กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 20-08-2013, 08:39
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๒๒. อย่าสนใจจริยาของบุคคลอื่นให้จิตมันเร่าร้อนไปเพื่อประโยชน์อันใด ให้พยายามรักษาอารมณ์เยือกเย็นของจิตให้อยู่ในพรหมวิหาร ๔ ให้มาก และเป็นธรรมดาอยู่ดีที่จิตยังไม่เข้าถึงพระอนาคามีผล.. ความหวั่นไหวของจิตย่อมมีบ้าง แต่พยายามให้มั่นหวั่นไหวน้อยลง พยายามรักษาอารมณ์นี้ให้ทรงตัว ควบกับการพิจารณาขันธ์ ๕ หรือว่าร่างกายนี้เป็นธาตุ ๔ มีอาการ ๓๒ เข้ามาประชุมชั่วคราว มีเกิดขึ้นในเบื้องต้น มีเสื่อมไปในท่ามกลาง มีการสลายตัวไปในที่สุด ให้จิตยอมรับความจริงอยู่อย่างนี้ แล้วกิเลสต่าง ๆ ก็จักเบาบางลงไปได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2021 เมื่อ 15:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 21-08-2013, 09:01
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๒๓. อย่าเพ่งโทษผู้อื่น ใครเขาจักทำอย่างไรก็เรื่องของเขา มุ่งเอากาย วาจา ใจของเราให้ดีก่อน ตราบใดที่ยังเห็นข้อบกพร่องของตนเอง หากจักเอ่ยปากตำหนิบุคคลผู้อื่น ให้รู้ตัวไว้ว่านั่นเราเลวแล้ว ไปรับเอาชั่วเอาเลวของเขาไว้แล้วนำมาตำหนิ นั่นแหละเราเลวกว่าเขา หากหวังความก้าวหน้าในการปฏิบัติ ก็จงกำหนดรู้ข้อบกพร่องจุดนี้เอาไว้ให้ดี และให้ตั้งใจตั้งอารมณ์ให้ถูกต้อง เพียรเลิกเสียให้ได้จริง ๆ ในเรื่องของคนอื่น แล้วผลของการปฏิบัติจักตีวงแคบเข้ามา และเข้ามรรคผลนิพพานได้ง่าย อย่าเสียเวลากับคนอื่นโดยใช่เหตุ ชีวิตล่วงไป.. ความตายใกล้เข้ามาทุกที

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2013 เมื่อ 10:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 22-08-2013, 09:20
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๒๔. ร่างกายนี้ ในไม่ช้าก็จักเป็นผีในป่าช้า ให้พิจารณาขันธ์ ๕ ตามความเป็นจริง จักเห็นร่างกายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่ายที่สุด อันพึงที่จิตของเราควรจักละทิ้งไป การพิจารณาร่างกาย พยายามรักษากำลังใจให้สม่ำเสมอ อย่าทำจิตให้ตก คือเศร้าหมองไปกับธรรมที่พิจารณานั้น ให้รักษากำลังจิตให้เข้มแข็ง ยอมรับสภาพที่เสื่อมลงไปทุกขณะของร่างกาย แล้วหมั่นรักษาอารมณ์วางเฉยกับร่างกายตนเอง มันจักแก่ก็เชิญแก่ มันจักป่วยก็เชิญป่วย มันจักตายก็เชิญตาย อย่าไปทุกข์ร้อนกับมัน

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2013 เมื่อ 19:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 23-08-2013, 07:55
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๒๕. ร่างกายที่จิตเราอาศัยอยู่ชั่วคราวนี้ ประกอบด้วยธาตุ ๔ มีอาการ ๓๒ ให้หมั่นกำหนดรู้ (เพราะไม่กำหนดก็ไม่รู้ จิตอาศัยอยู่จนชินด้วยความหลง) อย่าได้มี.. พิจารณาว่ามันไม่ใช่เรา มันไม่มีในเราอยู่เสมอ ๆ พยายามทำให้ชิน จิตจักได้เป็นฌานในกายคตานุสติ และอสุภกรรมฐานควบไปถึงมรณาฯ กับอุปสมานุสติด้วย ให้หมั่นคิดไว้เสมอว่า ถ้าร่างกายนี้ตายเมื่อไหร่ จิตของเราปรารถนาอยู่อย่างเดียวคือไปพระนิพพาน แม้ร่างกายมันป่วย มันเจ็บ ก็ให้รู้ว่าวาระหรือโอกาสที่เราจักได้เข้าถึงพระนิพพานใกล้เข้ามาแล้ว เราใกล้สิ้นทุกข์แล้ว รักษาอารมณ์ปล่อยวางให้มาก" (อุเบกขาในร่างกาย.. ซึ่งเป็นอุเบกขาของบารมี ๑๐)" ความประมาทในชีวิตของร่างกาย เพราะความตายจักเข้ามาถึงเมื่อไหร่ก็ได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 27-08-2013 เมื่อ 09:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 70 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 27-08-2013, 09:47
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๒๖. อย่าทิ้งอารมณ์พิจารณา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง (กรรมฐาน ๕ ซึ่งเวลาบวชพระ ท่านอุปัชฌาย์จะแนะนำผู้บวชให้พิจารณาเป็นสมถะและวิปัสสนาภาวนาเป็นปกติ) อาการ ๓๒ ธาตุ ๔ ให้ไล่ไปไล่มาสลับกัน ตั้งแต่วันเกิดปฏิสนธิในครรภ์มารดา จนกระทั่งถึงวันตาย ธาตุ ๔ ก่อตัวมาอย่างไร ? สลายตัวไปอย่างไร ?

ให้พิจารณาให้เห็นชัด จุดนี้จักเป็นการตัดรูปในพระพุทธศาสนาได้ เป็นตัวปัญญาที่จักนำไปสู่อารมณ์จิตที่ยอมรับนับถือว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่มีในเราอย่างแท้จริง แล้วจักเห็นร่างกายเป็นเหยื่อล่อของตัณหา รวมไปถึงการพิจารณาอายตนะหกด้วย ยิ่งจักเห็นเด่นชัดยิ่งขึ้นว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณนั้นไม่ใช่เรา แยกจิตผู้รู้นี้ให้ออกมาเป็นเอกเทศ ปล่อยวางกองสังขารลงให้หมด ไม่ว่าจักเป็นจิตสังขาร หรือกายสังขาร นั่นแหละจักเป็นอารมณ์จิตที่ว่างจากกิเลสอย่างแท้จริง

แม้จักเป็นการว่างชั่วคราว.. ก็พึงที่จักซักซ้อมเข้าไว้ให้จิตเคยชิน ทำให้บ่อย ๆ เมื่อสภาพการตายที่แท้จริงเข้ามาถึง จิตก็จักละจากขันธ์ ๕ มุ่งสู่พระนิพพานตามปรารถนาทันที อนึ่ง พยายามตัดเรื่องภายนอกออกให้มากที่สุด อย่าไปห่วงใครทั้งหมด รักษาอารมณ์ของจิต อย่าให้ตกเป็นทาสของนิวรณ์ทั้ง ๕ ประการ ให้ตั้งใจเจริญกรรมฐานให้จิตทรงตัวให้นานที่สุดเท่าที่จักทำได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-08-2013 เมื่อ 16:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 29-08-2013, 09:28
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๒๗. ว่างจากกิจการงานเมื่อไหร่.. ให้ตั้งใจพิจารณาร่างกายเมื่อนั้น ให้เห็นตามความเป็นจริงว่า ร่างกายนี้เต็มไปด้วยภาระและนำทุกข์มาให้ จึงพึงละเสียให้ได้จากร่างกายอันเต็มไปด้วยภาระและทุกข์นี้ (เป็นวิปัสสนาญาณข้อที่ ๖) รักษากำลังใจเข้าไว้ ให้ตั้งมั่นในเรื่องของการพิจารณาร่างกายนี้ เพราะมีความสำคัญยิ่งกว่างานใดทั้งปวง

บุคคลใดพิจารณาธรรมข้อนี้จนเข้าใจดีแล้ว บุคคลผู้นั้นจะเป็นผู้มีธุระน้อยทางโลกได้ตามลำดับ และเห็นความสำคัญของพระธรรมว่า มีคุณค่าอย่างหาสิ่งอื่นใดจะมาเทียบได้ ความไม่ประมาทในชีวิต ไม่ประมาทในความตายก็จะมีมากขึ้นเพียงนั้น นิพพานสมบัติก็จะมีมากขึ้นตามส่วนของความไม่ประมาท และเข้าใจได้ว่า เพราะเหตุใดพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์มี ๘๔,๐๐๐ บท ซึ่งเป็นอริยสัจ ผู้ใดปฏิบัติตามก็สามารถนำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ทั้งสิ้น แต่ทรงตรัสสรุปไว้เหลือเพียงแค่ประโยคเดียวว่า ขอให้ทุกคนจงพร้อมอยู่ในความไม่ประมาทเถิด

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2013 เมื่อ 15:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 30-08-2013, 09:31
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ปกิณกธรรม.. เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๐

๑. ร่างกายของคนเราไม่มีอะไรดี เพราะไม่มีความยั่งยืนคงทนแม้แต่อย่างหนึ่ง ในอาการ ๓๒ ที่เข้ามาประชุมกันเป็นร่างกายนี้ สร้างมาจากธาตุ ๔ ที่เข้ามารวมตัวกัน มีความย่อหย่อนอยู่ตลอดเวลา ความพร่องย่อมก่อให้เกิดความไม่สบายในร่างกายอยู่เสมอ จุดนี้พิจารณาให้เข้าถึงกฎไตรลักษณ์ เห็นความไม่เที่ยงของร่างกายอยู่ตลอดเวลา จักเป็นเหตุให้จิตคลายความเกาะติดในร่างกาย และเบื่อหน่ายในการมีร่างกาย

แต่พึงระมัดระวัง อย่าให้อารมณ์เบื่อเกิดขึ้นมากจนเกินไป จักเป็นเหตุให้เกิดความกลัดกลุ้มเป็นโทษแก่จิต และจักเป็นเหตุให้เสียผลของการปฏิบัติธรรมสืบไปเบื้องหน้า จักต้องคอยประคองจิตอย่าให้เศร้าหมอง หรือยินดีในธรรมมากจนเกินไป เอาจิตให้อยู่ในระดับสายกลาง ไม่เครียด ไม่หย่อน ปฏิบัติไปอย่างสบาย ๆ จึงจักมีปัญญาแทงตลอดในธรรมทั้งหลายได้ดี

เรื่องของคนอื่นให้ปล่อยวางไปเสียจากจิต เพราะกรรมใครกรรมมัน ให้คิดเสียว่าเราช่วยเขาไม่ได้ เพราะในเรื่องของจิตใจจักต้องปฏิบัติกันเอาเอง ใครทำใครได้ และจงพยายามกันเรื่องของคนอื่นออกไป ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จักมากได้ สร้างความสงบสุขให้กับจิต จิตสงบมากเท่าไหร่ ปัญญาก็เกิดมากขึ้นเท่านั้น

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2013 เมื่อ 16:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 02-09-2013, 13:45
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๒. ร่างกายคือธาตุ ๔ มีอาการ ๓๒ มาประชุมกันชั่วคราว ที่สุดของร่างกายคืออนัตตา มีความสลายตัวไปในที่สุด อย่ายึดถือร่างกายของตนเองเป็นสรณะ อย่ายึดถือร่างกายคนอื่นเป็นสรณะ เพราะในโลกนี้ไม่มีร่างกายของใครจักเป็นที่พึ่งของใคร เมื่อถึงที่สุดแห่งวาระของการแตกดับของร่างกายนี้มาถึง จงหมั่นกำหนดจิตชำระล้างความเกาะติดในร่างกายของตนเอง และร่างกายของคนอื่น ด้วยกำลังของศีล สมาธิ ปัญญา อันเป็นพระธรรมที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์เป็นสรณะ ปฏิบัติตามแล้วจักรู้ตามความเป็นจริงของกองสังขารทั้งปวง และหมั่นปล่อยวางอารมณ์ที่เกาะติดร่างกายนี้ลงเสีย

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-09-2013 เมื่อ 14:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 03-09-2013, 08:55
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๓. อย่ากังวลใจกับสภาวะสงครามใหญ่ และอุทกภัยที่จักเกิดขึ้นในปลายปีนี้ ให้ตั้งจิตมั่นคงในศีล สมาธิ ปัญญา ชำระกิเลสในขณะนี้ให้ลดน้อยหรือสิ้นยังจักดีกว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของอนาคต ชีวิตของพวกเจ้าเองก็ยังไม่เที่ยง มันอาจจักตายลงไปในขณะจิตนี้ก็ได้ เรื่องสงครามหลังกึ่งพุทธกาลนั้นมีแน่ ทุกอย่างเป็นไปตามพุทธพยากรณ์ขององค์สมเด็จปัจจุบัน แต่จิตไม่ควรจักตื่นตกใจให้มากเกินไป ให้ปลงเสียว่า ถ้ากฎของกรรมมีอยู่ ให้ชีวิตของร่างกายจักต้องทรงอยู่ และมีอันจักต้องประสบเหตุการณ์เช่นนั้น ภัยอย่างนี้เลี่ยงไม่ได้ เราพึงเตรียมจิตเตรียมใจรับสภาวะกฎของกรรมอย่างไรดี จุดนี้ต่างหากที่พึงจักสนใจ เมื่อภัยพิบัติมาถึงเข้าจริง ๆ ในเวลานั้น ถ้าหากกฎของกรรมมีอันทำให้ถึงตาย ก็พึงเตรียมจิตเตรียมใจทิ้งขันธ์ ๕ เพื่อเข้าสู่พระนิพพานอย่างเดียว อะไรจักเกิดมันก็ต้องเกิด อย่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงเสียอย่างเดียว ตัวสติก็คุมจิตให้มีสัมปชัญญะได้

เรื่องหนีไม่จำต้องหนีไปไหน เพราะภัยที่จักเกิดขึ้นกับผู้ใด ไปที่ไหนก็หนีไม่พ้นภัยนั้น ๆ ยกเว้นเสียจากผู้ที่ทำจิตได้เข้าสู่พระนิพพานแล้ว ภัยทั้งหลายเหล่าใดก็เข้าถึงผู้นั้นมิได้ เพราะฉะนั้น..ผู้มีชีวิตอยู่ในกึ่งพุทธันดรนี้ จึงพึงเป็นผู้ไม่ประมาทอย่างยิ่ง ควรเร่งรัดในศีล สมาธิ ปัญญา ให้ตั้งมั่นอยู่ในจิต แล้วชีวิตจักรอดพ้นจากความตาย หากโชคดีละขันธ์ ๕ ได้ ก็ถึงซึ่งพระนิพพาน พ้นทุกข์ก่อนได้เห็นภัยพิบัติก็ยิ่งดี

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2013 เมื่อ 17:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 62 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 04-09-2013, 09:09
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

(ต้นเหตุ เพราะมีคนเอาเทปของหลวงปู่ดาบสมาเปิดฟัง ในเทปนั้นกล่าวว่า มีเทวดามาเล่าให้ท่านฟังความว่า จะมีสงครามใหญ่และเรื่องน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ ขนาดกลายเป็นทะเลรวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงด้วย ภาคใต้แผ่นดินจมหายไปหลายส่วน ภาคเหนือจะมีแผ่นดินไหวและแผ่นดินแยก ฟังแล้ววิตกจริต โมหะจริตก็เกิด สมเด็จองค์ปฐมฯ จึงเมตตามาตรัสสอนความว่า หนีภัยในโลกนี้หนีไม่พ้นหรอก เพราะเป็นกฎของกรรมซึ่งเที่ยงเสมอ และให้ผลไม่ผิดตัวด้วย ทรงให้เอาเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึง (อนาคตธรรม) มาพิจารณาให้เกิดประโยชน์ เพื่อเร่งรัดการปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อจะได้พ้นไปเสียจากโลกและขันธโลก (ขันธ์ ๕ หรือร่างกาย) เสียให้เร็วที่สุด ด้วยความไม่ประมาทในความตาย จงอย่าตีตนไปก่อนไข้ สำหรับตัวผม ขออนุญาตธัมมวิจัยเรื่องนี้ไว้ดังนี้

ก) เหตุที่เกิด เกิดเมื่อ ๓ ก.พ. ๒๕๔๐ หลังหลวงพ่อฤๅษีทิ้งขันธ์ ๕ ไปแล้ว ๕ ปีกว่า ผมเองไม่เคยรู้จักหลวงปู่ดาบส และไม่เคยสนใจเทปและคำสอนของท่าน มีหลายคนนำมาให้ผมอ่าน ผมอ่านแค่ ๒ – ๓ หน้า แล้วก็ทิ้งไปไม่สนใจอีกจนถึงปัจจุบันนี้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-09-2013 เมื่อ 16:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 05-09-2013, 11:42
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ข) ในเทปที่ว่าเทวดามาเล่าให้ฟังนั้น ให้ถามจิตเราและให้จิตเราตอบ ว่าเทวดานั้นหมดกิเลสแล้วหรือยัง เทวดามี ๒ พวก พวกแรกเป็นโดยบังเอิญ ไม่มีคุณธรรมของเทวดาเลย คือไม่มีหิริ-โอตตัปปะ ก่อนตายจิตบังเอิญไปเกาะบุญ ก็เลยโชคดีไม่ไปสู่อบายภูมิ ๔ มีนรก เป็นต้น

เทวดาพวกหลังท่านเป็นโดยมีคุณธรรมของเทวดา คือมีหิริ-โอตตัปปะ เมื่อเข้าใจแล้วก็จะรู้ว่า เทวดาองค์นี้เป็นมิจฉาทิฏฐิเป็นพวกแรก เพราะผมทำหน้าที่ตอบปัญหาธรรมมา ๑๖ ปีกว่าแล้ว มีคนเอาคำถามแบบนี้มาถามผมหลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วมกรุงเทพฯ ระบุวัน เวลา สถานที่ชัดเจน มันก็เหลวไหลไร้สาระทั้งสิ้น ผมก็ตอบไปว่ากรุงเทพฯ น้ำก็ท่วมอยู่เป็นปกติ เพราะฝนตกใหญ่ครั้งใดน้ำท่วมทุกที แต่ความจริงไม่ใช่เป็นแค่น้ำขังเท่านั้น เครื่องสูบน้ำไม่ทันน้ำก็ขัง เพราะแผ่นดินของกรุงเทพฯ ทรุดลงทุกปีจากการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้มากเกินไป ปัจจุบันสูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่ถึง ๑ เมตร เวลาหน้าน้ำ น้ำทะเลหนุน.. น้ำก็ท่วมอยู่เป็นปกติธรรมดา จงอย่าไปสนใจข่าวลือที่ไร้สาระเหล่านั้น

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-09-2013 เมื่อ 16:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 06-09-2013, 12:45
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ค) เรื่องสงครามใหญ่ทรงตรัสไว้จริง มิได้ตรัสว่าเป็นสงครามโลก และมิได้ระบุวันเวลาไว้แน่นอน คำว่าอีกหน่อยมีความหมายลึกซึ้งมาก เพราะถ้าเป็นเทวดาชั้นจาตุฯ ท่านบอกว่าอีก ๒ – ๓ วัน ก็หมายความว่าอีก ๑๐๐ ถึง ๑๕๐ ปีของโลกมนุษย์ เพราะหนึ่งวันของท่านเท่ากับ ๕๐ ปีโลกมนุษย์ ถ้าเทวดาชั้นดาวดึงส์มาบอกว่าอีก ๒ – ๓ วัน ก็คืออีก ๒๐๐ ถึง ๓๐๐ ปีโลกมนุษย์ เพราะหนึ่งวันของท่านเท่ากับ ๑๐๐ ปีโลกมนุษย์ หากพรหมท่านบอกละก็ไม่รู้อีกกี่แสนกี่ล้านปีทีเดียว โปรดใช้ปัญญากันหน่อย

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2013 เมื่อ 13:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 09-09-2013, 09:14
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ง) ใครจะว่าก็ตาม ควรจะเชื่อแต่ที่พระพุทธเจ้าท่านว่า ท่านตรัสดีที่สุด เพราะไม่จริงพระองค์จะไม่ตรัส ตรัสอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น.. ไม่เป็นอย่างอื่น ทุกคำพูดของพระองค์ล้วนเป็นอริยสัจทั้งสิ้น จุดนี้ผมจำได้ว่า สมเด็จองค์ปฐมฯ ทรงตรัสไว้ชัดว่า พระพุทธบาทจำลองที่ทรงให้สร้างไว้ที่วัดท่าซุงอยู่หน้าโบสถ์เก่านั้น จะมีอายุอยู่คู่กับวัดท่าซุงครบ ๕,๐๐๐ ปี และสมเด็จองค์ปัจจุบันทรงตรัสว่า พุทธศาสนาของพระองค์นี้จะทรงอยู่ในประเทศไทยครบ ๕,๐๐๐ ปีเป็นต้น นี่ก็แค่ ๒๕๕๒ ปีเท่านั้น แล้วจะวิตกจริตกันไปถึงไหน

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2013 เมื่อ 12:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 10-09-2013, 08:57
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๔. ร่างกายเป็นเพียงธาตุ ๔ มีอาการ ๓๒ มารวมกันเป็นเหยื่อล่อของกิเลส เป็นเหยื่อล่อของตัณหา หากปรารถนาจักทิ้งร่างกาย ต้องการมรรคผลนิพพาน ก็จงอย่าทิ้งการพิจารณาร่างกาย (ด้วยกายคตาฯ อสุภกรรมฐาน และมรณาฯ อุปสมานุสติ) สร้างความเบื่อหน่ายในร่างกายให้เกิดอย่างจริงจัง (ด้วยวิปัสสนาญาณ ๙) รวมทั้งไม่ปรารถนาการเกิดในภพชาติใด ๆ อีก ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีความหมายสำหรับชีวิต มีเพียงจุดเดียวเท่านั้น คือละ – ปล่อยวางไม่เกาะติดกังวลกับสิ่งใด ๆ อีก

มีงานทำก็ทำไปไม่กังวล ปล่อยวาง ถือว่าทำเพียงหน้าที่เท่านั้น อย่าไปเกาะติดให้เป็นกังวล โจทย์จิตไว้ให้พร้อมทุกเมื่อ เมื่อจักละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อไปพระนิพพานจุดเดียว อะไรจักเกิดขึ้นก็ปล่อยวาง ทำเพียงหน้าที่ไม่ห่วงใย ไม่กังวล แม้แต่กายสังขารของตนเองจักดับสิ้นไป ให้พิจารณาร่างกายให้เห็นอาการ ๓๒ ธาตุ ๔ จนเห็นชัด จนจิตคลายความเกาะติดในร่างกาย ไม่เห็นความสำคัญของร่างกาย สักเพียงแต่ว่ายังอัตภาพให้เป็นไปตามกรรมเท่านั้น มันจักพังเมื่อไหร่.. ให้จิตพร้อมยอมรับการพังนั้นทุกเมื่อ ไม่ดิ้นรนเดือดร้อนไปกับมัน จิตจับอารมณ์รักพระนิพพานให้แนบแน่นอย่างเดียวก็เป็นพอ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2013 เมื่อ 17:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 11-09-2013, 09:22
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๕. ร่างกายเป็นของที่น่ากลัว ให้กลัวตรงหาความเที่ยงในร่างกายไม่ได้เลย (เหมือนกับผีหลอก) และเป็นบ่อเกิดแห่งทุกขเวทนาทั้งหมด (วิปัสสนาญาณข้อ ๓) ให้กำหนดรู้โทษของร่างกาย (วิปัสสนาญาณข้อ ๔) อันมีอายตนะรับสัมผัสให้เกิดเวทนาทั้งหลาย (วิญญาณของขันธ์ ๕) อย่าได้มัวเมาอยู่ หลงอยู่ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ (ซึ่งไม่เที่ยง ใครยึดก็เป็นทุกข์) ให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริง แล้วจึงจักวางความเกาะติดในเวทนาลงได้ทั้งปวง

อนึ่ง การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกอย่าทิ้ง เพราะจุดนี้จักทำให้มีสติสัมปชัญญะยิ่ง ๆ ขึ้นไป แล้วให้ใจเย็น ๆ อย่าเร่งรีบอย่างคนใจร้อน และประการสุดท้าย ให้ตัดความกังวลทุกอย่างทิ้งไป จึงจักเจริญพระกรรมฐานได้ดี ให้พยายามตัดแม้กระทั่งความกังวลในร่างกายหรือขันธ์ ๕ ที่มีอาการไม่ดีอยู่นี้ มรณานุสติเป็นหลักใหญ่ที่ใช้ตัดความเกาะติดในร่างกายได้เป็นอย่างดี.. อย่าทิ้ง รวมทั้งอุปสมานุสติกรรมฐาน เอาจิตตั้งเป้าหมายไว้เลยว่า ตายเมื่อไหร่ขอไปพระนิพพานเมื่อนั้น แล้วพึงตัดหมายกำหนดการที่จักท่องไปในที่ต่าง ๆ เสียด้วย

อย่างบางคนคิดจักไปเชียงใหม่ ใจก็เกาะอยู่แต่เชียงใหม่ ไม่ทันได้ไปเกิดตายเสียก่อน ก็ต้องไปเกิดที่เชียงใหม่ตามจิตที่จุตินั้น ถ้าคิดจะไปไหนก็เอาเพียงแต่แค่คิด รู้แล้วทิ้งไปเสียก่อน เป็นเพียงหมายกำหนดการเท่านั้น ให้ดูตรงขณะจิตนี้หรือขณะจิตหน้า ชีวิตก็อาจจักตายได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น พึงเอาจิตเกาะพระนิพพานให้แนบแน่น ตายเดี๋ยวนี้ก็ไปพระนิพพานได้เลย จิตจักได้ไม่ไหลไปทางอื่น

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-09-2013 เมื่อ 13:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 16-09-2013, 10:50
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๖. อย่ากังวลใจในทุกขเวทนาของร่างกาย ให้กำหนดรู้ ดูเอาไว้เป็นครูสอนจิตตนเอง อย่าให้มาหลงในร่างกายอันเต็มไปด้วยทุกขเวทนาอย่างนี้อีก (คนส่วนใหญ่มักจะไม่กำหนด จึงไม่รู้ว่ากายนี้เป็นทุกข์ อยู่กับมันจนชิน ทุกขสัจหรือทุกข์ของกาย ต้องกำหนดรู้ จึงจะรู้ว่ามันเป็นทุกข์) ถ้าเรากำหนดรู้ว่ากายกับเวทนาของกายนี้.. เต็มไปด้วยความทุกข์บ่อย ๆ จิตก็จักบังเกิดความเบื่อหน่ายในร่างกาย (ใช้พิจารณาวิปัสสนาญาณ ๙ ข้อ ๑ – ๒ – ๓ – ๔ กลับไปกลับมาจนเกิดนิพพิทาญาณ) ไม่ปรารถนาจักมีร่างกายอันเต็มไปด้วยทุกขเวทนาอย่างนี้อีกต่อไป

ให้กำหนดจิตจนตั้งมั่นว่า หากร่างกายนี้มีอันเป็นไปเมื่อไหร่ จุดที่เราต้องการไปคือพระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น กำหนดปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งทุกขเวทนาของร่างกาย สักแต่ว่าให้มันเป็นไป มันไม่ใช่ของเรา มันไม่มีในเรา เราไม่มีในร่างกาย แยกอาการ ๓๒ เข้าไว้ แล้วจิตจักยอมรับนับถือความจริงของร่างกายยิ่ง ๆ ขึ้นไป จิตจักคลายความเกาะยึดในร่างกายลงได้ในที่สุด

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-09-2013 เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 18-09-2013, 08:50
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๗. ร่างกายเป็นรังของโรค จุดนี้พิจารณาธาตุ ๔ ที่พร่องอยู่เป็นหลัก ให้เห็นสภาวะของร่างกายตามความเป็นจริง แล้วจักสร้างความเบื่อหน่ายในร่างกายให้เกิดขึ้นได้ อย่าละจากอารมณ์พิจารณาธาตุ ๔ โดยใช้อิทธิบาท ๔ มีฉันทะ หรือมีความพอใจในการพิจารณาธาตุ ๔ อยู่เสมอ มีวิริยะ คือความเพียร กำหนดรู้ว่า ธาตุดินของกายมีอะไรบ้าง ? ธาตุน้ำมีอะไรบ้าง ? ธาตุไฟมีอะไรบ้าง ? ธาตุลมมีอะไรบ้าง ? มีจิตตะ คือเอาจิตจดจ่ออยู่กับการพิจารณาธาตุ ๔ ทั้งภายนอกและภายในตามความเป็นจริง จักเห็นความไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตลอดเวลา เป็นสันตติ และมีวิมังสา ใช้ปัญญาพิจารณา เพื่อแก้ไขอารมณ์ที่ยังเกาะติดร่างกาย หรืออุปาทานขันธ์ ๕ หรือสักกายทิฏฐิ (ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับร่างกาย) ให้ลด ละ ปล่อยวางร่างกายลงให้ได้ จากอุบายพิจารณาร่างกายของเรา ซึ่งประกอบด้วยธาตุ ๔ มีอาการ ๓๒ ล้วนแต่สกปรก ไม่เที่ยง และเป็นทุกข์ ยึดถืออะไรไม่ได้เลย เพียรมากพักน้อยก็จบเร็ว เพียรน้อยพักมากก็จบช้า

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2013 เมื่อ 09:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 20-09-2013, 12:11
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๘. ร่างกายไม่ดีก็เป็นเป็นปกติของร่างกาย การป่วยของร่างกายเป็นการเตือนให้เห็นถึงความตาย มรณานุสติอย่าทิ้ง เพราะเป็นนิพพานสมบัติ ยิ่งคิดถึงความตายถี่มากเท่าไหร่ ความประมาทในธรรม หรือในกรรมทั้งปวงก็ลดน้อยลงมาเท่านั้น.. ยิ่งใกล้พระนิพพานมากขึ้นเท่านั้น ปัญหาทุกชนิดทั้งทางโลกและทางธรรมจะบรรเทาลงได้อย่างอัศจรรย์ หากใช้มรณานุสติถามจิตตนเอง.. ให้จิตมันตอบ หากกายเกิดตายในขณะนี้แกจักไปไหน ทุกอย่างจะสงบลงทันที จิตจะกลับมามีสติ – สัมปชัญญะใหม่ และตอบทันทีว่าจะไปพระนิพพาน

กรรมฐานกองนี้ต้องใช้เป็นปกติ ตั้งแต่พระโสดาบันยันถึงพระอรหันต์ (พระโสดาบันนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้า – ออก) กรรมฐานกองนี้จักทำให้ไม่เผลอสติ จักได้เตือนจิตตนให้นึกถึงร่างกายตามความเป็นจริงอยู่เสมอ ว่าไม่มีใครที่มีร่างกายแล้วหนีพ้นความตายไปได้ พิจารณาเข้าไว้ให้จิตทรงตัว แล้วกำหนดจุดหมายตั้งมั่น คือพระนิพพานเข้าไว้แล้วที่สุดก็จักไปได้ตามนั้น (ด้วยอุบายสั้น ๆ ว่า รู้ลม - รู้ตาย – รู้นิพพาน)

จำไว้อย่าเสียดายอะไรในโลกทั้งหมด หากยังมีชีวิตอยู่การทำบุญทำทานจักต้องมี เพื่อเป็นการเสริมสร้างบารมีให้เต็มอยู่เสมอ โดยเฉพาะทานบารมีถ้าเต็มก็ตัดความโลภได้ จงอย่าทิ้งการทำบุญทำทาน มีมากทำมาก มีน้อยทำน้อยตามกำลังใจ และอย่าเบียดเบียนตนเอง อย่าเบียดเบียนผู้อื่น การทำอย่าหวังผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น ให้มุ่งทำเพื่อพระนิพพานจุดเดียวเท่านั้นเป็นสำคัญ จึงจักจัดว่าเป็นบุญสูงสุดในพระพุทธศาสนา

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2013 เมื่อ 19:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 23-09-2013, 12:00
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๙. อย่าทำตนเป็นคนไร้ปัญญา พิจารณาบ้างไม่พิจารณาบ้าง แล้วจักหาจิตทรงตัวมาจากไหน จำไว้อย่าทิ้งอารมณ์พิจารณา คิดน้อย ๆ ค่อย ๆ คิด คิดบ่อย ๆ แล้วจิตมันจักชิน ความทรงตัวในการตัดร่างกายมันจักมีขึ้นมาได้ จุดนี้จักต้องมีความเพียรสูง ต้องพยายามทำให้เกิดความทรงตัวเข้าไว้ ในวันหนึ่งเริ่มจาก ๑ นาทีย่อมทำได้ แต่อย่าเครียด ให้ค่อย ๆ ทำกันไป พิจารณาพอจิตมีอารมณ์เบา ๆ สบาย ๆ จิตยอมรับความเป็นจริงของร่างกาย จิตก็จักมีความสงบ ไม่ดิ้นรนทะยานอยากในสิ่งที่เกินวิสัย ถึงจุดนั้นเมื่อไหร่ ความสุขจักเกิดขึ้นแก่จิตมาก

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2013 เมื่อ 15:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 24-09-2013, 12:02
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๐. อย่าสนใจในกรรมของบุคคลอื่น ให้สนใจในกรรมของตนเอง กรรมแปลว่าการกระทำทางกาย วาจา ใจของเราเองนี้ คนอื่นเขาจักทำกรรมอันใด จักมาเนื่องถึงเรา ถ้าเราไม่รับเสียอย่างเดียว เขาจักเล่นงานเราได้ก็เพียงแค่กรรมเก่าเท่านั้น พอหมดเขตวาระของกฎของกรรมแล้ว กรรมเหล่านั้นจักทำอะไรเราต่อไปไม่ได้ ถ้าหากเขายังกระทำต่อไป กรรมเหล่านั้นนั่นแหละจักเข้าตัวเขาเอง

จำไว้ว่าเขาด่า เขานินทา เขาใส่ร้าย หรือกระทำใด ๆ มาก็ดี ถ้าหากกรรมนั้นเราไม่เคยกระทำมาก่อน กรรมทั้งหลายก็จักไม่มาเข้าถึงเราเป็นอันขาด ไม่ต้องไปโทษใคร จักต้องโทษตัวของเราเอง ถ้าชาติก่อน ๆ ไม่เคยทำกรรมเหล่านี้เข้าไว้ กรรมเหล่านี้จักเกิดขึ้นกับเราไม่ได้เลย

ต่อไปก็ให้ตั้งใจตัดกรรม คือไม่ต่อกรรมหรือจองเวรกับใครอีก ให้เจริญพรหมวิหาร ๔ ให้มาก ๆ ตั้งกำลังใจแผ่เมตตาไปในทิศทั้งปวง ว่าเราจักไม่เป็นศัตรูกับใคร ใครจักเป็นศัตรูกับเราก็เรื่องของเขา ไม่ต้องเอาจิตไปเกาะการกระทำของบุคคลอื่น ให้เอาจิตดูการกระทำของกาย วาจา ใจของตนเองเป็นสำคัญ อย่าให้ไปเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-09-2013 เมื่อ 15:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:14



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว