กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 16-05-2016, 15:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙

ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง จะขัดสมาธิ หรือจะนั่งพับเพียบ หรือนั่งห้อยขา แล้วแต่ความถนัดของเรา ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ เมื่อครู่นี้ก่อนปฏิบัติธรรม ได้กล่าวถึงเรื่องของบุคคลที่ไม่ได้มองตนเอง จนทำให้นึกขึ้นมาได้ว่า เราท่านทั้งหลายที่ปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ พวกเราทั้งหมดยังมั่นคงต่อเป้าหมาย หรือความตั้งใจเดิมแต่แรกหรือไม่ ? สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราจะสามารถทบทวนให้มั่นคงอยู่กับเป้าหมาย หรือว่าความสำเร็จของเรา ก็ด้วยอิทธิบาทธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อิทธิบาทธรรม คือ ธรรมเป็นเครื่องทำให้ประสบความสำเร็จ ประกอบไปด้วย ฉันทะ คือ ยินดีและพอใจที่จะกระทำในเรื่องนั้น ๆ เราทั้งหลายลองทบทวนดูว่า ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเข้ามาปฏิบัติธรรมด้วยความเต็มอกเต็มใจ ทุ่มเทให้กับการปฏิบัติ

เมื่อมาถึงปัจจุบันนี้ เรายังมีความยินดี มีความพอใจเท่าเดิม หรือว่าลดน้อยถอยลงไป ? ถ้าหากว่าความยินดีความพอใจในการปฏิบัติธรรมลดน้อยถอยลงไป ก็ให้ทุกท่านทราบว่า เราเองพลอยถอยห่างจากมรรคผลไปด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-05-2016 เมื่อ 10:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 16-05-2016, 15:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อิทธิบาทธรรมข้อที่สอง คือวิริยะ มีความพากเพียรบากบั่น ไม่ท้อถอยในการที่จะกระทำกิจกรรมนั้น ๆ ที่เราชอบที่เราพอใจ

ส่วนใหญ่แล้วนักปฏิบัติธรรมของเราในปัจจุบันนี้ จะขาดอิทธิบาทธรรมในข้อวิริยะ คือความเพียรนี้เป็นส่วนมาก เพราะว่ากำลังใจไม่เพียงพอที่จะต่อต้านกระแสกิเลส ถึงเวลากิเลสชวนให้เบื่อ ชวนให้พัก เราก็เชื่อ ละเว้นจากการปฏิบัติ โดยที่ลืมดูหรือว่าลืมเรื่องที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนไว้ว่า การปฏิบัติธรรมนั้นจำต้องแลกกันด้วยชีวิต ถึงแม้ตายลงไปก็ตาม ขอให้ได้เข้าถึงธรรม

ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้นแล้ว ความลำบากในการปฏิบัติธรรมของเรา ไม่ว่าจะเป็นการ ยืน เดิน นั่ง นอน ก็ดี หรือว่าความลำบากในการที่ต้องทนต่อคำพูดของคนที่กล่าวร้ายต่อผู้ปฏิบัติธรรมในลักษณะต่าง ๆ ก็ตาม สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่จะมาบั่นทอนกำลังใจของเรา ถ้าเราขาดความพากเพียร ความอดทนอดกลั้นแล้ว ย่อมไม่สามารถที่จะก้าวผ่านไปสู่ความสำเร็จ ก็คือมรรคผลได้

อิทธิบาทธรรมข้อที่สาม คือ จิตตะ ความคิดปักมั่นแน่วแน่ต่อเป้าหมาย ไม่เคลื่อนคลายไปไหน ให้ทุกท่านพินิจพิจารณาดูว่า เป้าหมายครั้งแรกของการปฏิบัติธรรมของเราคืออะไร ? เรายังมั่นคงต่อเป้าหมายเหมือนเดิมหรือไม่ ? จากการที่เราปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น ปฏิบัติเพื่อมรรคผลพระนิพพาน ในปัจจุบันนี้เราปฏิบัติเพื่ออะไร ? เพื่อลาภยศสรรเสริญสุขอย่างนั้นหรือ ? เมื่อถึงเวลาปฏิบัติธรรมไประยะหนึ่ง ชื่อเสียง เกียรติยศ ลาภผล เงินทอง ไหลเข้ามา ทำให้เราแปรเปลี่ยนไปจากจุดหมายดั้งเดิมหรือไม่ ? ปัจจุบันนี้ยังปักมั่นแน่วแน่ต่อจุดหมายนั้นหรือไม่ ?

ถ้าหากว่ารู้ตัวว่าเป้าหมายของเราเปลี่ยนแปลงแล้ว ก็รีบยักย้ายถ่ายเทกลับไปยังเป้าหมายเดิมแต่แรกของเราโดยด่วน ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็มีแต่จะตกเป็นทาสของกิเลส โอกาสที่เข้าถึงมรรคผลไม่มีก็ยังพอทำเนา เกรงแต่ว่าพลาดพลั้งลงสู่อบายภูมิไป จะทำให้เสียเวลาไปอีกเป็นกัป กว่าที่จะได้เกิดขึ้นมาทำความดีอีกครั้ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2016 เมื่อ 13:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 17-05-2016, 14:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อิทธิบาทธรรมข้อสุดท้าย ก็คือ วิมังสา ซึ่งปัจจุบันนี้ บรรดาทฤษฎีฝรั่งนำไปใช้เป็นการสรุปและประเมินผล ไม่ว่าจะเป็นการบริหารองค์กรใหญ่ ๆ เล็ก ๆ ขนาดไหนก็ตาม ถ้าไม่มีการสรุปและประเมินผล เราก็จะไม่รู้ว่าผลของการบริหารนั้นทำให้องค์กรดีขึ้นหรือแย่ลง

การปฏิบัติธรรมของเราก็เช่นกัน ถ้าหากว่าขาด อัตตนา โจทยัตตานัง คือการกล่าวโทษโจทก์ตนเอง มัวแต่มองว่าผู้อื่นผิด ก็เท่ากับว่าเราประเมินผลตนเองไม่เป็น สรุปผลการจัดการไม่เป็น ก็ในเมื่อสรุปผิดพลาด ประเมินผิดพลาด การบริหารก็ย่อมผิดพลาดไปด้วย โอกาสที่องค์กรของเราจะล้มละลายก็มีสูงมาก โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าล้มละลาย คือล้มละลายจากความดี ซึ่งทำให้เราต้องเวียนว่ายตายเกิดมาทุกข์ทนอีกนับชาติไม่ถ้วน

เราต้องทบทวนอยู่บ่อย ๆ เสมอ ๆ ได้ทุกวันยิ่งดี ว่าเราปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร ยังตรงต่อเป้าหมายเดิมอยู่หรือไม่ ? จากแรกเริ่มมาถึงขนาดนี้ เราไปได้ไกลเท่าไร ? ยังมีอะไรหลงเหลือให้เราต้องไขว่คว้าปฏิบัติ เพื่อที่จะกล่าวล่วงพ้นไปสู่การหลุดพ้นจากกองทุกข์

สิ่งที่มาขัดขวางเรา ไม่ว่าจะในส่วนของความดี คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ในส่วนของความไม่ดี คือ การเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ ทำให้เราหวั่นไหว ทำให้เรามุ่งผิดไปจากเป้าหมายหรือไม่ ?

ถ้าหากท่านทั้งหลายประกอบไปด้วยอิทธิบาทธรรม คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา ดังที่ได้กล่าวมา โดยเฉพาะทบทวนประเมินตนเองอยู่บ่อย ๆ ก็ย่อมจะเห็นความก้าวหน้าในการปฏิบัติ หรือถ้าไม่ก้าวหน้า ก็ย่อมรู้ว่าอุปสรรคที่ขัดขวางนั้นคืออะไร ? จะได้แก้ไขฝ่าฟันไปได้

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2016 เมื่อ 13:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:12



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว