กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 08-04-2016, 20:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "วันที่ ๒๘ มีนาคม ไปงานพุทธาภิเษกวัดห้วยน้ำอุ่น ของหลวงปู่ครูบาบุญยัง ตอนแรกก็สงสัยว่า ทำไมท่านถึงจัดพิธีพุทธาภิเษกระหว่าง ๑ ทุ่มถึง ๓ ทุ่ม พอไปถึงแล้วหายสงสัย วัดของหลวงปู่ท่านประเภทแดดร้อนละลายเลย เป็นภูเขาที่แห้งแล้งมาก ภูเขาหินลูกรังล้วน ๆ ถ้าไม่จัดพิธีกลางคืนโยมคงไม่ไปกันหรอก

พอไปเห็นสถานที่ถึงได้รู้ว่า ท่านมีความอดทนและเคารพเชื่อฟังครูบาอาจารย์ขนาดไหน หลวงปู่ครูบาวงศ์ให้ท่านไปดูแลรักษาและพัฒนาวัดที่นั่น ท่านก็อยู่มาจนทุกวันนี้ ท่านเป็นลูกศิษย์รุ่นแรก ๆ ของหลวงปู่ครูบาวงศ์ พูดง่าย ๆ ว่าสมัยก่อนตอนที่ท่านไป ก็คงประเภทไม่มีใครแวะเข้าไปเลย

พอไปถึงแจ้งความจำนงว่าขอมากราบหลวงปู่ครูบา ก็ไม่มีใครสนใจ นั่งรอจนกระทั่งท่านออกมา กราบท่านเสร็จสรรพเรียบร้อย ท่านบอกให้ไปพักที่ศาลาพักอาคันตุกะที่ท่านเพิ่งสร้างใหม่ อาตมาไปถึงเห็นมีเสื่อเก่า ๆ หมอนเก่า ๆ อยู่ชุดหนึ่ง ก็นอนเขลงภาวนาอยู่นั่นแหละ พออีกสักพักหนึ่ง เสียงตึงตังโครมครามมากันเต็มไปหมด ลูกศิษย์ท่านมาช่วยทำความสะอาด มาปูเสื่อเสียเต็มศาลา เอาน้ำร้อนน้ำเย็นอะไรมาถวาย แต่หาครูบาเล็กไม่เจอ เจอแต่พระผอม ๆ รูปหนึ่งนอนคร่อกอยู่

ถ้าอาตมาไปในสภาพนั้นจะชอบมาก เพราะหลอกชาวบ้านได้ ก็คือ ท่านบอกว่าครูบาเล็กไปพักอยู่ที่โน่น ให้ไปจัดสถานที่กันหน่อย พวกลูกศิษย์ก็วิ่งกันใหญ่เลย คนโน้นพัดลม คนนี้โต๊ะ คนนั้นเก้าอี้ โน่นเสื่อนี่หมอน ฯลฯ ตกลงอาตมาไปคนเดียว เขาขนฟูกมา ๒๐ ชุด แล้วก็หาตัวไม่เจอหรอก เพราะว่าครูบาที่ท่านว่านอนอยู่บนเสื่อเก่า ๆ หมอนเก่า ๆ ภาวนาอยู่เฉย ๆ ใครจะทำอะไรก็ทำไป ภาวนาจนกระทั่งครบรอบที่ต้องการ ลุกขึ้นมาเขาถึงได้มาถามว่า "ใช่ครูบาเล็กหรือเปล่า?" ใช่ก็ใช่วะ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2016 เมื่อ 20:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 08-04-2016, 20:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เดี๋ยวนี้วัดประเภทที่ไม่ค่อยเคยเห็นหน้าอาตมานี่มีน้อยแล้วนะ อาตมาชอบไปวัดประเภทนี้ ไปแล้วได้เห็นอะไรเยอะดี

พระที่ท่านมาเข้าพิธีด้วยกัน ดูหน้าก็รู้ว่าอาตมามีอาวุโสพรรษามากกว่า ทั้งอายุทั้งพรรษาของท่านต้องน้อยกว่าแน่ ๆ อุตส่าห์ยกมือไหว้ทักทายก่อน ท่านก็เมินไม่สนใจอาตมาก็ไม่ว่าอะไร ทักทายครบถ้วนเสร็จก็ไปนั่งอ่านหนังสือรอเวลา ปรากฏว่าพออีกสักพักหนึ่งครูบาหน่อแก้วฟ้ากับคณะมา ครูบาวิฑูรย์กับคณะมา มารุมมาล้อมมากราบมาไหว้ พวกนั้นก็งง ๆ ว่าเป็นใครวะ ? จนกระทั่งหลวงพ่อครูบาสนิทมานั่นแหละ เขาเห็นอาจารย์ใหญ่แถว ๆ นั้นมาทักมาทาย ก็เพิ่งจะรู้ว่าตูคงมองข้ามใครไปสักคนแล้ว...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2016 เมื่อ 20:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 08-04-2016, 20:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาไปนอนค้างที่วัดตุ๊ป้อสิงห์ ออกจากที่นี่ประมาณเที่ยงของวันที่ ๒๗ ไปถึงโน่นสองทุ่มพอดี ตอนเช้าโยมมาถวายอาหารเช้า ด้วยความที่ไม่ค่อยเรื่องมาก ก็ฉันน้ำพริกหนุ่มกับข้าวนึ่งเป็นหลัก ก็ไม่คิดว่ารุ่งเช้าจะท้องเสีย พุทธาภิเษกเสร็จกลับไปถึงวัดถ้ำป่าไผ่สามทุ่มกว่า ไปนอน รุ่งเช้าก็เดินทางต่อ ทำไมปวดท้องมาก ? พอถ่ายท้องแล้วเพิ่งจะรู้

จำไว้ว่าอย่ากินพริกเยอะ กินพริกเยอะก็ถ่ายท้องได้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะความเผ็ดทำให้ร่างกายต้องสร้างสารอะไรบางอย่างออกมาลดความเผ็ด คราวนี้พอสร้างเยอะ ๆ ก็เลยทำให้ปวดท้อง ท้องเสีย

สมัยก่อนตอนธุดงค์ น้ำพริกกะเหรี่ยงเผ็ดเท่าไรก็ฉันได้ ฉันจนกระทั่งออกมาข้างนอกพริกอื่นไม่มีรสเลย ถึงเวลาเขาเอาพริกดองมาหรือว่าพริกขี้หนูน้ำปลามะนาวมา อาตมาต้องช้อนเอาแต่พริก เคี้ยวเท่าไรก็ไม่รู้สึกเผ็ด เพราะลิ้นด้านไปกับพริกกะเหรี่ยงเสียแล้ว ส่วนตอนนี้น่าจะเป็นเพราะอายุมากขึ้น เพราะน้ำพริกหนุ่มก็ไม่ได้เผ็ดมากดันท้องเสีย จะเรียกพริกสาวเขาก็ไม่เรียก เรียกแต่พริกหนุ่ม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2016 เมื่อ 20:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 09-04-2016, 11:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเรานึกถึงพระด้วยความเคารพไว้ได้ตลอดเวลา ภัยอะไรก็ทำอันตรายเราไม่ได้ คิดอย่างนี้ถูกต้องไหมคะ ?
ตอบ : ประมาทไปหน่อย

ถาม : ต้องขนาดไหนจึงจะรอด ?
ตอบ : ขนาดไหนก็ไม่รอด ขนาดพระโมคคัลลาน์ยังไม่รอดเลย ต้องดูวาระกรรมของเราด้วย ถ้าวาระกรรมหนักเกินไปก็รับไม่ไหว ต้องยอมเขา คือพวกเรามักจะประมาทเป็นปกติ คราวนี้พอประมาทเป็นปกติ ลืมนึกถึงครูใหญ่ ครูใหญ่คือพระพุทธเจ้าก็ยังเจ็บไข้ได้ป่วยเสียขนาดนั้น ครูใหญ่คือพระโมคคัลลาน์ก็ยังโดนเขาทำร้ายเสียขนาดนั้น อันนั้นถึงเรานึกได้ ความดีก็เป็นส่วนของความดี ความชั่วก็เป็นส่วนของความชั่ว ถ้ากำลังความชั่วแรงกว่า ความดีต้านไม่อยู่ก็ต้องรับกรรมไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-04-2016 เมื่อ 11:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 09-04-2016, 12:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนต้นเดือนคุณเชวงที่ทำเรือพระราชพิธีจำลอง นำเรือไปถวายที่วัด ๓ ลำ จะเรียกว่าถวายก็ไม่ใช่หรอก เพราะว่าอาตมาสั่งทำไว้ จ่ายเงินเสร็จสรรพแกก็เชียร์จัง บอกว่ายังขาดลำนั้น ยังขาดลำนี้ คือถ้าหาเจ้าภาพได้ก็จะทำหรอก แหม...ลำหนึ่งเป็นแสน เชียร์จัง เรือพระราชพิธีจำลองที่ทำไปก็มีเรืออนันตนาคราช เรือสุพรรณหงส์ แล้วก็เรือนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลที่ ๙

ต้องบอกว่าจริง ๆ ควรจะมีเรืออเนกชาติภุชงค์อีกลำหนึ่งที่เป็นเรือพระที่นั่งเหมือนกัน นอกนั้นก็ประเภทเรือดั้ง เรือแซง เรือปืน ต้องบอกว่าความจริงเรือพระที่นั่งลำเดียวก็พอแล้ว ถ้าหากว่าเอาสมบูรณ์แบบเลยก็ ๒ ลำ คือในหลวงลำหนึ่ง พระราชินีลำหนึ่ง คาดว่าในหลวงก็น่าจะประทับเรืออนันตนาคราช พระราชินีประทับเรือสุพรรณหงส์ แต่ที่ผ่าน ๆ มาส่วนใหญ่แล้วพระองค์ท่านไปประทับเรือสุพรรณหงส์ เรืออนันตนาคราชเป็นเรืออัญเชิญผ้าไตร ก็เลยบอกว่ารอดูก่อน เผื่อมีใครเป็นเจ้าภาพถึงจะสั่งทำเพิ่ม

ที่มอง ๆ เอาไว้ก็น่าจะมี เรือพาลีรั้งทวีปกับเรือสุครีพครองเมือง เพราะว่าต้องเป็นเรือปืนคู่หน้า แล้วก็เรืออสุรวายุภักษ์ กับเรืออสุรปักษี เป็นเรือปืนคู่หลัง แปลว่าอย่างน้อยต้องหางบอีก ๔๐๐,๐๐๐ บาท

คุณเชวงนี่จิตวิทยาสุดยอดมากเลย ไปถึงแล้วเขาถามว่ามีแรงงานที่จะมาช่วยยกไหม ? อาตมาบอกว่ามี พรึ่บเดียวพระมา ๒๐ รูป เขายืนงง เขาบอกว่าไปวัดไหนไม่เคยเห็นพระมาช่วยยกเลย มีแต่จะเรียกชาวบ้านมาช่วยยก อาตมาว่า อ๋อ...ที่นี่บังเอิญว่ามีพระมากพอ จึงยกเรืออนันตนาคราชขึ้นไปก่อน

พอไปถึงชั้น ๓ วางตั้งเรียบร้อย เขาบอกว่า ข่าวดีครับ ลำนี้หนักที่สุด ที่เหลือเบากว่าทั้งนั้นเลย เพราะว่าเรืออนันตนาคราชเป็นเรืออัญเชิญผ้าพระกฐิน ตรงกลางก็เลยเป็นซุ้มบุษบกซึ่งสูงกว่าพระที่นั่ง ก็เลยกลายเป็นว่าทั้งฐานทั้งกล่องต้องใหญ่กว่าลำอื่น พอยกเรือนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลที่ ๙ กับเรือสุพรรณหงส์ที่เหลือซึ่งเป็นเรือพระที่นั่งธรรมดา ก็เลยเตี้ยกว่าเยอะ เพราะว่าไม่มีบุษบก แต่เป็นลักษณะวอซุ้มประทับนั่ง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-04-2016 เมื่อ 16:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 09-04-2016, 12:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แล้วยังมีการนำเสนออีกว่า เอาเรือโบราณที่เขากำลังฮิตกันไหม ? อาตมาถามว่าเขาฮิตอะไรบ้าง ? ก็บอกว่ามีเรือเจิ้งเหอ เจิ้งเหอนี่ถือว่าไปขนสมบัติกลับบ้าน แล้วก็มีเรือวิกตอรี่ที่ออกรบไม่เคยแพ้เลย แล้วก็อีกลำหนึ่งที่เป็นเรือรบโบราณที่ใหญ่ที่สุด เขาบอกชื่อแต่จำไม่ได้ บอกว่าอันนั้นหมายถึงความมั่นคง มีการตีความอะไรเสร็จสรรพ แล้วก็เอารูปถ่ายให้ดู

เขามีการจัดสถานที่เป็นฮวงจุ้ยให้ด้วย ดูเข้าท่าดีเหมือนกัน เอาไว้ถ้าไม่มีของจะวางแล้วค่อยไปหาของใหญ่ ๆ แบบนั้น เพราะว่าเรือลำนั้น ๓ เมตรครึ่ง ใหญ่มหึมาเลย ถ้าขนาดเล็กลงก็ไม่ได้รายละเอียด ของเขาประเภทพวกเชือกพวกใบเรือ ฯลฯ ใช้งานจริงได้เลย ถ้าหากเอาอีก ๔ ลำ คงต้องจัดขบวนเรือชิดเอาไว้ด้านข้าง เอาไว้กลางห้องที่อย่างที่วางปัจจุบันนี้ไม่ได้ เพราะว่าจะยาวมาก

เขามีตู้ครอบมาเสร็จสรรพ ทำเป็นกล่อง บอกเขาให้ทำหน้าพิเศษ ๘ มิลลิเมตรให้ เพราะปกติทั่วไปเขาทำประมาณ ๕ มิลลิเมตรเท่านั้น ของเราเดินทางไกลก็เลยสั่งทำ ๘ มิลลิเมตรให้ นัดส่งของวันที่ ๑๒ ไปถึงวันที่ ๘ พอยกเข้าที่เสร็จบอกคุณเชวงว่าขอถามคำหนึ่งเถอะ "รังเกียจไหมที่จะรับเงินสด ?" เขาบอก "โอ๊ย...ไม่เป็นไรครับ ขอให้เป็นเงินเถอะ" เพราะส่วนใหญ่เขาไม่ค่อยอยากถือเงินสดเยอะ ๆ กัน เขาจะให้โอนเข้าบัญชี แกบอกของแกไม่เป็นไร คนขับรถไว้ใจได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-04-2016 เมื่อ 16:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 09-04-2016, 19:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ฝรั่งไม่เข้าใจธรรมเนียมของพระว่า สัมมาอาชีพของพระก็คือการโคจรบิณฑบาต พูดง่าย ๆ ก็คือขอเขากิน เพราะการทำอาชีพอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่สร้างภาระ ขณะเดียวกันก็สร้าง รัก โลภ โกรธ หลง ให้เกิดขึ้นง่าย พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า สัมมาอาชีวะของภิกษุคือโคจรบิณฑบาต แต่ฝรั่งเห็นเป็นการขอทาน เพราะฉะนั้น...บางประเทศพระไปเดินบิณฑบาตนี่โดนจับเลย หาว่าทำตัวเป็นขอทาน เวลาไปต่างประเทศ ส่วนใหญ่พระจึงต้องบิณฑบาตอยู่แต่ในวัด ถึงเวลาโยมคนไทยบ้าง บรรดาสามีภรรยาที่เป็นคนไทยบ้าง พาครอบครัวไปทำบุญ ก็เดินตามระเบียงรับไป

ไปนึกถึงสูจิมุขีปริพาชิกา เจอพระสารีบุตรบิณฑบาตนั่งฉันอยู่ก็ถามว่า "ดูก่อนสมณะ ท่านก้มหน้าฉันหรือเปล่า ?" พระสารีบุตรบอกว่าไม่ได้ก้มหน้าฉัน "ท่านเงยหน้าฉันหรือเปล่า ?" พระสารีบุตรบอกว่าไม่ได้เงยหน้าฉัน "ท่านดูทิศใหญ่ฉันหรือเปล่า ?" พระสารีบุตรบอกว่าไม่ได้ดูทิศใหญ่ฉัน "ท่านดูทิศน้อยฉันหรือเปล่า ?" พระสารีบุตรก็บอกว่าไม่ได้ดูทิศน้อยฉัน

สูจิมุขีปริพาชิกาก็ต่อว่า "ถามอะไรก็บอกว่าไม่ใช่สักอย่าง แล้วท่านฉันอย่างไร ?" พระสารีบุตรบอกว่า "ภคินิ...ดูก่อนน้องหญิง พราหมณ์ทั่วไปที่ดูพื้นที่ แล้วรับค่าตอบแทนเป็นอาหารบ้าง เป็นสิ่งของบ้าง เรียกว่าก้มหน้าฉัน พราหมณ์ท่านใดที่ดูดาวดูฤกษ์ให้คำแนะนำ แล้วบุคคลเกิดศรัทธา ถวายอาหารบิณฑบาต ตลอดกระทั่งสิ่งของต่าง ๆ ให้ เรียกว่าเงยหน้าฉัน พราหมณ์ท่านใดช่วยติดต่อสื่อสาร ช่วยเป็นผู้แทนให้ครอบครัวนั้นครอบครัวนี้ บุคคลนั้นบุคลคลนี้ ถือว่าเป็นผู้ดูทิศใหญ่ฉัน พราหมณ์ผู้ได้ให้คำแนะนำในการดำเนินชีวิตแก่บุคคลที่ไปสอบถาม เรียกว่าดูทิศน้อยฉัน

เราเป็นสมณศากยบุตร เว้นจากมิจฉาอาชีวะทั้งหลายเหล่านี้ ได้อาหารมาจากการโคจรบิณฑบาต เมื่อฉันแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาประพฤติพรหมจรรย์ จึงไม่เรียกว่าก้มหน้าฉัน เงยหน้าฉัน ดูทิศใหญ่ฉัน ดูทิศน้อยฉัน อย่างที่น้องหญิงเข้าใจ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-04-2016 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 09-04-2016, 19:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สูจิมุขีปริพาชิกาได้ยินก็ชอบใจ กลายเป็นโฆษกให้พระ ถึงเวลาก็ไปประกาศกับชาวบ้านว่า "สมณศากยบุตรเหล่านี้ ฉันภัตตาหารที่ได้มาโดยธรรม ท่านทั้งหลายจงถวายอาหารต่อสมณศากยบุตรเหล่านี้ด้วยเถิด"

ไปนึกถึงชื่อของคุณเธอ สูจิมุขีปริพาชิกา สูจิคือเข็ม สูจิมุขีก็คือปากแหลมเหมือนเข็ม แสดงว่าต้องเป็นคนปากแหลม ๆ หน่อย แบบเดียวกับกูฏทันตพราหมณ์ พราหมณ์ฟันยื่น ชานุสโสณีพราหมณ์ พราหมณ์ขายาว เขาจะมีบอกไว้ชัด ๆ เลย ลักษณะเหมือนกับฉายาที่ประกาศให้รู้ว่าเป็นใคร ไม่อย่างนั้นชื่อก็มักจะซ้ำ ๆ กัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-04-2016 เมื่อ 03:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 09-04-2016, 20:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การจะบวชพระต้องมีบริขาร ๘ ก็คือ สบง จีวร สังฆาฏิ ประคดเอว บาตร มีดโกน เข็มและด้าย ผ้ากรองน้ำ ถามว่า ๘ อย่างนี้อะไรที่ขาดไม่ได้ ? ก็คือผ้าไตรกับบาตร เขาห้ามขาดครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งถ้าไม่มีไปหาเอาทีหลังได้ เพราะฉะนั้น...ถ้าจะบวชพระ นอกจากผ้าไตรแล้ว ก็ต้องมีบาตรมาด้วย

พอถึงเวลาคู่สวดถาม ปะริปุณณันเต ปัตตะจีวะรัง มีบาตรมีจีวรบริบูรณ์ดีแล้วหรือ ? ตอบว่า อามะ ภันเต ไม่มีก็ นัตถิ ภันเต ท่านก็ไล่ให้ไปหามาให้ครบก่อน โยมมาถึงก็บอกว่าถวายจีวรบวชพระ ๒ รูป บวชไม่ได้เพราะยังขาดบาตร ...(หัวเราะ)..."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-04-2016 เมื่อ 03:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 09-04-2016, 21:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการพิจารณาให้เกิดความเมตตา เพราะที่แผ่เมตตาไป ยังเมตตาไม่พอ ?
ตอบ : คำว่าไม่พอเราต้องการขั้นไหน ? ถ้าจะเมตตาให้พอจริง ๆ เป็นอัปปมัญญา อย่างน้อยกำลังต้องเท่ากับพระอนาคามี พูดอีกก็ถูกอีกแหละ เรื่องของการแผ่เมตตา เราแผ่ไปตามปกติ จนกระทั่งอารมณ์ใจทรงตัวแล้ว ก็จับลมหายใจภาวนาต่อ เพื่อที่จะให้เป็นอัปปนาสมาธิ กำลังจะได้สูงขึ้น ทำของเราไปบ่อย ๆ ทำของเราไปเรื่อย ๆ ส่วนจะพอหรือไม่พอก็ช่าง ไม่ได้ไปทำแข่งกับใครนี่หว่า..!

ถาม : กำลังลดลงครับ พยายามอุเบกขามากขึ้น แต่เมตตาก็ตก ?
ตอบ : ในเมื่อรู้ก็พยายามปรับใหม่สิ อุเบกขาไม่ใช่เมตตาตก คุณช่วยไม่ได้ถ้าไม่อุเบกขาเดี๋ยวคุณก็บ้าเอง อุเบกขาก็มีเมตตาประกอบด้วย รอว่าถ้าช่วยได้เมื่อไรก็จะช่วย ถ้าหากว่าผ่านพ้นไปแล้วก็ต้องรอรอบใหม่ บางคนวาระรอบก็ยาวเหลือเกิน บางทีหลุดวงโคจรไปเป็นสิบ ๆ ปี กว่าจะย้อนกลับมาได้ จึงต้องไม่ประมาท พยายามสร้างบุญให้ต่อเนื่องกัน

ถาม : ขอคำแนะนำในเรื่องเมตตา กำลังไม่พอจริง ๆ ครับ
ตอบ : ไปเลี้ยงหมู เลี้ยงหมา เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่อะไรก็ได้ ความรู้สึกเมตตาจะเกิดขึ้นเอง สารพัดเทคนิค ต้องหาเอง คนอื่นแนะนำก็เป็นเพียงคำแนะนำ จะทำได้หรือไม่ได้อยู่ที่เรา จะให้ไปเลี้ยงหมา แทนที่จะได้เมตตาเดี๋ยวกลายเป็นโทสะไปอีก

วันก่อนไปวัดถ้ำป่าไผ่ เดินออกมาตอนตีสองกว่า หมาก็แห่กันมา ๗-๘ ตัว บางตัวตะกายขึ้นหัวขึ้นหู บางตัวมาทีหลัง มาถึงแฮ่ไล่ตัวอื่น ต้องคอยดุคอยว่ามันอยู่เรื่อย ก็คือสัตว์เขาแสดงออกแบบสัตว์ เพราะว่าเขารู้แค่นั้น ส่วนเราไม่ใช่สัตว์ อะไรที่เมตตาสงเคราะห์เขาได้ก็สงเคราะห์ไป คือถ้าแมวรู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเหม็นตลบไปหมด เขาก็คงไม่ทำหรอก แต่คราวนี้แมวมีเขตของตัวเอง ทำเครื่องหมายเขตของตัวเอง ส่วนเราไปดมก็ว่าเหม็นเป็นบ้าเลย

สัตว์เดรัจฉานด้วยสภาพหากินไม่ได้ดั่งใจ กินไม่ได้อย่างใจ นอนไม่ได้อย่างใจ มีความกลัวภัยอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเป็นสิ่งที่น่าสงสาร หรือเป็นสิ่งที่น่าโกรธ ? ต้องคิดให้เป็น คิดเป็นกำลังใจเมตตาจะมา คิดไม่เป็นก็เป็นโทสะ กลายเป็นคู่ตรงข้ามกันเลย


ถาม : กำลังไม่พอด้วยครับ
ตอบ : กำลังไม่พอก็ลดลงมาดูศีล อย่าให้ขาด ตั้งหน้าตั้งตารักษาศีลได้ เดี๋ยวตัวเมตตาก็มาเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-04-2016 เมื่อ 03:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 10-04-2016, 20:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาภาวนาเสร็จ ....(ไม่ชัด).... เวลาฝึกผมฝึกไม่ได้ครับ ?
ตอบ : ต้องดูว่าที่เราว่าบังคับลมนั้น บังคับเองหรือเปล่า เพราะเวลาที่สมาธิทรงตัว ลมหายใจจะเปลี่ยนเองโดยอัตโนมัติ ถ้ามีความคล่องตัว เข้าสมาธิได้ระดับใดระดับหนึ่งทันที ทันทีที่ภาวนาจะไปตรงนั้นเลย ไม่ใช่เราบังคับลม แต่สมาธิจะทรงตัวในระดับนั้น ลมหายใจก็เปลี่ยนโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว จะแรงจะเบาตามระดับสมาธิของเราตอนนั้น ไม่ใช่ลมหายใจปกติ

ถาม : แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าบังคับลมตรงนี้ ?
ตอบ : ไปเปิดตำราศึกษาเอาว่า คำว่าฌานหน้าตาเป็นอย่างไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2016 เมื่อ 04:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 10-04-2016, 20:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กะลาตาเดียวเป็นอย่างไรคะ ?
ตอบ : ถ้าเป็นคนก็พิการ เขามี ๒ ตาแต่นี่ดันมีตาเดียว อะไรที่แปลกกว่าเขา โบราณเขาถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว โดยเฉพาะกะลาตาเดียวที่ดังที่สุดคือหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง จะลงยันต์สุริยประภา จันทรประภาที่เป็นยันต์ของพระราหู ต้องลงให้เสร็จภายในช่วงเวลาที่ราหูอมจันทร์ ถ้าเคลื่อนผ่านพ้นไปก็ใช้ไม่ได้ ต้องรอครั้งใหม่

ฉะนั้น...ของหลวงพ่อน้อย ถึงเวลาลูกศิษย์แกะกะลาเอาไว้ พอถึงเวลาราหูอมจันทร์ ท่านก็มานั่งมองแล้วก็ลงยันต์ไล่ไปเรื่อย พอราหูเคลื่อนผ่านไป ที่เหลือก็รอครั้งหน้า เขาเชื่อว่าจะช่วยพลิกชะตากลับร้ายให้เป็นดี


ถาม : ให้โชคด้านไหนคะ ?
ตอบ : บอกไม่ถูกเหมือนกัน สมัยเด็ก ๆ เขาเอากะลาตาเดียวมาเป็นทะนานตวงข้าวสาร เขาเชื่อว่าจะทำให้มอดไม่กิน แล้วโบราณถ้าคู่บ่าวสาวแต่งงาน เขาจะเขียนชื่อ เขียนวันเดือนปีเกิดของทั้ง ๒ คน ใส่ไว้ในกะลาตาเดียว เขาเชื่อว่าจะทำให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข

ต้องบอกว่าเป็นแค่ความเชื่อ อะไรที่มงคลต้องเป็นมงคลตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ อย่างอื่นเป็นเพียงแต่มงคลภายนอกเท่านั้น มงคลภายในก็ อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา ปูชา จ ปูชะนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ไปเถอะ...ไปสร้างมงคลให้เกิดกับตนเองก่อน แล้วค่อยไปเอามงคลภายนอก ถ้าหาแต่มงคลภายนอกอย่างเดียวเดี๋ยวก็เจ๊ง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2016 เมื่อ 04:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 10-04-2016, 20:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กราบขอพร ?
ตอบ : ขอให้ไปพระนิพพานไว ๆ ดีกว่า พรอะไรก็สู้พรนี้ไม่ได้หรอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2016 เมื่อ 04:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 10-04-2016, 20:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ท่านไม่แจกวัตถุมงคลให้บ้าง ?
ตอบ : หนังสือที่แจกไปนั่นแหละ เป็นมงคลที่สุดแล้ว ทำให้ได้ก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2016 เมื่อ 04:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 10-04-2016, 21:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “ประเภทที่ขนของมาวางแล้วตัดใจถวายได้เลย อาจดูเหมือนมักง่ายนะ แต่ความจริงแสดงออกซึ่งกำลังใจที่สูงกว่า”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2016 เมื่อ 04:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 10-04-2016, 21:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไม่ใช่อาตมาเปลี่ยนบุคลิกนะ แต่ ๓-๔ วันมานี้พระที่ท่านเคยอยู่ประจำท่านติดงาน ท่านก็เลยผลัดเวรกันมา กลายเป็นอีกท่านหนึ่ง เดี๋ยวอยู่ ๆ คิดว่าอาตมาเป็นไบโพลาร์ สงสัยว่าจะเป็นดับเบิ้ลโพล่าร์เลย แต่ไม่เป็นไรหรอก...ท่านมาองค์แรกก็หลวงพ่อรวย ๑ มาองค์สองก็หลวงพ่อรวย ๒ ไล่ไปเรื่อย

สมัยก่อนนี้ได้ยินหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า “ถ้าหากว่าพระท่านติดงานก็จะให้ท่านอื่นมาแทน” ตอนนั้นยังไม่รู้ ที่ไม่รู้เพราะว่านึกเมื่อไรก็เจอท่านทุกที แต่งานนี้เปลี่ยนองค์มาจริง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2016 เมื่อ 04:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 10-04-2016, 21:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงที่อาตมาปฏิบัติธรรมของพระอุปัชฌาย์ใหม่อยู่ ป้าตุ่นซึ่งเป็นกรรมการวัด ขับรถเหยียบไอ้ทิดของวัดหัวบี้กระจายเต็มถนนเลย เหตุเพราะว่าไอ้ทิดของเราขับรถไป มือหนึ่งก็กดโทรศัพท์ไป รถมอเตอร์ไซค์นะ ขับมือเดียวสนุกหรือ ? ก็เลยล้ม กระเด็นไปอยู่ใต้ท้องรถที่กำลังวิ่งมา พาความซวยมาเกิดกับป้าตุ่นโดยไม่ได้เจตนา ขับรถอยู่ดี ๆ มีคนเอาหัวมาให้เหยียบ

บรรดาพระวัดท่าขนุนก็วิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นเพราะไม่ได้ใส่หมวกกันน็อกอย่างดี อาตมาก็เลยบอกว่า ต่อให้ใส่หมวกกันน็อกอย่างดีเขาก็เก็บได้ง่ายหน่อย ลองเอาหัวยื่นไปใต้ล้อ มีหมวกกันน็อกอีก ๒ ใบก็ช่วยไม่ได้หรอก

ปัจจุบันนี้โทรศัพท์โดยเฉพาะไลน์ เป็นอันตรายต่อการขับขี่ยานพาหนะอย่างมาก แต่ก็มักจะประมาทกัน พอเกิดเหตุขึ้นมาก็เดือดร้อนทั้งครอบครัวตัวเองและคนอื่น

คนตายชื่อทิดโอ ได้ยินแล้วสะดุ้งไหม ? (หัวเราะ) ทิดโอเหมือนกับรู้ว่าตัวเองหมดบุญนะ มาเป็นลูกศิษย์ถือกระป๋องตามพระ บิณฑบาตอยู่ตั้งหลายอาทิตย์ แต่ก็ไม่พอช่วยตัวเอง ตายจนได้ คือการถือกระป๋องตามพระบิณฑบาต ถ้าสักแต่ว่าเดินตามไปก็บุญน้อยไปหน่อย ต้องเดินไปภาวนาไป เหมือนอย่างกับอาตมาเวลาเดินนี่จะภาวนาได้น้ำได้เนื้อมาก ก็เลยชอบเดินธุดงค์โดยการเดินยาว ๆ ๓๐-๔๐ กิโลเมตรเป็นอย่างน้อยต่อวัน ถ้าวันไหนประเภทคึกขึ้นมา ๘๐-๙๐ กิโลเมตรก็ไปได้ ก็เลยไม่มีใครอยากเดินด้วยเพราะเดินตามกันไม่ไหว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2016 เมื่อ 04:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 10-04-2016, 21:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พระครูแสงตอนเป็นฆราวาสเคยถามว่า “หลวงพี่...ทุ่งใหญ่หัวท้าย ๙๓ กิโลเมตร เดินอย่างไรวันเดียวถึง ?” บอกว่า “ไม่ต้องสงสัย มาเลย” ว่าแล้วก็พาเดิน เริ่มจากตี ๓ ไปถึงบ่าย ๓ โมง ไปถึงก็ขาขวิดเป็นเลขแปดร่วงตึงเลย อาตมาถามว่าไม่หาอะไรกินก่อนหรือ ? “ไม่เอาแล้ว” ท้ายสุดก็เลยต้องเอายาแก้ไข้ใส่ปากกรอกน้ำตามไป เขาก็นอนกินอย่างนั้นแหละ แล้วสลบไสลไปเลย

ตอนแรกเขากับทิดหมู ๒ คน ทิดหมูชื่อทวี บ้านอยู่ข้างวัดตุ๊กตา อ.นครชัยศรี ออกเดินใหม่ ๆ สองคนโด๊ปยากันมาก็ใส่เต็มที่เลย มีเครื่องดื่มชูกำลังกับน้ำเกลือแร่ เดินทิ้งอาตมา ๑๐๐ กว่า ๒๐๐ เมตร อาตมาแทบจะหัวเราะ จะดูว่าเอ็งไปได้สักเท่าไร ปรากฏว่าพอฤทธิ์ยาหมดนี่คราวนี้โน่น...รั้งท้ายลิบ ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2016 เมื่อ 04:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 10-04-2016, 21:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนเดินนี่ควรจะภาวนาอย่างไรคะ ?
ตอบ : ชอบใจอะไรก็ภาวนาอย่างนั้น ไม่มีอะไรก็พุทโธ ซ้ายพุท ขวาโธก็ลงตัวพอดี แต่ถ้าเดินเป็นวัน ๆ แล้วภาวนาคาถาเงินล้านก็รวยตายเลย

ถาม : ทำได้หรือคะ ?
ตอบ : ได้....อะไรก็ได้ ให้ใจอยู่กับการภาวนา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2016 เมื่อ 04:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 11-04-2016, 20:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีหนังสือคำสั่งให้เจ้าอาวาสใหม่ไปปฏิบัติธรรมตั้งแต่ ๑ พฤษภาคม – ๑๔ มิถุนายน รวม ๔๕ วัน อาตมายังไม่รู้ว่าคำสั่งให้เป็นพระวิปัสสนาจารย์ไปนอนรออยู่ที่วัดแล้วหรือยัง ? สรุปว่าเจ้าอาวาสใหม่พ้นจาก ๔๕ วันไปก็รอดแล้ว ส่วนพระวิปัสสนาจารย์นี่โดนทุกปี น้ำดื่มที่โยมถวายมา อาตมาจะเอาไปถวายเจ้าอาวาสใหม่ที่มาเข้าปฏิบัติธรรมด้วย

ปีนี้คณะสงฆ์หนกลางมีเจ้าอาวาสใหม่ประมาณ ๔๐๐ รูป ไม่น่าเชื่อว่า ๒๓ จังหวัด แต่ละปีนี่มีเจ้าอาวาสใหม่ประมาณ ๓๐๐ - ๔๐๐ รูป เกิดจากสาเหตุ ๑. มรณภาพ ๒. สึก ๓. ลาออก ๔. โดนปลด แต่ลาออกกับโดนปลดนี่น้อยมาก นาน ๆ จะมีสักที หลัก ๆ เลยก็คือมรณภาพกับลาสิกขาคือสึกไป

ฉะนั้น...เดี๋ยวนี้เจ้าอาวาสหาทำยายาก เพราะว่าเขากำหนดไว้เลยว่าพรรษาต้องพ้น ๕ เป็นที่เคารพของบรรพชิตและคฤหัสถ์ในบริเวณนั้น ก็เลยกลายเป็นว่า กว่าจะสร้างเจ้าอาวาสได้แต่ละรูปก็อย่างน้อยเสียเวลา ๕ ปีขึ้นไป กติกาอีกข้อหนึ่งก็คือต้องจบอย่างน้อยนักธรรมชั้นเอก ยกเว้นบางท้องถิ่นที่ผู้ปกครองพิจารณาแล้วว่าสมควรผ่อนผัน

ถ้าถามว่าพระที่สมควรผ่อนผันยกตัวอย่างได้ไหม ? ยกตัวอย่างได้ก็คือหลวงพี่แป๊ะของอาตมานี่แหละ ท่านพระครูยติธรรมานุยุต วัดสว่างอารมณ์ หรือวัดแคแถว แม้แต่นักธรรมตรีก็ไม่ได้ แต่เนื่องจากชาวบ้านเคารพนับถือมาก พระก็เคารพนับถือมาก เพราะท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คือเอาแต่ภาวนาเลยไม่ได้เรียน ท้ายสุดผู้บังคับบัญชาก็ต้องผ่อนผัน ยกขึ้นไปเป็นเจ้าอาวาส"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2016 เมื่อ 20:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:56



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว