กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม

Notices

กระทู้ธรรม รวมข้อธรรมะจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติ

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 20-01-2009, 22:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,040 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default "มิลินทปัญหา" ที่น่าอ่าน

ไม่รู้ว่าท่านใดในที่นี้เคยได้อ่านมิลินทปัญหามาบ้างคะ คาดว่า คงได้ผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแล้ว
เถรีก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบอ่านหนังสือเล่มนี้เหมือนกัน เรียกได้ว่า ชอบมาก ๆ ยิ่งอ่าน ยิ่งมัน สนุกตั้งแต่เริ่มเรื่องยันท้ายเรื่อง ท้าทายยิ่งกว่านิทานเวตาล มหัศจรรย์ใจยิ่งกว่าแฮร์รี่พอตเตอร์เสียอีก

เถรีชื่นชอบสไตล์ลีลาการซักถามของพระเจ้ามิลินท์ที่ช่างสรรหาคำถามมาถาม (ประมาณว่า คิดได้อย่างไรนี่ ยิ่งกว่าปัญหาโลกแตกอีก เป็นเราไม่กล้าถามหรอก ) และชื่นชอบสไตล์การตอบของพระนาคเสน ที่อุปมาคำตอบให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป (มีอะไรบนโลกนี้บ้างหรือไม่ที่พระคุณเจ้ายกเอามาตอบไม่ได้ ) เป็นการซักถามที่ยิ่งใหญ่ และไม่มีใครเสมอเหมือน แถมยังได้ความรู้เรื่องราวในพระไตรปิฎกอีกมากมาย สุดจะพรรณนาได้

ที่มาโพสต์นี่ก็จะมายวนยั่วให้ไปหาอ่านแหละค่ะ สำหรับกรณีคนที่ยังไม่เคยได้ลิ้มลองอ่านนะคะ แล้วจะพบกับ "ความรื่นเริงในธรรม" จากหนังสือเล่มนี้


ปล. ฉบับที่เถรีอ่านเป็น มิลินทปัญหา ที่ธัมมวิโมกข์รวบรวมนะคะ ไม่รู้ว่าฉบับอื่นจะมีเนื้อหาสาระปลีกย่อยที่แตกต่างไปจากนี้หรือเปล่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-11-2014 เมื่อ 19:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 20-01-2009, 22:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,040 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ยกตัวอย่างตอนหนึ่งที่เถรีชอบใจ เป็นตอนที่พระเจ้ามิลินท์ปราศรัยกับพระนาคเสนเป็นครั้งแรก

ลำดับนั้น พระองค์จึงตรัสถามปัญหาข้อแรกต่อพระนาคเสนขึ้นว่า "ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โยมประสงค์จะสนทนาด้วย"
พระนาคเสนถวายพระพรตอบว่า "เชิญสนทนาเถิด มหาบพิตร อาตมภาพใคร่จะฟัง"
"โยมสนทนาแล้ว ขอผู้เป็นเจ้าจงฟังเถิด"
"อาตมภาพฟังอยู่แล้ว มหาบพิตรเชิญเจรจาเถิด"
"พระผู้เป็นเจ้าได้ฟังว่าอย่างไร ?"
"ก็มหาบพิตรเจรจาว่าอย่างไร ?"
"โยมจะถามพระผู้เป็นเจ้า"
"จงถามเถิด มหาบพิตร"
"โยมถามแล้ว"
"อาตมาก็แก้แล้ว"
"พระผู้เป็นเจ้าแก้ว่าอย่างไร ?"
"ก็มหาบพิตรถามว่าอย่างไร ?"
เมื่อพระเถระตอบอย่างนี้แล้ว พวกโยนกเสนาทั้ง ๕๐๐ ก็เปล่งเสียงสาธุการถวายพระนาคเสน


อันนี้เป็นตอนสตาร์ทเริ่มต้นการสนทนากันนะคะ ลีลาไม่แพ้กันทั้งคู่ ส่วนหลัง ๆ ไม่ต้องพูดถึงค่ะ สนุกอย่าบอกใคร หาอ่านกันเอาเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-11-2014 เมื่อ 19:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 07-04-2009, 23:02
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Default

โธ่เอ๋ย น้องเรา มาแกล้งยั่วแล้วก็หนีไปนะ เรื่องนี้พี่นุชมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง สนุกมากจริง ๆ ค่ะ
ได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งธรรม น่าจะเลือกตอนที่สนุก ๆ มาโพสต์ให้ทุกท่านที่ไม่มีหนังสือได้อ่านกันนะคะ
แต่หนังสือเล่มนี้ ก็สนุกทุกตอนเลยค่ะ ข้อความที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ คัดลอกจากหนังสือ มิลินทปัญหา เท่าที่อ่านมา
มีคำเฉพาะหลายคำที่ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกต้องหรือไม่ ผิดพลาดประการใด ขออภัยล่วงหน้าค่ะ

พระเจ้ามิลินท์หรือพระเจ้าเมนันเดอร์ กษัตริย์เชื้อสายกรีกแห่งเมืองสาคละ ปกครองแคว้นแบกเตรีย (Bactria)
ปัจจุบันอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟกานิสถาน
พระเจ้ามิลินท์ เป็นผู้มีปัญญา มีพระทัยใฝ่หาความรู้
และพอพระทัยในการสนทนาโต้เถียงปัญหากับปราชญ์ลัทธิต่าง ๆ ในยุคนั้น

พระนาคเสน เกิดที่กชังคลคาม ริมเขาหิมพานต์ ในตระกูลพราหมณ์
เรียนรู้ศิลปวิทยารวมทั้งคัมภีร์สำคัญ ๆ ของศาสนาพราหมณ์จนหมดสิ้น
เมื่อพบกับพระโรหณะ ภิกษุในพระพุทธศาสนา จึงได้ซักถามสนทนาเรื่องราวต่าง ๆ
จนเกิดความเลื่อมใสขอบวชเป็นสามเณร ครั้นอายุ ๒๐ ปีจึงบวชเป็นภิกษุ
ผู้ซึ่งชาวบ้านโจษจันทั่วไปว่า รอบรู้ในพระธรรมวินัยและมีปัญญาอันเฉียบคม

ในอดีตชาติ เมื่อครั้งพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงพระชนม์ชีพ พระเจ้ามิลินท์บวชเป็นสามเณร ในสำนักของพระภิกษุ ซึ่งในชาตินี้ได้แก่ พระนาคเสน
วันหนึ่งพระภิกษุเรียกให้สามเณรมาขนหยากไย่ที่ตนกวาดรวมไว้ สามเณรแกล้งไม่ได้ยิน พระภิกษุจึงหยิบไม้กวาดตีสามเณร สามเณรจึงตั้งจิตอธิษฐานว่า
ด้วยบุญของการขนหยากไย่นี้ ชาติต่อไป ขอให้ตนมีปัญญาเฉียบแหลมกว่าคนทั้งปวง ฝ่ายภิกษุล่วงรู้ความปรารถนาของสามเณร จึงตั้งอธิษฐานว่า
ด้วยบุญกุศลของการกวาดหยากไย่นี้ ขอให้ชาติต่อไป มีปฏิภาณว่องไว สามารถโต้ตอบปัญหาแม้ของสามเณรนี้ได้

แม้ความสืบเนื่องจากอดีตชาติ จะทำให้พระเจ้ามิลินท์หวั่นพระราชหฤทัย แต่ด้วยประสงค์จะไต่ถามข้อธรรม จึงเสด็จไปยังที่อยู่ของพระนาคเสน พร้อมด้วยปวงอำมาตย์และฝูงชน....

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 08-04-2009 เมื่อ 16:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 07-04-2009, 23:05
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Default

เรามาดู(อ่าน) พระเจ้ามิลินท์ ( ม )และ พระนาคเสน (น ) สนทนาธรรมกัน

สังสารวัฏและการเวียนว่ายตายเกิด

ม.ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน สังสารวัฏได้แก่อะไร
น.ขอถวายพระพร ได้แก่การเวียนเกิดเวียนตาย

ม.พระคุณเจ้าจงหาตัวอย่างมาเปรียบ
น.เหมือนชาวสวนปลูกมะม่วงไว้ ครั้นมะม่วงออกผลก็เก็บมารับประทาน เสร็จแล้วก็เอาเมล็ดนั้นเพาะปลูกใหม่ ถึงคราวเกิดผล ก็นำมารับประทาน
แล้วปลูกใหม่ต่อ ๆ ไปอีก สังสารวัฏก็มีอาการหมุนเวียนเช่นนั้น คือนับแต่เราเกิดมาเป็นนามรูป เราก็ตั้งต้นเพาะความดีความชั่ว เป็นตัวบุญ ตัวบาปขึ้นเป็นเหตุ
แล้วเราก็ต้องรับผลของความดีความชั่วนั้น ซึ่งจะช้าหรือเร็วขึ้นกับอำนาจบาปบุญ
ทั้งนี้ ผลที่เราได้รับอาจจูงใจให้เราเพาะเหตุต่อไปอีก เหมือนคนรับประทานผลมะม่วง แล้วก็นำเมล็ดไปเพาะเป็นต้น หมุนเวียนต่อไปไม่รู้จบสิ้น


ม.อะไรเป็นเหตุให้นามรูปต้องเกิดต่อไปอีกนาน
น.เหตุที่ทำให้นามรูปเกิดต่อไปอีกนานก็คือ ความไม่รู้แจ้งเห็นจริงในอริยสัจ ๔ กล่าวคือ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นทุกข์ อะไรเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ อะไรเป็นความดับทุกข์
อะไรเป็นทางให้ถึงความดับทุกข์ แม้จะรู้สิ่งเหล่านี้โดย พิจารณาเห็นในชั่วขณะหนึ่ง ๆ ก็ยังเรียกว่าไม่รู้จริง เพราะความรู้นั้นมิได้ประจำจิตอยู่ตลอดเวลา


เมื่อไม่รู้แจ้งในอริยสัจ ๔ คนสัตว์ทั้งหลายจึงทำบุญและบาป เป็นเหตุให้เกิดปฏิสนธิวิญญาณ ซึ่งเปรียบเหมือนรากแก้วของต้นไม้ ทำให้เกิดนามรูป
ซึ่งแตกกิ่งก้านเป็น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทำหน้าที่เป็นประตูเปิดรับอารมณ์ ๖

นอกจากนี้ เมื่อไม่รู้แจ้งในอริยสัจ ๔ ก็ให้ยึดสิ่งต่างๆเอาว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นเราเป็นเขา เมื่อประสบสิ่งชอบใจ รู้สึกยินดี ก็เกิดความติดใจ เมื่อประสบสิ่งแสลงใจ รู้สึกทุกข์
ก็เกิดความปรารถนาจะหลีกหนีไปให้พ้น จึงเป็นเหตุให้เกิดการดิ้นรนแสวงหา รวมทั้งยึดถือในอุบายที่จะช่วยให้ตนสมประสงค์ในการได้มาหรือหลีกหนีไป
ก่อเป็นกุศลและอกุศลหนุนเนื่องให้เกิดเป็นนามรูปต่อไปอีก

ขอถวายพระพร ตราบเท่าที่ยังไม่รู้แจ้งในอริยสัจ ๔ ตราบนั้นนามรูปก็ยังคงปรากฏมีอยู่เช่นนี้ โดยการเกิดดับ ๆ ของนามรูปที่ล่วง ๆ มาแล้วนั้น นานจนเบื้องต้นไม่ปรากฏ


ม.ความยาวนานของการเวียนเกิดเวียนตายเท่ากันหมด ในหมู่คนและสัตว์ทั้งหลายหรือ
น.บางพวกก็นาน บางพวกก็ไม่นาน

ม.พวกไหนนาน พวกไหนไม่นาน
น.ผู้มีกิเลสคือเครื่องทำให้ใจหมองอยู่ ก็จะต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไปอีกนาน ส่วนท่านที่บั่นทอนกิเลสซึ่งเป็นเหตุทำให้ยืดยาวนั้นลงได้บ้าง
ก็ย่นเวลาเกิดเวลาตายข้างหน้าให้สั้นเข้าได้


ม.ช่างลึกล้ำจริง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 08-04-2009 เมื่อ 17:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 07-04-2009, 23:08
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Default

พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน นามรูปเดิมนี้หรือจักกลับมาเกิดอีก
พระนาคเสนทูลตอบว่า มิใช่นามรูปนี้ หากเป็นนามรูปอีกอันหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเพราะบุญบาป กุศล อกุศลที่นามรูปนี้ได้กระทำไว้

ม.ถ้ามิใช่นามรูปนี้ไปเกิดแล้ว ก็เป็นอันว่าหนีบาปกรรมที่ทำไว้ในชาตินี้พ้นสิพระคุณเจ้า
น.ถ้าไม่บังเกิดต่อไปอีก ก็เป็นอันหนีพ้น แต่ถ้ายังต้องมาเกิดอีก ก็หนีไม่พ้น

ม.พระคุณเจ้าจงเปรียบให้ฟัง
น.เหมือนคนก่อไฟผิงในฤดูหนาว แล้วลืมดับไฟ ไฟนั้นก็ลุกลามไปไหม้ไร่นาของผู้อื่น
เมื่อคดีถึงโรงศาล จำเลยแก้ตัวว่า ไฟที่เขาก่อขึ้นเป็นคนละกองกับที่ลามไปไหม้ไร่นาของโจทก์
ขอถวายพระพร เมื่อจำเลยแก้ตัวต่อศาลเช่นนี้ ศาลจะระงับไม่ลงโทษจำเลยหรือไม่


ม.จะให้งดได้อย่างไรเล่า เพราะไฟที่จำเลยก่อไว้นั้นเป็นต้นไฟ ตนเลินเล่อปล่อยไว้จึงลุกลามต่อไป ศาลจึงควรตัดสินลงโทษจำเลยได้
น.ฉันใดก็ฉันนั้น แม้นามรูปนี้จะแปรไปเป็นนามรูปอื่น บาปกรรมก็ตามลงโทษนามรูปหน้าเช่นกัน
ทั้งนี้ เพราะนามรูปนี้กระทำบาปบุญซึ่งเป็นเหตุให้มีนามรูปอื่นขึ้นแทน นามรูปอื่นจึงหนีบาปกรรมไม่พ้น


ม.นามรูปนี้ และนามรูปอื่น เชื่อมโยงกันได้อย่างไร พระคุณเจ้าจงหาตัวอย่างมาเปรียบเทียบ
น.เหมือนเมล็ดต้นไม้ แรกปลูกไม่มีดอก ต่อมามีลำต้น เกิดมีใบ มีดอก ในที่สุดใบดอกก็ร่วงหล่นไป
เกิดใบดอกใหม่ขึ้นแทน นามรูปก็เช่นเดียวกับใบไม้ดอกไม้ เดิมไม่ปรากฏ แต่เพราะมีบุญบาป ซึ่งตนกระทำไว้ก่อนเป็นเหตุอยู่
จึงทำให้เกิดลำต้น ซึ่งแตกใบผลิดอกออกมารุ่นแล้วรุ่นเล่า
ฉันใดก็ฉันนั้น นามรูปนี้และนามรูปอื่นก็เชื่อมต่อกันได้ผ่านลำต้น คือบุญบาป ฉะนี้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 07-04-2009 เมื่อ 23:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 07-04-2009, 23:09
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Default

พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ที่ตายไปแล้วกลับไปเกิดอีก เขาจะยังคงเป็นผู้นั้น หรือว่าจะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง
น.จะว่าเป็นผู้นั้นก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นอีกคนก็ไม่ใช่

ม.ขอพระคุณเจ้าจงเปรียบให้ฟัง
น.โคมไฟที่จุดแต่หัวค่ำแล้วตามไว้จนถึงรุ่งเช้า เปลวไฟในยามที่ ๑ กับในยามที่ ๒ เป็นอันเดียวกันหรือมิใช่

ม.ไม่ใช่
น.หรือเปลวไฟในยามทั้งสองเป็นเปลวไฟคนละชนิด

ม.หามิได้
น.ความสืบเนื่องแห่งรูปธรรมนามธรรมก็ฉันนั้น อันหนึ่งดับ อีกอันหนึ่งก็เกิดขึ้นแทน สืบเนื่องกันเรื่อยไป
เพราะฉะนั้นผู้ที่ตายแล้วกลับไปเกิดอีก จะว่าเป็นผู้นั้นก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นอีกคนหนึ่งก็ไม่ใช่


ม.พระคุณเจ้าเปรียบได้น่าฟัง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 08-04-2009 เมื่อ 16:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 07-04-2009, 23:12
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Default

พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน บุญบาปอันเป็นเหตุให้นามรูปเกิด ซึ่งกำลังเกิดขึ้นขณะนี้มีหรือไม่
พระนาคเสนทูลตอบว่า มี กล่าวคือ เมื่อตาได้เห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้ดมกลิ่น ลิ้นได้ลิ้มรส
กายได้แตะต้อง ใจได้รับอารมณ์ ย่อมเกิดความรู้(วิญญาณ)ขึ้น
ถ้าเป็นอารมณ์ที่ดี ก็รู้สึกชอบ พอใจ พยายามดิ้นรนหาต่อไป
ถ้าเป็นอารมณ์ไม่ดี ก็ไม่ถูกใจ ไม่พอใจ พยายามดิ้นรนหนี
เมื่อต้องดิ้นรนอยู่ ก็จำต้องยึดถือวิธีการหนึ่งใด ซึ่งตนเห็นว่า จะช่วยให้การดิ้นหาหรือดิ้นหนีนั้นสมประสงค์
เป็นเหตุให้การกระทำ คำพูด ความคิดดีบ้างชั่วบ้าง เกิดเป็นบุญบาป กุศลอกุศลขึ้นในทันที
ขอถวายพระพร เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงว่าบุญบาปซึ่งเกิดอยู่ในขณะนี้มี

ม.พระคุณเจ้าว่านี้ชอบแล้ว

พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน บุญก็ตาม บาปก็ตาม เมื่อยังไม่ให้ผล ไปรออยู่ที่ไหน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ก็ติดตามผู้ทำไปดุจเงาตามตัว ถ้าได้โอกาสเมื่อใด ก็ให้ผลเมื่อนั้น

ม.พระคุณเจ้าสามารถชี้ได้หรือไม่ว่า อยู่ที่นั่น อยู่ที่นี่
น.อาตมภาพไม่สามารถจะชี้ถวายได้ เหมือนต้นไม้ยังไม่ออกผล พระองค์จะสามารถชี้ได้หรือไม่ว่า ผลอยู่ที่นั่น ที่นี่

ม.ชี้ไม่ได้
น.ขอถวายพระพร บุญบาปก็เช่นเดียวกับผลไม้นั้น คือเมื่อกำลังติดตามไป ก็รู้ไม่ได้ว่า เวลานี้อยู่ที่ไหน
ม.เข้าใจล่ะ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 08-04-2009 เมื่อ 16:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 07-04-2009, 23:15
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Default

พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน สัตว์ทุกจำพวก ต่อเมื่อถึงวาระจึงตาย หรือว่าไม่ถึงวาระก็ตายเหมือนกัน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ย่อมมีทั้ง ๒ ประการ อุปมาดังผลไม้ซึ่งหล่นจากต้น ย่อมมีทั้งสุกและดิบ
ผลที่สุกแล้วไม่มีปัญหา แต่ผลที่ยังดิบอยู่เป็นเพราะเหตุใดจึงหล่น


ม.เป็นเพราะถูกหนอนไชบ้าง นกจิกกินเล่นบ้าง ถูกลมแรงพัดหล่นบ้าง
น.ขอถวายพระพร ผลไม้ที่สุกหล่น ก็เหมือนคนที่ตายโดยถึงอายุขัย ส่วนผลไม้ดิบที่หล่นเปรียบเหมือนคนที่ตายโดยยังไม่ถึงวาระ

ม.แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า จะตายเมื่อใด หรือเพราะประการใด ก็เรียกว่าตายโดยวาระทั้งนั้น
น.หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะเหตุแห่งความตายอาจจำแนกได้ป็น ๘ ประการคือ

๑.โรคมีที่มาจากลม
๒.โรคมีที่มาจากช่องท้อง
๓.โรคมีที่มาจากเสมหะ
๔.โรคมีที่มาจากประสาท
๕.ความเปลี่ยนแปลงของฤดู
๖.บริหารอิริยาบถไม่สม่ำเสมอ
๗.ความเพียรของผู้อื่น
๘.ผลของบุพกรรม เว้นแต่ผลของบุพกรรม ความตายด้วยเหตุอื่น ๆ ถือเป็นการตายที่ยังไม่ถึงวาระ


ม.แต่ความตายจากเหตุอื่นทั้ง ๗ ก็อาจถือเป็นผลจากบุพกรรมได้มิใช่หรือ ดังนั้น จะตายอย่างไร ก็ถือเป็นการตายตามวาระทั้งนั้น
น.อาตมภาพขอยกตัวอย่างมาเปรียบถวาย ไฟที่ดับเพราะสิ้นเชื้อ ถือเป็นการดับไปตามวาระใช่หรือไม่

ม.ใช่
น.ถ้าไฟยังลุกโชนอยู่ แต่เผอิญมีฝนตกลงมาจนไฟดับ จะถือว่าไฟดับตามวาระได้หรือไม่

ม.ไม่ได้เพราะไฟยังมีเชื้ออยู่ จึงควรลุกต่อไปได้ตามปกติ แต่เหตุที่ดับเพราะมีฝนตกรดลงมา
น.ขอถวายพระพร ผู้ที่ตายด้วยเหตุ ๗ ประการเบื้องต้น ก็เช่นเดียวกับไฟที่ดับลงทั้งๆที่ยังมีเชื้ออยู่
เพราะหากไม่มีเหตุมาตัดรอน ชีวิตก็ย่อมยืนยาวต่อไปจนถึงอายุขัย ด้วยเหตุนี้ จึงถือว่าผู้ที่ตายด้วยเหตุหนึ่งใน ๗ อย่างข้างต้น
มิได้ตายตามวาระ ส่วนผู้ที่ตายเพราะเหตุแห่งอายุขัย ดังไฟสิ้นเชื้อ ถือเป็นการตายตามวาระ


ม.พระคุณเจ้าว่านี้ชอบแล้ว

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 08-04-2009 เมื่อ 16:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 07-04-2009, 23:17
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Default

พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน สัตว์เมื่อจะเข้าถือปฏิสนธิในครรภ์มารดา เข้าทางไหน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร หาเป็นเช่นที่พระองค์ตรัสถามไม่

ม.ถ้าเช่นนั้น พระคุณเจ้าจงยกตัวอย่างมาเปรียบเทียบ
น.ขอพระองค์จงส่งพระหฤทัยเข้าไปนึกถึงแก้วแหวนเงินทองในหีบนั่น

ม.ส่งเข้าไปแล้ว
น.ขอถวายพระพร พระองค์ทรงส่งพระหฤทัยเข้าไปทางไหน

ม.หามีช่องทางให้ส่งจิตเข้าไปไม่ แต่ที่ส่งจิตเข้าไปจนเห็นแก้วแหวนเงินทองในหีบนั้นได้ ก็เพราะจิตหมายรู้ ตามที่ได้ประจักษ์มาก่อนแล้ว
น.ฉันใดก็ฉันนั้น สัตว์และบุคคล เมื่อจะเกิดในท้องมารดา ก็มีแต่จิต ที่เรียกว่าปฏิสนธิจิต หรือปฏิสนธิวิญญาณ
ที่พร้อมจะเข้าไปปฏิสนธิ ในขณะที่เข้าไปในครรภ์มารดานั้น ก็เข้าไปในอาการที่พระองค์ทรงส่งพระหฤทัยเข้าไปในหีบนั่น
หาได้มีช่องทางหนึ่งใด สำหรับให้จิตเข้าไปถือปฏิสนธิไม่


ม.เข้าใจล่ะ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 07-04-2009 เมื่อ 23:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 07-04-2009, 23:19
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Default

พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน บุญกับบาป สิ่งไหนจะดูดดื่มกว่ากัน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร บุญดูดดื่มมากกว่า

ม.ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
น.ขอถวายพระพร บาปย่อมมีผลเป็นทุกข์ ผู้กระทำบาปจึงถูกความทุกข์เผาผลาญ ให้ได้รับความเดือดร้อนอยู่เสมอ ใจย่อมระอาต่อการกระทำบาปนั้นต่อไป
ส่วนบุญย่อมมีผลเป็นความสุขกายเย็นใจ จึงเป็นเหตุชวนให้ผู้ที่ได้รับผลพยายามสั่งสมต่อไป เพราะบุญมีผลเป็นที่จับใจของผู้กระทำเช่นนี้ จึงดูดดื่มกว่า


ม.บุญกับบาป สิ่งไหนจะมีกำลังมากกว่า
น.บุญมีกำลังมากกว่า

ม.เกรงจะมิใช่เช่นนั้นสิพระคุณเจ้า เพราะตามที่ได้ยินมา คนทำบาป ย่อมได้รับผลเผ็ดร้อนต่างๆ และโดยมากได้รับผลในปัจจุบัน ไม่ค่อยได้ยินว่าคนทำบุญได้รับผลทันตา
น.ตัวอย่างผู้ทำบุญที่ได้รับผลทันทีมีอยู่ แต่จะขอทูลชี้แจงว่า เหตุที่บุญมีผลมากกว่า จึงให้ผลช้า ส่วนบาปมีผลน้อยกว่าเบากว่า จึงให้ผลเร็ว อุปมาดังข้าวหนักปลูกแล้วให้ผลช้า
แต่ให้ผลมาก ส่วนข้าวเบาให้ผลเร็ว แต่ให้ผลน้อย


ม.ข้าพเจ้ายังคงเห็นแย้งด้วยตัวอย่างทางโลกมีอยู่มากมาย ที่คนทำผิดกฎหมายย่อมถูกลงโทษโดยเร็ว
น.แม้โทษนั้นจะเป็นผลของบาปก็จริงอยู่ แต่ตัวอย่างที่ยกมา ไม่สามารถจะแสดงได้ว่า บาปมีกำลังมากกว่าบุญ เพราะกฎหมายส่วนมากมิได้ระบุผลที่คนทำบุญจะพึงได้รับ
ฉะนั้น ในทางกฎหมาย จึงไม่มีตัวอย่างของคนทำบุญจะพึงได้รับผลทันทีเหมือนคนทำบาป ขอถวายพระพร ถ้าพูดถึงผลข้างหน้าแล้ว บุญให้ผลแรงกว่าบาป
ดังตัวอย่างของพระองคุลีมาล ซึ่งแม้ท่านจะเคยฆ่าคนนับร้อย ครั้นบรรลุพระอรหัตตผลบาปก็ตามท่านไม่ทัน


ม.เข้าใจล่ะ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 08-04-2009 เมื่อ 16:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 07-04-2009, 23:29
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Default

พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน การทำบุญให้ทาน แล้วแผ่ส่วนบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ญาติมิตรที่ตายไปแล้วนั้น
ญาติมิตรจะได้รับผลแห่งบุญกุศลนั้นทุกคนหรือไม่

พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ไม่ทุกคน ได้รับเฉพาะญาติมิตร ที่ไปเกิดเป็นเปรตบางจำพวกเท่านั้น

ม.ถ้าญาติมิตรมิได้รับ ผลแห่งบุญนั้นจะมิสูญหรือ
น.ไม่สูญ

ม.ถ้าไม่สูญใครจะได้รับ
น.ก็ผู้อุทิศส่วนบุญกุศลนั้นย่อมได้รับ อุปมาดังเจ้าของบ้าน เตรียมอาหารไว้ให้แขก ถ้าแขกไม่บริโภค อาหารนั้นจะพึงเป็นของใคร

ม.ก็เป็นของเจ้าบ้านสิพระคุณเจ้า
น.ฉันใดก็ฉันนั้น แม้ญาติมิตรที่ตาย จะไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะรับส่วนบุญ ผู้ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ก็ย่อมได้รับผลบุญนั้น
การแผ่ส่วนบุญอุทิศส่วนกุศล จึงเป็นการเพิ่มพูนบุญกุศลของผู้อุทิศอีกส่วนหนึ่งด้วย เพราะบุญกุศลที่อุทิศนั้น ไม่มีวันหายสูญ


ม.บุญกุศลอุทิศให้กันได้ ถ้าอย่างนั้น บาปจะอุทิศให้กันได้หรือไม่
น.ไม่ได้ เพราะบาปมีผลบีบคั้นหัวใจ ทำให้ใจหดหู่ เมื่อเป็นเช่นนี้ บาปก็มีวงอันแคบ มีผลอันจำกัด แบ่งให้ผู้อื่นทั่วๆไปไม่ได้ ผู้ใดทำ ก็ได้เฉพาะแต่ผู้นั้น

ม.พระคุณเจ้าจงยกตัวอย่างมาให้ฟัง
น.หยดน้ำอันน้อย หยดลงที่พื้นดิน ขอถวายพระพร หยดน้ำนั้นจะทำให้พื้นดินซึมซาบได้ทั่วหรือไม่

ม.ย่อมไม่ได้ หยดที่ไหน ก็ซึมซาบเฉพาะที่นั่น เพราะหยดน้ำนั้นมีน้ำอยู่น้อย
น.ฉันใดก็ฉันนั้น บาปมีลักษณะไม่ซึมซาบ เหมือนหยาดน้ำอันน้อย จึงอุทิศให้ผู้อื่นไม่ได้
ส่วนบุญมีลักษณะเหมือนน้ำฝน คือมีผลเอิบอาบซาบซึม หล่อเลี้ยงใจให้ชุ่มชื่นอยู่ทุกเวลา จึงอุทิศให้กันได้


ม.เพราะเหตุใด บาปกับบุญจึงต่างกันเช่นนี้
น.เพราะบาปมีผลเป็นความทุกข์ระทมใจ ไม่ชวนให้กระทำต่อไปอีก ทำให้มีผลอันจำกัดขยายตัวออกได้น้อย
ส่วนบุญมีผลเป็นความสุขเย็น ผู้กระทำเกิดความเอิบอิ่มใจอยู่ทุกขณะจิต คือขณะจะทำใจก็สบาย ขณะทำอยู่ ใจก็เพลิดเพลิน
เมื่อได้ทำแล้ว ใจก็เบิกบาน ทุกขณะที่นึกถึงบุญที่ได้ทำ ความปราโมทย์ก็บังเกิดขึ้น บุญจึงมีผลที่ขยายออกได้เสมอ
ขอถวายพระพร เนื่องด้วยมีเหตุมีผลเช่นนี้ บุญกับบาปจึงอุทิศได้หรือไม่ได้ ต่างกัน


ม.พระคุณเจ้าว่านี้ชอบแล้ว

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 07-04-2009 เมื่อ 23:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 08-04-2009, 15:58
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Wink

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เด็กท้ายแถว อ่านข้อความ
แก้ไขเรื่องการใช้ "ไม้ยมก" ด้วยค่ะ

พี่นุชพิมพ์ "ม ม้า" ของคำว่า "สามเณร" ตกหล่นไปค่ะ

หยากไย่ น. ใยแมงมุมที่ติดค้างอยู่ในที่ต่าง ๆ .
ขอบคุณน้องแถวมากค่ะ ลอกตามหนังสือมาค่ะ

ชื่อหนังสือ แนะนำมิลินทปัญหา : ปัญญาพระนาคเสน

ผู้เรียบเรียง วิชชุ เวชชาชีวะ ผู้จัดพิมพ์ ศิษย์วัดเวฬุวัน อ.ทองผาภูมิ กาญจนบุรี

ตอนพิมพ์ก็สองจิตสองใจจะแก้ไขดีหรือไม่ ตอนนี้ตัดสินใจได้แล้วค่ะ ควรแก้ไขให้ถูกต้องดีที่สุดค่ะ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 08-04-2009, 16:52
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Default

พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน คนหนึ่งรู้ว่าอย่างไรเป็นบาป และบาปนั้นมีโทษอย่างไร อีกคนหนึ่งไม่รู้เลย ๒ คนนี้ทำบาป ใครจะบาปกว่ากัน
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร คนไม่รู้บาปมากกว่า

ม.เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นเล่า ก็ในทางบ้านเมือง ผู้ที่ไม่รู้กฏหมายกระทำผิดบางอย่าง ย่อมได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษเบากว่าผู้รู้กฏหมาย
น.ขอถวายพระพร ก้อนเหล็กซึ่งเผาจนแดงโชน คนหนึ่งรู้ว่าเป็นเหล็กแดง อีกคนหนึ่งไม่รู้ สองคนนี้หยิบก้อนเหล็กแดงนั้น คนไหนจะหยิบได้เต็มมือและถูกความร้อนเผามือมากกว่ากัน

ม.คนรู้จะหยิบได้สนิทหรือ คนไม่รู้ต่างหากควรจะหยิบเต็มมือ จึงควรถูกความร้อนเผามากกว่าคนที่รู้
น.ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้ที่มีความรู้เหตุรู้ผลแห่งบาปกรรมประจำใจ ในขณะที่ทำบาปย่อมเกิดความละอาย ความกลัว จึงทำบาปได้ไม่เต็มที่
ส่วนผู้ที่ไม่รู้จักบาป ย่อมไม่มีความตะขิดตะขวงใจ ในการประกอบอกุศล จึงกระทำบาปได้เต็มที่กว่า และย่อมได้รับผลแรงกว่าคนที่รู้


ม.พระคุณเจ้าว่านี้ชอบแล้ว
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 08-04-2009, 16:54
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Default

พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน คำที่พระคุณเจ้าว่า คนไม่รู้จักบาป ทำบาป บาปมากนั้น จะมิแย้งกับพุทธบัญญัติที่ว่า อาบัติย่อมไม่มีแก่พระภิกษุผู้ไม่รู้หรือ
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ไม่แย้ง คนไม่รู้จักบาป ทำบาป บาปมาก เพราะคนที่ไม่รู้จักบาปนั้น ย่อมไม่มีความละอายในการทำชั่ว และไม่กลัวผลของความชั่วนั้น ๆ
เมื่อกระทำความชั่วมาก ก็ต้องรับผลของความชั่วมาก ส่วนพระพุทธบัญญัตินั้น มีบางสิกขาบทซึ่งพระภิกษุผู้รู้บาปบุญคุณโทษละเมิดโดยไม่เจตนา เช่น กล่าวเท็จโดยสำคัญผิด ท่านก็ไม่ปรับอาบัติแก่ภิกษุรูปนั้น


ม.พระคุณเจ้าว่านี้ชอบแล้ว
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 08-04-2009, 16:59
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Default

พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน คำที่พระพุทธเจ้าว่า ผู้ที่ทำบาปกรรมเรื่อยมา แม้ตั้ง ๑๐๐ ปี แต่ถ้าเวลาตายมีสติระลึกถึงคุณของพระพระพุทธเจ้าได้ ก็ย่อมไปสู่สุคติ
ส่วนผู้ที่ก่อนตายเผลอคิดถึงบาปที่ตนกระทำแม้เพียงครั้งเดียวในชีวิต ก็ย่อมไปเกิดในนรกนั้น ดูไม่สมเหตุสมผล ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย

พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ศิลาแม้ก้อนเล็กโดยลำพังจะลอยน้ำได้หรือไม่

ม.ไม่ได้
น.ถ้าศิลา ๑๐๐ เล่มเกวียนแต่อยู่ในเรือ ศิลานั้นจะลอยน้ำได้หรือไม่

ม.ย่อมได้สิ
น.ขอถวายพระพร เปรียบบุญกุศลเหมือนเรือ บาปกรรมเหมือนศิลา อันคนที่กระทำบาปอยู่เสมอมาตลอดชีวิต
เมื่อเวลาจะตาย มิได้ปล่อยจิตใจให้ตามระทมถึงบาปที่ตัวทำ แต่สามารถประคองใจไว้ในแนวแห่งกุศลอย่างใดอย่างหนึ่ง
เช่น ทำใจให้แน่วแน่อยู่เฉพาะแต่ในคุณของพระพุทธเจ้า ถ้าตายลงในขณะจิตดวงนั้น ก็เป็นอันหวังสุคติได้
เปรียบเหมือนศิลาซึ่งมีเรือทานน้ำหนักไว้มิให้จม ส่วนผู้ที่กระทำบาปที่สุดแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าเวลาใกล้จะดับจิต
เพียงแต่จิตหวนไปพัวพันถึงบาปกรรมนั้น จิตดวงนั้นก็หนักพอที่จะถ่วงตัวให้ไปเกิดในนรกได้ เหมือนศิลาที่โยนลงน้ำ แม้ก้อนเล็กก็ต้องจมลงเช่นเดียวกัน


ม.ฟังสมเหตุสมผล

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 09-04-2009 เมื่อ 21:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 08-04-2009, 20:42
สายท่าขนุน สายท่าขนุน is offline
สมาชิก VIP - ผู้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 759
ได้ให้อนุโมทนา: 160,001
ได้รับอนุโมทนา 133,088 ครั้ง ใน 5,305 โพสต์
สายท่าขนุน is on a distinguished road
Wink

ชอบมาก มีน้ำใจจริง ขอบคุณและโมทนา



อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เด็กท้ายแถว อ่านข้อความ
.. แหะ แหะ...น้องแถวยังต้องฝึกฝนอีกนานเลยค่ะ กว่าจะลอกเลียนแบบความสามารถของท่านพี่ Suthamma ที่ทำอยู่เป็นประจำได้ค่ะ ..
อื้อฮือ สำหรับน้องเราคนนี้ ต้องโมทนากำลังใจ สุดยอด ต้องพยายามบ้าง
หมายเหตุ : อื้อฮือ อ. คำที่เปล่งออกมาแสดงความแปลกใจเป็นต้น.
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน
ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว...
กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน

อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 09-04-2009, 23:24
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Default

เริ่มแรกก็คิดว่าจะเลือก เฉพาะตอนที่น่าสนใจนำมาให้อ่านกัน แต่พออ่านจากหนังสือแล้วก็คิดว่าน่าจะนำมาโพสต์ให้ได้อ่านกันแบบเต็มเล่มน่าจะดี

จึงขอเริ่มตั้งแต่พระเจ้ามิลินท์เสด็จไปยังที่อยู่ของพระนาคเสน พร้อมด้วยปวงอำมาตย์และฝูงชน


เปิดประเด็นสนทนา:ปัญหาพระนาคเสน

เมื่อพระเจ้ามิลินท์เสด็จไปถึง ทรงปราศรัยกับพระนาคเสนแล้ว จึงมีพระราชดำรัสว่า ข้าพเจ้ามีความประสงค์จะสนทนากับพระคุณเจ้า
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ขอพระองค์ทรงตรัสมาเถิด อาตมภาพก็ใคร่จะฟังอยู่

ม. ข้าพเจ้าพูดแล้ว พระคุณเจ้าฟังเอาเถิด
น. อาตมภาพฟังแล้ว พระองค์ตรัสมาเถิด

ม. พระคุณเจ้าฟังได้ยินว่ากระไร
น. พระองค์ตรัสมาว่ากระไร

ม. ก็ข้าพเจ้าได้ถามพระคุณเจ้าแล้ว
น. อาตมภาพก็ได้ถวายวิสัชนาแล้ว

ม. พระคุณเจ้าวิสัชนามาว่ากระไร
น. พระองค์ตรัสถามว่ากระไร

เมื่อได้ฟังทั้งสองฝ่ายชิงไหวชิงพริบกันเช่นนั้น ประชาชนได้แซ่ซ้องสาธุการ พร้อมกราบทูลพระเจ้ามิลินท์ว่า ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ขอพระองค์ทรงตรัสถามปัญหาในทันทีนี้เถิด

พระเจ้ามิลินท์จึงตรัสถามว่า ดูก่อนพระคุณเจ้า ธรรมดาผู้จะสนทนากันควรรู้จักชื่อสกุลกันก่อน เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าขอทราบว่าพระคุณเจ้า ชื่ออะไร
พระนาคเสนทูลตอบว่า อันชื่อของข้าพเจ้านั้น เพื่อนบรรพชิต เรียกว่านาคเสน แต่โยมทั้ง ๒ เรียกนาคเสนบ้าง วีรเสนบ้าง สุรเสนบ้าง สีหเสนบ้าง
ขอถวายพระพร อันชื่อเหล่านี้เป็นคำที่ตั้งขึ้นเพื่อใช้เรียกกันเท่านั้น ตัวบุคคลอันพึงจะค้นได้ในชื่อหามีไม่


ทันใดนั้น พระเจ้ามิลินท์ได้ตรัสประกาศให้ประชาชนได้ยินทั่วกันว่า ท่านทั้งหลายจงเป็นพยานจำคำพระนาคเสนไว้ ครั้นแล้วจึงหันมาตรัสกับพระนาคเสนต่อไปว่า
ดูก่อนพระคุณเจ้า ถ้าคนเราไม่มีตัวตนจริงอย่างพระคุณเจ้าว่า ใครเล่าถวายบาตรจีวรแก่พระคุณเจ้า ใครเป็นผู้ใช้สอยบาตรจีวรนั้น และหากใครฆ่าพระคุณเจ้าก็คงจะไม่บาป


ครั้นแล้ว พระเจ้ามิลินท์จึงได้ซักไซร้ไถ่ถามต่อไปว่า ที่พระคุณเจ้าแสดงชื่อว่านาคเสนนั้น อะไรเล่าเป็นนาคเสน
ผมหรือเป็นนาคเสน ซึ่งพระนาคเสนตอบว่า มิใช่ พระเจ้ามิลินท์จึงได้ตรัสถาม ไล่เลียงต่อไปถึง ขน เล็บ ฟัน หนังฯลฯ จนครบอวัยวะ ๓๒ แล้วไล่ต่อด้วยขันธ์ ๕ ตลอดจนสิ่งที่มิใช่ขันธ์ ๕
ซึ่งพระนาคเสนตอบปฏิเสธโดยตลอด


พระเจ้ามิลินท์ได้ที จึงตรัสเย้ยว่า ข้าพเจ้าถามไล่เลียงพระคุณเจ้าก็ไม่พบว่าอะไรเป็นนาคเสน พระคุณเจ้าคงพูดเหลวไหลเสียแล้ว

ก่อนที่พระนาคเสนจะถวายวิสัชนา ได้กล่าวปราศรัยว่า พระองค์เป็นกษัตริย์ เสด็จออกจากพระนครเวลาเที่ยง กรวดทรายตามทางกำลังร้อนจัด
ขอถวายพระพร พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาด้วยพระบาทหรือด้วยราชพาหนะ


พระเจ้ามิลินท์ตรัสตอบว่า ข้าพเจ้ามาด้วยราชรถ

พระนาคเสนจึงทูลถามว่า ถ้าพระองค์เสด็จมาด้วยราชรถ ขอพระองค์ตรัสบอกแก่อาตมาว่า อะไรเป็นรถ งอนหรือเป็นรถ
ซึ่งพระเจ้ามิลินท์ตอบว่า มิใช่ พระนาคเสนจึงได้ถามไล่เลียงต่อไปถึงเพลา แอก และองค์ประกอบอย่างอื่น ตลอดจนสิ่งที่นอกเหนือจากองค์ประกอบเหล่านั้น
ซึ่งพระเจ้ามิลินท์ก็ตอบปฏิเสธโดยตลอด


พระนาคเสนจึงทูลว่า อาตมภาพทูลถามพระองค์ก็ไม่พบว่าอะไรเป็นรถ พระองค์ตรัสไม่สมกับพระดำรัสเบื้องต้น

ขณะนั้น ประชาชนต่างพากันแซ่ซ้องสาธุการถวายพระนาคเสน แล้วกราบทูลพระเจ้ามิลินท์ว่า ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ขอพระองค์ทรงตรัสแก้เสียบัดนี้เถิด

พระเจ้ามิลินท์จึงตรัสว่า ดูก่อนพระนาคเสน คำว่ารถซึ่งข้าพเจ้าตอบพระคุณเจ้าในเบื้องแรกนั้น อาศัยทั้งงอนทั้งเพลา เป็นต้น รวมกันเข้า จึงมีชื่อเรียกเช่นนั้น
พระนาคเสนจึงทูลว่า ขอถวายพระพร พระองค์ตรัสถูกแล้ว หากแม้คำว่านาคเสนซึ่งเป็นชื่อของอาตมภาพก็เช่นกัน
อาศัยทั้งรูปและนามประชุมกันเข้า จึงมีชื่อเรียกเช่นนั้น แต่ว่าเมื่อพูดให้ถึงที่สุดหรือพูดโดยปรมัตถ์แล้ว ก็หามีตัวบุคคลให้พึงค้นในชื่อนั้นไม่


เมื่อพระนาคเสนได้แก้ปัญหาเช่นนี้แล้ว พระเจ้ามิลินท์จึงตรัสชมเชยว่า น่าฟัง ข้าพเจ้าไม่เคยได้ยินได้ฟังดังนี้เลย พระคุณเจ้าวิสัชนาปัญหาได้ไพเราะจริง
หากว่าพระพุทธเจ้ายังดำรงพระชนม์อยู่ ก็คงจะประทานสาธุการเป็นแน่

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 09-04-2009 เมื่อ 23:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 09-04-2009, 23:30
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Default

จากนั้นพระเจ้ามิลินท์ได้ตรัสถามขึ้นใหม่ว่า ดูก่อนพระนาคเสน พระคุณเจ้าบวชได้กี่ปีมาแล้ว
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร อาตมภาพบวชมาได้ ๗ ปีแล้ว

ม. อะไร เป็นจำนวน ๗ ปี ตัวพระคุณเจ้าหรือว่าการนับจำนวน

ขณะนั้น เงาของพระเจ้ามิลินท์ฉายอยู่ที่พื้นดินและในหม้อน้ำ

พระนาคเสนจึงทูลว่า นั่นเงาของพระองค์ปรากฏอยู่ที่พื้นดินและในหม้อน้ำ อาตมภาพขอทูลถามว่า พระองค์เป็นพระราชาหรือเงานั่นเป็นพระราชา

ม. ข้าพเจ้าสิเป็นพระราชา เงามิใช่พระราชา ด้วยว่าเงานั้นอาศัยข้าพเจ้าจึงปรากฏขึ้น
น. ขอถวายพระพร ฉันใดก็ฉันนั้น จำนวน ๗ ปีมีขึ้นก็เพราะนับแต่อาตมภาพบวชมาจนบัดนี้ วันคืนได้ล่วงไปเป็นจำนวนเท่านั้นปี

ม.พระคุณเจ้าช่างฉลาดจริงๆ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 10-04-2009, 22:16
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Default

พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน พระคุณเจ้าบวชด้วยประสงค์อะไร
พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ประสงค์จะดับทุกข์และประสงค์จะให้เป็นประโยชน์สุขแก่คนทั่วไป

ม. ถ้าเช่นนั้น พระคุณเจ้าจะยอมสละเวลาพูดกับข้าพเจ้าได้หรือไม่
น. ถ้าพระองค์ตรัสอย่างบัณฑิต อาตมภาพก็จักพูดด้วยได้ ถ้าตรัสอย่างพระเจ้าแผ่นดิน อาตมภาพก็พูดด้วยไม่ได้

ม. บัณฑิตพูดกันอย่างไรเล่าพระคุณเจ้า
น. บัณฑิตเมื่อพูดกัน ย่อมผูกเป็นปัญหาถามกันบ้าง แก้ปัญหากันบ้าง พูดขู่กันบ้าง พูดแข่งกันบ้าง ยอมรับกันบ้าง แต่บัณฑิตย่อมไม่โกรธกันเพราะการโต้เถียงนั้น

ม. แล้วพระเจ้าแผ่นดินเล่า พูดอย่างไร
น. ขอถวายพระพร พระเจ้าแผ่นดินเมื่อทรงออกความเห็นในเรื่องหนึ่งเรื่องใด ผู้ใดทูลคัดค้าน ก็ลงพระราชอาญาแก่ผู้นั้น พระเจ้าแผ่นดินส่วนมากตรัสอย่างนี้

ม. เอาเถิด ข้าพเจ้าจักพูดอย่างบัณฑิต จะไม่พูดอย่างพระเจ้าแผ่นดิน ขอพระคุณเจ้าจงพูดตามสบายเหมือนพูดกับสามเณรหรือคนรักษาวัด อย่าได้มีความเกรงกลัวข้าพเจ้าเลย
น. ขอถวายพระพร เป็นพระมหากรุณายิ่ง

ม. ข้าพเจ้าขออนุญาตซักถามพระคุณเจ้าจะได้หรือไม่
น. ขอพระองค์ตรัสถามมาเถิด

ม. ข้าพเจ้าได้ถามพระคุณเจ้าแล้ว
น. อาตมภาพก็ได้ถวายวิสัชนาแล้ว

ม. พระคุณเจ้าวิสัชนามาว่าอย่างไร
น. พระองค์ตรัสถามมาว่าอย่างไร

ม.พระคุณเจ้านี่ช่างสามารถจริง
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 10-04-2009, 22:21
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,674 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Default

เมื่อได้โต้ตอบกันไปครู่ใหญ่ พระเจ้ามิลินท์ทรงพระราชดำริว่า พระภิกษุรูปนี้ปรีชายิ่ง หากเวลาหมดลงเสียแล้ว เราเองยังมีคำถามอยู่อีกมาก
หากสมควรเก็บไว้สนทนาในวันต่อไป จึงตรัสลาพระเถระเจ้า พร้อมสั่งให้อำมาตย์อาราธนาพระนาคเสนเข้าไปในพระราชวังในวันรุ่งขึ้น


เมื่อพระนาคเสนไปถึงพระราชวัง พระเจ้ามิลินท์ทรงประเคนอาหารเลี้ยงและพระราชทานผ้าไตร
จากนั้นได้ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน เราทั้งสองจะพูดเรื่องอะไรกันดี


พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร การพูดกันนี้ก็มีความประสงค์อยู่แต่เนื้อความ เพราะฉะนั้น ขอทรงตรัสแต่เนื้อความเถิด

ในวันนั้นและวันต่อ ๆ ไป พระเจ้ามิลินท์และพระนาคเสนจึงกระทำการสนทนาในข้อธรรมต่าง ๆ ดังนี้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ทิดตู่ : 10-04-2009 เมื่อ 23:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:54



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว