กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 25-10-2013, 06:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ชะมดเช็ดกับชะมดเชียงก็คืออย่างเดียวกัน สารพวกนี้พวกชะมดเขาเอาไว้ทำเครื่องหมาย เพราะจะติดทนนานมาก ลองนึกถึงแมวเวลาฉี่ว่ากลิ่นติดทนนานขนาดไหน พวกชะมดก็เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ฉี่ เป็นสารที่ใช้ทำเครื่องหมายอาณาเขตของเขา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2013 เมื่อ 08:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 25-10-2013, 06:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าฝึกปุพเพนิวาสานุสติญาณ เขาฝึกโดยถอยหลังเป็นชั่วโมง เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปีหรือครับ ?
ตอบ : ถ้าได้ทิพจักขุญาณแล้ว แค่ต้องการรู้เรื่องตรงนั้นก็จะรู้ได้ เป็นวิธีการใช้ทิพจักขุญาณอย่างหนึ่ง ที่สำคัญที่สุดคือทิพจักขุญาณต้องได้ก่อน พอได้แล้วไปดูอดีตเรียกว่าอตีตังสญาณ ดูอนาคตก็เป็นอนาคตังสญาณ ดูปัจจุบันเป็นปัจจุปันนังสญาณ ดูว่าชาติก่อน ๆ เราเกิดมาอย่างไรก็เป็นปุพเพนิวาสานุสติญาณ ไปดูเรื่องของบุญกรรมที่เราทำไว้ก็เป็นยถากัมมุตาญาณ

ที่สำคัญที่สุดคือต้องได้ทิพจักขุญาณก่อน ซักซ้อมจนคล่องตัวแล้ว ก็อยู่ที่ว่าเราจะใช้ไปในทางไหน

ถาม : แยกระหว่างปุพเพนิวาสานุสติญาณกับยถากัมมุตาญาณ ?
ตอบ : อันหนึ่งดูว่าแต่ละชาติเราเกิดมาอย่างไร เกิดเป็นใคร แต่อีกอย่างดูว่าเราทำความดีความชั่วอะไรไว้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2013 เมื่อ 08:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 26-10-2013, 20:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : รู้จักรงไหมครับ ?
ตอบ : รงเป็นสีเหลืองที่ได้มาจากธรรมชาติ

ถาม : ได้มาจากอะไรครับ ?
ตอบ : น่าจะเป็นพวกหินหรือแร่ธาตุอะไรบางอย่า

ถาม : สีแดงชาดละครับ ?
ตอบ : สีแดงสมัยก่อนได้จากฝางก็มี จากชาดตรง ๆ เลยก็มี ชาดเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่ง ต้นสีแดง ใบสีแดง รากก็สีแดง เขาสกัดเอายางออกมา อาตมาเคยธุดงค์แล้วไปเจออยู่ดงหนึ่ง อยู่รอยต่อระหว่างอุ้มผางกับห้วยขาแห้ง แต่เดินมาเป็นเดือน ๆ เหนื่อยจนหมดสภาพ อารมณ์จะหยิบกล้องมาถ่ายเลยไม่มี ตอนแรกที่เห็นต้น ก็สงสัยว่า ถ้าจะเหนื่อยจนตาลายหรือไฟไหม้ป่าอยู่ ทำไมป่าแดงอยู่ตรงนั้นกลุ่มเดียว พอเดินเข้าไปใกล้ ๆ ถึงรู้ว่าเป็นต้นไม้ ต้นก็แดง ใบก็แดง มิน่า..เขาถึงเรียกว่าต้นชาด

ตอนนี้เหลือแต่ในป่าลึก ๆ อย่างไม้งิ้วดำ เดี๋ยวนี้หายากหาเย็น ส่วนใหญ่ที่เจอถ้าไม่ใช่มะริดก็พญาดำดง หรือไม่ก็มะเกลือ แต่พวกนั้นดูง่ายเพราะลายไม้ไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นไม้มะริด ลายไม้จะออกสีชมพูหน่อย ๆ ระยะหลังเขาแหกตากันเยอะ เขาบอกว่าถ้าลายเป็นสีน้ำตาลก็คือมะเกลือ แต่ถ้าลายเป็นสีชมพูก็งิ้วดำ ความจริงลายสีชมพูเป็นมะริด เขาหาเรื่องที่จะขายของ จึงพยายามอธิบายอย่างนั้น

งิ้วดำจริง ๆ เป็นต้นงิ้วเลย ดำโดยธรรมชาติ ที่สังเกตง่ายที่สุดคือเนื้อเบามาก พวกไม้นุ่นไม้งิ้วเนื้อเบาอยู่แล้ว


ถาม : อายุสักเท่าไรจึงเอามาใช้งานครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่เจอก็ยืนต้นตายแล้ว ใครจะไปรู้ว่าอายุเท่าไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2013 เมื่อ 04:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 26-10-2013, 20:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนมากที่เขาเอามาใช้ต้องเอาจากต้นที่ยืนตาย แต่ก็อัศจรรย์ตรงที่ว่าไม่เคยเจอต้นที่ล้มตาย มีแต่ยืนตาย ขนาดตายยังไม่ยอมล้ม เขาก็เลยถือเคล็ดตรงนี้ แล้วเอามาใช้งานกัน อาตมาเคยเจออยู่ ๒ ครั้ง ตอนนั้นพระครูแสงยังเป็นฆราวาส เลยช่วยกันลองทดสอบดู เขาบอกว่าพญางิ้วดำแช่เหล้าแล้วเหล้าจะจืดหมด จึงลองเลื่อยมาชิ้นหนึ่ง ลองแช่เหล้าดู รสจืดจริง ๆ เขาบอกว่าเหลือแต่กลิ่น รสไม่มี พระครูแสงเขาไม่กลัวอยู่แล้ว สมัยฆราวาสท่านกินเหล้าเป็นปกติ แต่เวลาแช่แล้วออกสีน้ำตาลเหมือนน้ำชา เขาบอกถ้าเอาไม้งิ้วดำตัดไปทำพายหุงข้าวแล้วข้าวจะกลายเป็นสีดำ

ที่ขำที่สุดคือซิยิ่นกุ้ย แม่ทัพของจีน ซิยิ่นกุ้ยแข็งแรงกว่าคนอื่นเขา เพราะกินข้าวที่หุงจากไม้งิ้วดำ เขาเป็นพลทหารสูทกรรม ไปตัดไม้มาหุงข้าว ปรากฏว่าข้าวดำทั้งกระทะ โดนแม่ทัพบังคับกินให้หมด ก็เลยแข็งแรงอยู่คนเดียว ต่อมาเลยกลายเป็นแม่ทัพใหญ่

ไม้มะริด ไม้ดำดง อีกอย่างคือรักเขา ถ้ารักโดนไฟไหม้ ยางจะละลายเข้าเนื้อไม้ ทำให้ไม้ดำได้เหมือนกัน เป็นต้นรักที่ส่วนใหญ่ขึ้นในป่าดิบเขา เลยเรียกว่ารักเขา ตอนหลังพวกไสยศาสตร์เอาคำว่า "รักเขา" มาเป็นเคล็ดทำไสยศาสตร์


ถาม : ถ้าจะสักตามตำราแบบแสนตรีเพชรกล้า ?
ตอบ : "แขนขวาสักรงเป็นองค์นารายณ์ แขนซ้ายสักชาดเป็นราชสีห์ ขาขวาหมึกสักพยัคฆี ขาซ้ายสักหมีมีกำลัง" คุณไม่ต้องไปเสียเวลาหาหรอก รงคุณก็ใช้สีทอง ชาดคุณก็ใช้สีแดง ที่เหลือก็เอาหมึกตามปกติไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-10-2013 เมื่อ 05:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 31-10-2013, 18:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมากำลังทำพระไพรีพินาศ ตอนแรกตั้งใจสร้างฉลอง ๑๐๐ ปีสมเด็จพระสังฆราช แต่ปรากฏว่าการติดต่อขออัญเชิญพระนามย่อ ญส.ส. มาประดับที่ฐานสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก ไม่ได้รับการสนองตอบ ก็เลยต้องยกเลิกโครงการไป

ถ้าดูเรื่องการติดต่อเพื่อจัดงานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๐ จบถวายสมเด็จพระสังฆราช ทุกอย่างจบลงภายอาทิตย์เดียว แต่อาตมาส่งจดหมายลงทะเบียนด่วนพิเศษ เรื่องขออนุญาตสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก เพื่อถวายเนื่องในโอกาสสมเด็จพระสังฆราชเจริญพระชันษา ๑๐๐ ปี ตั้งแต่ก่อนสร้าง ระหว่างที่สร้าง สร้างเสร็จแล้ว แต่ไม่ได้รับการสนองตอบจากกองงานเลขานุการ อาตมาจึงส่งหนังสือขอยกเลิกโครงการไปเลย

แต่วัตถุมงคลที่ตั้งใจสร้างแล้วไม่ยกเลิก..ทำต่อ เอาไว้สำหรับท่านที่ร่วมบุญสร้างเครื่องมือแพทย์ถวายโรงพยาบาล อาตมาเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาโรงพยาบาลทองผาภูมิ เมื่อปี ๕๔ มอบเครื่องกระตุ้นหัวใจ (เครื่องช็อตไฟฟ้า) ให้กับโรงพยาบาล ปีที่แล้วก็มอบชุดเครื่องมือทันตกรรมเคลื่อนที่ ปีนี้ทางโรงพยาบาลขอเครื่องมือแพทย์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเตียงพยาบาล ตกลงกันว่า จะไปทอดผ้าป่าให้ช่วงปฏิบัติธรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ถึงเวลาใครไปสมัครบวชเนกขัมมะ จะพาเดินไปโรงพยาบาล เอาให้ขาวไปทั้งถนนเลย ไปทอดผ้าป่ากัน

ให้คอยติดตามข่าวในเว็บวัดท่าขนุน ถึงเวลาคุณก้านบัวจะเปิดกระทู้ "ร่วมกันซื้อเครื่องมือแพทย์ให้อาคารผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลทองผาภูมิ" เสียดายอยู่อย่างเดียวว่าขอห้องพระ ๑ ห้องแล้วไม่ได้ ได้ห้องสงฆ์อาพาธมา ๒ ห้อง เป็นห้องพิเศษ จะแบ่งมาทำห้องพระสักห้องหนึ่งก็ไม่ได้ เพราะถ้าไปทำห้องพระ เกิดมีพระป่วยจากที่อื่นมาจะไม่มีที่พัก เลยบอกกับ ผอ.นวลจันทร์ไว้ว่า ดูมุมทางด้านนอก ถ้ามุมไหนกว้างแล้วก็สะดวกหน่อย อาตมาจะไปตั้งพระให้ อย่างน้อยถ้ามีพระในอาคาร ผู้ป่วยจะได้มีกำลังใจ หรือใครจะมาเจริญพระกรรมฐานต่อหน้าพระประธานก็ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2013 เมื่อ 02:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 31-10-2013, 18:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สภาพร่างกายเสื่อมลงไป ใช้งานยากขึ้น แต่ความทุกข์ยังมีเท่าเดิม ก็เลยทำให้เหมือนกับมีความทุกข์มากขึ้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2013 เมื่อ 02:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 31-10-2013, 19:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาเราหยอดเงินใส่ตู้ชำระหนี้สงฆ์ บุญที่เราได้เป็นการชำระหนี้สงฆ์ที่เราเคยทำไว้ หรือเป็นการต่อยอดการทำบุญของเราคะ ?
ตอบ : เป็นการชำระหนี้สงฆ์ เพียงแต่ต้องดูด้วยว่าเงินชำระหนี้สงฆ์ส่วนใหญ่แล้วตั้งเจตนาไว้ว่า เราเข้าวัดไปใช้น้ำใช้ไฟอะไร เราก็ไปหยอดตู้ชำระหนี้ แต่ถ้าเขาบอกว่าสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ แปลว่าจบเลยทีเดียว แต่ควรจะเป็นพระปิดทองด้วย ถ้าไม่ปิดทองจะได้แค่เจ้าภาพคนเดียว

ถาม : วัดที่อื่นอาจจะไม่มีตู้ชำระหนี้สงฆ์ แต่เราอาจจะไปเจอตู้ที่วัดท่าขนุนแล้วหยอดใส่ ถือว่าเป็นการชำระหนี้สงฆ์ที่วัดอื่น ๆ ด้วยไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าเป็นการสร้างพระ ๔ ศอกปิดทอง ชำระได้ทั้งหมด

ถาม : แล้วถ้าเป็นการหยอดตู้ละคะ ?
ตอบ : หยอดตู้เฉย ๆ ได้แค่สถานที่นั้น

ถาม : ถ้าเป็นการใช้หนี้ที่ผ่าน ๆ มา เราอาศัยอยู่ในวัดก็ต้องติดหนี้สงฆ์อยู่แล้ว เพราะกินใช้ของในวัด เท่ากับเราเป็นหนี้ทั้งชาติเลยไหมคะ ?
ตอบ : เราก็ค่อย ๆ ทยอยหยอดไปทุกเดือน ทีละ ๑๐๐ - ๒๐๐บาท ก็ได้ ตั้งใจว่าขอชำระหนี้สงฆ์ในส่วนนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2013 เมื่อ 02:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 31-10-2013, 19:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทุกวันพระ หลังจากที่พระฉันข้าวจากญาติโยมถวายมาเสร็จแล้ว เด็กวัดจะถ่ายกับข้าวจากสำรับ เพื่อเก็บให้พระฉันต่อตอนเพล ทำอย่างนี้มานานแล้ว เมื่อไม่นานมานี้มีพระรูปหนึ่งมาห้าม บอกว่าพระฉันเสร็จแล้ว ยังไม่ได้อุปโลกน์ให้เด็กวัดมาจับ เป็นวิบัติ ผิดศีล เพราะฉะนั้น..ห้ามคนอื่นถ่ายกับข้าว ให้พระถ่ายกับข้าวเอง ไม่ทราบว่าที่พระรูปนี้พูดถูกต้องหรือไม่ ?
ตอบ : ถูก....ท่านควรจะเหนื่อยเอง บอกท่านไปทำคนเดียว..!

ถาม : ญาติโยมเกลียดกันใหญ่เลย มองว่าการที่พระถ่ายกับข้าวเองน่าเกลียดมากกว่า ?
ตอบ : ต้องอุปโลกน์ก่อนที่จะฉัน ไม่ใช่ว่าฉันแล้วค่อยอุปโลกน์ ถ้าไปสังเกตที่วัดท่าขนุนจะเห็นว่า พอโยมประเคนเสร็จก็อุปโลกน์เลย แล้วค่อยยกไปโรงครัว แสดงว่าที่ว่ามานั้นพระคุณท่านมั่วสุดชีวิต..! บอกทุกคนว่าไม่ต้องเสียเวลาไปเกลียดท่านหรอก ให้ทุกคนวางมือทั้งหมด นิมนต์พระเณรทุกรูปวางมือทั้งหมด ให้ท่านจัดการเองรูปเดียว ท่านจะได้เหนื่อยให้สมใจนึกไปเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2013 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 01-11-2013, 06:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อก่อนมีความเข้าใจว่า ทำไมคน ๆ หนึ่งถึงประพฤติตัวไม่ดีเช่นนั้น ซึ่งเราได้เตือนหรือบอกเขาหลายครั้งแล้วว่า การเสพยาเป็นสิ่งไม่ดี แต่เขาก็ยังจะทำเช่นเดิม ทำให้เราเกิดความหงุดหงิดใจ ซึ่งก็เป็นความโกรธอย่างหนึ่งนั่นเอง วันหนึ่งหนูนั่งสมาธิแล้วแวบเห็นภาพคน ๆ นั้นว่า การที่เขาทำเช่นนั้นเพราะเขาทำไปตามกรรม คนเราประกอบทั้งกรรมดีและกรรมชั่วมาด้วยกัน ขณะนั้นกรรมได้ชักนำให้เขาไปอยู่ในสภาพแวดล้อมอกุศล และตัวเขาเองก็ไม่ได้มีสติปัญญามากพอที่จะแยกแยะหรือต่อต้านอำนาจอกุศลนั้น เขาจึงคล้อยตามอำนาจฝ่ายต่ำ ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดของเขา ตอนที่รู้สึกเข้าใจแบบนี้เกิดขึ้นเพียงแวบเดียวเท่านั้น และทำให้เข้าใจความประพฤติคนอื่นโดยเช่นกัน ไม่ทราบว่าตอนที่หนูแวบมานั้น มีตรงไหนที่ผิดไปหรือไม่คะ ?
ตอบ : มี...ผิดตั้งแต่ไปเสือกเรื่องของชาวบ้านเขาแล้ว..!

ถาม : แต่ว่าตอนที่เราเข้าใจ แล้วคำตอบทุกอย่างแวบออกมา ถูกต้องแล้วใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เกิดจากกุศลหรืออกุศลชักนำทั้งหมด ฉะนั้น..ถึงได้บอกว่า แม้กระทั่งตัวเราก็อย่าทำให้กาย วาจา ใจของเราเป็นทุกข์เป็นโทษต่อผู้อื่น เพราะมีแต่จะสร้างกรรมไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด ในเมื่อเข้าใจแล้วจะได้ไม่ไปยุ่งกับชาวบ้านเขาอีก ไม่อย่างนั้นเขาอยู่ในนรกแล้ว เราไปโกรธเขาก็ถือว่าลงไปกับเขาด้วย

ถาม : ไม่ทราบว่าหนูเข้าใจถูกต้องหรือไม่ ว่าเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลของทุกคน ที่ได้กระทำ คิด หรือพูด ออกไปนั้น อยู่บนพื้นฐานของคำว่า "ต้องการสุข หลุดพ้นจากทุกข์" จึงทำให้การแสดงออกของเขาเป็นไปตามนั้น ซึ่งการหลุดพ้นจากทุกข์และต้องการสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เป็นไปตามสติปัญญา และเป็นไปตามลำดับขั้น เช่น คนที่กินเหล้าเพราะคิดว่าเหล้านั้นทำให้เขามีความสุขได้ชั่วขณะ คนที่มีแฟน เพราะคิดว่าการที่เขาเหงา ไม่มีใคร นั่นคือความทุกข์ จึงต้องการหลุดพ้นจากความทุกข์นั้น โดยหาใครมาช่วยบรรเทาความทุกข์ออกไป หรืออย่างนักปฏิบัติธรรม คิดว่าการพึ่งคำสอนของพระ คือการทำให้เขาหลุดพ้นจากทุกข์ไปสู่ความสุขได้ ซึ่งเป็นไปตามลำดับขั้น ถ้าเป็นไปตามเหตุผลนี้ ทุกคนก็อยู่บนพื้นฐานเดียวกันหมด ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ระวังไว้ให้มากที่สุด ตอนนี้กำลังฟุ้งสุดขีด ทุกอย่างที่คิดจะสมเหตุสมผลไปหมด แต่ไม่มีเรื่องไหนช่วยให้ตัวเองพ้นทุกข์เลย กลายเป็นว่าเขาหลอกให้เราคิดกว้างออกไป ๆ จนออกทะเลหาฝั่งไม่เจอ แล้วลืมไปว่าตัวเองก็ปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ มัวแต่ไปเพลิดเพลินอยู่กับความคิดประเภทนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2013 เมื่อ 12:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 01-11-2013, 06:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีหลายครั้งที่หนูแวบขึ้นมาด้วยระยะเวลาอันรวดเร็ว ว่าตอนที่เราโกรธนั้นมีสาเหตุมาจากตัณหา ก็คือ อยากและไม่อยาก เช่น คนนี้ทำงานไม่ดี บกพร่อง ทำให้เราเกิดความหงุดหงิดขุ่นเคือง ซึ่งตอนที่หงุดหงิดนั้นแหละแวบเห็นมาว่า ที่แท้เรา "อยาก" ให้งานออกมาดี เขาไม่เป็นตามใจเรา เราจึงโกรธ หรือคนนี้พูดจาไม่ดีกับเรา เราโกรธ ไม่พอใจ เหตุผลก็คือ เรามีความปรารถนาลึก ๆ "อยาก" ให้เขาพูดดี คิดดี ทำดีกับเรา ซึ่งเหตุผลทั้งหลายมาจากตัวเราทั้งสิ้น เป็นความอยากและไม่อยากของเรา ไปโทษเขาไม่ได้เลย และเราก็ไม่ยอมรับด้วยว่า เราไปบังคับให้คนอื่นอยากเป็นหรือทำตามใจเราไม่ได้ ตรงนี้เห็นในช่วงระยะเวลาไม่กี่วินาที และก็ทำให้เกิดความรู้สึกไม่รู้จะโกรธใครไปทำไม เพราะความผิดก็อยู่ที่ตัวเราเองนี่ อยากจะถามว่าเวลาที่เขาดับความโกรธกันแบบนี้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ถ้าเห็นจริง เกิดความเบื่อหน่าย ก็จะถอนกำลังใจจากจุดนั้นมา ไม่ไปสร้างสาเหตุนั้นอีก ความทุกข์ก็จะไม่เกิด ไม่ใช่รู้เฉย ๆ ส่วนใหญ่ที่ว่ามา เขาหลอกให้เราคิด รู้ไปเรื่อย ๆ แล้วหาจุดลงไม่ได้

ถาม : มีวันหนึ่งหนูนั่งสมาธิ แล้วเห็นภาพนิมิตเป็นก้อนเนื้อ หลังจากนอนตื่นขึ้นมา ภาพนั้นก็ยังอยู่ในใจ และอยู่มาหลายวัน เห็นคนก็เป็นแค่ก้อนเนื้อ ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น รู้สึกแค่ว่าภาพนั้นเป็นภาพจริง ก็เลยทำให้ความสำคัญกับรูปร่างวัตถุ สิ่งของ หรือคนนั้นลดลง ระยะเวลาการคิดหรือสนใจหดสั้นลง จะว่าเป็นคนความจำสั้นก็ไม่เชิง เพียงแค่ขี้เกียจคิด มองเห็นรับรู้อะไรก็แค่ผ่าน ๆ ไปเท่านั้น ไม่ต้องการคิดอะไรเลย เหมือนเป็นคนโรคกลัวการคิด จะคิดอะไรต่อก็จะเกิดอาการชะงัก หยุดกึก แล้วทุกอย่างรอบกายก็คล้ายดับวูบลง ตรงนี้อาการมากไปหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ยังไม่มากพอ ต้องเห็นตั้งแต่ต้นเหตุ แล้วก็รู้ด้วยว่าถ้าเราคิดแล้วจะเกิดโทษอย่างไร ในเมื่อเห็นอย่างนั้นก็เลยเลิก เมื่อเราไม่สร้างเหตุ ความทุกข์ต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นกับเรา

ถาม : เมื่อก่อนคิดว่าชีวิตนักปฏิบัติ คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ใครทำได้คนนั้นก็เก่ง เป็นผู้มีความพิเศษกว่าผู้อื่น แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ยิ่งทำไป ๆ กลับเป็นตรงกันข้าม คือ ตัวหดเล็กลง ๆ แทนที่จะใหญ่ขึ้น กลายเป็นว่า ความสำคัญในตนเองน้อย ๆ ลง ถ้าไม่มีตัวตนเลยยิ่งดี ตรงนี้เป็นวิถีทางที่ถูกใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถูกในระยะนี้ ต่อไปที่ถูกกว่านี้ยังมีอีก ถ้าคลำผิดกลายเป็นพิษละก็ คราวนี้จะไปกันใหญ่เลย

ถาม : เฉลยทางระยะยาวได้ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ได้...ต้องบอกทีละช่วง ไม่อย่างนั้นพูดไปก็เท่านั้น คนไม่เคยไปเชียงใหม่ พอบอกว่าเชียงใหม่หน้าตาเป็นอย่างไร ก็ไปจินตนาการเอง ท้ายสุดฝากบอกคนถามด้วยว่า มาถามเอง อุตส่าห์โผล่หน้าไปหาแล้ว เสือกวิ่งหนีอีก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2013 เมื่อ 12:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 01-11-2013, 06:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำคัญที่สุดตรงที่บอกไปว่า ในช่วงนี้กำลังโดนหลอกให้ฟุ้ง เป็นการฟุ้งในด้านดี แต่จะหาทางลงไม่ได้ แล้วเราเองก็ไปคิดว่าได้อะไรมากมายมหาศาล ทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลไปหมด แต่ถ้าสังเกตจะเห็นว่า ไม่มีสักเรื่องเดียวที่ช่วยให้เราพ้นทุกข์ได้เลย เหมือนกับหลอกให้เห็นเงาในน้ำ พอถึงเวลาเอื้อมมือไปก็แตกกระจายหมด แล้วเราก็จะเสียเวลาอยู่ตรงจุดนั้น โดยไม่ได้ปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น นักปฏิบัติทุกคนมาถึงจุดนี้แล้ว ถ้าโดนหลอกให้เสียเวลา ก็จะเป็นที่น่าเสียดายมาก เพราะว่าความจริงใกล้ประตูมากแล้ว อาตมาเองก็เคยโดนมาก่อน

อาตมาถึงเคยบอกว่า มารกับความดีท้ายสุดก้าวซ้อนรอยกันมา ขี่คอมากับความดีเลย เหลือเพียงก้าวสุดท้ายเท่านั้นแหละ ที่จะรอดหรือไม่รอด จะเลี้ยวลงหรือจะตะกายขึ้น ถ้าทำ ๆ ไปมาถึงตรงจุดนี้ ก็จะเข้าใจว่าที่อาตมาพูดหมายถึงอะไร เขาสามารถหลอกเราได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องดีและไม่ดี โดยเฉพาะในเรื่องดี เราไปนึกตรองดูด้วยปัญญาสั้น ๆ เห็นว่าดี แต่ความจริงเขาหลอกให้เราติดดีก็มี เพลิดเพลินกับความดี แล้วมัวไปติดอยู่ตรงนั้น ไปเพลินอยู่ตรงนั้น ท้ายสุดก็ไม่ได้ไปสู่จุดหมายที่ตัวเองต้องการ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2013 เมื่อ 12:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 01-11-2013, 06:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างตอนเช้าฟังเสียงธรรมะ เหมือนกับเราฟังเพลง ไม่ได้พิจารณาหรือไม่ได้เอาความหมายอะไรเลย ดีหรือไม่ดีคะ ?
ตอบ :ได้อย่างนั้นก็ดี เพราะอย่างน้อยใจก็ยังเกาะความดีอยู่ เพราะจิตมีสภาพจำ เคยทำอะไรถึงเวลาก็ทำอย่างนั้น ต้องบังคับให้ทำในด้านดี ๆ ไม่อย่างนั้นจะเผลอทำในด้านที่ไม่ดี

ถาม : ไม่ได้รู้ความหมายสักเท่าไรค่ะ
ตอบ : ไม่เป็นไร...เราแค่รู้ว่าเป็นบทสวด บทเทศน์ ใจเราเกาะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ส่วนใดส่วนหนึ่งก็ใช้ได้แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2013 เมื่อ 16:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 01-11-2013, 10:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาจับภาพพระ จะทราบได้อย่างไรว่าตอนนี้เป็นฌาน ๑ , ๒ , ๓ , ๔ ครับ ?
ตอบ : สังเกตดูลมหายใจเข้าออกของตัวเอง ถ้าใจจดจ่ออยู่กับภาพพระอย่างเดียว ลมหายใจเข้าออกยังมีอยู่เพียงแต่เบามาก ก็อยู่ในปฐมฌาน หลังจากนั้นภาพพระจะชัดขึ้น ๆ ถ้าภาพพระขาวเต็มระดับจะเป็นฌาน ๔ แต่ให้สังเกตอาการอื่นควบไปด้วย ถ้าเราไม่ชำนาญจะสังเกตยาก

ถาม : แล้วสีขององค์พระ ประโยชน์ต่อไปที่จะสลับฌานครับ ?
ตอบ : ถ้าเราเองจะเข้าถึงจริง ๆ แล้ว เราจะรู้ว่าแต่ละระดับอารมณ์จะเป็นอย่างไร แล้วก็สลับตามนั้นเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2013 เมื่อ 12:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 01-11-2013, 10:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำสมาธิแล้วจะรู้สึกแน่น ?
ตอบ : เป็นอาการปกติของสมาธิจ้ะ เมื่อกำลังใจเริ่มทรงตัว จะบีบแน่นมาทุกทิศทุกทาง บางทีรู้สึกเหมือนโดนมัดแน่น หรือแข็งจนเป็นหิน แต่ส่วนใหญ่จะไปกลัวแล้วก็เลิก จึงเข้าไม่ถึงสมาธิลึก ๆ สักที

ถาม : ภาวนาเข้าไปแล้วแน่นทุกที ๆ ?
ตอบ : ทำไม่รู้ไม่ชี้ไป ตามดูไปเรื่อย ๆ ถ้าเราไปกลัวอยู่ ไปสนใจ หรือไปหวาดระแวงอยู่ สมาธิก็ทรงไม่ได้สักที ก็ติดอยู่แค่นั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2013 เมื่อ 12:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 01-11-2013, 10:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระนาคปรก.... ?
ตอบ : ไม่มีอะไรจ้ะ ศิลปะขอมสร้างไปอย่างนั้นเอง อาตมาเองได้รับการประทานมาจากหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศองค์หนึ่ง ท่านบอกว่า "คุณควรจะมีพระอย่างนี้ไว้ใช้ อยู่ป่าอยู่ดงจะได้ปลอดภัย" พอดีจะสร้างพระพุทธรูปฉลอง ๒,๖๐๐ ปีพระพุทธเจ้าตรัสรู้ แล้วเกิดความรู้ขึ้นมาว่า ถ้าจะสร้างก็ควรจะสร้างพระนาคปรก เพราะอยู่ในลักษณะที่ปกป้องพระพุทธศาสนา

ในเมื่อเป็นอย่างนั้นก็มานึกว่าเราจะเอาพระองค์ไหนเป็นต้นแบบ ก็มานึกได้ว่าหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศท่านให้มา เลยเอาองค์นั้นเป็นต้นแบบ ทำไปแล้ว หมดเกลี้ยงไปแล้ว มีหลายท่านบอกว่าอยากได้นาคไทยบ้าง ก็เลยมาทำนาคไทยอีกรุ่นหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2013 เมื่อ 12:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 01-11-2013, 11:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เวลาอาตมาไปไหนแล้วไม่ค่อยอยากบอกใคร เพราะว่าคนไปเยอะแล้วรำคาญ ยิ่งถ้าไปมาก ๆ แล้วเป็นงานที่เนื่องด้วยตัวเอง ก็ต้องรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของเขา การไปมาก ๆ เท่ากับว่าเป็นภาระ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2013 เมื่อ 12:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 01-11-2013, 11:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไปงานออกนิโรธกรรมของครูบาวิฑูรย์ ปีที่แล้วงานมั่วมาก เพราะว่าคนรับผิดชอบไม่เป็นงาน ไม่เป็นงานแล้วการแบ่งงานยังหาผู้เสียสละไม่ได้ ก็เลยพลาดตั้งแต่ทางเข้าเลย ควรจะมีคนไปดูแลตรงทางเข้า ทางแยก ทางเลี้ยวทุกแยกไว้ จะได้อำนวยความสะดวกให้เขาได้ มาปีนี้ดีขึ้น เพราะบอกแล้วว่าถ้าครูบาท่านออกมาแล้วให้แห่ไปเลย ถ้านั่งอยู่รอแห่ก็ไม่ได้แห่หรอก

แต่ก็ยังมีปัญหาในเรื่องที่จอดรถ อาตมาจอดรถจ่อถนนไว้ มีพวกมักง่ายมาถึงก็จอดปิดหน้าไว้เลย แทนที่จะปลดเบรกมือไว้ก็ดันเข้าเบรกมือไว้อีก เข้าเบรกมือไม่พอ ยังเข้าเกียร์ไว้อีกด้วย ประกาศแล้วประกาศอีก กำลังกะ ๆ อยู่ว่า ถ้าประกาศครั้งที่ ๔ เมื่อไร จะช่วยดันลงข้างทางไปเลย ดีที่มาขยับให้

ปีนี้ลำบากตรงที่ว่าฝนตก มรสุมเข้าพอดี แล้วก็ขบวนเสลี่ยงที่แห่นั้น เสลี่ยงที่อาตมานั่งมีปัญหาที่สุด คนหาเสลี่ยงมาแสดงว่าไม่เคยแบกเอง ไปเอาเสลี่ยงที่เป็นคานไม้สี่เหลี่ยมมา โอ้โห..คนแบกโดนกดเจ็บไหล่ตายชักเลย เสลี่ยงควรจะเป็นไม้กลม ๆ ถ้าเป็นไปได้ให้หาผ้ารองมาด้วย กว่าจะเดินครบรอบนี่ สงสารทหารเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2013 เมื่อ 12:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 01-11-2013, 11:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเองไม่นิยมเอารถส่วนตัวไปไหน เพราะหาที่จอดรถลำบาก เวลาไปงานที่กรุงเทพฯ ชั้นใน ส่วนใหญ่ไปรถแท็กซี่ เมื่องานสวดพระคาถาเงินล้านที่เซ็นทรัลเวิลด์ก็ไปรถไฟฟ้า บางทีเพื่อนพระท่านถามว่า "ทำไมไม่เอารถมา ?" ก็บอกไปว่าเอารถไป ค่าใช้จ่ายก็ใกล้เคียงกับรถแท็กซี่ ซ้ำยังต้องห่วงคนขับรถอีกคนหนึ่ง ว่าจะกินอย่างไร จะอยู่อย่างไร แล้วที่จอดก็หายาก ถ้าไปเฉี่ยวไปชนก็ซวยหนักเข้าไปอีก ลงจากแท็กซี่ได้ก็ไปเลย สบายกว่ากันเยอะ เขาก็มองว่าอาตมาเพี้ยน คิดไม่เหมือนชาวบ้าน

อดีตเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิท่านว่า "อาจารย์เล็ก ทำไมไม่เอารถดี ๆ มาใช้บ้างวะ ?" "แล้วจะมีประโยชน์อะไรละครับ ผมนั่งรถสองแถว เขาก็ว่าอาจารย์เล็กรวย หลวงพ่อนั่งเบนซ์ เขาก็รู้ว่าหลวงพ่อยืมเงินผมเติมน้ำมัน..!" สนิทกันเลยว่าแรง ๆ ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2013 เมื่อ 19:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 01-11-2013, 12:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ที่ประเทศจีน มีเด็กผู้ชายอายุ ๒ ขวบท้อง แม่ก็สงสัยว่าลูกเป็นท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องมานหรือเปล่า ? เพราะท้องโตขึ้น ๆ ท้ายสุดก็โตจนหายใจลำบาก เลยเอาไปหาหมอ หมอเอ็กซ์เรย์ดู ปรากฏว่ามีเด็กอยู่ในท้อง หลังจากที่ตรวจสอบจนแน่ใจแล้ว ปรากฏว่าเป็นฝาแฝดของเด็กคนนั้นเอง เพียงแต่ฝาแฝดไม่ได้อยู่ข้างนอก แต่ไปอยู่ในท้อง

เขาว่าคงจะเป็นรายแรกและรายเดียวของโลก จำเป็นที่จะต้องผ่าตัด แต่ก่อนผ่าตัดเขาก็เอ็กซ์เรย์รอบเลย ดูว่ามีส่วนไหนติดอยู่กับอวัยวะสำคัญบ้าง จะได้ระมัดระวังในการผ่าตัด เขาบอกว่าน่าจะเป็นรายแรกในโลกที่ปรากฏขึ้น เพราะปกติฝาแฝดจะติดอยู่ข้างนอก มีบางรายเหมือนกันที่อยู่ข้างนอกครึ่งตัว ติดอยู่ข้างในครึ่งตัว แล้วส่วนที่อยู่ข้างในก็ฝ่อไปเฉย ๆ แต่นี่ท้องโตขึ้นเรื่อย ๆ จนเด็ก ๒ ขวบแล้ว"


ถาม : เป็นกรรมแบบไหนคะ ?
ตอบ : อธิษฐานว่าจะไม่พรากจากกัน มีใครอธิษฐานแบบนี้ไหม ? เกิดกี่ชาติเราจะไม่พรากจากกัน จึงติดกันเป็นตัวเดียวเลย เหลือเชื่อจริง ๆ ว่าคำอธิษฐานจะมีผลขนาดนั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า กรรมวิบากอย่างหนึ่งที่เป็นเรื่องที่ไม่พึงคิด ว่าทำไมถึงปรุงแต่งได้ขนาดนั้น ไปอธิษฐานว่าเกิดชาติใหม่เราจะไม่พรากจากกัน คงจะรักเธอปานจะกลืนกินด้วย จึงไปอยู่ในท้องเสียเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2013 เมื่อ 12:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 01-11-2013, 12:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,112
ได้รับอนุโมทนา 4,404,736 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงตั้งแต่วันที่ ๑-๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ จะมีนิทรรศการ ๑๐๐ ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่วัดบวรนิเวศวิหารจะเปิดอาคารสำคัญให้เข้าไปชมนิทรรศการและกราบไหว้พระสำคัญได้ ใครมีเวลาว่างก็แวะไปหน่อย เพราะว่าบางสถานที่ในวัด ร้อยวันพันปีถึงจะเปิดให้ชมได้ อย่างเช่น อุโบสถที่มีพระพุทธชินสีห์อยู่ เปิดเฉพาะวันพระ ถ้าเป็นพระศาสดาเปิดวันออกพรรษาปีละครั้ง แล้วต้องไปช่วงบ่ายด้วย เพราะว่าช่วงเช้าเจ้าใหญ่นายโตหรือเชื้อพระวงศ์ท่านไปกราบพระกัน

ถ้าเป็นพระกริ่งปวเรศ อาตมาเพิ่งจะได้เข้าไปดู ๒ ครั้งเท่านั้นคือ ตอนเขาฉลอง ๙๐ ปีสมเด็จพระสังฆราช กับ ๒๐๐ ปี ในหลวงรัชกาลที่ ๔ แม้กระทั่งพระไพรีพินาศ ถ้าไม่ใช่โอกาสสำคัญจริง ๆ เขาก็ไม่เปิดให้ขึ้น ได้แต่กราบอยู่ข้างล่าง ถ้าเขาเปิดตึก จปร.ให้ก็มีโอกาสได้ชมพระกริ่งปวเรศด้วย นิทรรศการส่วนใหญ่จะจัดที่ตึกมนุษยนาคมานพ ตรงข้าง ๆ ลานจอดรถ ก็เข้าไปดูข้างใน อาตมาดูมา ๓ - ๔ รอบแล้ว เนื้อหาคล้าย ๆ เดิม อาจจะมีรายละเอียดอื่นเพิ่มขึ้น งานนี้ก็เลยไม่ได้ไป

โดยเฉพาะพระภิกษุสามเณรหลายท่านอยากจะเห็น ในชีวิตนี้ขอดูสักครั้งหนึ่ง คือพัดงาแฉกประดับพลอย อาตมาดูมา ๓ ครั้งแล้ว ถ่ายรูปไว้ด้วย พัดนี้เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (บุญศรี บุรณศิริ) สร้างขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเจ้าอยู่หัว เพื่อพระราชทานแด่สมเด็จกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ แต่มาภายหลังกำหนดให้เป็นพัดประจำองค์ของเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต ปัจจุบันนี้เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต คือสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร เพราะว่าก่อนหน้านี้สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติ ก็แปลว่าสองสมัยติดกันแล้ว พัดก็เลยเหมือนกับเป็นสมบัติของวัดบวรนิเวศวิห
ารไปโดยปริยาย

สมเด็จกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ก็เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร มาถึงสมัยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ก็เป็นเจ้าอาวาสไล่กันมา ฉะนั้น..พัดนี้ไม่ค่อยจะหลุดไปจากวัดบวรฯ หรอก

แกะสลักจากงาทีละชิ้น ๆ แล้วต่อกันขึ้นมาเป็นรูป ฝีมือละเอียดยิบเลย จะได้รู้ว่าฝีมือช่างสิบหมู่นั้นขนาดไหน แล้วยังมีพานแกะสลักจากงาช้าง ใช้งาช้างแกะทีละชิ้น ดัดโค้งแล้วประกอบต่อ ๆ กันเป็นรูปพาน มีข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นของส่วนพระองค์ของสมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อน ๆ ที่เคยเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรฯ อยู่หลายต่อหลายชิ้น ไปดูกันให้ได้

เครื่องชุดกระ เดี๋ยวนี้กระก็หายากมาก ๆ ถึงขนาดมาทำเป็นจอกน้ำล้างพระพักตร์ คิดดูว่าจะต้องใช้กระใหญ่ขนาดไหน กระดีอยู่อย่างว่า ถึงเวลาแล้วใช้ความร้อนเข้าช่วยนิดหน่อย สามารถดัดให้เปลี่ยนทรงได้ จะว่าไปแล้วก็คือเกล็ดเต่า ถึงเวลาก็หลุดเป็นเกล็ด อาตมาเคยไปหาถึงเกาะสิเหร่ เอาไปให้บ้านจ่าตุ่มทำมีดให้ ไปถามหาซื้อ แต่ละคนมองหน้าด้วยความระแวงว่าเป็นป่าไม้หรือเปล่า ป่าไม้คงไม่ลงทุนปลอมมาเป็นพระหรอก

เกล็ดพวกนี้ถ้าถึงเวลาจะหลุดจากกระดองเอง แต่จะบาง ถ้าต้องการหนา ๆ ก็ต้องเล่นจากกระดองเลย ก็แปลว่าต้องทำให้ตาย เต่ากระ เต่าตนุ เต่ามะเฟือง เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ ๑ มีไว้ในครอบครองไม่ได้ มีไว้เพื่อศึกษาได้ แต่ได้ตัวเดียว ส่วนใหญ่ที่ไปถามหา ก็มีแต่ที่หลุดลอยน้ำมา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2013 เมื่อ 16:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว