กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

กระทู้ถูกปิด
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 18-01-2012, 21:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕

ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของเรา ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เอาความรู้สึกทั้งหมดของเราจับอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา

หายใจเข้า..ลมหายใจผ่านปลายจมูก ผ่านกึ่งกลางอก ลงไปสุดที่ท้อง หายใจออก..ลมหายใจออกจากท้อง ผ่านกึ่งกลางอก มาสุดที่ปลายจมูก จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ตามอัธยาศัย ตามความเคยชินของเราที่เคยปฏิบัติมา

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นวันพระ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเส็ง เมื่อครู่นี้ได้กล่าวถึงเรื่องของอาการเจ็บไข้ได้ป่วยและความรู้สึกที่ว่า ความตายอยู่กับเราแค่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เราทั้งหลายที่เป็นนักปฏิบัติ จำเป็นต้องสังวรระวังและสำนึกเอาไว้อยู่เสมอว่า ความตายอยู่กับเราแค่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น หายใจเข้า..ถ้าไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออก..ถ้าไม่หายใจเข้าก็ตายอีกเช่นกัน เมื่อความตายอยู่ใกล้ชิดติดตัวเราขนาดนี้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องเร่งสั่งสมบุญกุศลใน ทาน ศีล ภาวนา ของเราให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อที่จะอาศัยบุญกุศลทั้งหลายเหล่านี้ เป็นบันไดพาเราก้าวไปสู่ความหลุดพ้น ก็คือเข้าสู่พระนิพพาน

การสั่งสมบุญกุศลนั้น ไม่ว่าจะเป็นบุญเล็กบุญใหญ่อย่างไรก็ตาม เราควรที่จะทำทั้งหมด โดยที่ตั้งเป้าเอาไว้ว่า ผลบุญทั้งหมดที่เราทำนี้ จงเป็นปัจจัยให้เราเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด ถ้าอย่างนั้นการสั่งสมบุญของท่านก็จะมีเป้าหมายที่ชัดเจน และไม่หลงผิดไปจากหนทางที่เหมาะที่สม

ถ้าหากว่าจะยกตัวอย่างบุคคลที่ใคร่ในการสั่งสมบุญ อาตมภาพขอยกตัวอย่างของครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง ก็คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ หรือที่รู้จักกันในนามของหลวงปู่มหาอำพัน แห่งวัดเทพศิรินทราวาส

หลวงปู่ท่านจะใส่บาตรทุกเช้า ถึงเวลาก็จะนิมนต์พระภิกษุสามเณรว่า "ท่านใดที่ออกบิณบาต ไม่ว่าจะขาไปหรือขากลับ กรุณาผ่านกุฏิของกระผมด้วย ขอให้กระผมได้มีโอกาสทำบุญกับเนื้อนาบุญอย่างท่านทั้งหลายด้วยเถิดขอรับ"

อาตมาเองเวลาที่ไปพักอยู่หลวงปู่ท่าน ก็ต้องช่วยเตรียมข้าวปลาอาหาร ทั้งของสดของแห้งเพื่อให้หลวงปู่มีไว้ใส่บาตร จึงเกิดความกังขาขึ้นมาว่า บุคคลที่เข้าถึงความบริสุทธิ์อย่างแท้จริงแล้วอย่างหลวงปู่ ยังต้องทำบุญอยู่ทุกวันอีกหรือ ? เพราะใจของท่านพ้นไปแล้วจากการส่งผลของบุญบาปทั้งปวง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-01-2012 เมื่อ 02:22
สมาชิก 91 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-01-2012, 18:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันหนึ่งจึงได้ปรารภกราบเรียนกับหลวงปู่ว่า “หลวงปู่ขอรับ บุญของหลวงปู่ก็กินไม่ไหวใช้ไม่หมดอยู่แล้ว ทำไมยังต้องลำบากลำบนตื่นแต่มืดแต่ดึกขึ้นมาเพื่อใส่บาตรทุกเช้าด้วย ?”

หลวงปู่ท่านว่า “ไฮ้...คุณก็...คนเราถ้าปีนพ้นเหวขึ้นมาได้ก็มีแต่ต้องตะเกียกตะกายไปให้พ้นจากขอบเหวให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ มัวแต่ไปนั่งเพลินอยู่ตรงนั้น ถ้าหากว่ากลิ้งตุ้บไปอีกแล้วจะว่าอย่างไร ?” นี่คือความไม่ประมาท

แม้ว่าหลวงปู่ท่านจะชำระจิตใจให้ผ่องใสจากกิเลสได้อย่างวิเศษยิ่งแล้ว แต่ยังคงสั่งสมบุญเป็นปกติ เป็นปุญฺญกาโม บุคคลผู้ใคร่ในบุญจริง ๆ นี่คือตัวอย่างที่อยากจะบอกว่า ในเมื่อความตายมาจ่ออยู่กับเราแค่ลมหายใจเข้าออกแล้ว เราควรที่จะเร่งสั่งสมบุญใน ทาน ศีล ภาวนา ให้มากเข้าไว้

ในเรื่องของทาน เราจะเห็นแล้วว่าหลวงปู่ท่านทำทานเป็นปกติ โดยเฉพาะทุกวันศุกร์จะมีการนิมนต์พระมารับสังฆทาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ หลวงปู่ท่านเจ้าคุณนรรัตนฯ ธมฺมวิตกฺโก ที่เป็นทั้งสหธรรมิกและเป็นทั้งครูบาอาจารย์ของท่าน ทำต่อเนื่องมาตั้งแต่หลวงปู่ท่านเจ้าคุณนรรัตนฯ ธมฺมวิตกฺโกมรณภาพ จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตของหลวงปู่ท่าน โดยไม่ได้เว้นแม้แต่วันศุกร์เดียว

ในส่วนของศีลนั้น แม้ว่าหลวงปู่จะเป็นพระภิกษุ รักษาศีล ๒๒๗ ข้อพร้อมกับอภิสมาจารต่าง ๆ ก็ตาม แต่เมื่อถึงเวลาไปเจริญกรรมฐานที่บ้านสายลม ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือที่เรารู้จักกันในนามหลวงพ่อฤๅษีวัดท่าซุง นำญาติโยมทั้งหลายสมาทานจะเป็นศีล ๕ หรือศีล ๘ ก็ตาม หลวงปู่ท่านจะพนมมือสมาทานศีลตามไปด้วย สมาทานเสียงดังเป็นตัวอย่างให้แก่ทุกคน

พอถึงเวลาจบการสมาทานศีล พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงสรุปว่า สีเลน สุคตึ ยนฺติ สีเลน โภคสมฺปทา เป็นต้น ท่านก็กอบรับเอาพรนั้นใส่เศียรเกล้าของตนเป็นตัวอย่าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2012 เมื่อ 17:59
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 21-01-2012, 10:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมาเห็นญาติโยมหลายท่านที่ถือศีล ๘ เมื่อได้ยินพระให้ศีล ๕ ก็ไม่รับ แต่หลวงปู่ถือศีล ๒๒๗ และอภิสมาจารอีก ไม่ว่าจะศีล ๕ ศีล ๘ หลวงปู่รับทั้งหมด อาตมาเคยเปรียบเทียบว่า เหมือนคุณมีเงินอยู่ ๒๒๗ บาท ถึงเวลาเขาให้มา ๕ บาท ถ้าเรารับไว้เราก็ได้เพิ่ม ๕ บาท ให้มา ๘ บาทเรารับไว้ก็ได้เพิ่มมา ๘ บาท ถ้าหากว่าไม่รับก็ถือว่าขาดปัญญา

หลวงปู่รับศีลโดยที่ไม่ได้ใส่ใจว่าจะเป็นศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ หรือศีล ๒๒๗ ก็เพราะว่ามีความเคารพในศีลจริง ๆ เห็นคุณของศีลจริง ๆ ว่าศีลรักษาผู้ที่ปฏิบัติไม่ให้ตกลงสู่ที่ต่ำ ศีลเป็นปัจจัยพื้นฐานของความดีทั้งปวง ศีลเป็นบันไดนำเราทั้งหลายก้าวไปสู่พระนิพพาน

ดังนั้น..ถ้าหากว่าความตายจ่อชิดติดตัวเรามาจนขนาดนี้แล้ว เราก็ควรจะเร่งรัดในศีลของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นทำ และไม่ยินดีเมื่อผู้อื่นกระทำการละเมิดศีลนั้น ๆ

สำหรับในส่วนของการภาวนานั้น ไม่ว่าจะมีงานข้างนอกข้างในดึกดื่นขนาดไหนก็ตาม บางทีถึงขนาดตี ๑ ตี ๒ หลวงปู่ท่านก็ต้องทำการสวดมนต์ไหว้พระก่อน จุดธูปจุดเทียนไหว้พระ หลังจากนั้นกราบพระ แล้วก็สวดมนต์ทำวัตร เมื่อสวดมนต์ทำวัตรเสร็จก็สมาทานพระกรรมฐาน นั่งภาวนาประมาณ ๕ นาที ๑๐ นาทีทุกครั้งไป หลวงปู่ตอนนั้นอายุได้ ๘๐ เศษแล้ว แต่ว่ายังคงทำแบบนั้นอยู่ทุกวัน ไม่เบื่อไม่หน่าย

อาตมาเองช่วงนั้นอายุเพิ่งจะ ๓๐ ต้น ๆ บางวันเหนื่อยมาจากการตะลอน ๆ ไปกับหลวงปู่ข้ามหลายจังหวัด กลับมาก็คอพับคออ่อนไปไหนไม่รอดแล้ว แต่หลวงปู่ท่านอายุมากกว่าเป็นเท่า ๆ ตัว ถึงเวลายังสวดมนต์ทำวัตร ยังปฏิบัติกรรมฐานเป็นปกติ ก็เพราะว่าความที่จิตของหลวงปู่ท่านปักมั่น จดจ่อแน่วแน่อยู่กับความดีใน ทาน ศีล ภาวนา นั่นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2012 เมื่อ 21:06
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 22-01-2012, 14:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเห็นอยู่ว่าความตายมาจ่ออยู่ในทุกลมหายใจเข้าออกแล้ว ถ้าไม่เร่งสั่งสมความดีเอาไว้ เกิดความดีไม่พอทำให้ตายไปแล้วต้องเกิดใหม่ ก็ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดทนทุกข์ไม่รู้จบเช่นนี้อีก ดังนั้นไม่ว่าจะกลับมาดึกดื่นเที่ยงคืนขนาดไหนก็ตาม จะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าขนาดไหนก็ตาม หลวงปู่ต้องสร้างสมความดีที่เคยทำเป็นปกติให้ครบถ้วนสมบูรณ์เสียก่อน แล้วถึงจะยอมเข้าจำวัดหลับนอนเช่นคนปกติทั่วไป

จากที่ได้กล่าวมาแล้วว่า หลวงปู่ท่านสั่งสมบุญกุศลให้ ทาน ศีล ภาวนา มาวันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า โดยไม่มีการเบื่อหน่าย เราทั้งหลายซึ่งมีความดีไม่เท่ากับหลวงปู่ ก็ควรจะเลียนแบบปฏิปทานี้ ในการไขว่คว้าหาความดีทุกอย่างใส่ตัวของเรา เพราะไม่แน่ว่าความตายนั้นจะมาถึงเราเมื่อไร

ถ้าท่านทั้งหลายทำตามปฏิปทา ที่พระเดชพระคุณหลวงปู่มหาอำพันได้กระทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ก็แปลว่าท่านทั้งหลายได้เดินตามรอยของพระสุปฏิปันโน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ชำระจิตใจของตนให้ผ่องใสจากกิเลสได้ เราเองเมื่อเดินตามรอยของท่าน ในที่สุดเราก็สามารถที่จะชำระจิตใจของเราจากกิเลสได้เช่นเดียวกับท่าน

สำหรับตอนนี้ก็ขอให้ท่านทั้งหลาย กำหนดดู กำหนดรู้ ลมหายใจเข้าออกของตนพร้อมกับคำภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๕
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2012 เมื่อ 15:05
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 04-02-2012, 14:51
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 259
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,227 ครั้ง ใน 1,280 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.ph...ame=2555-01-08

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
กระทู้ถูกปิด


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:36



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว