กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 14-12-2011, 11:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default



"พระพุทธนวราชบพิตรเป็นพระพุทธรูปที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงสร้างขึ้นมา ตั้งใจพระราชทานให้แก่ทุกจังหวัด ก่อนหน้านี้ในสมัยรัชกาลที่ ๗ เมื่อเสด็จจังหวัดไหน มีการพระราชทานพระแสงราชศาสตราให้แก่จังหวัดนั้น ๆ ในลักษณะของการมอบอาญาสิทธิ์ให้เจ้าเมือง ให้มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการบริหารบ้านเมืองแทนพระองค์ท่าน

พอมาถึงรัชกาลปัจจุบัน พระองค์ท่านงดการพระราชทานพระแสงราชศาสตรา แต่สร้างเป็นพระพุทธนวราชบพิตรขึ้นมาแทน เหลือเชื่อว่าจนขณะนี้ยังพระราชทานไม่ครบ ไม่ทราบว่าด้วยเหตุใด เมื่อสัก ๑-๒ สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังได้รับข่าวว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จพระราชทานที่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง

พระพุทธนวราชบพิตรมีส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งก็คือ ตรงฐานบัวจะติดพระสมเด็จจิตรลดาไว้ ๑ องค์ คาดว่าที่รับพระราชทานไม่ทั่วก็เพราะส่วนสำคัญนี้ไม่มี เพราะสมเด็จจิตรลดาต้องรอในหลวงทรงสร้างเอง

อาตมาไปเล็ง ๆ ไว้ ถ้าสะกิดสมเด็จจิตรลดาออกมาคนจะว่าไหมนะ ? องค์ใหญ่เราไม่เอา เอาแค่องค์เล็กก็พอ แต่คราวนี้สมเด็จจิตรลดาก็มีแล้ว อย่าไปโลภมากเสี่ยงคุกเลย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2011 เมื่อ 11:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 14-12-2011, 11:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอเสร็จพิธี ทางด้านรองผู้ว่าฯ ชัยวัฒน์ก็ตักน้ำใส่คนโท คนโทนี้ทางสำนักพระราชวังมอบให้กับทุกจังหวัด เป็นของที่ทำมาโดยเฉพาะ พอถวายปัจจัยไทยธรรมเสร็จ พระสงฆ์ก็ให้พร เสร็จเรียบร้อยต่างคนย้ายแยกกันกลับ อาตมาไปถึงวัดท่าขนุนตอน ๓ ทุ่มครึ่ง นอนหงิกไป ๒ วัน

เรื่องของการยุ่งกับเวรกรรมของส่วนรวมหนักจริง ๆ อยู่เฉย ๆ ก็ป่วยเอาดื้อ ๆ เขาต้องการตัดกำลัง แต่ขอโทษ..อาตมาไม่เคยใช้กำลังตัวเอง มีปัญญาเอ็งตัดไปเถอะ พอถึงเวลาอาตมากราบขอบารมีพระอย่างเดียว

แต่ถึงแม้ว่าจะเห็นและอยู่ในพิธีแล้วก็ตาม พวกเราอย่าไว้ใจว่าในหลวงจะอยู่นาน เพราะวาระกรรมของประเทศชาตินั้นหนักมาก พระองค์ท่านแบกกรรมของคนตั้ง ๖๐ กว่าล้านคน บางอย่างเท่ากับว่ามาตัดรอนพระชนมายุของพระองค์ท่านให้สั้นลงได้เหมือนกัน คนแก่อายุ ๘๔ ปี ต้องลุ้นกันวันต่อวัน อย่าไปหวังอะไรมากมายว่าจะอยู่กันที ๕ ปี ๑๐ ปี

แต่ก็ดีใจที่พระองค์ท่านเสด็จออกมหาสมาคมได้ แม้จะต้องประทับรถเข็นมาก็ตาม สาเหตุแรกก็คือ เพื่อขวัญและกำลังใจของประชาชนทั้งประเทศ ถึงพระองค์ท่านพระพลานามัยจะแย่แค่ไหนก็ต้องมา สาเหตุที่สองก็คือ พระวรกายแข็งแรงขึ้น สามารถเสด็จออกงานได้แล้วจริง ๆ

คาดว่าต้องเป็นสาเหตุที่สอง เพราะว่าต้องมารับน้ำสรงด้วย ถ้าร่างกายไม่ดีโดนน้ำเข้าไป ดีไม่ดีก็อาจจะไปเลย ดังนั้นร่างกายต้องแข็งแรงพอ ใครไม่เคยรู้ว่าโดนน้ำแล้วเย็นเข้าไปถึงขั้วหัวใจเป็นอย่างไร..ให้ลองแก่ดู แก่เมื่อไรโดนเข้าแล้วจะรู้สึก..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2011 เมื่อ 11:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 14-12-2011, 13:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ต่างประเทศเขาทึ่งมาก ว่าคน ๆ หนึ่ง ทำไมถึงมีคนรักมากขนาดนี้ ทั้งที่พระองค์ไม่ได้ตั้งใจทำให้ชาวบ้านรัก แต่ว่าตั้งใจทำเพื่อความสุขของชาวบ้านทั้งหมด

ทางเทศบาลตำบลทองผาภูมิ โดยท่านนายกเทศมนตรีประเทศ บุญยงค์ จัดงานเฉลิมพระเกียรติถวายในหลวงอยู่ ๕ วัน คือวันที่ ๑-๕ ธันวาคม พอดีว่าวัดท่าขนุนโดนกำหนดให้ร่วมโครงการด้วย ก็ต้องไปแสดงพระธรรมเทศนาในคืนวันที่ ๒ เทศน์ช่วงกลางคืน อากาศก็หนาว

คืนแรกวัดทองผาภูมิเทศน์เรื่องพระมหากษัตริย์ยอดกตัญญู อาตมารู้ว่าเขาลอกจากเรื่องของท่านอาจารย์พันเอกพิเศษทองคำ ศรีโยธิน แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ขอให้เทศน์ได้ก็แล้วกัน คืนที่สองอาตมาเทศน์เอง ย้ำตรงจุดที่ว่า ในหลวงทรงเหนื่อยเพื่อพวกเรามา ๖๕ ปีเต็ม ๆ แล้ว ในส่วนที่พระองค์ทรงเหนื่อยนั้น ก็คือความตั้งใจบำเพ็ญพระองค์เป็นแบบอย่างให้พวกเราทำตาม ไม่ได้ต้องการให้เราชื่นชมว่าพระองค์ท่านดีอย่างนั้นเก่งอย่างนี้ แล้วก็ไปตะโกนว่าทรงพระเจริญ แต่ต้องการให้ทำตาม

พระองค์ท่านประหยัดแบบไหน ฉลองพระองค์ปะแล้วปะอีก รองพระบาทซ่อมแล้วซ่อมอีก หลอดยาสีพระทนต์ก็รีดจนแบนเป็นกระดาษ พวกเราชื่นชมว่าพระองค์ท่านประหยัด แต่พอน้ำท่วมขึ้นมา ขนกระเป๋าหลุยส์วิตตองหนีน้ำร้อยห้าสิบกว่าใบ แบบนี้ก็สมควรตาย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2011 เมื่อ 15:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 14-12-2011, 18:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"การจัดงานเฉลิมพระเกียรติในหลวงเป็นสิ่งที่ดี แสดงออกถึงความจงรักภักดี แต่ว่าเป็นในลักษณะของอามิสบูชา ถ้าจะเอาจริง ๆ ต้องเป็นปฏิบัติบูชา คือ ปฏิบัติตามที่พระองค์ทรงบำเพ็ญพระองค์เป็นตัวอย่างมาตลอด ๖๕ ปี

พระองค์ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ไม่ได้เสวยความสุข หากแต่ว่าความสุขของพระองค์ท่าน ก็คือได้เห็นชาวบ้านมีความสุข การเสวยราชย์ก็ไม่ใช่การครองราชย์ แต่เป็นการครองใจราษฎร์ เพราะฉะนั้น..สิ่งที่พระองค์ตรัสไว้ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจพอเพียงก็ดี หรือว่าการเกษตรทฤษฎีใหม่ก็ดี ใครมีที่มีทางก็ทำตามที่พระองค์กล่าวไว้บ้าง พอถึงเวลาที่เขาเดือดร้อนกันทั้งโลกแล้วเราอยู่ได้ ถึงเวลานั้นเราจะเห็นคุณค่า

ศาสตราจารย์แมนเฟรด ( Prof.Manfred Krames ) ชาวเยอรมัน กล่าวว่า คนไทยเรามีครูใหญ่ที่ดีที่สุด แต่ครูสอนเท่าไรไม่เคยทำตามเลย ครูใหญ่ของท่านก็คือในหลวง ถ้าเราไม่มีที่ไม่มีทาง หรือว่าไม่มีความสามารถที่จะไปทำการเกษตรในลักษณะเศรษฐกิจพอเพียง ก็หันมาใช้หลักสันโดษ ตามที่พระองค์ท่านใช้อยู่ ก็คือประหยัด ยินดีตามมีตามได้

โดยเฉพาะน้ำท่วมคราวนี้ ทุกคนจะเห็นว่ามีส่วนเกินในชีวิตเยอะมาก ของที่เราทิ้งได้มีเยอะมากเลย แล้วจะกองไว้ทำไม ? บริจาคให้คนอื่นเขาไปจะได้แบ่งปันกันใช้ อะไรที่มีราคาค่างวดบริจาคเข้าการกุศลไป หรือถ้าอะไรก็ตามที่มีราคาจริง ๆ ขายไปเลย เก็บเงินไว้เป็นทุนสำรอง บางบ้านมีรถอยู่ ๕ คัน จมน้ำหมดทุกคัน ยังสงสัยว่าพอเลิกจมน้ำแล้ว จะจ่ายค่าซ่อมรถไหวไหม ? หรือต้องซื้อใหม่อีก ๕ คัน..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2011 เมื่อ 02:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 15-12-2011, 08:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"บ้านเราติดสถิติโลกที่ไม่น่าปลื้มใจเยอะมาก อย่างเช่น ออกรถใหม่มากที่สุดในโลก ทั้ง ๆ ที่เป็นประเทศเล็กนิดเดียว รถรุ่นไหนก็ตามที่ออกใหม่จะต้องมีป้ายแดงวิ่งบนถนนให้เห็นทันที

รัสเซียประชากรหลายร้อยล้านคน เคยครองสถิติกินเหล้ามากที่สุดในโลก ปัจจุบันโดนประเทศไทยโค่น กลิ้งไม่เป็นท่าเลย ประชากรไทย ๖๓ ล้านคน เฉลี่ยกินเหล้าคนละ ๘ ลิตร นี่เขาเอาอาตมาไปเฉลี่ยด้วยนะ..!

สถิติห่วยแตกอีกสถิติหนึ่งของไทยก็คือ บริโภคน้ำตาลมากที่สุดในโลก มิน่า..ถึงได้เป็นเบาหวานกันเป็นว่าเล่น ประเทศอื่นเขาเฉลี่ยกินน้ำตาลคนละ ๔-๖ ช้อนชาต่อวัน แต่ประเทศไทยกินน้ำตาลเฉลี่ยคนละ ๑๒ ช้อนชาต่อวัน มากกว่าเขา ๔ เท่า แล้วจะไม่ให้เบาหวานจงเจริญได้อย่างไร..!

ปัจจุบันนี้ใครไม่เป็นเบาหวานถือว่าไม่ทันสมัย อาตมาบ่นมาหลายต่อหลายปีก็คือ กับข้าวมีแต่รสชาติหวานหมดแล้ว ไม่ว่าจะต้ม แกง ผัด น้ำพริกผักจิ้ม ออกรสชาติหวานหมด ที่น่าเกลียดมาก ๆ เลยก็คือ แกงส้มก็หวานด้วย ส้มแปลว่าเปรี้ยว เพราะฉะนั้น..แกงส้มต้องเปรี้ยวนำ เค็มตาม แล้วก็เผ็ด ไม่ใช่หวาน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2011 เมื่อ 10:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 15-12-2011, 08:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เดี๋ยวนี้เวลามีงานพุทธาภิเษกสำคัญของจังหวัดกาญจนบุรี หลวงพ่อเจ้าคุณปัญญาจะจองตัวอาตมาเอาไว้ มีอยู่เที่ยวหนึ่งเสกรูปเหมือนหลวงปู่เปลี่ยน อาตมาก็ตั้งใจจะไปทำบุญ เพราะว่าเป็นวันครบรอบวันมรณภาพของหลวงพ่อพระธรรมคุณาภรณ์ (ไพบูลย์ กตปุญฺโญ ป.ธ.๘) อดีตเจ้าอาวาสวัดใต้

พอโผล่ไปถึง หลวงพ่อเจ้าคุณปัญญากำลังตั้งโต๊ะบวงสรวงอยู่ พอเห็นหน้าก็กระโดดกอดเลย “ดีเหลือเกินพ่อคุณ..อุตส่าห์มา..ขอ ๒ เรื่อง..เรื่องที่ ๑ ทำบวงสรวงให้ผมด้วย เรื่องที่ ๒ เสกรูปหลวงปู่ให้ด้วย" ตั้งใจไปทำบุญแท้ ๆ โดนใช้งานอ่วมไปเลย..!

หลวงปู่เปลี่ยนท่านเป็นเกจิอาจารย์ดังมากของจังหวัดกาญจนบุรี ถ้านับเกจิอาจารย์ที่ดังที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรี ก็คือ หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ลูกศิษย์ของท่าน คือหลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว หลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้ หลวงปู่ดี วัดเหนือ หลวงปู่สอน วัดทุ่งลาดหญ้า แต่ละท่านลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง

หลวงปู่ยิ้มเก่งขนาดไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ต้องเสด็จไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ สมัยก่อนคนเมืองกาญจน์เขาบอกว่า ถ้าอยากเจ้าชู้ให้ไปวัดเหนือ ถ้าอยากเป็นเสือให้ไปวัดใต้ เพราะหลวงปู่ดี วัดเหนือ ท่านเก่งทางเมตตามหานิยม หลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้ท่านเก่งทางอยู่ยงคงกระพัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2011 เมื่อ 10:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 15-12-2011, 08:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนคุณปิยทัศน์ มีศรัทธาจะร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก เขาถามว่าใช้เงินเท่าไร ? อาตมาบอกว่าเฉพาะองค์พระ ๓ ล้านบาท เขาคำนวณจากราคาวัตถุมงคลแล้วว่า น่าจะมีกำไรประมาณ ๑.๓ ล้านบาท ส่วนที่เหลือ ๑.๗ ล้านบาท เขาจะขอทำบุญด้วย

พอเขาส่งข้อความมา อาตมาก็ตอบคืนไปว่า ให้เวลาคิดอีก ๗ วัน ถ้าหากว่าไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินในเรื่องอื่นแล้วค่อยโอนมา แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้เงินในเรื่องอื่น ก็ให้ทำอย่างอื่นไปก่อน ไม่ต้องกลัวว่าอาตมาจะไม่มีสตางค์ เพราะว่าถ้าเป็นงานของพระท่าน ไม่เคยเลยที่จะไม่มีสตางค์

พอ ๗ วันให้หลัง เขาบอกว่า ผมคิดรอบคอบแล้วครับว่า เงินส่วนนี้ผมสามารถทำบุญได้โดยไม่เดือดร้อน เขาก็โอนมา เพราะฉะนั้น..ทำบุญวัดท่าขนุนนี่ยากมาก มีเงินแล้วยังไม่อยากจะรับเลย ให้ไปคิดก่อน ภายใน ๗ วัน ถ้าศรัทธาไม่ถอย คิดให้รอบคอบแล้วค่อยมาทำบุญกัน

จริง ๆ เขาพูดเดี๋ยวนั้นและทำเดี๋ยวนั้น แต่อาตมาให้คิดดูก่อน เผื่อความขี้เหนียวจะย้อนกลับมา ถ้าเขาไม่ถวายมาอาตมาก็จะได้สบาย ไม่ต้องทำงาน แต่ถ้าถวายมาก็ต้องเหนื่อยทำให้เขา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2011 เมื่อ 10:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 15-12-2011, 08:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนที่ยังรับสังฆทานอยู่ที่บ้านอนุสาวรีย์ฯ มีโยมคนหนึ่ง อยู่ ๆ ก็แบกเงินมา ๑ ล้านบาท ขอทำบุญด้วย อาตมาบอกกับเขาไปว่า "การทำบุญที่ดีจะต้องไม่ให้ตัวเองและคนรอบข้างเดือดร้อน คุณทำบุญทีหนึ่งมากขนาดนี้ มั่นใจแล้วหรือว่าไม่ต้องใช้เงินจำนวนนี้ ?"

เขาบอกว่า "มั่นใจครับ..ผมทำงานมาทั้งชีวิตก็เพื่อขอทำบุญให้สะใจสักครั้งหนึ่ง" เงินหนึ่งล้านสมัยนั้นแพงมาก เพราะตอนนั้นทองคำ ๑ บาทราคา ๔,๗๐๐ บาทเอง

เพราะฉะนั้น..ที่วัดท่าขนุนถึงมีกติกาว่า ห้ามบอกบุญ ห้ามเรี่ยไร ใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าใครจะมาทำบุญให้มาแจ้งความจำนงด้วยตัวเอง แล้วไม่ต้องให้ชื่อ ไม่ต้องให้ที่อยู่ ไม่ต้องให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ เพราะถึงให้ก็ไม่โทรไปหา ที่วัดอื่นมีหลายต่อหลายวัดด้วยกัน ถ้ามีเบอร์โทร มีที่อยู่ ต้องใช้คำว่า “ตามจิก” จะทำบุญอะไรเมื่อไร เขาจะตามจิกให้ไปทำบุญ เป็นอะไรที่อาตมาดูแล้วรู้สึกว่าไม่เหมาะ คนจะทำบุญก็ต้องให้เขามีศรัทธาเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2011 เมื่อ 10:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 15-12-2011, 10:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ท่านเจ้าคุณพระศรีศาสนวงศ์ เป็นอาจารย์สอนวิชากฎหมายของอาตมา ตอนนี้ท่านเป็นรองเจ้าคณะภาค ๑ ท่านอ่านหนังสือเส้นทางพระโพธิสัตว์ แล้วบอกว่า โอ้โห..พระครู..เขียนได้เป็นธรรมชาติมาก ผมอยากเขียนได้อย่างนี้มานานแล้ว.."

จริง ๆ แล้วโยมทุกคนก็เขียนหนังสือลักษณะนี้ได้ แต่อย่าลืมตัว ก็คือให้คิดอยู่เสมอว่าเราเป็นคนอ่าน เราไม่เคยไปไหนเลย ไม่ได้เห็นอะไรเลย ถ้าหากว่าเรารู้สึกอย่างนั้น เราก็จะบรรยายออกมาให้คนอ่านเข้าใจได้ว่าที่เราเห็นคืออะไร

แต่ถ้าเราคิดว่าเรารู้แล้ว เราก็ว่าของเราไปเรื่อย บางทีก็รู้อยู่คนเดียว เพราะฉะนั้น..จะเขียนหนังสือให้อ่านง่าย ต้องนึกอยู่เสมอว่าเราเป็นคนอ่าน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2011 เมื่อ 10:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 15-12-2011, 15:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "กำลังใจของโยมที่มีศรัทธานี่เป็นเรื่องน่ากลัวมาก อาตมานั่งหวั่น ๆ ว่า ตัวเองสมกับเป็นเนื้อนาบุญของเขาหรือเปล่า ? ไม่ใช่เขาทำบุญมา ๑.๗ ล้านบาท ได้บุญไป ๗ สตางค์..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2011 เมื่อ 16:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 15-12-2011, 17:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default


พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้หน่วยงานไหนจะทำงานให้ได้เงินต้องทำเกี่ยวกับในหลวง วันก่อนแสตมป์ในหลวงออก อาตมาสั่งจองไว้ ๖ ชุด เขาให้มา ๑ แผ่น เขาบอกว่ามีไม่พอ โดยเฉพาะชุดรวม ๖๕ บาทชุดเล็ก ให้มาไปรษณีย์ละ ๓ ชุดเท่านั้น คนแย่งกันแทบจะเหยียบกันตาย เจ้าหน้าที่บอกว่า “ผมจะกันไว้ให้อาจารย์ก็ได้ แต่ผมตายก่อน ก็เลยต้องให้เขาไป”

ดวงตราไปรษณียากร หรือที่เราเรียกง่าย ๆ ว่าแสตมป์ ที่ออกมาแล้วเป็นที่ฮือฮามาก ๆ หมดในเวลาอันรวดเร็ว ก็คือแสตมป์ทองคำดวงแรก ที่เป็นรูปในหลวงงานกาญจนาภิเษก ดวงละ ๑๐๐ บาท ออกมาข้างนอกพักเดียวเท่านั้น ขึ้นราคาไป ๗๐๐-๘๐๐ บาท คนยังแย่งกันซื้อเลย

ชุดถัดมาก็เป็นแสตมป์ชุดพระเครื่องเบญจภาคี ข้างนอกขึ้นราคาไปเป็นหมื่นเลย แล้วก็มาชุดในหลวง ๗ รอบ ไม่ต้องไปถามหา ไปถึงไปรษณีย์ไหนก็สั่นหัวบอกว่าหมดแล้ว โดยที่เขาไม่ได้บอกว่า “ผมเก็บไว้เองแหละ” ก็ให้ไปแค่ ๓-๕ ชุด เจ้าหน้าที่ก็เก็บไว้เองหมดสิ เรื่องอะไรจะมาจำหน่ายให้เรา"
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg P000630.jpg (85.4 KB, 1192 views)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2011 เมื่อ 17:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 15-12-2011, 17:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default


"ตรงจุดนี้ทำให้เราเห็นชัดว่า การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเหนื่อยยากตรากตรำมาตลอด ๖๕ ปี ตั้งแต่พระชนมายุ ๑๙ พรรษาเมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงสร้างแต่ความดี ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน คนเขามองเห็น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพระองค์จึงกลายเป็นของมีค่า มีคุณค่าควรแก่การสะสม ควรแก่การมีไว้บูชา

แต่สำคัญที่สุดก็คือ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นอามิสบูชา ถ้าจะเอาเป็นปฏิบัติบูชาก็คือ ทำตามอย่างที่พระองค์ท่านดำเนินชีวิตเป็นตัวอย่างให้เรา พระองค์ท่านประหยัดอย่างไร พอเพียงอย่างไรก็ให้ทำอย่างนั้น ถ้าหากว่าสามารถทำได้ ต่อให้เศรษฐกิจโลกถล่มทลายเละเทะขนาดไหน บ้านเราก็อยู่ได้"
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg ๘๔ พรรษา.jpg (80.7 KB, 1185 views)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2011 เมื่อ 17:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 16-12-2011, 10:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระธรรมเกิดจากพระพุทธเจ้า แล้วทำไมถึงไม่รวมพระพุทธกับพระธรรมไว้ด้วยกันครับ ?
ตอบ : แสดงว่าเด็ก ๆ ไม่เคยสวด "ธรรมะคือคุณากร..." แล้วมีเหตุผลอะไรที่ต้องรวมพระธรรมไว้กับพระพุทธเจ้า ?

ถาม : เพราะธรรมะเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าครับ
ตอบ :ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรวมพระสงฆ์เป็นอย่างเดียวกันด้วยสิ เพราะพระสงฆ์มาจากพระธรรมด้วย ถ้าไปรวมว่าพระสงฆ์ก็คือพระพุทธเจ้าก็ซวยไป ต้องรู้จักเรียงลำดับบ้างสิ

จะว่าไปแล้วพระธรรมมาก่อนเพราะว่ามีอยู่แล้วในธรรมชาติ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ เห็นพระธรรมเหล่านั้น ก็ทรงนำมาจำแนก นำมาแยกแยะ นำมาจัดเป็นหมวดเป็นหมู่ แล้วก็พยายามปรับของยากให้กลายเป็นของง่าย เพื่อความเข้าใจและสามารถบรรลุธรรมได้ของเหล่าเวไนยสัตว์ทั้งปวง

คราวนี้พวกเราก็เห็นว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้พระธรรม เลยจัดพระธรรมอยู่ลำดับที่ ๒ พระสงฆ์ฟังพระธรรมนั้นแล้วสามารถบรรลุมรรคผลเป็นพระอริยสงฆ์ได้ ก็จัดอยู่ลำดับที่ ๓ แต่จริง ๆ พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ว่า แม้พระองค์ท่านก็ยังต้องเคารพพระธรรม เพราะว่าพระองค์ท่านตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ก็เพราะเห็นธรรม

อะไรที่เป็นสมมติ ที่โลกเขานิยม เราก็ตามเขาไป อย่าเสือกทะลึ่งไปแก้ไข ลำบากเปล่า ๆ..! ถ้าจะแก้ ให้แก้ที่ตัวเรา เรื่องอื่นที่โลกเขานิยมเป็นเรื่องของโลก อย่าไปแก้ไขโลกเพราะหนักเกินไป ดูที่ตัวแก้ที่ตัวแล้วจะจบ ถ้าไปดูที่โลกแล้วไปแก้ไขโลกมักจะเกินกำลัง แก้ไม่ไหวหรอก

หรือไม่ก็บำเพ็ญต่อไปสักระยะหนึ่ง ตรัสรู้เองแล้วค่อยไปแก้ไขโลก พอถึงรุ่นของเราก็จะเป็น ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ จะได้เอาพระธรรมขึ้นก่อน หรือไม่ก็ ติสรณคมนัง สรณัง คัจฉามิ ทีเดียวครบ ๓ อย่างไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2011 เมื่อ 15:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 16-12-2011, 11:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นี่ผมคัดลอกมาจากในคอมพิวเตอร์ครับ เขาบอกว่าเป็นคำพูดของหลวงพ่อวัดท่าซุง
ตอบ : เขาบอกแล้วคุณเชื่อเลยหรือ ? โดยเฉพาะคำพยากรณ์ที่บอกว่าจะเกิดความฉิบหายวายวอดกับบ้านกับเมืองเรา แม้กระทั่งนารีขี่ม้าขาว เขาก็บอกว่าหลวงพ่อฤๅษีลิงดำพยากรณ์ อาตมาอยู่กับหลวงพ่อมา ๑๘ ปี ไม่เคยได้ยินเลย เขาก็ว่าของเขาไปเรื่อย

เพราะฉะนั้น..ถ้ามาจากที่อื่นอย่าไปเชื่อ อยากได้หลักธรรมของหลวงพ่อจริง ๆ ให้ไปซื้อหนังสือของวัดท่าซุงมาอ่าน แล้วเราก็จดในส่วนที่เราชอบใจ เอามาดูเอง ไม่อย่างนั้นคนอื่นเขาเอามายำใหญ่ ผสมปนเปจากไหนบ้างเราก็ไม่รู้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2011 เมื่อ 15:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 16-12-2011, 12:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ความเชื่อที่ชาวจีนเกิดปีชง ห้ามไปงานแต่ง งานศพ ทุกกรณีตลอดปีนั้น ๆ ถ้าเราจำเป็นต้องไปงานดังกล่าวจะเกิดปัญหาหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าไม่กลัวปัญหาก็ไม่เกิดปัญหา อาตมาเป็นคนที่ปกติไปงานศพแล้วจะเดือดร้อนทุกครั้ง เพราะผีรู้จัก..! ลักษณะนี้พอถึงเวลาแล้วเขาจะตามเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือ พวกที่เกิดปีชงก็คือลักษณะอย่างนี้แหละ

พอเวลาเขาตามมาแล้วเราแก้ไขให้อย่างที่เขาต้องการไม่ได้ เขาเกาะอยู่นานเท่าไร เราก็เดือดร้อนนานเท่านั้น แต่ไม่ต้องไปใส่ใจ ชงขนาดไหนก็ตาม ไปถึงให้ตั้งใจเลยว่า กุศลบารมีที่เราสร้างมาแต่ต้นจนบัดนี้ ขออุทิศให้แก่เธอผู้ตาย ถ้ารู้จักชื่อนามสกุล ออกชื่อนามสกุลไปด้วย ขอให้ผู้ตายโมทนา ประโยชน์ความสุขใดที่เราพึงจะได้รับ ขอเธอจงได้รับด้วย แบบนี้ไปเถอะ..กี่ศพก็ไปได้

ถาม : แล้วถ้าเป็นงานแต่งเจ้าคะ ?
ตอบ : ถ้าเจ้าภาพไม่รู้ว่าเราเกิดปีนั้นก็ไม่เป็นไร เราก็อย่าไปบอกเขาสิ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2011 เมื่อ 15:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 16-12-2011, 12:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นักแต่งหรือนักเขียนเรื่องธรรมะนามปากกาดังตฤณ เขาเขียนจากความรู้ของเขาหรือไม่ ?
ตอบ : อย่างน้อยส่วนหนึ่งก็เป็นความรู้ของเขา อีกส่วนเขาก็ค้นคว้าเพิ่มเติมเอา

การที่ดังตฤณเขียนหนังสือเกี่ยวกับธรรมะ และมีนักบวชจำพวกหนึ่งไปเดินห้างพันทิพย์เป็นปกติ ทำให้เกิดวลีบาดใจพระขึ้นมาว่า “ถ้าอยากรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ให้ถามพระ ถ้าอยากรู้เรื่องธรรมะให้ถามโยม” ประชดกันชัด ๆ เลย แล้วพระที่ท่านศึกษาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ก็เก่งจริงเสียด้วย ก็เลยยิ่งทำให้คำพูดประโยคนี้เป็นความจริงกันเข้าไปใหญ่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2011 เมื่อ 15:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 16-12-2011, 12:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ฆราวาสเรียกสรรพนามหลวงพ่อสมปองว่า "ท่านจิตโต" เหมาะสมหรือไม่ ? ปรามาสหรือไม่ ?
ตอบ : อันนี้มิอาจจะบอกได้ ขึ้นอยู่กับเขาว่าเรียกด้วยความเคารพหรือเปล่า

ถาม : ถ้าเรียกว่า "หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ" เหมาะสมหรือไม่คะ ?
ตอบ : เรียกไปเถอะ แต่อย่าไปออกชื่อท่าน พวกออกชื่อท่านเหมือนกับจิกหัวเรียกเพื่อน

ปัจจุบันสื่อมวลชนต่าง ๆ เป็นตัวนำดีนัก พอถึงเวลาก็ออกข่าว “สมเด็จเกี่ยวฯ” คนที่จะเรียกอย่างนั้นได้ต้องเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันมาก ๆ หรือไม่ก็ต้องมีศักดิ์ฐานะสูงกว่า

แต่เท่าที่รู้จักหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศมา แม้แต่องค์ท่านก็ไม่เคยใช้ลักษณะอย่างนั้น อย่างอาตมาท่านก็เรียก "พระครูธรรมธร" หรือไม่ถ้าวันไหนอยู่กันอย่างเป็นส่วนตัวก็จะเรียกว่า "ท่านเล็ก" พูดง่าย ๆ ก็คือ หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านเป็นผู้ที่ประกอบไปด้วยอปจายนมัย คืออ่อนน้อมถ่อมตนเป็นปกติ ในเมื่อสภาพจิตท่านเป็นอย่างนั้น ก็จะยกย่องให้เกียรติผู้อื่นเสมอ

อย่างท่านเรียกหลวงพ่อที่ปรึกษาจังหวัดนครปฐมว่า "ท่านเจ้าคุณพระธรรมเสนานี" เรียกเต็มตำแหน่งเลย ทั้ง ๆ ที่คนทั่วไปเขาเรียกว่า "หลวงปู่ชุ้น หลวงตาชุ้น" กัน นั่นแหละนึกเอาแล้วกันว่าพระผู้ใหญ่ระดับนั้น แต่สภาพจิตท่านละเอียด ท่านก็ยกย่องให้เกียรติผู้อื่น มียศมีตำแหน่งอย่างไรท่านก็เรียกอย่างนั้น

ถ้าเราเองเรียกกันอย่างไม่เป็นทางการก็เรียกท่านว่า "หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ" ปลอดภัยที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-12-2011 เมื่อ 17:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 16-12-2011, 18:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีหน้าเป็นปีชีพจรลงเท้าของอาตมา ต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นว่าเล่น อย่างสิงคโปร์ก็มีปัญหาคาใจที่นั่น ต้องไปให้ได้

ถ้าใครไปประเทศสิงคโปร์ สามารถขอความช่วยเหลือจากเจ้าพ่อหลักเมืองของสิงคโปร์ได้ ท่านเป็นผู้บังคับการเรือรบหลวง Prince of Wales ที่โดนญี่ปุ่นถล่มจมทะเลไปสมัยสงครามโลก แก้บนท่านด้วยบุหรี่ ๑ มวน เป็นการแก้บนที่ง่ายมาก ถ้าได้ซิการ์ยิ่งดีเพราะท่านชอบ จะเอาบุหรี่อะไรก็ได้ท่านไม่ได้ว่าหรอก เพียงแต่ว่าถ้าได้ของถูกใจก็เต็มที่หน่อย

ที่แน่ ๆ ปีหน้าอาตมาต้องไปศรีลังกากับออสเตรเลีย ศรีลังกานั้นไปกับรุ่นน้องปริญญาโทเพื่อดูงานทางพระพุทธศาสนา เพราะพระของศรีลังกามีบทบาททางการเมืองสูงมาก ศรีลังกามีประชากรประมาณ ๗๓% ที่นับถือพุทธ แต่ ๗๓% นี้มีอำนาจขนาดบัญญัติว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ พระภิกษุสามารถสมัคร ส.ส.ได้ เป็นรัฐมนตรีได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-12-2011 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 16-12-2011, 18:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาเคยไปตั้งคำถามเฉิ่ม ๆ กับท่าน แล้วโดนท่านสอยหงายท้องมา ถามท่านว่า “เป็นพระไปเล่นการเมือง ไม่รู้สึกผิดบ้างหรือ ?”

ท่านบอกว่า “นึกถึงปฐมวจนะที่พระพุทธเจ้าส่งพระออกเผยแผ่สิ..จรถ ภิกฺขเว จาริกํ ดูก่อน..ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเที่ยวไป พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย เพื่อความสุขของมหาชนเป็นอันมาก เพื่อประโยชน์ของมหาชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก เพราะฉะนั้น..ที่เล่นการเมืองก็เพื่ออย่างนี้...!"

ต้องยอมท่าน พระลังกาแต่ละคนฝีปากคมทั้งนั้น โดยเฉพาะเรื่องพระพุทธศาสนา ผิดท่าผิดทางโดนท่านขย้ำตาย ถึงได้ว่าพระของเขามีอำนาจมากเลย

ประเทศไทยของเรารับเอาตัวอย่างจากลังกามาใช้ในบ้านเราเยอะมาก อย่างเช่นศิลปวัตถุทางพระพุทธศาสนา เจดีย์ทรงลังกานี่ชัด ๆ เลย โรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ก็เอามาจากลังกา เพราะลังกาทำมาก่อน เรื่องของสมณศักดิ์พัดยศก็มาจากทางลังกา รุ่นน้องเขาไปดูงานที่นั่นอาตมาก็ไปร่วมกับเขา

ส่วนทางออสเตรเลีย ท่านเจ้าคุณพระโสภณกาญจนาภรณ์ ท่านไปดูแลวัดไทยที่ออสเตรเลีย ท่านเกริ่นชวนเอาไว้ เพราะตั้งความหวังว่าอาตมาจะสามารถไปช่วยวัดที่นั่นได้ ท่านก็เลยอยากจะเชิญไปเท่านั้นเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-12-2011 เมื่อ 14:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 16-12-2011, 18:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีหน้าอาตมาอาจจะถูกหวย ๒ รอบ รอบแรกก็คือได้รับพระราชทานสัญญาบัตรในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระชนมายุครบ ๗ รอบ

รอบที่ ๒ ถ้าผ่านการพิจารณาผู้ทำคุณประโยชน์ของพระพุทธศาสนา ก็จะได้รับเสมาธรรมจักรจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าปีหน้าดวงเฮงจริง ๆ จะถูกหวย ๒ รอบ รอบแรกนี่ถูกแน่นอนแล้ว เหลือรอบ ๒ ว่าจะผ่านพิจารณาหรือไม่ ?

ถ้าปีหน้าได้จริง ๆ ถือเป็นมงคลซ้อนมงคล เพราะปีหน้าเป็น ๒,๖๐๐ ปีพุทธชยันตี แล้วต้องไปรับวันวิสาขบูชาด้วย วันอื่นพระองค์ท่านก็ไม่พระราชทานให้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-12-2011 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:42



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว