๆ ไป ไม่ต้องมีมายา ก็คือไม่ต้องไปแสดงออกเพื่อใคร ไม่ต้องไปปรุงแต่งเพื่ออะไรต่อมิอะไร

ถาม : ท่านคิดว่าร่างกายนี้เป็นภาระไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ได้เป็นภาระอะไร เพราะสภาพจิตของท่าน ท่านไม่ได้แบกอะไร ก็สักแต่ว่าทำ ๆ ไป เหมือนกับสักแต่ว่ากิน ๆ ไปสักมื้อหนึ่ง

ถาม : เวลากิน ท่านคิดถึงร่างกายว่าปฎิกูลเลี้ยงปฏิกูลไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าถึงระดับนั้นก็ไม่ต้องไปเสียเวลาปฏิกูลแล้ว ใจยอมรับตั้งแต่แรกแล้ว

ถาม : อ้อ..ที่คิดอย่างนั้น เอาไว้สำหรับฝึก ?
ตอบ : จ้ะ..ท่านเห็นเป็นปกติอยู่แล้ว อย่างที่ภาษาบาลีว่า เนวะ ทวายะ นะ มะทายะ นะ มัณฑะนายะ นะ วิภูสะนายะ ไม่กินเพื่อความมึนเมา ไม่กินเพื่อการประดับ ไม่กินเพื่อการตกแต่ง ก็คือว่าไม่ติดในรสอาหาร ไม่กินอวดร่ำอวดรวย ประดับตกแต่งก็คือกินอวดร่ำอวดรวยนั่นแหละ แล้วก็กินเพื่อยังสภาพร่างกายนี้ไว้ เพื่ออนุเคราะห์ต่อการปฏิบัติธรรมเท่านั้น ท่านใช้คำว่า พรัมมะจะริยานุคคะหายะ อนุเคราะห์ต่อการประพฤติพรหมจรรย์

อิติ ปุราณัญจะ เวทะนัง ปะฏิหังขามิ นะวัญจะ เวทะนัง นะ อุปปาเทสสามิ เพื่อระงับซึ่งเวทนาเก่า แล้วก็บรรเทาเวทนาใหม่ที่จะเกิดขึ้น ถ้าร่างกายปั่นป่วนมาก ๆ ก็ไม่สามารถที่จะปฏิบัติธรรมได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-12-2014 เมื่อ 19:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:37



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว