กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 03-10-2023, 18:04
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 339
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,622 ครั้ง ใน 817 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 04-10-2023, 00:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,566
ได้ให้อนุโมทนา: 151,678
ได้รับอนุโมทนา 4,410,850 ครั้ง ใน 34,156 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ หลังทำวัตรเช้าแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอสัตตาหะกรณียะในท่ามกลางสงฆ์ เพื่อไปทำภารกิจของตน ตลอดจนกระทั่งไปหาหมอตามที่ได้นัดเอาไว้

ระหว่างที่เดินทางผ่านเขตอำเภอไทรโยค ก็ได้แวะเข้าที่โรงเรียนการกุศลวัดไตรรัตนาราม เพื่อนำปัจจัยจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาทมอบให้กับพระมหาชูศักดิ์ กิจฺจกาโร ป.ธ.๘ เจ้าอาวาสวัดไตรรัตนาราม เจ้าคณะตำบลศรีมงคล ในฐานะผู้ถือใบอนุญาตโรงเรียนการกุศลวัดไตรรัตนาราม เพื่อให้ท่านสร้างอาคารวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนการกุศลวัดไตรรัตนาราม

เงินจำนวนนี้ ก็คือเงินที่ญาติโยมทั้งหลายร่วมกันทำบุญมาในเว็บไซต์วัดท่าขนุนนั่นเอง โดยที่กระผม/อาตมภาพแบ่งการจ่ายเป็น ๓ งวด ก็อยู่ในลักษณะ ๒ - ๑ - ๓ คือจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาทในงวดที่หนึ่ง ๑๐๐,๐๐๐ บาทในงวดที่สอง และกลางเดือนธันวาคมนี้ จะจ่ายงวดสุดท้ายจำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท หลังจากนั้นก็จะไปทำการฉลองในวันเด็กของปี ๒๕๖๗ จากนั้นก็ได้เดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง

ในระหว่างนั้น มีลูกศิษย์ส่งคลิปที่มีพระอาจารย์ท่านหนึ่งดำน้ำลงไปจารตะกรุดใต้น้ำ กระผม/อาตมภาพดูแล้ว ก็เห็นว่าน่าจะเป็นคนละตำรากับที่ตนเองได้ศึกษามา

การจารตะกรุดใต้น้ำ หรือว่าตะกรุดคงคาวดีนั้น กระผม/อาตมภาพศึกษามาสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ผ่านทางพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระมงคลไชยสิทธิ์ (หลวงปู่สำราญ กาญจนาโภ ป.ธ. ๔) อดีตเจ้าอาวาสวัดปากคลองมะขามเฒ่ารูปถัดมา ซึ่งครูบาอาจารย์ท่านสอนเอาไว้นั้น การจารตะกรุด ถ้าจะให้เกิดอานุภาพสูงสุด ให้จารในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ เวลาเที่ยงคืน โดยวิธีการดำน้ำลงไปจารตะกรุดนั้นมี ๒ วิธี แต่ไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม ไม่ได้ง่ายเลย

วิธีแรกก็คือการที่เราอาศัยอากาสกสิณ (อา-กา-สะ-กะ-สิน) หรือที่หลายคนอ่านว่า อา-กาด-กะ-สิน ระเบิดน้ำเป็นช่องว่างลงไป แล้วนั่งจารตะกรุดจนกว่าจะครบตามจำนวนที่ต้องการ ลักษณะอย่างนั้น ท่านสามารถหายใจได้อย่างสะดวก เนื่องเพราะว่าอยู่ภายในช่องว่างใต้น้ำนั่นเอง ซึ่งวิชาที่ไกรทองในวรรณคดีจุดเทียนระเบิดน้ำลงไป เพื่อตามล่าพญาชาละวัน ก็เป็นการอาศัยอากาสกสิณนี้เช่นเดียวกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-10-2023 เมื่อ 05:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 04-10-2023, 00:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,566
ได้ให้อนุโมทนา: 151,678
ได้รับอนุโมทนา 4,410,850 ครั้ง ใน 34,156 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกวิธีหนึ่งก็คือ การเข้าฌาน ๔ หรือว่าสมาบัติ ๘ แบบคล่องตัว ชนิดที่จะเข้าเมื่อไรก็ได้เมื่อนั้น แล้วลงไปจารตะกรุดนี้ที่ใต้น้ำ

การที่เราเข้าฌาน ๔ หรือว่าสมาบัติ ๘ นั้น ร่างกายจะทิ้งลมหายใจหยาบโดยอัตโนมัติ เหลือเพียงปราณละเอียดเท่านั้น ซึ่งปราณละเอียดนี้ไม่จำเป็นต้องใช้การหายใจทางจมูก ผิวหนังทุกส่วนในร่างกายของเราสามารถใช้หายใจได้ แล้วขณะเดียวกัน สภาพร่างกายภายนอกนั้น ถ้าให้หมอตรวจก็คือตายไปแล้ว..! เนื่องเพราะว่าไม่สามารถที่จะจับชีพจรใด ๆ ได้เลย เหลือเพียงปราณละเอียด ที่มีลักษณะเหมือนอย่างกับใยแมงมุมเส้นใส ๆ บางนิดเดียว อยู่ระหว่างจมูกกับศูนย์กลางกาย หรือถ้าหากว่าทั่ว ๆ ไป ก็จะอยู่ระหว่างจมูกกับใต้สะดือลงไป ๓ นิ้ว ถ้าหากว่าปราณนี้ยังอยู่ ร่างกายนี้ก็อยู่ได้ ไม่ตาย ไม่เน่าเปื่อย อย่างเด็ดขาด

ถ้าหากว่าจะทำในลักษณะนี้ ต้องถึงขนาดสามารถบังคับร่างกายให้ทำงานได้ ก็คืออยู่ในลักษณะที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านใช้คำว่า "ฌานใช้งาน" ลักษณะนี้ก็แบบเดียวกัน คือเมื่อลงไปอยู่ใต้น้ำแล้ว ร่างกายก็อาศัยปราณละเอียด ซึ่งก็คืออากาศที่เข้ามาจากทุกส่วนของร่างกายในการหายใจ แล้วก็จารตะกรุดไปจนกว่าที่จะเสร็จเรียบร้อย

ส่วนวิธีที่พระอาจารย์หรือว่าหลวงพ่อท่านนั้นทำ เป็นการดำน้ำกลั้นหายใจลงไปจารตะกรุดแค่ชั่วลมหายใจเดียวเท่านั้น แล้วก็โผล่ขึ้นมาหายใจ หลังจากนั้นก็กลั้นหายใจใหม่ ลงไปจารตะกรุดอีก ซึ่งตรงจุดนี้กระผม/อาตมภาพเห็นว่าไม่มีความจำเป็นอะไรเลย เนื่องเพราะว่าถ้าอยู่ในลักษณะนั้น จารตะกรุดบนบก หรือว่าจารบนโต๊ะทำงานก็ได้เหมือนกัน เพราะว่าแค่กลั้นลมหายใจเท่านั้น

การกลั้นลมหายใจนั้นเป็นอุปเท่ห์หรือวิธีการอย่างหนึ่งที่คนโบราณใช้สร้างสมาธิกัน เนื่องเพราะว่าทันทีที่เรากลั้นลมหายใจ สภาพจิตจะรู้ว่าตอนนี้เราไม่หายใจ อาจจะตายก็ได้ จิตก็จะนิ่งสงบลงชั่วคราว ทำให้มีพลังขึ้นมา ก็สามารถที่จะว่าพระคาถา หรือว่ากระทำวัตถุมงคลต่าง ๆ บางส่วนให้เข้มขลังขึ้นมาได้ เพียงแต่ว่าการกลั้นลมหายใจนั้น ถ้าหากว่าเป็นท่านที่มีความชำนาญจริง ๆ ก็จะไม่ใช่การกลั้นลมหายใจแล้ว อย่างเช่นว่าต้องกลั้นลมหายใจเพื่อว่าพระคาถาให้ครบ ๑๐๘ จบ ในชั่วอึดใจเดียว ถ้าลักษณะนั้น แปลว่าท่านทรงฌานได้แล้ว ไม่ใช่การกลั้นลมหายใจตามปกติ

คราวนี้การกลั้นลมหายใจเพื่อให้เกิดสมาธินั้น เป็นสิ่งที่ใช้ในเวลาฉุกเฉิน ไม่สมควรที่จะทำบ่อย ๆ เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่าเราเคยชินแล้ว เมื่อถึงเวลาจะภาวนา ก็จะไปกลั้นลมหายใจอัตโนมัติ เป็นการทำให้ตนเองไม่สามารถที่จะใช้อานาปานสติ ก็คือลมหายใจเข้าออก จนกระทั่งสมาธิทรงตัวเป็นฌานสมาบัติตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป ก็คือคิดจะทำสมาธิเมื่อไร ก็ไปกลั้นลมหายใจอัตโนมัติ อย่างเก่งก็ได้แค่อารมณ์อุปจารฌาน คือใกล้จะเป็นปฐมฌานละเอียด ไม่ก็ได้แค่อุปจารสมาธิเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-10-2023 เมื่อ 05:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 04-10-2023, 01:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,566
ได้ให้อนุโมทนา: 151,678
ได้รับอนุโมทนา 4,410,850 ครั้ง ใน 34,156 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จึงเป็นเรื่องของผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงกำลังใจอย่างแท้จริง ไม่ควรที่จะไปทำ หรือว่าถ้าใครทำก็ต้องพยายามเลิก แล้วกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก ฝึกหัดจนกระทั่งเราเกิดอารมณ์สมาธิทรงตัวขึ้นมาโดยอานาปานสติกรรมฐาน ไม่ใช่ได้แค่อุปจารสมาธิ หรือว่าอุปจารฌาน ดังนั้น..ท่านที่เคยทำเอาไว้แล้ว ส่วนใหญ่มักจะเสียผลไปเลย เพราะว่าเคยชินกับการกลั้นลมหายใจ ถึงเวลาก็ไปกลั้นอีก

ใครที่จะฝึกวิชาจารตะกรุดคงคาวดี จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องซักซ้อมฌานสมาบัติของตน อย่างน้อยต้องได้ถึงระดับปฐมฌานละเอียด ไม่เช่นนั้นแล้วท่านไม่สามารถที่จะอยู่ใต้น้ำจนจารตะกรุดสำเร็จได้ ถ้าหากว่าทรงฌาน ๔ หรือว่าสมาบัติ ๘ คล่องตัวได้ จะยิ่งดีมาก เนื่องเพราะว่าท่านสามารถที่จะอยู่ได้นานเท่าไรก็ได้ อย่างหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า บางทีท่านก็เดินเล่นใต้น้ำ หรือว่าเดินจากท่าน้ำฝั่งวัด ไปขึ้นที่แม่น้ำอีกฝั่งหนึ่ง เป็นต้น

จึงเป็นเรื่องที่ผู้หวังความเจริญในการปฏิบัติธรรม ควรที่จะเพียรพยายามศึกษา เนื่องเพราะว่าถ้าให้ปฏิบัติโดยตรงแล้ว บางคนก็รู้สึกว่าจืดชืด แห้งแล้ง ไม่มีอารมณ์ที่จะปฏิบัติ แต่ถ้าหากว่ามีการปลุกเสกเลขยันต์ พร้อมด้วยพระคาถา หลายท่านกำลังใจชื่นชอบทางด้านนี้ ก็สามารถทำได้ จนทรงอัปปนาสมาธิระดับปฐมฌานละเอียดขึ้นไป

ครูบาอาจารย์ที่ท่านมีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง ก็จะปรับให้ท่านทั้งหลายกลับมาอาศัยกำลังสมาธิสมาบัตินั้น ในการพิจารณาวิปัสสนาญาณต่าง ๆ ให้เห็นว่าสภาพร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี ของสัตว์อื่นก็ดี ของวัตถุสิ่งของต่าง ๆ ก็ตาม เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด ไม่มีอะไรให้เรายึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนเราเขาได้

ถ้ายึดถือเมื่อไร ก็จะเกิดความทุกข์ทันที เมื่อเห็นชัดเจนแล้ว สภาพจิตก็จะเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ถอนจากการยึดมั่นถือมั่นในร่างกายของเราออกมา ถอนได้มาก ก็เป็นพระอริยเจ้าระดับสูงมาก ถอนได้น้อย ก็เป็นพระอริยเจ้าระดับสูงน้อย


ถ้าเราไม่ยึดมั่นถือมั่นในร่างกายตนเอง ก็ไม่ยึดมั่นถือมั่นในร่างกายคนอื่น ไม่ยึดมั่นถือมั่นในร่างกายสัตว์อื่น ไม่ยึดมั่นถือมั่นในวัตถุธาตุต่าง ๆ พร้อมที่จะสละไปได้ตลอดเวลา อารมณ์ใจก็จะอยู่ตรงจุดที่ว่า รู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ แต่ว่าไม่เกาะทั้งความดีและความชั่ว ท่านทั้งหลายก็สามารถที่จะนำกำลังใจของตน หลุดพ้นจากวัฏสงสาร เข้าสู่พระนิพพานได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-10-2023 เมื่อ 05:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 04-10-2023, 01:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,566
ได้ให้อนุโมทนา: 151,678
ได้รับอนุโมทนา 4,410,850 ครั้ง ใน 34,156 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นี่คือสิ่งที่ครูบาอาจารย์ ซึ่งสอนพวกเราให้ปลุกเสกเลขยันต์ แล้วท่านทั้งหลายส่วนใหญ่ก็ไปตำหนิว่าเป็นไสยศาสตร์ ทำให้งมงาย ยึดติด แต่หารู้ไม่ว่าครูบาอาจารย์ท่านชาญฉลาดยิ่งนัก สามารถสอนลูกศิษย์ที่ไม่มีอารมณ์ใจอยากจะภาวนาตามสายวิสุทธิมรรค ให้หลุดพ้นจากกองกิเลสเข้าสู่พระนิพพานไปแล้วมากต่อมากด้วยกัน

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายถ้าหากว่าสนใจในเรื่องพวกนี้ ต้องพยายามเลี้ยวกลับมาในช่วงสุดท้าย ไม่อย่างนั้นแล้วอย่างดีท่านก็ได้แค่เกิดเป็นพรหม หรือไม่เช่นนั้นแล้วถ้าหากว่าพลาด ยังมีโอกาสลงสู่อบายภูมิได้..! จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะเลี้ยวกลับในจุดสุดท้าย หันมาพิจารณาวิปัสสนาญาณอย่างจริง ๆ จัง ๆ ท่านถึงจะสามารถเอาตัวรอดจากวัฏสงสารนี้ได้ แม้ว่าไม่สามารถรอดได้อย่างเด็ดขาด ก็ให้การเกิดของท่านให้เหลือน้อยที่สุด อย่างแย่ ๆ เหลือแค่ ๗ ชาติก็ยังดี

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-10-2023 เมื่อ 05:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:01



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว