กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 11-07-2013, 19:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หนังสือในปัจจุบันจำนวนมากที่คนรุ่นเก่าเขาเขียนถูก แต่ปัจจุบันกลายเป็นผิด ต้องระวังตรงนี้ให้ดี อย่างสถิต สมัยก่อนมี ย์ ตอนนี้ตัดทิ้งไปแล้ว อาตมาเองอยู่ช่วงกลาง สับสนอย่าบอกใครเลย เรียนแบบเก่ามา แต่ต้องเขียนแบบใหม่

ไปนั่งเถียงกับท่านอาจารย์จำนง ทองประเสริฐ ว่าสมัยก่อนเขียนอย่างนี้ มีรากศัพท์บาลีชัดเลย อาจารย์บอกว่าเมื่อเขียนแบบไทยได้ ทำไมต้องลากไปบวชด้วย เออ..ท่านอาจารย์ก็คิดแปลก ๆ มีภาษาไหนที่เป็นภาษาของตัวเองแท้ ๆ บ้าง ก็ต้องปนภาษาอื่นด้วยกันทั้งนั้น

แน่จริงลองเขียน ปฏิมากร แบบใช้ ต.เต่าดูสิ ปฏิมากร คือผู้สร้างพระพุทธรูป ถ้าปติมากร กลายเป็นผู้สร้างผัว..! ปาติโมกข์ยังเขียนเป็น ต.เต่าไปแล้ว บาลีเขาใช้

ภาษาเก่าที่เขียนถูกตามบาลีกลายเป็นผิดไปเลย อย่างสมัยเด็ก ๆ เขาใช้พิลาป แปลว่าร้องไห้คร่ำครวญ สมัยนี้กลายเป็นพิราบ คนไม่เข้าใจว่านกพิราบ คือเสียงร้องของนกเหมือนคนร้องไห้ ครางฮือ ๆ ทั้งวัน โบราณเขาจึงเรียกนกพิลาปคือนกร้องไห้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-07-2013 เมื่อ 19:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 11-07-2013, 19:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อยากให้จัดบวชเนกขัมมะที่กรุงเทพ ฯ
ตอบ : วัดในกรุงเทพฯ ที่เขาให้บวชก็มีเยอะแยะ แวะวัดไหนก็ได้ใกล้ ๆ บ้าน สำคัญอยู่ที่เราทำจริงหรือเปล่า ? ถ้าทำจริงไม่ได้สำคัญตรงสถานที่ ที่ไหนก็ทำได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-07-2013 เมื่อ 19:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 11-07-2013, 19:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ครั้งที่แล้วมีปัญหาการปฏิบัติ คือ ออกจากสมาธิโดยกะทันหัน
ตอบ : แล้วใครเขาบังคับให้คุณออกจากสมาธิโดยกะทันหัน ?

ถาม : ได้ยินเสียงเรียกแล้วผมตกใจสะดุ้งขึ้นมา
ตอบ : ไม่มีปัญหา

ถาม : บางครั้งมีอาการหนัก ๆ ที่ท้ายทอย
ตอบ : เรื่องปกติ..แสดงว่าตอนที่ภาวนา นอกจากสมาธิไม่ทรงตัวแล้วยังไปคิดเรื่องอื่นอีกด้วย พอสมาธิไม่ทรงตัว คิดเรื่องอื่นอยู่ ประสาทกระทบเสียงเรียกขึ้นมา จิตวิ่งกลับเข้าหาตัวเร็วเกินไป จึงมีอาการที่เรียกว่าตกใจ

ไปปฏิบัติใหม่ แสดงว่าที่ผ่านมายังไม่ได้ขึ้นชั้นอนุบาล ๑ เลย ถ้าสมาธิทรงตัว ฟ้าผ่าลงข้างตัวยังไม่ตกใจเลย


ถาม : ตอนที่ผมภาวนา กำหนดดูรู้ว่าลมหายใจหายไป คำภาวนาหายไป ทุกวันนี้แค่หลับตาก็สามารถทำได้แล้ว
ตอบ : ถ้าสามารถทำได้แล้วจะไปตกใจได้อย่างไร ? ลักษณะอย่างนั้นแสดงว่าสมาธิอยู่ในระดับฌานขั้นใดขั้นหนึ่งที่เราสามารถเข้าได้ทุกเวลาอยู่แล้ว การที่เข้าฌานได้ทุกเวลาขนาดนั้น กำลังใจต้องมั่นคงมาก แปลกดีเหมือนกัน...ตกลงที่คุณว่ามาต้นกับปลายไม่ได้เสมอกันเลย ไปด้วยกันไม่ได้ น่าจะมีการเข้าใจผิดอะไรสักอย่าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-07-2013 เมื่อ 19:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 11-07-2013, 19:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พ่อผมกำลังจะตายแล้วครับ
ตอบ : ตายแล้วค่อยมารายงาน ถ้ามีโอกาสและหมอยอมให้เข้าห้องฉุกเฉิน ก็หาเสียงสวดมนต์ไปเปิดให้ท่านฟัง อย่างน้อย ๆ ใจท่านจะได้เกาะความดีไว้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2013 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 12-07-2013, 12:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาจะไปยุโรปแล้วฝันว่าทั้งคณะเครื่องบินตก ไปตกที่ชายทะเลอะไรก็ไม่รู้ ? หัวเครื่องบินไถพรวดเข้าไปเหมือนประตูวังใหญ่มหึมา อาตมาเองกำลังจะคิดอยู่ว่าจะมุดออกไปทางไหนเพื่อช่วยคนอื่นเขาได้ ดันไปสะดุ้งตื่นเสียก่อน ยังไม่รู้ว่าบาดเจ็บหรือล้มตายเท่าไร ?

คนที่เขากลัวนั้นมี แต่อาตมาตายด้านแล้ว ชีวิตเก็บตกมาตั้งแต่อายุ ๒๗ ปี ที่เหลือเป็นกำไรล้วน ๆ ถ้าถึงเวลาก็ไปเถอะ..!

สมัยพรรษาแรก ๆ อยู่ที่วัดท่าซุง ตั้งเป้าหมายการปฏิบัติไว้ว่าจะเอาอะไร ก็ไปอ่านมงคล ๓๘ ของพระพุทธเจ้าท่าน ไปติดใจ ผุฏฺฐสฺส โลกธมฺเมหิ จิตฺตํ ยสฺสนกมฺปติ จิตที่กระทบกับโลกธรรมแล้วไม่หวั่นไหว จัดเป็นอุดมมงคลอย่างยิ่ง อาตมาเขียนติดหน้าสมุดบันทึกไว้เลย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้ได้

ถึงเวลา ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์เข้ามาได้ ก็พยายามพิจารณาให้เห็นว่า
ธรรมดาเป็นอย่างนั้น อะไรที่ดีเข้ามาก็อย่าฟูมาก อะไรที่ร้ายเข้ามาก็อย่าฟุบ พยายามรักษาใจเป็นกลาง ๆ ไว้ ถ้าไม่ยินดียินร้ายได้เมื่อไรเดี๋ยวก็แก่ช้าไปเอง เพราะไม่เครียด เคล็ดลับอยู่ตรงนี้แหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2013 เมื่อ 13:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 12-07-2013, 13:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การแห่นาคสมัยก่อนนี้เขาตั้งใจให้คนที่เห็นได้โมทนา มาสมัยหลังเมากันเละเลย สมัยก่อนที่เขาให้โมทนา บางทีเขาแห่รอบ ๒ - ๓ หมู่บ้านเลย โดยเฉพาะลูกของคนใหญ่คนโตประเภทผู้ใหญ่บ้านหรือกำนัน

บางหมู่บ้านก็มีการแห่นาคด้วยม้า แห่นาคขี่ช้าง อย่างที่หาดเสี้ยว สุโขทัยแห่นาคขี่ช้าง อย่างบ้านหนองขาว กาญจนบุรีนั้นแห่นาคด้วยม้าเพราะไปไกล ขืนให้คนผลัดกันขี่ก็เป็นลมตายพอดี จึงต้องขี่ม้าแทน สมัยเด็ก ๆ มีคนใกล้บ้าน เขามีวัวอยู่คู่หนึ่ง วัวคู่นี้ยอมให้เฉพาะนาคขึ้นหลังเท่านั้น คนอื่นไม่ให้ขึ้นหรอก โดนสลัดทิ้งหมด แสดงว่าเอาแต่บุญอย่างเดียว อย่างอื่นไม่เอา ขึ้นไปให้เก่งแค่ไหนก็โดนสลัดทิ้งจนได้ ไม่ยอมให้นั่ง แต่ถ้าเป็นนาคกลับยอมให้นั่ง แปลกดีเหมือนกัน

ตอนแรกคนก็ไม่รู้หรอก เห็นวัวโตเป็นหนุ่มเขาก็เอาไปแห่นาค แล้ววัวก็ชอบด้วย เสียงปี่เสียงกลองดังแค่ไหนไม่มีกลัว เดินนิ่มเลย ปรากฏว่าพอคนอื่นสนุกกระโดดขึ้นบ้าง โดนสลัดลงเลย ต้องบอกว่าสัตว์ก็คือคน เพียงแต่ว่าเขาอยู่ในร่างของสัตว์เดรัจฉานเท่านั้น ความคิดเขาก็เหมือนกับคนนี่แหละ ใครที่มีจิตใจน้อมไปทางบุญกุศลก็เน้นเอาบุญกุศลอย่างเดียว ซ้ำค่อนข้างถือตัวมากด้วย ถ้าไม่ใช่นาคไม่ให้ขึ้นหลังเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2013 เมื่อ 13:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 15-07-2013, 14:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็กที่ซนเราสามารถหัดให้เขาทำงานบ้านได้ เช่น เอาผ้าขี้ริ้วมาแล้วเราก็ถู ๆ พอเด็กมาแย่งเราก็แกล้งว่าไม่ให้ ๆ เดี๋ยวเขาก็สนุก หลอกให้ถูบ้านได้ หัดเอาไว้..เอาให้เป็นแม่บ้านแม่เรือนตั้งแต่เล็ก ๆ จะได้เป็นขวัญเรือน จริง ๆ ชื่อโบราณความหมายลึกซึ้งมากเลยนะ เป็นมิ่งขวัญในบ้านเลย

แบบเดียวกับพราหมณ์ที่ไปหลอกเอามิ่งขวัญของบ้านอนาถปิณฑิกเศรษฐี ปกติคนร่ำรวยจะต้องมีมิ่งขวัญ ก็คือส่วนที่เป็นกำลังบุญเสริมอยู่ พอพราหมณ์เข้าไปสอดส่องดูก็พบว่า มิ่งขวัญสถิตอยู่ที่หงอนไก่ แสดงว่าวิชาเขาดีนะ..เขาดูออก

พราหมณ์ก็เลยขอไก่ตัวนั้น อนาถปิณฑิกเศรษฐีเห็นว่าเป็นคนจน ขออะไรก็ให้ทั้งนั้น พอพราหมณ์อุ้มไก่มิ่งขวัญ ปรากฏว่ามิ่งขวัญหนีจากไก่ไปอยู่ที่นั่นบ้างที่นี่บ้าง พราหมณ์ก็ขอนั่นขอนี่ เศรษฐีก็ให้ทุกอย่าง พอหนีไปอยู่ที่ฉัตรเศรษฐี พราหมณ์หมดท่าเลย ขอไม่ได้ เพราะว่าฉัตรเศรษฐีต้องให้พระราชาพระราชทานเท่านั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2013 เมื่อ 16:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 15-07-2013, 14:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระสวมเสื้อกันหนาวผิดไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าจำเป็นก็ต้องใส่ สมัยก่อนที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ท่านยังเป็นพระสาสนโศภณอยู่ ได้ข่าวว่าพระไทยที่ไปเป็นธรรมทูตอยู่ที่ต่างประเทศแต่งตัวไม่เหมาะสม แต่งตัวเหมือนฆราวาส ใส่เสื้อใส่กางเกง ท่านก็เลยเดินทางไปตรวจการณ์ด้วยพระองค์เอง

ตอนนั้นคุณเสถียรพงษ์ วรรณปก ยังเป็นมหาไต้อยู่ แกล้งพาท่านขึ้นรถไฟ กว่าจะถึงก็หนาวแย่สิ..พอไปถึงท่านก็เลยได้ข้อสรุปว่า ถ้าในที่อย่างนี้ก็จำเป็น อนุญาตให้ใส่ได้ เขาแกล้งพระผู้ใหญ่ได้ขนาดนั้น ถ้าท่านไม่แข็งแรงนี่ได้ไข้จับตายกันบ้าง หนาวขนาดนั้น หิมะตกเลยให้ท่านใส่จีวรกับสังฆาฏิห่มซ้อนแค่นั้นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2013 เมื่อ 16:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 15-07-2013, 19:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อวิชชาเป็นต้นเหตุทำให้เราต้องเวียนว่ายตายเกิด แล้วต้นเหตุของอวิชชามาจากไหนครับ เป็นเพราะตัวเราเองหรือเป็นเรื่องของมารครับ ?
ตอบ : เกิดจากตัวเราเอง สภาพจิตที่ไม่รู้จึงไปปรุงแต่งในเรื่องของรัก โลภ โกรธ หลง จนเจริญงอกงามใหญ่โต เหมือนกับเด็กเล่นไม้ขีด เขาไม่รู้ว่าขีดเล่นแล้ว จะเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้บ้านไปทั้งหลังได้อย่างไร แต่เด็กก็เล่นไปแล้ว เล่นเพราะไม่รู้ ความไม่รู้ของเด็กที่ไปเล่นไม้ขีดก็คืออวิชชา เกิดจากตัวเด็กนั้นแหละ กว่าจะรู้ก็ได้บทเรียนด้วยการที่บ้านหมดไปเป็นหลังแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-07-2013 เมื่อ 02:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 15-07-2013, 20:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในพระไตรปิฎก ภรรยาของพรานหยิบอุปกรณ์ล่าสัตว์ส่งให้สามีเพื่อเอาไปล่าสัตว์ การปฏิบัติของนางไม่เป็นอกุศลใช่ไหมครับ เพราะนางทำตามหน้าที่ ?
ตอบ : ไม่ต้องถาม พระโสดาบันไม่สร้างอกุศลโดยเจตนาอยู่แล้ว นางแค่ทำตามหน้าที่ภรรยาที่ดี เตรียมสิ่งของให้กับสามีไว้ใช้งาน ส่วนสามีเอาไปทำอะไรนางไม่รับรู้ รู้แค่ว่าทำหน้าที่ของภรรยา ส่วนอื่นเป็นเรื่องของสามี ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเอง

ถาม : การทำหน้าที่ภรรยาที่ดีของนางจัดว่าเป็นกุศลได้ไหมครับ ?
ตอบ : จะเรียกว่าเป็นกุศลไหม ? ก็ต้องบอกว่าเป็นความดีที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ เต็มสติกำลัง คราวนี้เราก็ต้องมาดูว่าในส่วนที่เขาทำนั้นได้เกี่ยวข้องกับหลักธรรมอะไรหรือเปล่า ? ถ้าเกี่ยวข้องกับหลักธรรม ปฏิบัติดี ปฏิบัติถูกก็เป็นกุศล ถ้าไม่อย่างนั้นก็สักแต่เป็นหน้าที่ ๆ ตนเองทำเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-07-2013 เมื่อ 02:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 15-07-2013, 20:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มารย่อมดลใจให้เรากระทำความผิด เมื่อความผิดนั้นสำเร็จลง มารที่ถือว่าเป็นผู้บงการจะต้องได้รับเคราะห์กรรมนั้นใช่ไหมครับ ?
ตอบ : คุณจะไปสรุปอย่างนั้นไม่ได้ มารพยายามช่วยเราอย่างสุดชีวิตเพื่อให้เราหลุดพ้น แต่ความโง่ของเราที่ไม่ยอมหลุดพ้นต่างหาก ก็เลยสอบตกทุกที ครูออกข้อสอบให้ลูกศิษย์ ลูกศิษย์สอบตกครูมีความผิดไหม ? ไม่ผิดหรอก ต้องโทษว่าเป็นความโง่ของเด็กเอง

ถาม : ที่สุดของมารเป็นอะไรครับ ?
ตอบ : ท้ายสุดก็เข้าถึงนิพพานเหมือนกัน เพียงแต่ในวาระนั้นท่านก็ทำหน้าที่ของท่าน หน้าที่เป็นคุณครูออกข้อสอบไปเรื่อย ๆ เกษียณอายุแล้วก็ไป ตัวใครตัวมัน

ถาม : ทำไมท่านถึงชอบทดสอบ ?
ตอบ : ท่านมีจริตนิสัยที่ชอบทำอย่างนั้น คราวนี้ในสิ่งที่ท่านทำ ถ้าเราสอบผ่านเราจะไม่มีวันตกในจุดนี้อีก แต่ถ้าเราสอบไม่ผ่านเราจะติดอยู่แค่นั้น ไม่สามารถที่จะก้าวข้ามไปได้ ท่านก็เลยได้ชื่อว่ามาร มาระคือผู้ฆ่า ผู้ขวางเราจากความดี ความจริงต้องโทษว่าเราไม่เก่งเอง สอบตกแล้วก็พาลไปว่าครูออกข้อสอบโหด

ถาม : ผู้เป็นมารจะต้องมีอานุภาพมากเพราะสามารถดลใจให้คนเห็นผิดได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ในส่วนของความดลใจนี่ได้เฉพาะบุคคลทั่ว ๆ ไปเสียส่วนใหญ่ สำหรับพระอริยเจ้าไม่ได้อยู่ในลักษณะดลใจ แต่ต้องใช้คำว่าปิดบังมากกว่า ปิดบังทำให้นึกไม่ถึง มองไม่ทัน คิดไม่ได้อย่างนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-07-2013 เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 15-07-2013, 20:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วิตกคืออะไร ? วิจารคืออะไรครับ ?
ตอบ : วิตก..คิดอยู่ว่าตอนนี้เราจะภาวนาอะไร วิจาร..ตามดูว่าตอนนี้ลมหายใจเข้าหรือออก แรงหรือเบา ยาวหรือสั้น ใช้คำภาวนาอย่างไร ฉะนั้น..วิจาระคือการแยกแยะตามดูอาการ วิตกก็แค่คิดว่าจะทำ

ถาม : ผู้ที่ได้เอกัคตารมณ์ ไม่สุขไม่ทุกข์ ความรู้สึกตอนนั้นเป็นอย่างไรครับ ไม่กระทบหรืออย่างไรครับ ?
ตอบ : ในลักษณะของเอกกัคตารมณ์นั้น คืออารมณ์ใจที่ตั้งมั่นในอุเบกขา ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่เข้ามากระทบ ก็เลยทำให้หลายท่านที่เข้าถึงตรงจุดนี้ คิดว่าตัวเองเป็นพระอริยเจ้าไปแล้ว แต่ความจริงเพราะอำนาจของสมาธิที่แนบแน่นมาก กดกิเลสต่าง ๆ ให้นิ่งสนิทลงไป เกิดอาการวางเฉยต่อสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นได้ ด้วยอำนาจของสมาธิช่วยข่มไว้

ในส่วนนี้ก็เลยกลายเป็นการก้าวล่วงเรื่องของสุขทุกข์ไปได้ด้วยในขณะที่กำลังใจยังดำเนินอยู่ในฌานนั้น ถ้าคลายออกมาเมื่อไรก็โดนงัดหงายท้องเหมือนเดิม


ถาม : อย่างในอรูปฌานก็เหมือนกันใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเข้าถึงจริง ๆ กำลังก็เท่ากัน เพียงแต่ว่าเปลี่ยนวิธีกรรมเท่านั้น จากการยึดรูปก็เปลี่ยนเป็นไม่ยึด แต่กำลังอำนาจของสมาธิก็เท่ากับกำลังของฌาน ๔ ในเมื่อเข้าถึงตรงส่วนท้ายของฌานที่จัดเป็นอุเบกขา ก็สามารถปล่อยวางสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้ชั่วคราวเช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-07-2013 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 16-07-2013, 12:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตำราจีนเขาบอกว่า พืชหรือสัตว์ที่สีสันสดใส ให้คิดไว้ก่อนว่ามีพิษ อาตมาเองก็สงสัยว่านกยูงสีสันสดใสจะมีพิษตรงไหน ? ปรากฏว่าพิษที่ร้ายมากเลยอยู่ที่ดีของนกยูง อย่างนกกระเรียนเขาบอกว่าพิษอยู่ที่หงอน งูเขียวแอฟริกาที่เขาเรียกแบมบา สีน่ารักจะตายไป ที่ไหนได้กัดช้างยังล้มเลย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-07-2013 เมื่อ 17:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 16-07-2013, 12:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอให้ช่วยอธิบายปฏิจจสมุปบาทหน่อยครับ
ตอบ : เสียเวลาคิด..ถ้าคุณไม่คิดจะเกิดก็จบแล้ว ถ้าเกิดเมื่อไรก็ยาวเลย

อวิชชาเป็นอดีตเหตุ ปัจจุบันผลก็คือตัวเราที่เสวยทุกข์อยู่ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เราทำในปัจจุบันเป็นปัจจุบันเหตุ จะส่งผลให้คุณทุกข์ต่อไปในอนาคต ซึ่งเป็นอนาคตผล ดังนั้น..ถ้าจะดู..ก็ดูแค่นี้ เสียเวลาไปดู แค่เห็นว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา กูไม่เอามึงอีกแล้วก็จบ หมดทุกอย่างเลย

ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะท่องคล่องปากกันทุกคนแหละ รู้หรือเปล่าว่าอวิชชาเป็นเหตุให้เกิดอะไรขึ้น ? ความไม่รู้ทำให้จิตของเราไปยินดี ในเมื่อเรายินดีก็อยากมีอยากได้ ความอยากมีอยากได้พอเกิดขึ้น ก็เลยทำให้เกิดการปรุงแต่งหรือสังขาร สังขารตัวนี้ไม่ใช่ร่างกาย ตัวนี้คือจิตสังขาร คือการปรุงแต่งของใจ ในเมื่อการปรุงแต่งของใจเกิดขึ้น ความรู้สึกก็จะเกิดขึ้น ก็คือรัก ชอบ เกลียด ชัง เขาถึงได้บอกว่าอวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ

คราวนี้ความรัก ชอบ เกลียด ชังหรือวิญญาณต้องอาศัยประสาทรับความรู้สึกต่าง ๆ ซึ่งจะต้องอยู่ในรูป ในเมื่ออวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ วิญญาณก็เลยเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป เพราะว่าต้องอาศัยอยู่ นามรูปเมื่อเกิดขึ้นก็ต้องมีอายตนะ คือส่วนที่ติดต่อสัมผัสได้ทั้งภายในและภายนอก เมื่อมาบรรจบประชุมรวมกันขึ้นมา จึงสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-07-2013 เมื่อ 17:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 16-07-2013, 12:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้เห็นหรือยังว่า แค่ความไม่รู้เรื่องอย่างเดียว แล้วไปรัก ชอบ เกลียด ชัง พายาวไปจนถึงขนาดนี้ ในเมื่ออายตนะมี การรับสัมผัสต่าง ๆ เกิดขึ้น ก็เลยบอกว่าอายตนะทำให้เกิดผัสสะ คือการสัมผัส เมื่อเกิดผัสสะขึ้นมา ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์ก็เกิดขึ้น เขาถึงได้บอกว่าผัสสะเป็นเหตุให้เกิดเวทนา ในเมื่อสุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์เกิดขึ้นก็จะเกิดตัณหา ก็คือเลือกเอาในส่วนที่ตัวเองชอบ ไม่ต้องการส่วนที่ตัวเองไม่ชอบ ก็เป็นทั้งกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา

ในเมื่อเกิดตัณหาขึ้นมา ก็เลยทำให้ตัวเองไปยึดว่าสิ่งนี้กูเอา สิ่งนี้กูไม่ เอาทำให้เกิดอุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น คราวนี้ตัวเองไปเกาะแล้วนี่ อุปาทานะปัจจะยา ภะโว ซวยเลย ทำให้เกิดภพคือที่อยู่ เพราะตัวเองไปเกาะหนับอยู่ตรงนั้นแล้ว คราวนี้ก็ ภะวะปัจจะยา ชาติ ในเมื่อมีที่แล้วก็เกิดสิ คราวนี้ แก่ เจ็บ ตาย ทุกข์โศกร่ำไร ตามมาเป็นลูกระนาดเลย

บาลีท่านบอกว่าให้ย้อนกระบวนการกลับไป แล้วก็จะกลับไปสู่จุดดับ ก็เหลือแค่ว่าถ้าเราไม่ยินดี ไม่อยากมีอยากได้ในร่างกายนี้ก็จบเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปปรุงแต่ง เรื่องพวกนี้ถ้าอธิบายละเอียดแล้วยาว แต่จริง ๆ แล้วก็อย่างที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอก คือไปเล่นจุดสุดท้ายเลยก็หมดเรื่อง


ถาม : ถ้าพ้นไปแล้วจะเห็นสิ่งเหล่านี้ชัดขึ้นไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าพ้นไปแล้วมองกลับมาจะเห็นละเอียดดีมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2013 เมื่อ 11:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 16-07-2013, 19:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระอรหันต์ท่านพูดด้วยความรู้ ส่วนคนทั่วไปพูดด้วยความจำ เป็นอย่างนี้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : พระอรหันต์ท่านมีความจำด้วย มีความรู้ด้วย และมีความรู้แจ้งด้วย ดังนั้น..ท่านจะพูดด้วยสติ แต่ว่าบุคคลทั่วไปส่วนใหญ่แล้วพูดแบบขาดสติ สรุปอย่างนี้ชัดไหม ?

ถาม : ในเมื่อท่านมีสติตลอดเวลา ท่านจะจำชื่อคน จำทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาในชีวิตได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ท่านจะจำในเรื่องของธรรมะ ชื่อคนไม่จำเป็นต้องไปจำก็ได้ เพราะไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่เกี่ยวเนื่องด้วยธรรมะ ยกเว้นบุคคลที่ใกล้ชิด ต้องเรียกไปตามสมมตินั้น ๆ

เรื่องคน สัตว์ วัตถุธาตุ สิ่งของ ถ้าไม่เคยทราบมาก่อนก็จำเป็นที่จะต้องสอบถามจากคนอื่นเขา เรื่องชื่อเสียงเรียงนาม ถ้าไม่ได้อยู่คลุกคลีใกล้ชิดกัน ไม่ได้จดจำเอาไว้ก็ลืมได้เป็นปกติ เพียงแต่ว่าเรื่องของธรรมะ คือการเห็นเกี่ยวกับร่างกายนี้และโลกนี้ ท่านไม่มีวันลืมเด็ดขาดว่ามีแต่ความทุกข์จริง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2013 เมื่อ 03:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 16-07-2013, 19:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านมีสติสมบูรณ์ ท่านรู้แจ้งโลก ท่านก็สามารถจำชื่อ จำทุกสิ่งทุกอย่างได้ ?
ตอบ : ท่านไม่ต้องจำ เวลาอยากรู้ท่านรู้เลย แล้วท่านไม่ได้รู้แค่ชาตินี้ด้วย ท่านรู้ข้ามไปอีกหลายชาติ สามารถเรียกตั้งแต่อดีตมาจนปัจจุบันได้ ลองไปดูในฆฏิการสูตร ท่านคุยกับฆฏิการพรหมที่เอาบริขาร ๘ มาถวาย “เป็นอย่างไร..ช่างปั้นหม้อ ?” เรียกย้อนกลับไปชาติแรก ๆ ที่เป็นเพื่อนกันมา

ทางด้านนั้นท่านเป็นพรหมอยู่ มีความเป็นทิพย์ พอโดนเรียกก็มองย้อนกลับไปก็รู้ว่าใช่ ท่านก็สามารถที่จะรับคำได้ว่าเป็นอย่างไรในเหตุการณ์สมัยนั้น พูดง่าย ๆ ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่ต้องเสียเวลาจำ เนื่องเพราะสัพพัญญุตญาณของท่านไม่มีอะไรที่ปิดบังได้ อยากรู้เรื่องอะไรรู้ได้หมด

พระพุทธเจ้าท่านมีเบญจพิธจักษุ คือมีดวงตา ๕ ประเภท คนทั่ว ๆ ไปมีไม่ครบอย่างนั้นหรอก โดยเฉพาะในส่วนของสมันตจักษุ คือการรู้รอบ แม้กระทั่งพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ไม่มี พระอรหันต์ทั่วไปไม่ต้องไปเทียบท่านหรอก คงเหมือนกับเอาเทียนดวงหนึ่งไปเทียบกับแสงตะวัน

สำหรับพระอรหันต์ทั่วไป ด้วยความที่ท่านมีสติมั่นคง ทำให้ระลึกถึงเรื่องที่พูดมาแล้วนาน ๆ ได้ ทำให้เรื่องระลึกถึงเรื่องที่ทำมาแล้วนาน ๆ ได้ ดังนั้น..ในเรื่องของชื่อเสียงเรียงนามของบุคคล ถ้าเคยบอกเคยกล่าวท่านเอาไว้ ท่านจะระลึกได้ง่ายกว่าเรา เราเองบางทีผ่านไป ๓ วัน ๕ วันก็ลืมแล้ว ท่านเองบางทีหลาย ๆ ปีท่านก็ยังจำได้อยู่ เพราะสติท่านมั่นคงกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2013 เมื่อ 03:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 16-07-2013, 20:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เป็นไปได้ไหมคะว่าลูกเขามีของเก่าด้านสมาธิมาก่อน ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติจ้ะ โดยเฉพาะกำลังใจเขายังสะอาดอยู่ ถ้าของเก่ามีนี่ได้ง่าย ๆ เลย

ถาม : เป็นไปได้ไหมคะว่าเขาเกิดมาเพราะมีหน้าที่อะไร ?
ตอบ : เป็นไปได้จ้ะ แต่ไม่ต้องไปกังวล ถ้าใช่จริง ๆ ถึงเวลาเขาจะทำของเขาเอง เราวางแนวเริ่มจากศีล แรก ๆ ให้เขารักษาศีล แล้วก็หัดทำสมาธิเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปเรื่อย ๆ ถ้าวิสัยเดิมของเขามีเดี๋ยวเขาทำของเขามากขึ้นไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2013 เมื่อ 03:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 16-07-2013, 20:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมช่วยยกของสังฆทานเก็บให้ พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "บุญเป็นของเราด้วย เขาเรียกเวยยาวัจมัย ขวนขวายให้งานบุญของผู้อื่นให้สำเร็จลง เขาว่าได้ตั้ง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ค้ากำไรเกินควรหรือเปล่า ? "

ถาม : เหมือนกับโมทนาบุญคนอื่นหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : อันนี้ต้องลงมือทำเลย สมัยที่นั่งนับเหรียญอยู่ที่วัดท่าซุง บางวันก็หลังขดหลังแข็งจนดึกดื่นกว่าจะนับเสร็จ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า “ถ้าเอ็งนับเหรียญอย่างเก่งก็วันกว่า ๆ เณรเขาบวชเณรรักษาศีลบริสุทธิ์ตลอดระยะเวลา ๑๐๐ ปี ถ้าตายไปเป็นเทวดามีนางฟ้าหนึ่งแสนเป็นบริวาร แต่บุคคลที่มานั่งนับเงินเป็นเวยยาวัจมัย ถ้าตายลงไปตอนนี้ เราทำงานแค่วันกว่า ๆ เกิดเป็นเทวดามีนางฟ้าแปดหมื่นเป็นบริวาร” คงต้องเอาอะไรมาอุดหู แค่ผู้หญิงคนสองคนบ่นก็จะแย่แล้ว แต่นี่มาทีตั้งแปดหมื่น..!

ถามว่าทำไมนางฟ้ามีมากมายขนาดนั้น ? ต้องบอกว่าคนเราที่ทำบุญใหญ่มีจำนวนน้อย ส่วนใหญ่ก็ทำบุญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปเรื่อย โดยเฉพาะถ้าไม่เคยทำในส่วนของวิหารทานมาก่อนย่อมไม่มีที่อยู่ ก็เลยต้องไปอาศัยเป็นบริวารของวิมานอื่น ดังนั้น..ท่านที่สร้างกุศลใหญ่ มีศักดานุภาพมาก บริเวณวิมานของท่านอยู่กันแสนสองแสนเป็นเรื่องปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2013 เมื่อ 03:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 16-07-2013, 20:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ฝันว่าโดนเสือกัด ?
ตอบ : นึกเสียว่าเป็นเสือกิเลสแล้วกัน เผลอเมื่อไรก็โดนกิเลสกินเกลี้ยง คนเรามีความกลัวเป็นปกติ ในฝันให้ดูว่าสภาพจิตใจเรามีความกลัวอยู่หรือไม่ ? แล้วถ้ากลัวแล้วเรานึกถึงความดีได้หรือไม่ ? ถ้ากำลังใจมั่นคงไม่หวั่นไหวเลยก็ถือว่าใช่ได้ ถ้ามีความกลัวอยู่ แต่นึกถึงสิ่งที่เรายึดเกาะเป็นความดี อย่างเกาะพระหรือเกาะพระนิพพานก็แปลว่าใช้ได้ ถ้าประเภทกลัวหนีแล้วเตลิดเปิดเปิงอย่างเดียว อันนั้นยังต้องฝึกอีกนาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2013 เมื่อ 03:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:29



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว