กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 11-03-2015, 11:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อครู่นี้อาตมาเดินไปส่งฎีกาให้หลวงพ่อพระครูสิริบุญโสภิต วัดใหม่ยายนุ้ย นิมนต์ท่านมางานฉลองบ้าน ๒๙ มีนาคมนี้ มีหลวงพ่อพระราชวรเวที วัดราชคฤห์ฯ ด้วย วัดราชคฤห์ฯ นั่งรถไปสัก ๑๐ นาทีก็ถึงแล้ว อยู่ใกล้แค่นี้ แต่ไม่ค่อยมีโอกาสไป

วันที่ ๒๙ นี้นอกจากฉลองบ้านแล้ว มีหล่อพระด้วยนะจ๊ะ น่าจะเป็นครั้งแรกของแถวนี้ที่เขาหล่อพระกัน จะหล่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๙.๙ นิ้ว ด้วยเงินแท้ทั้งองค์ เพื่อถวายกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา คิดว่าบวงสรวงเช้าเสร็จก็จะหล่อพระเลย ถ้าใครมาร่วมงานรีบมาแต่เช้า ๆ หน่อย มาเหยียบกันก่อน หลังจากนั้นก็รอจนกระทั่งเจริญพุทธมนต์ ถวายอาหารเพลเสร็จค่อยว่ากัน

รอบนี้สั่งซื้อเม็ดเงินไป ๕๐ กิโลกรัม เป็นเงิน ๘๗๙,๐๐๐ บาท ตอนแรกคาดว่าราคาน่าจะอยู่ที่ ๙๐๐,๐๐๐ บาท พอดีราคาตกลงมา ตอนนี้อาตมาก็เลยฉวยโอกาสนั่งรอราคาทอง ความจริงวันนี้ก็น่าจะซื้อได้ แต่อยากจะรอให้ราคาตกลงมามากกว่านี้อีกนิดหนึ่ง แต่ระยะนี้เรื่องของราคาทอง ต้องบอกว่าถ้าใครเล่นก็จุก ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ระหว่างวันละ ๑๕๐ ถึง ๒๐๐

สมมุติวันนี้ซื้อ ๑๘,๗๐๐ บาท พรุ่งนี้เหลือ ๑๘,๕๐๐ บาท ขาดทุนไปบาทละ ๒๐๐ วันต่อไปขึ้นมา ๑๕๐ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันลงอีกแล้ว ใครเล่นทองคำช่วงนี้ต้องทำใจหน่อย ความจริงอาตมาอยากจะรอราคาที่ ๑๗,๙๐๐ บาท แต่ขี้เกียจรอนาน เมื่อมีเงินพอก็ซื้อไปเถอะ ซื้อแพงกว่าหน่อยก็ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-03-2015 เมื่อ 14:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 11-03-2015, 12:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เครื่องรางจระเข้บ้านเราที่ทำแล้วคนให้ความศรัทธาเชื่อถือมากที่สุด ก็คือหลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย คาดว่าพวกเราคงไม่เคยได้ยินชื่อกันหรอก แต่สมัยนี้ที่ทำล่าสุดแล้วได้รับความเชื่อถือ เป็นของหลวงปู่สุภา กนฺตสีโล

หลวงปู่สุภามรณภาพแล้วเหมือนกัน แต่จระเข้ที่จะลง
ให้บูชาในกระทู้นี้ยังทันท่านอยู่ จระเข้ของท่านทำไว้เฝ้าบ้าน เอาไว้รักษาทรัพย์ นึกถึงนิทานธรรมบทในพระไตรปิฎก ที่เศรษฐีขี้เหนียวเอาทรัพย์สมบัติไปฝังเอาไว้ที่ท่าน้ำ จิตมัวแต่ห่วงสมบัติอยู่ พอตายก็เลยต้องไปเป็นจระเข้เฝ้าทรัพย์ ก็มาจากนิทานธรรมบทนี่แหละ

แต่ว่าตอนหลังเศรษฐีขี้เหนียวเฝ้าทรัพย์คงทนลำบากไม่ไหว จึงไปเข้าฝันบอกภรรยาให้มาขุดไปทำบุญ จะได้ไปเกิดกับเขาบ้าง ไม่อย่างนั้นก็ต้องเป็นจระเข้อยู่ตรงนั้น ไปไหนไกลไม่ได้ หาอาหารกินก็ไม่ค่อยจะอิ่ม เพราะว่าพื้นที่หากินแคบ จะไปไกลก็เป็นห่วงทรัพย์ ท้ายสุดภรรยาก็เลยไปขุดเอาสมบัติไปจัดทอดกฐิน ไม่รู้ไปทอดไกลแค่ไหน สามีที่เป็นจระเข้ว่ายน้ำไม่ไหว อาจจะเป็นเพราะแก่มากแล้ว หรือไม่ก็ประเภทหากินไม่พอ แรงจึงไม่ค่อยมี ก็เลยบอกภรรยาให้วาดรูปของตนไว้ในกองกฐิน กลายเป็นธงจระเข้ในกองกฐินมาจนทุกวันนี้

โบราณส่วนใหญ่ทำเครื่องรางของขลังขึ้นมา ก็มักจะอิงเรื่องในพระพุทธศาสนา เครื่องรางจระเข้ดังที่สุดต้องหลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย ถ้าจิ้งจกดังที่สุดต้องหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง ถ้าตุ๊กแกดังที่สุดต้องหลวงปู่ครื้น วัดสังโฆสิตาราม ตุ๊กแกเป็นดินปั้นแท้ ๆ แต่ถ้าวันไหนร้องวันนั้นได้เงิน รับประกันได้เลย สายหลวงปู่ครื้นนี้มาตอนหลังได้ยินว่าหลวงปู่หล่ำ วัดสามัคคีธรรม น่าจะสืบทอดวิชามา แต่ไม่ได้ข่าวว่าหลวงปู่หล่ำมรณภาพหรือยัง ? เพราะอายุกาลพรรษาก็ ๘๐-๙๐ ไปแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2015 เมื่อ 16:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 11-03-2015, 12:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่ฆ่าปลาทุกวัน กับมือปืนรับจ้างที่นาน ๆ ยิงที ใครตกนรกลึกกว่ากัน ?
ตอบ : คนที่ฆ่าทุกวัน แต่ในขณะเดียวกัน..มือปืนรับจ้างอย่าเผลอไปยิงพระอรหันต์เข้านะ ลงก่อนเลย..! การฆ่าสัตว์ทุกวันเรียกว่า อาจิณกรรม อาจิณกรรมนี่โทษพอ ๆ กับอนันตริยกรรมเลย คือลงอเวจี เพราะว่าทำจนชิน ทำทุกวัน

ถาม : คนขายปลาก็แย่สิครับ ?
ตอบ : ไม่ได้แต่ขายปลาหรอก อย่างอื่นเขาก็ฆ่ากันเป็นปกติ โดยเฉพาะพวกที่อยู่โรงฆ่าสัตว์ การฆ่าคนหรือฆ่าสัตว์นั้น ถ้าฆ่าคนที่มีความดีสูงโทษก็หนักมากกว่า ฆ่าสัตว์ใหญ่โทษหนักมากกว่าฆ่าสัตว์เล็ก เพราะต้องใช้กำลังใจมากกว่า ฆ่าสัตว์ที่มีคุณโทษหนักมากกว่าฆ่าสัตว์ที่ไม่มีคุณ จะมีรายละเอียดอยู่ เพราะฉะนั้น..ถ้าหากจำเป็นต้องฆ่าสัตว์ อาจจะเป็นอาชีพ วันโกนให้ละวันพระให้เว้นบ้าง ไม่ใช่ฆ่าทุกวัน พอเป็นอาจิณกรรมก็เหมือนกับสะสมไปเรื่อย ๆ สะสมแต้มถึงก็ได้พอ ๆ กับอนันตริยกรรม ลงอเวจีไปก่อน

ถาม : แสดงว่าเขาก็มีกรรมหนักอยู่สิครับ เขาถึงมาทำอาชีพนั้น ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วสามารถเปลี่ยนได้ แต่เพราะความรักตัวเองก็เลยไม่เปลี่ยน ความรักตัวเองก็คือเปลี่ยนแล้วเดี๋ยวจะลำบาก ไปดูพวกเรือประมงสิ ตีอวนแต่ละทีกี่หมื่นกี่แสนชีวิตก็ไม่รู้ นึกแล้วสยดสยอง ที่ "นางฟ้าปลาทู" ไปช่วยเขาคัดปลาบนเรือประมง วันไหนเห็นเขาได้ปลามาเยอะก็ดีใจ เพราะตัวเองจะได้ค่าแรงมาก กลายเป็นโมทนาบาปกับเขาไม่รู้ตัว หวิดซวยไป ยังโชคดีที่คุณเธอไปใส่บาตรทุกวัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2015 เมื่อ 13:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 11-03-2015, 12:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่ผ่านมาเรียกว่าอะไรครับ ผมเห็นหน้าท่านเยอะมากเลย ?
ตอบ : เรียกว่าสังฆานุสติ การคิดถึงพระสงฆ์ แต่ระวังจะได้บาป เพราะใจหมองเนื่องจากว่าทำผิดแล้วกลัวจะเกิดโทษ

ถาม : สังฆานุสติไม่เป็นบุญหรือครับ ?
ตอบ : เป็น..แต่เป็นแบบหวาดระแวง ในเมื่อเป็นแบบหวาดระแวง ใจจะเศร้าหมองมากกว่า

ถาม : ต้องหาอะไรไปทำ ?
ตอบ : หาวิธีไปทำอะไรเละ ๆ ในวัดอีก ก็จะเป็นแบบนั้นนั่นแหละ

ถาม : ถ้าเรานึกถึงพระที่ไม่ดี โดยเรานึกชื่นชมคิดว่าท่านเป็นพระดี ?
ตอบ : อันนั้นได้เลย

ถาม : ทั้ง ๆ ที่ท่านปฏิบัติไม่ดี ?
ตอบ : อย่าลืมว่าเรานึกถึงแต่ด้านดี

ถาม : ถ้านึกถึงท่าน ก็ต้องนึกถึงด้านดีอย่างเดียว ?
ตอบ : ถูก..ตอนที่กำลังด่าใครอยู่อย่านึกเป็นอันขาด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2015 เมื่อ 13:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 11-03-2015, 14:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ท่านที่ไปงานหล่อพระวันที่ ๒๖ ก.พ. ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา จะเห็นว่า ช่างเขามีเตาหลอมแบบพิเศษที่ไม่ใช่เบ้า เป็นหม้อหลอม ใบหนึ่งจะได้น้ำหนักโลหะ ๘๐๐ กิโลกรัม ปรากฏว่าเขาต้อง ใช้หม้อหลอม ๒ ใบและเบ้าแบบปกติทั่วไปอีก ๖ เบ้า (เบ้าละ ๘๐ กิโลกรัม) เทไป ๒ หม้อหลอมกับอีก ๔ เบ้ากว่า

ส่วนที่เหลือช่างเขาหลอมทำเป็นชนวนทิ้งไว้ให้ ก้อนหนึ่งตก ๒๐-๓๐ กิโลกรัม พระท่านไปนั่งคุ้ยนั่งเขี่ย ไปหาพวกทองรอดเบ้า ปรากฏว่าอาตมาเอาปลอกกระสุนปืนชาตรี ที่เข้าพิธีตั้งแต่สมัยเสกมีดหมอชาตรีครั้งแรกที่วัดท่าซุง เอาไปเข้าพิธีประมาณ ๑ ลัง พอเจ้าของเขายิงเสร็จก็เก็บปลอกมา เอาไปให้หลอม

ตอนแรกช่างเขาบอกว่าหลอมไม่ได้เดี๋ยวระเบิด อาตมาก็เลยถามว่า "เอ็งเคยใช้ปืนไหม ? ข้าเป็นทหารเรียนอาวุธศึกษาได้ที่ ๑ มา ขอยืนยันว่าไม่ระเบิด" เขาบอกว่าเขาไปหลอมงานของใครมาก็ไม่รู้..ระเบิดมาแล้ว อาตมาขี้เกียจอธิบาย ก็เลยบอกว่า "ถ้าเอ็งคิดว่าทำไม่ได้ก็เก็บเตากลับไปเลย ไม่ต้องหลอมหรอก" ที่เขาหล่อแล้วระเบิดเกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุที่ ๑ คือ ความหวังดีแต่ประสงค์ร้ายของคน ซึ่งไม่รู้ว่าลูกปืนที่ด้านเพราะแก๊ปไม่ทำงาน แต่ดินปืนยังทำงานได้เป็นปกติ พอเห็นด้านก็เล่นหย่อนลงไปหลอมเลย โดนความร้อนขนาดนั้นแล้วจะเหลือหรือ ? ก็ระเบิดสิ..!

อีกประการหนึ่งลักษณะคล้ายกันก็คือ พอลูกปืนด้าน ด้วยความที่ตัวเองค่อนข้างเก่ง จึงงัดหัวกระสุนออกมา เทดินปืนทิ้งแล้วก็เอาไปหลอม แต่ลืมไปว่าแก๊ปท้ายกระสุนยังอยู่ ถึงแม้ว่าจะด้านก็จริง ถ้าโดนความร้อนขนาดนั้นก็ระเบิด เพียงแต่ว่าไม่แรงเท่ากับลูกปืนทั้งลูก อาตมาเองใช้ปืนจนกระทั่งหูเสียไป ๓๐-๔๐ เปอร์เซ็นต์ มีหรือที่จะไม่รู้เรื่องแค่นี้ เห็นเขาโง่มากก็เลยขี้เกียจอธิบายให้ฟัง บอกว่าถ้าคิดว่าทำไม่ได้ก็เก็บของกลับไปเลย ท้ายสุดเขาก็เลยบ่นกระปอดกระแปดแล้วก็เอาไปหลอม แล้วก็ไม่เห็นว่าจะระเบิด ความเชื่อของคนบางทีก็เชื่อแบบไม่ลืมหูลืมตา เชื่อโดยไม่พิจารณาว่าเป็นอะไร เห็นมาครั้งหนึ่งแล้วกลัวไปตลอดชีวิต

มีญาติโยมหลายท่านถวายทองที่มีส่วนประกอบของพวกเพชรพลอยอัญมณีมา อาตมาต้องแยกออกมา ไม่ได้หล่อให้ มีอยู่เส้นหนึ่งเป็นสร้อยคอ แล้วก็รู้สึกจะเป็นนิล อาตมาก็ดึงเฉพาะส่วนที่เป็นสร้อยลงไปหล่อ ส่วนที่เหลือก็แยกออกมาไปถวายเป็นพุทธบูชาเฉย ๆ เพราะว่าถ้าลงไปแล้วจะระเบิดจริง ๆ เนื่องจากว่าเพชรพลอยก็คือถ่าน แต่ว่าเป็นถ่านที่โดนความกดดันสูง ๆ ก็เลยแปรสภาพเป็นอัญมณี แต่ถ้าโดนความร้อนสูง ๆ ปกติของถ่านคือติดไฟ ถ้าขยายตัวไม่ทันก็ระเบิด จึงต้องแยกออกมา

สมัยนี้ต่างประเทศเขามีเทคโนโลยีเผาคนให้เป็นเพชร บางทีก็เป็นสัตว์เลี้ยงที่รักมาก ถึงเวลาไปจ้างเขา จะเป็นเตาเผาความร้อนสูงมาก ที่แปรสภาพกระดูกให้เป็นเพชรไปเลย เพราะกระดูกก็คือคาร์บอน ก็คือถ่าน พอผ่านความร้อนและแรงอัดสูง ๆ จะกลายเป็นเพชร แล้วเขาก็เอามาเจียรนัย ประดับแทนความคิดถึงคนที่ตายไป หรือว่าสัตว์ที่ตายไป จะได้อยู่ด้วยกันนาน ๆ อะไรทำนองนั้น

เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีพวกนี้ก้าวหน้าขึ้น คิดว่าอีกไม่นานเดี๋ยวบ้านเราก็จะมี หรือไม่ก็อาจจะมีแล้วแต่อาตมายังไม่รู้ ถึงเวลาญาติผู้ใหญ่ตายก็จัดการเลย ความจริงถ้าอยากได้เพชรเม็ดใหญ่ ๆ ต้องให้เขารูดเนื้อออกก่อน เสร็จแล้วก็เอากระดูกมาตำอัดแท่งเผาอีกที คราวนี้จะได้ใหญ่สมใจนึก ถึงเวลาก็เลี่ยมห้อยคอไปเลย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2015 เมื่อ 16:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 12-03-2015, 10:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : งาช้างควรขึ้นทะเบียนใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ควร..เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเจอปรับ ๓ ล้านบาท ถ้าใครเป็นร้านค้าขายเจอปรับ ๖ ล้านบาท เขาให้ขึ้นทะเบียนภายใน ๒๑ เมษายนนี้ และเขาให้ครอบครองได้คนละ ๔ ชิ้นเท่านั้น

ถาม : แล้วอย่างประคำละครับ ?
ตอบ : ประคำนับเป็นชิ้น ไม่ได้นับเป็นเม็ด ของที่วัดที่แจ้งการครอบครองงาช้าง เฉพาะมีดหมอของครูบาอาจารย์ก็ ๖ เล่มเข้าไปแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นด้ามงา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2015 เมื่อ 15:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 12-03-2015, 10:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : โดนเขาทำของมาเกือบสิบปีแล้ว ถ้าไม่ใส่พระติดตัวตลอดทั้งกลางวันกลางคืน ต้องไปเอาของออกที่ไหนครับ ?
ตอบ : เขาให้ภาวนานึกถึงภาพพระคลุมตัวไว้เป็นปกติ โดยเฉพาะ อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ใครทำมาก็ซวยเอง

ถาม : กลางคืนรู้สึกจะมีมาทำตอนหลับครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจ ภาวนา "เม สัมมุกขา สัพพาหะระติ เต สัมมุกขา" เอาภาพพระคลุมไว้ ภาวนาให้หลับไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2015 เมื่อ 15:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 12-03-2015, 11:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ภาวนาคาถาเงินล้าน เอาภาพพระไว้ที่ศีรษะ เราควรบังคับอย่างไร ?
ตอบ : ย้ายท่านไปตรงนั้นองค์หนึ่ง ไว้ที่ตรงนี้องค์หนึ่ง สามารถวางไว้ทีหลาย ๆ องค์ก็ได้ ไม่เป็นไร

ถาม : แต่ไม่ชัดสักองค์หนึ่งเลยค่ะ ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็จดจ่อไว้สักองค์ ที่เหลือก็ใส่ความรู้สึกไว้หน่อยเดียว จะได้ชัดจริง ๆ สักองค์

ถาม : ช่วงหลัง ๆ แปลก ๆ ฟังเพลงแล้วเพลินนานเป็นชั่วโมง ทั้งที่เลิกฟังมาหลายสิบปีแล้ว ?
ตอบ : กิเลสหยาบ ก็คือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจของเราต้องมีอาหาร เขาเรียกวิญญาณาหาร อาหารทางตาคือรูป อาหารทางหูคือเสียง อาหารทางจมูกคือกลิ่น อาหารทางลิ้นคือรส อาหารทางกายคือสัมผัส เป็นต้น พอเราไปตัดนาน ๆ แล้วกิเลสอยากขึ้นมา แต่คราวนี้อยากแบบเราไม่รู้ตัว พอถึงเวลาจึงไปหากินเอง

ถาม : ....(ไม่ชัด).....
ตอบ : ถูก..กิเลสอดมากก็เลยต้องไปหากินเอง คราวนี้พอเรารู้ เราทัน กิเลสก็ต้องอดต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2015 เมื่อ 15:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 12-03-2015, 11:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สัมผัสวัตถุมงคลบางที่ ออกมาแนว ๆ เวียนหัว มีวิธีภาวนาไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มี..อันนั้นเป็นอาการที่แสดงออกว่าเรารับรู้ถึงพลังงานได้

ถาม : เราจะแยกออกเวลาครูบาอาจารย์..?
ตอบ : แล้วทำไมจะต้องไปแยก ? เวลาโดนจะได้รู้ตัวเอง อาตมาเป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่เด็ก ตอนแรกก็ไม่เข้าใจ เอ๊ะ..ทำไมเวลาเราใกล้วัตถุมงคลแล้วเป็น ? มารู้ทีหลังว่ารับพลังงานได้ เป็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว อาการเดียวกันนั่นแหละ จะปวดตึ๊บ ๆ อยู่สองข้างขมับ พอออกห่างก็หาย

ถาม : เราก็แค่รู้ไว้ ?
ตอบ : กำหนดรู้ไว้เฉย ๆ ถ้ามามากเดี๋ยวจะยืมใช้ จะได้รู้ว่าวัตถุมงคลผ่านการพุทธาภิเษกมาจริงไหม ถึงได้มีพลังงานอย่างนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2015 เมื่อ 15:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 12-03-2015, 12:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้กำลังให้เขาตรวจปรู๊ฟ หนังสือคู่มือภาวนาพระคาถาเงินล้าน ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒ เลยลงรูปเมื่อวันที่ ๓ มกราคมเพิ่มขึ้น จะเอาไว้แจกวันฉลองบ้าน ก็คือวันที่ ๒๙ มีนาคมนี้

๒๙ มีนาคม จะหล่อสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเงิน หน้าตัก ๙.๙ นิ้ว ๑ องค์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา หล่อที่นี่แหละ หล่อให้เห็น ๆ ไปเลย คิดว่าบวงสรวงเช้าเสร็จก็หล่อเลย ช่างคงจะต้องมาตั้งเตาล่วงหน้าสักวันหนึ่ง ซื้อเม็ดเงินไปเรียบร้อยแล้ว
๕๐ กิโลกรัม ราคาเกือบ ๙ แสนบาท"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2015 เมื่อ 15:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 12-03-2015, 14:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ขออนุญาตเอามีดหมอเพชราวุธเล่มนี้ไปเก็บก่อน วางไว้ล่อตาคนไม่ค่อยดี เดี๋ยวเขาอิจฉา โดยเฉพาะเล่มนี้แพงมาก เพราะว่าด้ามกับฝักเป็นทนสิทธิ์ เรียกว่าเป็นของขลังทั้งคู่ ด้ามเป็นงากวัก ฝักเป็นงางอก งอกนี่ก็คือเจริญงอกงาม กวักก็คือเรียกคนมาหา

"งากวัก" เป็นงาช้างที่ปลายงอเป็นตะขอเข้าหาตัว เชื่อกันว่าช้างที่เป็นเจ้าของงากวัก จะไม่มีวันอดอยากกับใคร ไปไหนก็มีอาหารให้ ส่วน "งางอก" เป็นเม็ดงาที่งอกอยู่ในโพรงงาอีกที ลักษณะกลมบ้าง รีบ้าง บางทีก็หลุดออกมา บางทีก็ติดอยู่ในโพรงงา เชื่อกันว่าช้างที่มีงางอก อยู่ที่ไหนก็มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ เจ้าของจะมีทรัพย์สมบัติงอกเงยตลอดเวลา กินไม่ไหวใช้ไม่หมด

พวกคนสมัยก่อนเขาพยายามจะหากัน เพราะเชื่อว่าช่วยให้เรื่องของลาภผลเงินทองดีมาก ๆ แต่อย่าไปหาเลย แพงตายชัก..! ด้ามที่เป็นงากวักอันนี้ ซื้องามาเกือบแสนบาท ส่วนงางอกอันนี้งอกติดอยู่ในโพรงงา เจ้าของคิดหนึ่งแสนบาทพอดี มีผู้เมตตาไปซื้อมาแล้วทำถวาย อาตมาได้แค่รับมาเท่านั้น ช่วงนี้เขาห้ามเรื่องงาช้างกันอยู่ เล่มนี้ลงรายการเตรียมแจ้งการครอบครองไปแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2015 เมื่อ 15:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 12-03-2015, 14:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ช่วงวันหล่อพระ ชัยพฤกษ์ที่ลานธรรมวัดท่าขนุนบานได้ใจจริง ๆ เลย อาจจะได้ความร้อนจากเตาหลอมด้วย ตอนนี้สะพรั่งไปทั้งต้น เมื่อวันพุธเวียนเทียน ถ่ายรูปออกมาบางมุมนี่เห็นแน่นทั้งต้นเลย ความจริงน่าจะถ่ายกลางวัน จะได้เห็นชัด ๆ แล้วคืนนั้นพระจันทร์ใสมากเป็นพิเศษ ไม่รู้มีใครแหงนกล้องขึ้นไปถ่ายบ้างหรือเปล่า ?

การตามประทีปก็แปลอักษรเป็น สธ. ๖๐ พรรษา เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตอนแรกเขาจะใส่ลายพระจุลมงกุฏ อาตมาบอกว่าไม่ต้องใส่มาก ถ้าใส่มากจะดูไม่รู้เรื่อง ก็เลยใส่ไปนิดหน่อย ปรากฏว่ามองจากที่สูงแล้วกำลังงามเลย ถือว่าตั้งแต่แปลอักษรมา มีคราวนี้ลงตัวที่สุด ทุกคนเริ่มเป็นงานกันแล้ว

มีใครเข้าเว็บวัดท่าขนุนไปดูรูปหรือยัง ? ตัวหนังสือขนาดต่าง ๆ กำลังอ่านได้สบายตาตอนมองลงจากยอดเขา คือความจริงใช้คำว่า "มาฆบูชา ๕๘" หรือว่า "๒๕๕๘" ก็พอ โยมเขายังไปลง "ละชั่ว ทำดี ทำจิตผ่องใส" เขาถือว่าผางประทีปเหลือเยอะ ปกติทางวัดตามประทีปหมื่นดวง แต่ปัจจุบันนี้วัดท่าขนุนมีผางประทีปอยู่ถึง ๑๖,๐๐๐ ดวงเศษ จึงลงเต็มที่เลย เอาไว้คราวไหนมีกำลังคนมาก ๆ ก็อาจจะล้นไปที่อื่นบ้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2015 เมื่อ 15:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 12-03-2015, 14:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เกจิอาจารย์ที่นั่งปรก ๘ ทิศ วันที่ ๒๖ ก.พ. ๕๘ อายุรวมกันน่าจะเกิน ๕๐๐ ปี หลวงปู่มหาอำนวย ๙๐ ปี หลวงปู่มหาพล ๘๙ ปี แล้วพระเถระที่นั่งเจริญชัยมงคลคาถา รวมกันก็น่าจะประมาณ ๕๐๐ ปีเหมือนกัน เพราะว่ามากกว่า ๒๐ กว่ารูป มีตุ๊ป้อสิงห์ ๗๘ ปี หลวงตาวัชรชัยก็ ๗๓ ปี

ไปนึกถึงตอนอายุน้อย ๆ นี่แผลงฤทธิ์กันจัง ครูบาอาจารย์ท่านก็อดทนเหลือเกิน คุมพวกอาตมานี่พอ ๆ กับคุมหมาบ้าทั้งฝูง กัดชาวบ้านไม่ได้ก็กัดกันเอง แต่ละคนต่างกันต่างเก่งมา ไม่ค่อยลงให้กันหรอก..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2015 เมื่อ 15:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 13-03-2015, 11:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้อากาศที่ทองผาภูมิตอนเช้าประมาณ ๑๙ องศาเซลเซียส ตอนบ่าย ๓๘ องศาเซลเซียส ขึ้นเท่าตัวพอดี ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงก็คงเจ็บไข้ได้ป่วยกันบ้าง

พระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงการปฏิบัติธรรมให้ได้ผล ต้องอยู่ในสัปปายะ ๗ ประการ สัปปายะ คือ ความพอเหมาะพอดี มีอยู่ข้อหนึ่ง คือ อุตุสัปปายะ อากาศที่พอเหมาะพอดี ไม่ร้อนเกินไป ไม่หนาวเกินไป ทองผาภูมิหน้าร้อนก็ร้อนตับแตก หน้าหนาวก็หนาวแทบตาย เพราะโลหะธาตุใต้ดินมีเยอะมาก ถึงเวลาดูดความร้อนเร็วก็ร้อนจัด คายความร้อนเร็วก็หนาวจัด

อาวาสสัปปายะ ก็คือ ที่อยู่เหมาะสม ไม่ลำบากจนไป ไม่ใช่วิหารเก่าที่ต้องซ่อมแซม ไม่ใช่วิหารใหญ่โตเกินไปจนทำความสะอาดลำบาก ไม่ใช่วิหารที่เกลื่อนกล่นไปด้วยผู้คน เหล่านี้เป็นต้น

โภชนสัปปายะ อาหารเป็นสัปปายะ ก็คืออาหารการบริโภคเหมาะสมกับธาตุขันธ์ตนเอง ถ้าอย่างอาตมาไปอยู่อีสานไม่ได้เพราะแพ้ข้าวเหนียว ฉันไปเมื่อไรก็ร้อนในแทบตาย

โคจรสัปปายะ ก็คือสถานที่ในการบิณฑบาตหาอาหารไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป ไกลเกินไปก็ลำบากในการบิณฑบาตมาก ใกล้เกินไปคนก็มารบกวนได้ง่าย ให้อยู่ในประมาณสัก ๕ กิโลเมตรกำลังเหมาะ คนขี้เกียจเดินก็ไม่ไป

อาตมาเองเคยเดินบิณฑบาตไปกลับประมาณ ๑๐ กิโลเมตรครึ่ง พระอาคันตุกะมาอยู่ด้วยที่เกาะพระฤๅษี ตอนเช้าก็ออกบิณฑบาตด้วยกันประมาณ ๖ โมงเช้า กลับมาราว ๆ ๙ โมงเศษ ๆ บอกท่านว่าต้องการฉันอาหารเท่าไรให้แบ่งอาหารใส่บาตรไปเลย ส่วนที่เหลือกันไว้เผื่อพวกลูกศิษย์ เพราะช่วงนั้นฉันมื้อเดียว เหตุที่ฉันมื้อเดียวไม่ได้เคร่งอะไรหรอก กลับมา ๙ โมงกว่า ฉันเสร็จก็ ๑๐ โมงแล้ว ใครจะไปฉันเพลได้อีก ?

พอพระท่านแบ่งอาหารเสร็จก็บอกว่า “พระอาจารย์ครับ ผมขอไปนอนก่อนได้ไหมครับ ?” ถามว่าทำไมไม่ฉันก่อน ? “เป็นลมครับ” เดินขึ้นเขาลงเขา ๑๐ กิโลเมตรครึ่งทำท่าจะเป็นลม

ภัสสสัปปายะ ท่านบอกว่า ไม่สนทนาในสิ่งที่เป็นติรัจฉานกถาที่ขวางต่อการปฏิบัติ สนทนาแต่หลักธรรมที่ชวนให้ปฏิบัติ ชวนให้ละกิเลส

ปุคคลสัปปายะ บุคคลเหมาะสม นอกจากไม่ชวนขี้เกียจ ไม่ชวนให้ฟุ้งซ่านในการคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้ว เวลาติดขัดข้อธรรมปัญหาธรรมอะไร ยังสามารถที่จะสอบถามได้ ให้ท่านช่วยแก้ไขให้ได้ ส่วนใหญ่เน้นในเรื่องของครูบาอาจารย์

อิริยาปถสัปปายะ คือ อิริยาบถที่สบาย อิริยาบถใดที่ทำให้จิตไม่สงบ แสดงว่าอิริยาบถนั้นไม่เหมาะสม

ที่อาตมาไหม้ ๆ เกรียม ๆ อยู่นี่เป็นเพราะอุตุไม่สัปปายะ ไปตากแดดแบกฟืนเสียหลายคันรถ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2015 เมื่อ 17:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 13-03-2015, 11:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นิสัยอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่น แก้ได้ไหมคะ ?
ตอบ : เป็นไปไม่ได้ สันดานติดตัวมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว

ถาม : ชอบไปยุ่งเรื่องคนอื่น มีวิธีไหมคะ ?
ตอบ : เตือนสติเอาไว้ เตือนตัวเองว่า "อย่าไปเสือกเรื่องของเขา..!"

ถาม : กรรมใครกรรมมันหรือคะ ?
ตอบ : ทำแค่เท่าที่ทำได้ ถ้าเกินกำลังความสามารถแล้วอย่าไปยุ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2015 เมื่อ 17:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 13-03-2015, 14:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันก่อนโอนเงินไปให้คุณบุญชู ๕๕๐,๐๐๐ บาท คุณบุญชูทำงานประเภทใจเย็นสุดยอด นิสัยของอาตมาก็คือ "ของถึง เงินจ่าย" รายนี้ทำจนงานเสร็จแล้วค่อยมาส่งใบเสร็จเก็บเงิน ของที่สั่งมาเจ้าของร้านคงผูกคอตายไปสามรอบแล้ว ความจริงการทำงานต้องเห็นใจคนอื่นเขา ก็คือต้องคิดว่าเขาอยู่ได้ไหม ? ไม่ใช่คิดว่าเราอยู่ได้ก็พอแล้ว

ช่างที่ทำงานที่วัดท่าขนุน อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ จนป่านนี้ไม่ยอมย้ายไปไหนเลย เพราะอาตมาไม่เคยตกลงราคากับเขา รู้อย่างเดียวว่าคุณต้องการเท่าไรมาเบิกก็แล้วกัน ลักษณะอย่างนั้นเขาจะไม่ขาดทุน ถ้าตกลงราคากันแล้ววัสดุราคาขึ้น เขาก็ต้องแบกรับส่วนต่างตรงจุดนั้น ถ้าไม่ได้เผื่อเอาไว้มากก็จะขาดทุน ก่อนหน้านี้ทำงานที่อื่นแล้วขาดทุนอยู่เรื่อย ไป ๆ มา ๆ ทำงานที่ท่าขนุนไม่ขาดทุนหรอก บอกเท่าไรอาตมาก็จ่ายให้เท่านั้น

ท่านเจ้าคุณปัญญา รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ถามว่า “อาจารย์เล็ก ราคาทรงไทยหลังนั้นเขาคิดเท่าไร ?” “ไม่รู้เหมือนกันครับ บอกเท่าไรผมก็ให้เท่านั้น” แต่ต้องดูคนให้เป็นนะ คนที่เขาซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาค่อยใช้วิธีนี้กับเขา เห็นอกเห็นใจเขาหน่อย ประเภทบิด ๆ เบี้ยว ๆ นี่เบี้ยวอาตมาได้ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ รับประกันซ่อมฟรี โดนไล่กระเจิงเลย คนเขาถามว่า ไล่ไปแล้วไม่กลัวว่าไม่มีคนทำงานหรอกหรือ ? ไม่กลัวหรอก จ่ายเงินแบบอาตมา ใคร ๆ ก็อยากทำด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2015 เมื่อ 17:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 13-03-2015, 14:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนทำลานธรรมวัดท่าขนุน มีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง รถแม็คโครไม่กล้าโค่น อาตมาต้องไปยืนคุม คือต้นโพธิ์ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่ที่งอกกับพื้นเอง มักจะหุ้มต้นอื่นอยู่ พอต้นที่โดนหุ้มตาย ต้นโพธิ์ก็จะง่อนแง่น ๆ ท้ายสุดโดนลมแรงก็จะโค่น ร้อยละ ๘๐ จะเป็นลักษณะอย่างนั้น อาตมาจึงต้องเอาออก แต่ถ้าต้นโพธิ์ที่ขึ้นกับพื้นเอง จะปล่อยตามสบาย ต่อให้พายุสลาตันก็คงเอาไม่ขึ้นหรอก

การสร้างเมรุวัดท่าขนุนก็คงลักษณะเดียวกัน ต้องไปยืนคุม ไม่อย่างนั้นแล้วเขาไม่กล้ารื้อกัน กลัวผีหลอก เขาว่าอย่างนั้น เรื่องนี้ไปนึกถึงหลวงพ่อพระธรรมคุณาภรณ์ (ไพบูลย์ กตปุญฺโญ) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี หลวงพ่อไพบูลย์เป็นพระที่รักลูกน้องสุดยอดเลย วัดวาอารามอยู่ซอกไหนมุมไหน ใกล้ไกลขนาดไหน ท่านไปถึงหมด

วันนั้นท่านไปที่เขาเหล็ก ทางด้านศรีสวัสดิ์ของกาญจนบุรี ปรากฏว่าเจ้าที่มา เจ้าที่มาบอกว่า "จัดงานไม่บอกไม่กล่าวเลย ดูถูกกัน" หลวงพ่อไพบูลย์ถาม “มึงเป็นใครวะ ?” เขาก็บอกว่า กูเจ้าพ่อเขาเหล็ก” “มึงเป็นเจ้าพ่อที่นี่ใช่ไหม?” “ใช่” “กูนี่เจ้าคณะจังหวัด เจ้านายมึง มึงยังไม่รู้ตัวอีก เพราะฉะนั้น..อย่าเสือกทะลึ่งมายุ่งกับที่นี่ ไม่อย่างนั้นกูจะเฉ่งมึงเอง” เจ้าพ่อเขาเหล็กเผ่นไปเลย ตั้งแต่นั้นมาไม่เคยโผล่มาอีกเลย

นั่นเป็นแค่เจ้าของที่ระดับตำบล นี่เจ้าคณะจังหวัด คุณเป็นเจ้าพ่อแค่ที่เดียว ดันไม่รู้จักเจ้านายใหญ่ ต้องเจอพระแบบนั้น เข้าฝันผิดคน ถ้าไปเข้าฝันเจ้าอาวาสหรือชาวบ้านอาจจะมีผล แต่ดันไปเข้าฝันเจ้าคณะจังหวัด

เสียดายหลวงพ่อไพบูลย์ท่านมรณภาพเร็วไปหน่อย เพราะว่าท่านเพิ่งจะอายุ ๗๑ - ๗๒ ปี ท่านเป็นคนแข็งแรง มรณภาพก็ไม่มีวี่แววอะไรเลย กำลังพาญาติโยมไปอินเดียอยู่ ปกติท่านจะพาญาติโยมไปจาริกแสวงบุญที่ประเทศอินเดียอย่างน้อยปีละครั้ง ก็ไปเดินขึ้นเขาสวดมนต์ ไปนั่งกรรมฐาน เช้านั้นจะขึ้นเขาคิชฌกูฏ ให้หุงข้าวหุงปลากินกันก่อน ท่านก็ไปเดินดูทุกข์สุขของญาติโยม เดินถามเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง ? มีใครเจ็บไข้ได้ป่วยไหม ? กับข้าวพอหรือเปล่า ? ถามไปถามมาตัวเองล้มไปเฉย ๆ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2015 เมื่อ 17:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 13-03-2015, 15:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ลูกพี่ลูกน้องของท่านก็คือหลวงพ่อพระเทพเมธากร (ณรงค์ ปริสุทฺโธ) วัดราษฎร์ประชุมชนาราม ต้องบอกว่าเป็นลูกผู้พี่เพราะอายุมากกว่า ๑ ปี ท่านเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ ผ่าตัดบายพาสเส้นเลือดหัวใจไปสามเส้น ฉันยาบ่อย หลวงพ่อไพบูลย์เห็นหลวงพ่อณรงค์ฉันยาทีไรก็บอกว่า “ดูสิ..มันจะตายห่าอยู่แล้ว” ปรากฏว่าคนที่จะตายกลับไม่เป็นไร ส่วนที่คนแข็งแรงล้มตึงก็ไปเลย

คนที่ผ่าตัดบายพาสเส้นเลือดหัวใจไปสามเส้น อยู่เป็นเจ้าคณะจังหวัดจนเกษียณ สำหรับพระเกษียณตอนอายุ ๘๐ ท่านอยู่มาจนถึงอายุ ๘๕ ถึงมรณภาพ ไม่อย่างนั้นปกติหลวงพ่อณรงค์ไม่มีทางได้เป็นเจ้าคณะจังหวัด เพราะลูกผู้น้องอายุน้อยกว่า แข็งแรงมากด้วย เป็นเจ้าคณะจังหวัดอยู่ โบราณเขาถึงได้บอกว่า แข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้ แข่งบุญวาสนาแข่งไม่ได้ ท่านเองมีบุญจะได้เป็นเจ้าคณะจังหวัด เป็นพ่อเมือง เป็นเจ้านายของพระของเณรทั้งจังหวัด อย่างไรท่านก็เป็นจนได้ ทั้ง ๆ ที่สุขภาพดูแล้วไม่น่าจะเป็นได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2015 เมื่อ 17:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 13-03-2015, 15:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่เห็นอาตมาดำ ๆ แล้วมีแต่แผลลายไปทั้งแขน เกิดจากไปตากแดดขนฟืน ฟืนที่เอาไปหล่อพระนั่นแหละ ขนฟืนไปให้ตอนแรกก็ว่าพอแล้ว คราวนี้ช่างตุ้มเขาบอกว่าเอาอีกสัก ๑ คันรถสิบล้อ เผื่อไว้ก่อน ก็เลยเพิ่มไป

แปลกมากเลย เหมือนกับใช้ฟืนไปเท่าไรก็เหลือเท่านั้น เพราะอาตมาต้องขนไปเก็บ ๖ คันรถหกล้อ กับอีก ๘ คันรถกระบะ ไม่รู้ว่าหล่อพระไปได้อย่างไร เผากันอยู่เป็นวัน ๆ ใช้ไปเท่าไรก็เหลือประมาณนั้น คราวนี้จะใช้ลานธรรมไว้วางผางประทีป ก็เลยต้องขนไม้ออก เจ้าประคุณเอ๋ย..แดดร้อนดีเหลือเกิน การที่จะใช้คนอื่นที่ดีที่สุดก็คือลงไปทำเสียเอง คนอื่นเห็นเดี๋ยวเขาก็มาช่วยเอง

หลวงปู่มหาอำนวยท่านถามว่า "ทำไมอาจารย์เล็กดำอย่างนั้น ?" “อ๋อ..ไปตากแดดมาครับ” หลวงปู่เป็นลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุงที่อายุกาลพรรษามากที่สุด ปีนี้ ๙๐ แล้ว อายุพรรษา ๗๐ บวชตั้งแต่เป็นสามเณร บวชเกิน ๗๐ ปีแล้ว แต่คราวนี้อายุพรรษาเขานับเฉพาะตอนช่วงเป็นพระ

หลวงปู่มหาพล วัดเขื่อนท่าทุ่งนา อายุ ๘๙ อายุพรรษา ๖๙ ไล่หลังกันอยู่ปีเดียว รุ่นโน้นถ้าเรียนเป็นมหาเปรียญได้ ต้องถือว่าสุดยอดเลย เพราะว่ารุ่นอาตมาพวกเปรียญนี่แปลธรรมบท ๔ ภาค รุ่นหลวงปู่แปล ๘ ภาค สมัยโน้นประโยค ๑-๒ นี้แปลรวดเดียว ๘ ภาคเลย สมัยนี้ประโยค ๑-๒ แปล ๔ ภาค ประโยค ๓ อีก ๔ ภาค เพราะฉะนั้น..รุ่นของหลวงปู่ท่าน มหาเปรียญนี่ราคาแพงกว่าเยอะ แบบเดียวกับสมัยอาตมาบวชใหม่ ๆ จบนักธรรมเอกยืดได้ทั่วประเทศเลย เพราะว่าสมัยนั้นนักธรรมเอกราคาสูง สมัยนี้จบนักธรรมเอกไม่มีใครมองหรอก ขนาดมีเปรียญ ๓ เปรียญ ๕ ต่อท้ายเขาก็ยังไม่ค่อยจะแลเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2015 เมื่อ 17:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 13-03-2015, 15:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นึกถึงพระพุทธเจ้าอย่างไรให้เข้าถึงพระรัตนตรัยมากขึ้น ?
ตอบ : เอาเป็นว่าพยายามนึกให้ได้ทุกวินาที เพราะทันทีที่ขาดช่วงลง กิเลสจะแทรกเข้ามา แล้วถ้ากิเลสมีกำลังมากกว่า จะดึงเราเตลิดเปิดเปิงไปนาน แต่ถ้าทำอย่างนั้นไม่ได้ อย่างน้อย ๆ เช้าเย็นจะต้องตั้งหน้าตั้งตาภาวนาจับภาพพระให้ได้

การที่เราภาวนา จะเป็นพุทโธ นะมะพะธะ หรืออะไรก็ตาม นึกถึงภาพพระไปด้วย นั่นก็คือการที่เราปฏิบัติอยู่ในพุทธานุสติ ก็คือการนึกถึงพระรัตนตรัยด้วยความเคารพ เพราะว่าพระพุทธเจ้าของเรา คือพุทธานุสติที่เราระลึกถึงอยู่ เรากำลังปฏิบัติตามคำสอนของท่าน ก็คือพระธรรม ซึ่งพระสงฆ์คือหลวงปู่ หลวงพ่อ นำคำสอนนั้นมาบอกเรา ให้เราได้ปฏิบัติอีกต่อหนึ่ง ก็แปลว่าเรากำลังยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งจริง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2015 เมื่อ 17:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:20



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว