กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 09-05-2016, 07:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปเป็นเวลา ๔๕ วัน มีการอบรมกรรมฐานให้เจ้าอาวาสใหม่ในคณะสงฆ์หนกลาง อาตมาจะเอาน้ำดื่มไปเลี้ยงพระ ฉะนั้น...ญาติโยมที่ทำบุญเรื่องน้ำดื่มมา ขอให้รู้ว่าเป็นมหาสังฆทานเลย ไม่ได้เลี้ยงพระระดับทั่วไปนะ เลี้ยงพระระดับเจ้าอาวาสทั้งนั้นเลย

ถ้าสำหรับเจ้าอาวาสใหม่ ปกติอาตมาจะเป็นรองประธานวิปัสสนาจารย์ เป็นรองที่ใจดีมาก ใครยื่นใบลามาก็เซ็นให้หมด ปีนี้เขาเลยไม่ให้เป็นรอง ให้เป็นที่ปรึกษา มีหน้าที่จ่ายเงินกับเลี้ยงพระ ปกติเจ้าอาวาสมักจะมีงานมาก คราวนี้ไปปฏิบัติธรรมต่อเนื่อง ๔๕ วัน แล้วมีงานวัดมีอะไร บางรายก็งานศพอดีตเจ้าอาวาส บางรายก็งานประจำปี ด้วยความที่ถ้าไม่มีเจ้าอาวาส งานก็จัดไม่ได้ แล้วตัวเองเพิ่งจะเป็นเจ้าอาวาส ถ้าไม่จัดงานแบบนี้ชาวบ้านก็ไม่คบอีก อาตมาก็เลยเซ็นให้ไป น่าจะเซ็นง่ายไปหน่อย ปีนี้เลยไม่มีอำนาจในการเซ็น มีอำนาจในการจ่ายเงินอย่างเดียว..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-05-2016 เมื่อ 14:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 09-05-2016, 07:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การให้ของดีที่สุดเป็นอธิบดีทาน บางตำราเรียกสามีทาน ถึงเวลาเราได้ก็จะได้ของที่ดีที่สุด ถ้าให้ของดีที่เรากินเราใช้ เขาเรียกสหายทาน หรือสขีทาน ถ้าหากว่าให้ของที่เรากินแล้ว ใช้แล้ว ก็คือเหลือจากของเรา เรียกว่าทาสทาน ถึงเวลาทานให้ผลก็ได้ของที่เขาใช้แล้วเหมือนกัน หรือบางทีก็ใช้ของดีไม่ได้ อย่างอานันทเศรษฐี ถึงเวลานุ่งผ้าใหม่ไม่ได้ ต้องให้คนอื่นใช้ก่อนครั้งหนึ่ง ตัวเองถึงจะนุ่งได้ ไม่อย่างนั้นจะคัน บุญน้อยไปนิดหนึ่ง

อาตมาเองน่าจะทำทาสทานไว้เยอะ เพราะสมัยรับราชการชุดที่เกลียดที่สุดคือชุดปกติขาวเต็มยศ ร้อนตับแตกเลย ไม่ค่อยยอมใส่กับใครหรอก ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในบัตรเชิญระบุว่าให้แต่งปกติขาวอกแข็ง อาตมาไม่ไปเลย ยอมเสียโอกาสไม่ต้องเข้าเฝ้า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-05-2016 เมื่อ 14:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 09-05-2016, 07:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีดหมอสมัยก่อนก็คือมีดอีโต้นั่นแหละ เขาถือเคล็ดคำว่า "โต้" ก็คือต่อต้าน รักษาบรรดาโรคต่าง ๆ ที่หมอรักษาไม่ได้ แม้กระทั่งมีดหมอหลวงปู่ปาน ก็เป็นมีดอีโต้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-05-2016 เมื่อ 14:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 09-05-2016, 14:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา อาตมาไปฝังเข็ม ฝังอาทิตย์ละครั้ง หมอเขาให้นั่งหันหลังให้ แล้วก็ปักเข็มที่ต้นคอ เล่มที่ ๑ เล่มที่ ๒ เล่มที่ ๓ พอเขาปักเข็มเล่มที่ ๔ เกิดความรู้สึกเหมือนกับลมตีขึ้น จึงบอกหมอว่าเหมือนกับจะเป็นลม หมอเขาก็หยุด สักพักหนึ่งเขาก็ดึงตัวให้เอนนอนลงบนเตียงแทน แล้วหมอก็บอกว่า เคยฝังเข็มให้กับพระวัดเส้าหลิน แค่เข็มสองเข็มก็ร่วงทั้งยืนแล้ว หลวงพ่อโดนไป ๔ เข็มยังอุตส่าห์นั่งอยู่ได้อีก สรุปว่านี่ตูประหลาดกว่าชาวบ้านเขาใช่ไหม ? ก็คือมีสติรู้ตัวอยู่ก็เลยบอกหมอว่ารู้สึกว่าจะเป็นลม หมอก็เลยดึงให้นอน

พอมาอาทิตย์ที่ ๒ ฝังไป ๑๑ เข็ม เพิ่งจะรู้สึก สงสัยเหมือนกันว่าการรักษาจะได้ผลหรือไม่ ? เวลาฝังเข็มจุดที่เลือดลมอุดตัน จะทำให้เลือดลมวิ่งผ่านได้ การที่ลมผ่านได้กระทันหันก็คือเป็นลม เพราะลมมากเกินกว่าที่มีอยู่ แต่ว่าอาทิตย์ที่ผ่านมาโดนไป ๓๑ เข็ม พักสัก ๒ นาทีก็ลุกเดินได้ ไม่ต้องพักนาน หมอฝังเข็มไปก็หัวเราะไป บอกว่าไม่เคยพบไม่เคยเห็น

หมอเขามีเครื่องมือเครื่องไม้ครบ พอบอกว่ามีอาการเหมือนกับเป็นลม ก็เอาเครื่องมาวัดความดัน วัดชีพจรมาวัดให้ ปรากฏว่าความดัน ๑๐๓ กับ ๖๐ ชีพจร ๕๓ ครั้ง หมอก็เลยถอดออกแล้วใช้มือจับชีพจรแทน ก็ได้ ๕๓ ครั้ง หมอบอกว่าความดันต่ำเกิน อาตมาบอกกับหมอว่าไม่ใช่ต่ำเกิน ตั้งใจให้อยู่แค่นี้ เพราะว่าเวลาเราทรงสมาธิ ระดับของชีพจรหรือการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต ฯลฯ ของแต่ละระดับสมาธิจะไม่เท่ากัน ถ้าต่ำกว่านี้เราจะทำงานไม่ได้ แต่สูงมากกว่านี้ โอกาสที่จะฟุ้งซ่านไปกับกิเลสก็มาก ก็เลยต้องล็อกไว้ระดับนี้ แต่ว่าหมอเขาจับชีพจรได้แม่นมาก เพราะตรงกับเครื่องเลย

เคยไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลภูมิพล หมอเขาตรวจเสร็จก็บอกว่า หัวใจเต้นอ่อน ก็ต้องอธิบายให้หมอฟังว่า คนปฏิบัติสมาธิจะเป็นลักษณะอย่างนี้ หมอบอกว่าถ้าไม่ได้รับคำอธิบายก่อน จะเจอน้ำเกลือ ๒ ขวด...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2016 เมื่อ 03:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 09-05-2016, 14:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ที่ไม่ดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ หมอให้ฉันวิตามินรวมวันละเม็ด อาตมาบอกว่าฉันไปเม็ดเดียวก็เสียงแหบไปเป็นอาทิตย์แล้ว แกก็ยังไม่เชื่อ เลยฉันไป ๑ เม็ด ตั้งแต่วันนั้นมาจนวันนี้เสียงยังไม่กลับคืนมาเท่าไร ถ้าขืนไปฉันวันละเม็ดอย่างที่เขาว่าคงจะพ่นไฟได้ หมอเห็นความดันต่ำ หัวใจเต้นช้า คิดว่าร่างกายไม่แข็งแรง แสดงว่ายังไม่เห็นตอนอาตมาแบกของ..!

การรักษาโรคของหมอทุกรูปแบบ รวมทั้งการฝังเข็มด้วย ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของคนไข้ ไม่ใช่คิดว่าได้ยาดีแล้วเราจะทำอย่างไรก็ได้ ได้หมอดีแล้วจะทำอย่างไรก็ได้ เพราะบางอย่างเป็นการซ้ำเติมตัวเอง หมอต้องเดือดร้อนรักษา โดยเฉพาะเรื่องการกินการอยู่หรือการออกกำลังกาย การกินการอยู่ต้องระมัดระวัง การออกกำลังกายต้องมี ไม่เช่นนั้นถึงเวลาร่างกายไม่แข็งแรงหมอก็ต้องช่วยกันตายเลย

หมอเป็นคนจีนไต้หวันพูดไทยได้ไม่ชัด เขาบอกว่าหลวงพ่อมัวแต่ช่วยคนอื่นอยู่ จนไม่เหลือแรงไว้ช่วยตัวเอง ปกติแกไม่รับรักษาพระ ไม่รับรักษานักการเมือง ถือว่าเป็นกรณีพิเศษที่แกยอมรักษาให้ หมอบอกว่าช่วยคนอื่นมากเกินไปตัวเองก็เดือดร้อนแบบนี้ ก็แสดงว่าหมอเขาก็เข้าใจเรื่องของการที่ไปยุ่งกับกรรมชาวบ้านเขา ความจริงไม่ใช่อาตมาไม่มีแรงไปสู้ เพียงแต่ไม่คิดจะสู้ต่างหาก เรื่องกฎของกรรมนี่จะไปสู้อะไรได้ แต่นั่งมองว่าเขาจะทำอะไรเราบ้าง ยอมรับแต่โดยดีว่าเราเป็นหนี้ แล้วก็จ่าย ๆ ไปเสีย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2016 เมื่อ 03:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 09-05-2016, 15:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงประมาณอาทิตย์ก่อนที่ผ่านมา พระนิสิตปริญญาตรี การจัดการเชิงพุทธปี ๒ ของห้องเรียน มจร.วัดป่าเลไลยก์ ปกติอาตมาก็ต้องไปสอนถึงวัดป่าเลไลยก์ เขาบอกว่าอยากเห็นว่าอาจารย์ทำอะไรบ้าง ขอไปเรียนที่วัดสักวันหนึ่ง อาตมาก็บรรยายแล้วก็ฉายสไลด์ให้เขาดูว่าทำอะไรไปบ้าง เกี่ยวกับเรื่องการศึกษาสงเคราะห์ พอบรรยายจบ เขาตั้งคำถามว่า “หลวงพ่อเอาเงินจากไหนมาทำครับ ?” เขาเห็นว่าจ่ายเสียขนาดนั้น

ทุนการศึกษาปีนี้ ๙ โรงเรียน แล้วก็มีทุนอุดมศึกษาคือระดับปริญญาตรีทุนละ ๓๐,๐๐๐ บาทอีก ๙ ทุน เพราะว่าปีนี้จบเพิ่มอีกหนึ่งราย อีกรายหนึ่งที่ไม่จบเพราะว่าทำงานไปเรียนไป ขาดเรียนมากก็เลยไม่จบ ทางด้านอาจารย์ที่ปรึกษาถามมาว่าจะให้ทุนอีกไหม ? อาตมาบอกว่าให้อีกปีหนึ่ง แล้วขอดูผลการเรียน ไม่อย่างนั้นปีนี้จะเหลือแค่ ๘ ทุน เพราะว่าพวกที่เรียนปริญญาตรี ๕ ปี โดยเฉพาะคณะครุศาสตร์ ปีนี้เริ่มจบ จึงเหลือน้อยลง แต่ว่าปรากฏว่ามีรายนี้ที่ไม่จบ จึงต้องให้เพิ่มไปเป็นปริญญาตรี ๙ ทุน ก็ ๒๗๐,๐๐๐ บาท

ถ้าหากว่าเป็นทุนระดับมัธยม อาตมาให้ทุนละ ๓,๐๐๐ บาท เฉพาะของโรงเรียนทองผาภูมิวิทยาก็ ๒๔ ทุนตายตัวอยู่แล้ว แล้วยังมีโรงเรียนบ้านดินโส โรงเรียนบ้านเหมืองสองท่อ แล้วก็โรงเรียนบ้านทุ่งเสือโทน ส่วนของระดับประถมศึกษาทุนละ ๒,๐๐๐ บาท ก็ตกโรงเรียนละ ๔๐,๐๐๐ บาท จะขยายทุนไปเรื่อย ๆ อย่างน้อยปีละ ๑ โรงเรียน จนกว่าจะครบ ๓๒ โรงเรียนของทองผาภูมิ ไม่รู้ว่าอาตมาจะอยู่ถึงหรือเปล่า ?

ส่วนพระเณรของวัดท่าขนุนที่เรียน มีรายจ่ายประมาณเดือนละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท แล้วเดือนไหนค่าเทอมออกก็ราว ๆ ๘๐๐,๐๐๐ บาท ให้เขาไปเรียนเองข้างนอกก็คงไม่ไหว อาตมาจึงส่งเรียนทุกรูปที่อยากเรียน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2016 เมื่อ 03:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 09-05-2016, 15:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ปีนี้มิติเด็กวัดท่าขนุน จบปริญญาตรีก็ให้ต่อปริญญาโทไปเลย ทั้งหมู่บ้านของเขาเพิ่งมีจบปริญญาตรีคนนี้คนเดียว กลับไปคุณสมบัติก็ท่วมชาวบ้านแล้ว เห็นมีโอกาสจึงให้เรียนต่อปริญญาโทไปเลย โดยเฉพาะเขาเรียนปริญญาตรีของสุโขทัยธรรมาธิราช อ่านหนังสือเองแล้วไปสอบ ไม่มีอาจารย์อธิบายให้ฟัง ก็เลยเรียนถึง ๖ ปี เรียนตั้งแต่อาตมาเรียนปริญญาตรีปีสุดท้าย มาจบหลังอาตมาจบปริญญาเอก ๑ ปี อาตมาอยากจะให้ยืมสมองไปใช้เหมือนกัน เสียดายที่ถอดให้ไม่ได้...!

บอกกับนักศึกษาว่า งานคณะสงฆ์ของเรามีจุดบกพร่องตรงที่ว่า ทำความดีแล้วไม่มีใครช่วยโฆษณา แต่ว่าพอทำไม่ดีจะโดนทันที สิ่งหนึ่งที่ขอเอาไว้ก็คือ ถ้าไม่มีกำลังพอที่จะช่วยเหลืองานเป็นสาธารณะ ที่จะช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับคณะสงฆ์ ก็อย่าทำให้คณะสงฆ์ต้องพังเพราะมือของพวกท่านเอง ก็คือถ้าไม่สามารถที่จะทำให้ศาสนาเจริญได้ ก็อย่าทำให้ศาสนาพังเพราะเราเลย

อาจารย์ท่านให้เอกสารมาด้วย กำหนดหัวข้อให้สรุปการบรรยายเป็นข้อ ๆ ถึงเวลาก็ส่ง ความจริงการเรียนนอกสถานที่ก็ดี แต่ว่าจากวัดป่าเลไลยก์ไปถึงทองผาภูมิ เดินทางตั้ง ๓ ชั่วโมง ช่วงนี้เป็นช่วงภาคฤดูร้อนของพระเณร อาตมาโดนบรรยายวันละ ๖ ชั่วโมง วันก่อนไม่ได้ไปงานศพของโยมที่คุ้นเคยกัน เพราะว่าชั่วโมงสุดท้ายเลิก ๖ โมงครึ่ง จากวัดไร่ขิงวิ่งกลับไปวัดท่าขนุนอย่างไรก็ไม่ทันฟังสวด โยมก็มักจะบ่นว่างานศพก็ไม่ได้ไป ถ้าว่างวันไหนก็ไปวันนั้นแหละ เขาสวดตั้ง ๕ วัน ๗ วัน

เมื่อวานซืนก็ไปประชุมที่วัดตะคร้ำเอน อำเภอท่ามะกา จน ๕ โมงกว่า วิ่งกลับไปทันฟังสวดพอดี ไม่ได้เข้าวัดหรอก ไปงานศพเขาก่อน เสร็จแล้วค่อยไปสรงน้ำผลัดผ้า ยังโชคดีว่าชุดของพระไปได้ทุกงาน แปลว่าเวลาที่จะเปลี่ยนชุดยังไม่มีเลย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2016 เมื่อ 03:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 09-05-2016, 15:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีเด็กถามเรื่องสัตว์วิเศษ "พวกสัตว์เขาจำพวกที่เกิดมาแล้วมีของดีคู่ตัวมา ส่วนใหญ่พวกนี้จะเป็นพระโพธิสัตว์ ส่วนสัตว์บางประเภทเขาต้องเอามาทำเป็นยาหรืออาหาร ถึงจะมีสรรพคุณพิเศษกว่าอย่างอื่นเขา ถ้าอยากจะรู้ว่าสัตว์อะไรเป็นสัตว์วิเศษนี่ต้องศึกษากันอีกเยอะ

จะว่าไปแล้วพวกสัตว์เขาก็มีอำนาจจิตนะ อย่างงูเวลาเลื้อยเข้าหาเหยื่อ บางทีเหยื่อแข็งทื่อไปไหนไม่ได้เลย เอาเป็นอันว่าถ้าเสือเดินเข้ามาหา ถ้าเราวิ่งหนีได้ก็คือไปเลย ถ้าไม่ได้ก็คือยืนแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น นี่คืออำนาจของสัตว์ ต้องบอกว่าอำนาจจิตเขาเหนือกว่า กดเหยื่ออยู่เลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2016 เมื่อ 03:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 09-05-2016, 16:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในเรื่องเพชรพระอุมา เชื่อความรู้เกี่ยวกับป่าได้มากน้อยแค่ไหนคะ ?
ตอบ : ถ้าความรู้เกี่ยวกับป่าก็เชื่อได้ทั้งหมดนั่นแหละ เป็นของจริงที่ครูเขาไปเจอมาเอง แม้กระทั่งที่ไปเอาพริกขี้หนูมาตำแล้วพอกแก้พิษตะขาบ ตำรายาของอินเดียเขาบอกว่า ให้เอาพริกขี้หนูมาตำ ละลายน้ำ แล้วก็กรอกให้คนที่โดนงูกัด ส่วนกากให้เอาไปพอกที่แผล รับรองว่าหายทุกราย อาตมาว่าไม่หายก็คงตายเพราะพริกขี้หนูนั่นแหละ เผ็ดเสียขนาดนั้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2016 เมื่อ 03:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 11-05-2016, 12:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมพาคนที่พิการทางสมองมาทำสังฆทาน "เก่งมาก...ยังใช้งานได้ มีหลายคนที่เหมือนอย่างกับหุ่นยนต์ ต้องสั่งถึงจะทำ นี่เขายังรู้จักคิดรู้จักทำเอง

จำไว้ว่าโทษของสุราและยาเสพติดนั้นข้ามชาติข้ามภพในลักษณะอย่างนี้แหละ เกิดใหม่ก็กลายเป็นคนไม่เต็มเหมือนอย่างที่เห็น ตอนนี้บังคับเอาเหล้ากรอกปากก็ไม่กินแล้ว เรื่องที่อัศจรรย์ที่สุดก็คือทุกชาติทุกภาษาก็มีเหล้า
ถามหน่อยซิ มีชาติไหนที่ไม่มีเหล้าบ้าง ? แม้กระทั่งประเทศอิสลามซึ่งกฎหมายเขาห้ามกินเหล้า แต่ที่สุไหงโกลกคนทางฝั่งมาเลเซียข้ามด่านมากินเหล้าที่สุไหงโกลก เมาได้ที่แล้วค่อยกลับบ้าน แต่ละชาติแต่ละภาษาก็มีเหล้าที่มีชื่อเสียงของตัวเอง สรุปแล้วเรื่องผิดศีลนี่ไปทั่วโลกเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2016 เมื่อ 03:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 11-05-2016, 12:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่พาครอบครัวมาทำสังฆทาน “อ้าว...แล้วพ่อไม่ได้มาหรือ ? (นั่งรอข้างล่างครับ ขึ้นบันไดไม่ไหวแล้ว) อุ้มขึ้นมาเลย ขอแนะนำ อาตมาเองสมัยดูแลหลวงปู่มหาอำพัน อุ้มท่านจาก ๘๐ กว่ากิโลกรัมจนเหลือแค่ ๔๔ กิโลกรัม”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2016 เมื่อ 03:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 11-05-2016, 12:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ได้ยินว่าทางด้าน สปช. จะปรับปรุงกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับคณะสงฆ์ มีอยู่ส่วนหนึ่งที่เหมือนอย่างกับเคาะกะลาให้หมาดีใจ ขออภัยถ้าท่านคิดว่าตัวเองเป็นหมา อาตมาแค่เปรียบเทียบตามสำนวนโบราณเท่านั้น

เขาบอกว่าปัจจุบันนี้เปรียญธรรม ๙ ประโยคเขาเทียบให้แค่ปริญญาตรีเท่านั้น ถ้าเรียนไม่ตกเลยต้องเรียนใช้เวลาถึง ๘ ปี ก็เลยจะมีการเทียบให้ว่าเปรียญธรรม ๖ ประโยคเทียบเท่าปริญญาตรี เปรียญ ๗ หรือ ๘ ประโยคเทียบเท่าปริญญาโท แล้วเปรียญธรรม ๙ ประโยคเทียบเท่าปริญญาเอก

อาตมาอยากจะเตือนท่านที่กำลังจะเด้งรับว่า เขาแค่เคาะกะลาให้หมาดีใจ เพราะว่าประโยคเปรียญธรรมต่าง ๆ นั้นเรียนแต่บาลีอย่างเดียว ไม่มีความรู้พื้นฐานอื่นเลย ซึ่งส กอ. อย่างไรเขาก็ไม่ยอมให้ผ่านอยู่แล้ว ซึ่งแปลว่าถ้าใครอยากได้ก็ต้องไปเรียนวิชาพื้นฐานอย่างน้อย ๖ วิชา แล้วถ้าเป็นปริญญาโทหรือปริญญาเอก ก็อาจจะต้องเรียนวิธีการทำวิจัยเพิ่มเติม และอาจจะต้องทำวิจัยเกี่ยวกับภาษาบาลี ซึ่งจำนวนผู้ที่สอบบาลีได้มีมากมายมหาศาลทั่วประเทศ ถ้าไปเทียบวุฒิพร้อม ๆ กันก็หาหัวข้อวิทยานิพนธ์ไม่ได้หรอก

ของบางอย่างเขาพูดให้ฟังดูดี แต่ไม่ได้ง่ายในการที่จะปฏิบัติให้เป็นไปตามที่พูด ฉะนั้น...อย่าได้หลงไปดีใจ "
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2016 เมื่อ 03:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 11-05-2016, 12:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ที่อาตมาต้องการคือ แค่ให้การเรียนบาลีเป็นการเรียนแบบเก็บหน่วยกิต ถ้าหากว่าเก็บหน่วยกิตได้เท่านั้นเท่านี้ก็ให้ผ่านประโยคนั้นไป เพราะว่าส่วนใหญ่แล้ว การเรียนบาลีปัจจุบันนี้เรียนเพื่อรู้มีมาก แต่เรียนเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญมีน้อย ดังนั้น...ถ้าเรียนแบบเก็บหน่วยกิตก็สำหรับบุคคลทั่ว ๆ ไปที่ต้องการรู้ว่าบาลีแปลว่าอย่างไร เอาประเภทแค่แปลออกงู ๆ ปลา ๆ ก็ยังดี แต่ถ้าจะเอาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ก็เอาท่านที่เรียนยาวไปยันประโยค ๙ เลย เสร็จแล้วก็ศึกษาบาลีชั้นสูงเพิ่มเติมให้รู้ที่มา รู้สูตรในการสมาส ในการสนธิต่าง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2016 เมื่อ 03:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 11-05-2016, 13:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สวดพระคาถาเงินล้านแล้วมือร้อน มีอยู่วันหนึ่งนั่งแล้วใจสบายก็เลยภาวนาสักหน่อย ทีนี้เกิดอาการร้อนก็เลยปล่อยไปเรื่อย จนความร้อนเกิดเป็นคลื่นขึ้นมาถึงหัว แล้วก็ลงมาที่มือ ?
ตอบ : สังเกตดูว่าหลังจากนั้นแล้ว สิ่งที่เราภาวนาทำให้เกิดผลแล้วหรือไม่ แล้วถ้าหากว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง แปลว่าคาถาน่าจะได้ผล ต่อไปให้สังเกตดูว่าพอเกิดอาการอย่างนั้นขึ้นแล้ว มีลาภผลอะไรเกิดขึ้นบ้าง

ถาม : พอกลับมาก็เลยเปิดคำสอนของหลวงพ่อฤๅษีก็ร้อนเหมือนกัน ก็ไม่คิดว่าเปิดคำสอนก็จะเกิดอาการร้อนเหมือนกัน ?
ตอบ : แสดงว่าเกิดจากกำลังของสมาธิ

ถาม : หลังจากนี้แล้ว ต้องทำอะไรต่อไปคะ ?
ตอบ : มีหน้าที่ภาวนาไป อย่าไปสนใจสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะถ้าสนใจสิ่งที่เกิดขึ้น สมาธิจะไม่ทรงตัว บางคนก็กลัวจนไม่ทำต่อ ซึ่งทำให้เสียประโยชน์ของตนเอง ทำไปเรื่อย ๆ จะเป็นจะตายก็ช่างมัน

ถาม : ถ้าอย่างนั้นควรภาวนาต่อ ?
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจตรงนั้น เรามีหน้าที่ภาวนาอย่างเดียว ถ้ามัวไปใส่ใจก็เสียผลในการปฏิบัติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2016 เมื่อ 03:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 11-05-2016, 13:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าพวกเรานั่งในห้องนี้แล้วรู้สึกว่าสบาย ก็แปลว่าตอนนี้ทุกห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ เต็ม เคยดูรูปที่เขาส่งมา ห้างในเมืองจีน โดยเฉพาะที่ขายเฟอร์นิเจอร์ มีคนนอนแน่นไปหมด นอนแบบไม่เกรงใจคนขายเลย ไม่ว่าจะเตียง โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ เขายึดไปนอนหมด

ตรงจุดนี้ที่กล่าวถึง ไม่ได้เปรียบให้ดูว่าคนไทยเรามีระเบียบวินัยมากกว่า แต่อยากจะบอกว่า คนเราจำนวนมากเวลาเดินซื้อของในห้างมักจะลืมวันลืมเวลา เพราะว่าทางห้างเขาตั้งใจทำให้ไม่มีเวลา เนื่องจากว่าจะกี่โมงกี่ยามก็สว่างเท่ากันหมด และส่วนนี้แหละที่บุคคลเป็นจำนวนมากควรจะเอามาพิจารณาว่า ที่ตัวเองบอกว่าไม่มีเวลาให้ลูกนั้นจริงไหม ? เดินห้างได้เป็นวัน ๆ แต่ไม่มีเวลาให้ลูก ก็แปลว่าเวลาสำหรับลูกมีเหลือเฟือ แต่ไม่รู้จักแบ่งเวลาเอง

สำหรับลูกหรือเด็ก ๆ แล้ว เราจะอ้างว่าไม่มีเวลาไม่ได้ ต่อให้ไม่มีขนาดไหนก็ต้องหามา เพราะว่าไม่เพียงแต่เด็กเท่านั้น แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังต้องการเวลาจากคนอื่น โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่กำลังใจยังไม่มั่นคงพอ ต้องการให้คนอื่นสนใจ ต้องการให้เป็นที่ยอมรับ ก็เลยกลายเป็นว่าเด็กวัยรุ่นส่วนหนึ่งไปทำตัวบ้า ๆ บอ ๆ ในสายตาผู้ใหญ่ แต่เขาได้การยอมรับจากเพื่อนฝูง ทำแล้วเพื่อน ๆ เห็นว่าเขาเป็นฮีโร่ เขาก็เลยไปแว้น ไปพ่นสีใส่กำแพง ไปยกพวกตีกัน จะว่าไปแล้วก็เริ่มมาจากในบ้านทั้งนั้น ก็คือเริ่มจากการที่พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ลูก

ที่อนาถกว่านั้นอีกก็คือ บางบ้านเลี้ยงหมาเลี้ยงแมว ดูแลหมาแมวจนลืมลูก ไม่ได้พูดเล่นนะ มีจริง ๆ ถึงเวลาต้องพาหมาไปฉีดวัคซีน ถึงเวลาต้องให้ยา แต่ลืมไปว่าลูกที่อยู่ที่บ้านต้องการความสนใจมากกว่าหมาเยอะ ถ้าคิดผิดก็คิดใหม่ได้ ถ้าทำผิดก็ทำใหม่ได้ เพราะว่าไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิด แต่สำคัญที่ว่าผิดแล้วรู้จักแก้ไขไหม ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-05-2016 เมื่อ 17:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 11-05-2016, 13:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สองวันมานี้อาตมาเห็นเขาทำผัง โยงเรื่องที่คนสารพัดกลุ่มทำว่าเป็นการวางแผนร่วมกันเพื่อต่อต้านรัฐบาล อาตมาเห็นแล้วเซ็งมาก เรียกว่าทำในสิ่งที่ไม่ควรจะทำ ควรจะไปโยงเรื่องว่า ทำไมเศรษฐกิจไม่ดี ? ทำไมชาวบ้านไม่มีน้ำทำนา ? ทำไมชาวบ้านไม่มีเงินใช้ ? แล้วก็หาทางแก้ไขต้นเหตุนั้นเสีย ถ้าทำอย่างนั้นได้ ปัญหาการเมืองจะหมดไปจากประเทศไทยเลย ดันไปโยงเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง จะให้คนมีความเห็นอย่างเดียวกันทั้งประเทศนั้นเป็นไปไม่ได้

ถ้ารัฐธรรมนูญของคุณดีจริง ทำไมต้องกลัวด้วยว่าจะไม่ผ่านประชามติ ? ของดีต้องขายได้ในทุกที่สิ ไม่ใช่บังคับซื้อ อาตมาเห็นแล้วมาคิด ๆ ว่านี่ถ้าหากอาตมาเป็นนายกฯ น่าจะบริหารได้ดีกว่า..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2016 เมื่อ 04:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 11-05-2016, 13:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อีกส่วนหนึ่งที่อาตมาฟังแล้วยังคิดว่า ตกลงเขาใช้หัวแม่เท้าคิดแทนสมองกันหรืออย่างไร ? ถึงไม่ผ่านประชามติก็จะใช้ ม.๔๔ แล้วจะทำประชามติให้เปลืองงบประมาณไปตั้งหลายพันล้านทำไม ? ก็ถ้าจะเอาอย่างนั้นก็เอา ม.๔๔ ไปเลยก็หมดเรื่อง มาล้างผลาญเงินทองบ้านเมืองทั้ง ๆ ที่ไม่มีเงินไปทำไม ?

ใช้ ม.๔๔ เล่นงานพวกเผาป่าหรือทำลายป่าไม้ไปสิ เดี๋ยวประเทศไทยเราก็เขียวชอุ่มขึ้นมา ฟ้าฝนก็ตกต้องตามฤดูกาลไปเอง เขาไม่ยอมปรับตามความต้องการของประชาชน จะให้ประชาชนปรับตามเขาอย่างเดียว เพราะฉะนั้น...ไม่มีประโยชน์ อาตมาพูดไปต่อให้สมเหตุสมผลขนาดไหนก็ตาม เขาจะว่าไอ้นี่เสื้อแดงแน่นอน

ปัจจุบันนี้บ้านเราเมืองเรามีมือที่มองไม่เห็นใหญ่กว่าที่เราคิด ต้องการจะสร้างความแตกแยกให้มากที่สุด เพื่อที่จะปกครองบ้านเราให้ได้ง่ายที่สุด เพราะฉะนั้น...เหตุการณ์ที่ไม่ควรจะมีถึงได้มีขึ้นมา แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าหลายคนกลายเป็นแนวร่วมไปทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา กลายเป็นช่วยกันทำให้ประเทศไทยแตกแยกหนักยิ่งขึ้น เสียดายว่าสมัยนี้ปิดหูปิดตาชาวบ้านไม่ได้แล้ว คือส่วนใหญ่แล้วไม่ได้วิจารณ์เพราะหวังดีปรารถนาดี แต่วิจารณ์ไปตามอารมณ์ ในเมื่อวิจารณ์ไปตามอารมณ์ ไม่ได้ตั้งอยู่ในความหวังดีปรารถนาดีต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง ก็ทำให้สถานการณ์ร้อนระอุยิ่งขึ้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2016 เมื่อ 04:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 11-05-2016, 13:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ปัจจุบันนี้ที่รัฐบาล คสช.เสื่อมความน่าเชื่อถือลงอย่างรวดเร็ว เพราะว่าทุกอย่างที่ว่าเขาเอาไว้แล้วตัวเองมาทำเสียเอง และทำหนักกว่าด้วย กลายเป็น "ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง" ก่อนหน้านี้ว่ารัฐบาลเก่าเป็นเผด็จการรัฐสภา ปัจจุบันนี้เขียนรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดเผด็จการรัฐสภา เป็นเรื่องอะไรที่ตลกมาก แต่หัวเราะไม่ออก

พวกเราก็ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินไป อย่าหวังว่ารัฐบาลจะช่วยก็พอแล้ว ถ้าหวังว่ารัฐบาลจะช่วยไม่รู้ชาติหน้าบ่าย ๆ จะได้ช่วยหรือเปล่า ? เพราะมีแต่ช่วยซ้ำให้หนักขึ้น อย่างช่วงนี้ร้อนและแล้งจะเป็นจะตาย เป็นเรื่องที่อยู่ลักษณะเร่งด่วนและต้องแก้ไขให้ได้ แต่อีก ๒ เดือนผ่านไป เรื่องนี้จะถูกลืม แล้วก็กลายเป็นเรื่องเร่งด่วนใหม่ ก็คือน้ำท่วมจะช่วยอย่างไร ? พอถึงเวลาอีก ๒ เดือนถัดจากนั้น น้ำท่วมก็โดนลืม บ้านเราทำอะไรฉาบฉวยตามกระแสเท่านั้น ไม่ได้มีการแก้ไขอะไรให้ยั่งยืนเลย เอาเถอะ...พอแค่นี้ก่อน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะโดนเรียกไปปรับทัศนคติจริง ๆ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2016 เมื่อ 04:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 11-05-2016, 13:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จับภาพพระกับกสิณควบกันได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าฝึกใหม่ต้องจับภาพกสิณให้ชัดเจนเต็มที่ก่อน แล้วค่อยอธิษฐานภาพพระขึ้นมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2016 เมื่อ 04:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 12-05-2016, 15:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำอย่างไรจึงจะไม่ทุกข์ได้คะ ?
ตอบ : หยุดคิด ส่วนใหญ่แล้วคนเราทุกข์เพราะความคิดตัวเอง อยากเป็นนั่น อยากเป็นนี่ ไม่อยากได้นั่น ไม่อยากได้นี่ ทำอย่างไรจะตาเห็น หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัสแล้วจะไม่คิด เพราะว่าการคิดทำให้เราชอบหรือไม่ชอบ ถ้าชอบก็เป็นราคะ ไม่ชอบก็เป็นโทสะ เล่นงานเราทั้งคู่

ทำอย่างไรเราจะหยุดได้ทันทีที่สัมผัส ก็คือตาเห็น หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส แล้วหยุดไว้แค่นั้น ตอนนี้ได้แค่หยุด หลังจากนั้นพอพิจารณาเห็นว่าทุกอย่างเป็นโทษแก่เราแล้ว ทันทีที่อายตนะสัมผัส สภาพจิตจะตัดออกไปเลย จะไม่มีการปรุงแต่งต่อ สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นก็ให้โทษแก่เราไม่ได้ ในเมื่อให้โทษแก่เราไม่ได้ ความทุกข์ก็ไม่เกิด จึงเหลือแต่ความสุข


ถาม : ทำอย่างไรจึงจะหยุดคิดได้ ?
ตอบ : สมาธิ ถ้าทำสมาธิ สติจะแหลมคมขึ้น สติแหลมคมขึ้น ก็รู้เท่าทันในทันทีที่จะคิดแล้ว ถ้าหากว่าคิดในด้านดีจะเป็นอย่างนี้ คิดในด้านไม่ดีจะเป็นอย่างนี้ ส่วนนี้เป็นตัวปัญญาที่เข้ามาเสริม ในเมื่อเห็นแล้วก็คือทิ้งในด้านที่ไม่ดี คิดในด้านที่ดี หรือถ้ากำลังใจปล่อยวางจริง ๆ ดีหรือไม่ดีก็ไม่เอา เพราะปล่อยทิ้งไปเลย ไม่คิด

ดังนั้น...คำตอบอยู่ที่สมาธิเสียส่วนใหญ่ พอมาตอนหลังปัญญาเห็นทุกข์เห็นโทษก็ไม่ไปแตะต้องอีก เหมือนกับคนตกลงไปในส้วม ขึ้นมาอาบน้ำสะอาดแล้ว แต่งเนื้อแต่งตัวใหม่อย่างดี ไม่มีใครอยากลงไปในส้วมอีก จะเห็นทุกอย่างเป็นทุกข์เป็นโทษในลักษณะอย่างนั้น ก็คือไม่ไปแตะไปต้องอีก พยายามหน่อย...ไม่ยากหรอก พวกเราส่วนใหญ่มี
พื้นฐานอยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2016 เมื่อ 04:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:56



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว