กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 24-01-2016, 21:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,802 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๙

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ วันนี้ทางชมรมโมทนาบุญเว็บพลังจิต ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดงานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ซึ่งการสวดพระคาถาต่าง ๆ หรือการสวดมนต์ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ใหญ่ทั้งสิ้น อันดับแรก การสวดมนต์หรือพระคาถาต่าง ๆ เราต้องได้สมาธิ ถ้าไม่ได้สมาธิก็จะสวดผิด เพราะถ้าเราเผลอสติไปคิดเรื่องอื่น หรือถ้าสมาธิยังไม่ทรงตัวดี ก็อาจจะนับจำนวนผิดได้ เป็นต้น

อันดับที่สอง ถ้าท่านใช้การสวดนั้นเป็นคำภาวนาควบไปกับลมหายใจเข้าออก ซึ่งจะเป็นคำภาวนาที่ค่อนข้างยาวอยู่สักหน่อย แต่ก็ไม่ได้มีปัญหา เราสามารถที่จะสร้างฌานสมาบัติขึ้นจากการสวดมนต์หรือการสวดพระคาถาต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะท่านที่สวดเป็นระยะเวลานาน ๆ ครึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมง สามารถทรงฌานทรงสมาบัติได้ง่าย หรือท่านจะสวดเฉพาะเช้าและเย็น ถึงเวลาแล้วใจประหวัดถึงว่าเราจะต้องสวดมนต์ เราจะต้องไหว้พระ ดังนี้เป็นต้น ก็แปลว่าจิตเรามีความเคยชิน เริ่มทรงอยู่ในสภาพของฌานเช่นกัน

ลำดับต่อไป เราสามารถสร้างทิพจักขุญาณขึ้นจากการสวดมนต์ หรือสวดพระคาถาต่าง ๆ ได้ โดยการที่เราตั้งใจนึกถึงตัวหนังสือที่เป็นคำสวดขึ้นมาทีละคำ ทีละประโยค ขึ้นมาอยู่ตรงหน้าเรา แต่เราจำเป็นต้องสวดมนต์หรือพระคาถานั้น ๆ ให้คล่องตัวเสียก่อน เมื่อถึงเวลานึกจะได้ไม่ลำบาก ไม่ติดขัด ถ้าเราซักซ้อมทำอยู่เสมอ ๆ จะเห็นเหมือนอย่างกับเราเปิดหนังสือดู นั่นก็คือการเห็นในลักษณะของทิพจักขุญาณ เราก็แค่เอาไปปรับใช้งาน ขอเห็นผี เห็นเทวดา เห็นนางฟ้า เห็นนรก เห็นสวรรค์ ก็เห็นในลักษณะเดียวกัน ก็คือไม่ได้เห็นด้วยสายตา แต่เป็นการเห็นด้วยทิพจักขุญาณ เป็นการเห็นในห้วงนึก ถ้าท่านเห็นอักขระตัวอักษรได้ชัดเจนเท่าไร ท่านก็จะเห็นผีเห็นเทวดา เห็นนรกสวรรค์ได้ชัดเจนเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2016 เมื่อ 02:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 65 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 25-01-2016, 12:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,802 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ลำดับต่อไป ถ้าท่านสามารถสร้างมโนมยิทธิให้เกิดขึ้นกับตนเองได้ ก็ให้ยกจิตขึ้นไปสวดมนต์หรือสวดพระคาถาถวายพระบนพระนิพพาน สภาพจิตของเราถ้ายังมีงานให้ทำอยู่ ก็จะไม่เคลื่อนไม่คลายจากสภาพของพระนิพพาน ทำให้เราสามารถเกาะพระนิพพานได้นานขึ้น ไม่เช่นนั้นด้วยความละเอียดของพระนิพพาน กับความหยาบสภาพจิตของเราซึ่งเข้ากันได้ยาก บางทีไม่ทันที่จะคิด เราก็หลุดตกลงมาข้างล่างเสียแล้ว

ดังนั้น การที่เรายกจิตขึ้นไปสวดมนต์หรือสวดพระคาถาถวายพระท่านข้างบนนั้น จิตมีสภาพจำว่างานยังไม่หมด ในเมื่องานยังไม่หมด ยังสวดมนต์หรือสวดพระคาถาไม่จบครบตามที่ต้องการ สภาพจิตก็จะไม่เคลื่อนไม่คลายออกมา ทำให้เรามีความเคยชินสามารถเกาะอยู่กับพระนิพพานได้นานมากขึ้น ต่อไปสภาพที่เคยชินกับความสะอาด สว่างผ่องใสที่ปราศจากกิเลสของพระนิพพาน ถ้าทรงใจของเราอยู่ได้นาน ๆ เราก็สามารถที่จะเข้าถึงความหมดกิเลสโดยอัตโนมัติ ในลักษณะของเจโตวิมุตติ ก็คือใช้สมาธิ ใช้สมาบัติในการข่มกิเลส แต่เราไม่ต้องใช้กำลังมากในการข่มกิเลส เพราะเรายกจิตไปอยู่ที่พระนิพพานเลยทีเดียว

ลำดับสุดท้ายในการสวดมนต์หรือสวดพระคาถานั้น ส่วนที่จะก่อเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลก็คือ ถ้าเราสามารถแปลได้ บทสวดมนต์ทั้งหลายก็คือคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง เราก็นำเอาพระธรรมนั้นมาปฏิบัติในชีวิตประจำวันของเรา จนกระทั่งเกิดผลขึ้นมา ก็เท่ากับว่าเราสำเร็จสัมฤทธิ์ผลในหัวข้อธรรมต่าง ๆ ทั้งหลายเหล่านั้น โดยเฉพาะในส่วนที่ทุกท่านปรารถนาก็คือ สามารถก้าวล่วงจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2016 เมื่อ 13:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 25-01-2016, 12:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,802 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...จะเห็นได้ว่า การจัดสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ของชมรมโมทนาบุญเว็บพลังจิต ที่ส่วนมากท่านได้เข้ามาร่วมงานนั้น ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่ก่อประโยชน์ใหญ่อย่างยิ่งในส่วนของการภาวนา การภาวนานั้นจัดอยู่ในส่วนของปัญญา เนื่องเพราะว่าขั้นต้นของการปฏิบัติของเราคือศีล ขั้นกลางคือสมาธิ ขั้นสุดท้ายคือปัญญา การสวดมนต์ภาวนาเป็นทั้งขั้นกลางและขั้นปลาย ถ้าเราสามารถปรับใช้เป็น ก็จะเกิดประโยชน์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในเบื้องต้น

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๙

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2016 เมื่อ 13:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:56



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว