กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 06-07-2015, 17:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘

ถาม : เมื่อดิฉันนั่งภาวนาดูลมหายใจ ดิฉันจะมีวิธีการเฉพาะตัว คือ มองคลื่นม่วงพื้นหลังสีดำในตาควบคู่ไปด้วย เมื่อนั่งไปเรื่อย ๆ คลื่นม่วงจะหายไป พื้นหลังจะกลายเป็นสีเทาและสีขาวตามลำดับ เมื่อจิตรวมดีแล้ว จะเริ่มมีอาการหน่วงที่ศีรษะ ตัวเบา รู้สึกเหมือนโดนผลักจิตให้หลุดออกจากร่างกายเสมอ แต่ว่าออกไปไม่ได้ เหมือนกับติดประตู เมื่อถอนสมาธิออกมารู้สึกเหนื่อยมาก อาการที่ดิฉันพบเจอคืออะไร ? ดิฉันควรทำอย่างไรต่อไปคะ ?
ตอบ : เป็นลักษณะของสภาพจิตที่จะออกไปแบบมโนมยิทธิเต็มกำลัง ให้ตั้งใจภาวนาแบบนั้นไปเรื่อย ๆ ถ้ากำลังพอจะออกไปได้เอง

อาการออกแบบมโนมยิทธิเต็มกำลังมีลักษณะอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือ สภาพจิตจะควบแน่นเข้า หัวใจจะเต้นเร็วกว่าปกติ อัตราน่าจะเกิน ๑๒๐ ครั้งต่อนาที มีแต่เกินไม่มีขาด หลังจากนั้นถ้ากำลังพอ ก็จะโดนเหวี่ยงหลุดออกไปเลย แต่ถ้ากำลังไม่พอ หลุดออกมาก็เหนื่อยแฮ่ก ๆ แบบที่ว่ามา พยายามซักซ้อมต่อไป โดยเฉพาะให้พิจารณาตัดร่างกายบ่อย ๆ เดี๋ยวกำลังพอก็จะไปได้เอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2015 เมื่อ 18:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 251 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 06-07-2015, 17:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช่วงหลัง ๆ มาเวลาทำสมาธิทีไร มักจะมีอาการตึง ๆ ระหว่างคิ้ว บางทีก็อยู่แถว ๆ สันจมูก บางทีก็ตึงทั้งใบหน้าและบริเวณปาก แรก ๆ จะเป็นเฉพาะเวลาทำสมาธิ หลัง ๆ มาไม่ว่าจะเดินไปไหน เวลานึกถึงลมหายใจก็จะมีอาการอย่างนี้เสมอ อยากทราบว่าอาการอย่างนี้คืออะไรครับ ? เป็นฌานหรือเปล่า ? และถ้าสวดคาถาเงินล้านระหว่างที่อาการอย่างนี้ปรากฏ จะมีผลมากน้อยเพียงไรครับ ?
ตอบ : เอาคำถามแรกก่อน เป็นอาการของสมาธิที่เริ่มทรงตัวตั้งมั่นแล้ว ส่วนจะเป็นฌานหรือไม่เป็นฌาน ไปเปิดหนังสือกรรมฐาน ๔๐ ของหลวงพ่อวัดท่าซุง ดูบทที่ ๗ หน้า ๔๐ พอดี อ่านดู..ถ้าหากว่าตรงกับฌานระดับไหนก็ระดับนั้นแหละ ส่วนถ้าภาวนาคาถาเงินล้านในขณะที่ทรงอารมณ์แบบนี้ ก็ต้องบอกว่ามีผลมากกว่าปกติ เพราะสมาธิเริ่มทรงตัวแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2015 เมื่อ 17:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 246 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 06-07-2015, 17:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แม่พระธรณีเป็นตำแหน่งหรือไม่ครับ ? ท่านเป็นเทวดาหรืออริยบุคคลครับ ?
ตอบ : แม่ธรณีเป็นตำแหน่งที่มนุษย์ตั้งขึ้น แล้วเทวดาก็ต้องจัดสรรบุคคลกับที่บารมีใกล้เคียงกับที่เขาสมมติไว้มารับหน้าที่นั้น ๆ ตำแหน่งนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นนางฟ้าชั้นจาตุมหาราช โหดสุด ๆ..! ไม่ใช่พระอริยเจ้าที่เป็นบุคคลทั่วไป ภาระหน้าที่ของท่านคือเป็นที่รองรับของมนุษย์และสัตว์ตลอดจนวัตถุธาตุทั้งมวล ต้องบอกว่าอารมณ์ใจของท่านคล้ายคลึงกับพรหมเลย ดังนั้น..อาตมาไม่กล้าที่จะพยากรณ์ว่าท่านเป็นอะไร รู้ว่าท่านเป็นแค่นี้ก็แล้วกัน

ถาม : หากต้องการบูชาระลึกถึงท่านควรวางกำลังใจอย่างไร ?
ตอบ : ก็นึกถึงท่านเป็นปกติในฐานะเทวดา ว่าทรงคุณความดีอะไรบ้าง หรือจะเรียก “แม่จ๋าช่วยด้วย” ก็ว่าไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2015 เมื่อ 17:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 249 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 06-07-2015, 17:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาผมขับรถไปตามเส้นทางต่าง ๆ ผมมักจะเห็นด้วยหางตาว่า มีบางอย่างยืนอยู่หน้าบ้านคนข้างทาง บางบ้านก็รู้สึกว่าท่านที่ผมเห็นยิ้มแย้ม มายืนทักทาย บางท่านยืนหน้าบ้านแบบไม่สนใจผม และรู้สึกว่ารันทด มีความทุกข์ เห็นด้วยหางตาเสี้ยวเวลานิดเดียว แต่เหมือนกับรู้หมดว่าลักษณะแบบไหน แต่งกายลักษณะอย่างไร และอีกแบบหนึ่งที่ผมมักจะเห็นข้างถนน แต่อยู่ใกล้ ๆ เสาบ้าง กองขยะบ้าง ไม่ค่อยเห็นอยู่ที่โล่ง ๆ ที่จะกราบเรียนสอบถามทั้งหมดคือว่า อุปาทานกินไหมครับ ? กลัวว่าไปเห็นเสาบ้าง กองขยะบ้าง แล้วจิตปรุงไปเอง แต่ถ้าจริง ทำไมเขาชอบไปอยู่แถวเสา หรือกองขยะ แม้กระทั่งตู้โทรศัพท์ ?

ตอบ : ต้องบอกว่าใกล้บ้าแล้ว..! เป็นลักษณะที่สภาพจิตอยู่ช่วงอุปจารสมาธิพอดี จะสามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ แต่ถ้าเราตั้งใจมองเมื่อไร สมาธิจะเกินช่วงนั้น ภาพนั้นก็จะหายไป สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เขาไม่ได้ชอบอยู่ตรงนั้น แต่เขาไม่สามารถจะไปอยู่ที่อื่นได้ เหมือนอย่างกับว่าเขามีขอบมีเขตของเขาอยู่ บางคนก็เรียกว่าผีบ้านผีเรือน บางคนก็เรียกว่าสัมภเวสี

บางท่านก็ตายก่อนหมดอายุขัย บางท่านถึงหมดอายุขัย
แล้วตาย แต่ว่าความดีที่ตัวเองทำมามีน้อยมาก ก็ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในสภาพอย่างนั้น ถ้าญาติตัวเองไม่รู้จักทำบุญไปให้ก็รันทดหน่อย ถ้าญาติตัวเองรู้จักทำบุญไปให้ก็หน้าบานเป็นจานเชิง ไปเที่ยวทักคนโน้นคนนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2015 เมื่อ 17:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 239 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 06-07-2015, 17:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กระผมอยากเรียนถามถึงข้อสงสัย ที่ได้อ่านเทศนาธรรมของหลวงพ่อสดมาครับ ท่านพูดถึงการติดสุขในขั้นต่าง ๆ ไล่ไปตั้งแต่สุขในกาม สุขในฌาณ สุขในอรูปฌาณ จนถึงสุขในนิพพาน ท่านบอกว่าต้องไม่ติดสุขแค่นี้ หาสุขที่ละเอียดขึ้นไป กระผมจึงอยากทราบว่า สุขที่ละเอียดขึ้นไปกว่าสุขในพระนิพพานที่ท่านกล่าวถึง หมายถึงอย่างไรหรือครับ ?
ตอบ : ถ้าอยากรู้จริง ๆ ก็ทำให้ได้เหมือนหลวงพ่อสดแล้วจะรู้เอง ถ้าหากว่าไม่ทำ เรื่องของนกบนฟ้าไปบอกปลาในน้ำ บอกให้ตายปลาก็ไม่เข้าใจ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2015 เมื่อ 17:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 238 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 06-07-2015, 17:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เนื่องจากมีเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งหนึ่งใช้ให้ลูกศิษย์ตำพระผงองค์เล็ก ๆ ที่ชำรุดแตกหัก เพื่อนำผงที่ได้ไปผสมหล่อเป็นพระผงองค์ใหม่ขึ้นมา ในกรณีนี้ เจ้าอาวาสผู้ใช้ให้ตำพระผง กับลูกศิษย์ที่ตำบดพระตามคำสั่ง ใครโทษหนักกว่ากันครับ ?
ตอบ : สมัยก่อนถ้าใครฆ่าไก่ ผู้ใหญ่เขาบอกว่า "บาปคนทำ กรรมคนกิน" อันนี้ก็ถือว่าแบ่งกันคนละครึ่งแล้วกัน ยุติธรรมดี

ถาม : อานิสงส์ที่ได้สร้างพระผงขึ้นมาใหม่นี้ จะสามารถลบล้างโทษ จากการตำพระผงที่ชำรุดได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : การตำพระเป็นการทำลายพระพุทธรูป เป็นโทษที่เป็นอกุศลกรรม การสร้างพระเป็นการสร้างพระพุทธรูป เป็นบุญที่เป็นกุศลกรรม ไม่สามารถที่จะกลบหักล้างกันได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ ดีส่วนดี ชั่วส่วนชั่ว ถ้าถึงเวลากำลังด้านไหนหนักกว่าก็เสร็จด้านนั้นแหละ..!

ถาม : เราสามารถสร้างพระองค์ใหญ่ ๆ ถวายวัด เพื่อหนีกรรมจากการบดตำพระที่ชำรุดได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป ทดแทนกันไม่ได้

ถาม : มีวิธีแก้ผลกรรมจากการบดตำพระผงเพื่อนำมาหล่อสร้างพระขึ้นมาใหม่ได้อย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : เท่าที่ทราบมายังไม่ปรากฏวิธี ยกเว้นว่าตั้งใจกราบขอขมาพระรัตนตรัยไปเรื่อย ๆ อาจจะบรรเทาได้สักหน่อยหนึ่ง

ถาม : แต่ถ้าสมมติเขาตำมา แต่เราบูชาโดยไม่ทราบ ก็ไม่เป็นโทษใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่รู้ ไม่เห็น คนบูชาไม่เป็นไร แต่ว่าเท่าที่พบมา จำนวนมากด้วยกันที่ตั้งใจอยากได้มวลสารประเภทนั้น ถือว่าโมทนาร่วมกัน ถ้าอย่างนั้นก็ตัวใครตัวมัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2015 เมื่อ 18:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 237 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 06-07-2015, 17:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อยากทราบว่าถ้าเราให้พระผง, พระพุทธรูป, เหรียญพระ, รูปพระ, ตะกรุด แก่บุคคลอื่น เราจะได้อานิสงส์อย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : อันดับแรกก็คือทานบารมี อันดับสองได้จาคานุสติ ถ้าสิ่งที่ให้ไปเป็นรูปพระพุทธก็ได้พุทธานุสติ ถ้าเป็นรูปพระสงฆ์ก็ได้สังฆานุสติ ถือเป็นบุญใหญ่มาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2015 เมื่อ 17:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 246 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 06-07-2015, 18:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เลี้ยงสัตว์ไว้ในห้องแต่ไม่ได้ปล่อยออกมาวิ่งเล่นข้างนอก แต่พามาเล่นบางครั้ง ถือว่าบาปไหมครับ ? เป็นการกักขังสัตว์เลี้ยงหรือเปล่าครับ ? ผมเก็บแมวจรจัดที่กระโดดมาอาศัยอยู่หลังห้องมาเลี้ยงครับ
ตอบ : ได้บุญที่เลี้ยงเขา แต่ขณะเดียวกันก็ได้บาปที่ไปจำกัดเขตเขา ถ้าไม่เคยสร้างผลบุญอื่นมาก่อนเลย จะไปเกิดเป็นเวมาณิกเปรต มีความสุขเหมือนเทวดาหรือนางฟ้าหมดทุกอย่าง แต่ออกจากวิมานไม่ได้..!

ถาม : แล้วประเภทเอากระต่ายมาเลี้ยง มีเจตนาว่าถ้าออกไปเดี๋ยวจะเกิดอันตราย สัตว์ร้ายจะกัด ด้วยเจตนาแบบนี้จะมีผลอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ไม่สามารถจะแก้ไขกรรมในการกักขังสัตว์ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2015 เมื่อ 18:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 240 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 06-07-2015, 18:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : โดยปกติพระสามารถบิณฑบาตได้เป็นเวลาไม่เกินกี่โมง ? ในกรณีที่เลยเวลาบิณฑบาต สามารถขอบิณฑบาตสิ่งใดได้บ้าง ?
ตอบ : ถ้าในกรุงเทพฯ มีคำสั่งเจ้าคณะกรุงเทพมหานครตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อพระสุเมธาธิบดี วัดมหาธาตุฯ เป็นเจ้าคณะฯ ระบุไว้ชัดเลยว่า พระในกรุงเทพฯ ห้ามบิณฑบาตเกิน ๘ นาฬิกา เพราะส่วนใหญ่พวกที่บิณฑบาตแล้วอยู่สาย ๆ มักจะเป็นการหากินเสียส่วนมาก แล้วยังมีข้อห้ามพระเดินห้าง ห้ามพระปักกลดในกรุงเทพฯ ห้ามพระพักในบ้าน จะมีข้อห้ามเอาไว้ชัดเจนมาก ส่วนกรณีที่เลยเวลาบิณฑบาตแล้วก็ไม่ควรที่จะไปขออะไรเขาอีก

ถาม : การขอบิณฑบาตจากผู้ที่ไม่ใช่พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือญาติ และไม่ใช่ผู้ที่ปวารณาตัวขอเป็นผู้อุปัฏฐาก โดยมีการโน้มน้าวหรือชักจูงให้ผู้นั้นถวายวัตถุสิ่งของที่ตนต้องการ และวัตถุสิ่งของสิ่งนั้นไม่ใช่ปัจจัย ๔ มีโทษประการใด ?
ตอบ : ถ้าเป็นหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านปรับว่าไม่ใช่พระไปเลย..!

ถาม : การกล่าวอ้างลอย ๆ ถึงวัตถุสิ่งของว่าควรจะเป็นของตน โดยไม่มีหลักฐานมายืนยัน สามารถทำได้หรือไม่ ? หากมีโทษ จะเป็นโทษหนักหรือเบาประการใด ?
ตอบ : ถ้าเป็นของเขาจริงก็กล่าวอ้างได้ ถ้าไม่เป็นของเขาจริงก็อยู่ในลักษณะของการฉ้อโกง เจ้าของเดิมมาก็ตัวใครตัวมัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2015 เมื่อ 18:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 240 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 07-07-2015, 18:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เราสามารถกล่าวฝากบุญกุศลที่อุทิศไปให้นั้น ฝากท่านพญายมราชว่า ถ้าได้พบเห็นชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิดของผู้ตายนี้ ขอให้ผู้ตายอนุโมทนาบุญจะได้หรือไม่ ?
ตอบ : ก็คงต้องเป็นวันเดือนปีตาย วันเดือนปีเกิดท่านคงไม่รับรู้ด้วยหรอก ...(หัวเราะ)...

ถาม : ตกลงได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าผ่านการตัดสินของท่านก็ได้ ถ้าไม่ผ่าน ประเภทขึ้นตรงลงตรง ท่านก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-07-2015 เมื่อ 20:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 07-07-2015, 18:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาก่อนนอนของทุกวัน ตัวลูกและสามีจะสวดมนต์และนั่งสมาธิ ปัญหามีอยู่ว่าสามีนั่งสมาธิทุกครั้งก็หลับทุกครั้ง อดไม่ได้ที่ลูกเห็นแล้วต้องเตือน การที่ลูกเตือนนั้นเป็นบาปหรือไม่ ? หรือควรปล่อยให้หลับไปแบบนั้น ?
ตอบ : น่าจะบาป เพราะลูกกับสามีเขาทำความดี ตัวเองไม่ทำอะไรแถมไปว่าเขา ก็โยมใช้คำว่า “ตัวลูกกับสามี” ...(หัวเราะ)... แสดงว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไร

ถาม : คือตัวเองก็ทำครับ แต่ตัวสามีนั่งสมาธิแล้วหลับ ?
ตอบ : การปฏิบัติธรรมอยู่ที่ระดับความสามารถของใครของมัน ถ้าเราตักเตือนเขาโดยเมตตาก็ดี แต่ถ้าตักเตือนในลักษณะที่คิดว่ากูดีกว่า หรือไม่ก็อยู่ในลักษณะที่เห็นเขาแล้วหงุดหงิด เกิดโทสะ เราจะขาดทุนมากกว่า

ถาม : ถ้าเป็นบาป จะใช้วิธีขอขมาพระรัตนตรัยได้ไหมครับ ?
ตอบ : การทำความดีไม่ใช่บาป เพียงแต่สภาพจิตที่หยาบจะตัดหลับไปเสียก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-07-2015 เมื่อ 20:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 224 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 07-07-2015, 18:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จะมีโอกาสหรือไม่ที่ท่านจะทำวัตถุมงคลที่เป็นวัวธนูไว้เฝ้าบ้าน ?
ตอบ : จะเอาวัวไว้เฝ้าบ้านซึ่งผิดประเภท ต้องทำหมาไว้เฝ้าบ้าน แล้วหมาธนูอาตมายังไม่เคยเจอ..!

วิชานี้ไม่ได้ศึกษาเอาไว้ เพราะฉะนั้น..อาตมาทำแล้วไม่เป็นวัวหรอก เป็นเทวดาหมด สมัยก่อนหลวงปู่คำแสน คุณาลงฺกาโร ท่านศึกษาวิชานี้ในลักษณะที่เข้าถึงจริง ๆ แต่เนื่องจากว่าตอนนั้นยังเล่าเรียนสารพัดวิชาการจากหลวงพ่อวัดท่าซุงอยู่ อาตมาจึงไม่มีเวลาที่จะไปกราบขอเรียน ขอศึกษาจากท่าน จนท่านมรณภาพไปก่อน วิชานี้ก็เลยไม่ได้ศึกษามา ถึงเวลาใครเอารูปวัวมาให้เสก ก็กลายเป็นขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ ถ้าเทวดารักษาก็ไม่ใช่วัวแล้ว กลายเป็นเทวดาไปหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-07-2015 เมื่อ 20:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 228 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 07-07-2015, 18:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การบนเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ถ้าประสบผลสำเร็จตามที่บนไว้ จะแก้ด้วยการบวชเนกขัมมะ ๓ วัน ขอสอบถามว่าระยะเวลาที่บวชเนกขัมมะนั้น ถ้าไม่ติดต่อกัน ๓ วันจะได้หรือไม่ ?
ตอบ : อยู่ที่เราว่าตั้งใจบนไว้อย่างไร แต่ควรจะตรงไปตรงมา ถ้าไม่ได้บอกท่านไว้ว่าจะทำไม่ติดต่อกันก็อย่าไปทำแบบนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-07-2015 เมื่อ 20:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 07-07-2015, 18:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าหากเราปฏิบัติไป แล้วเกิดอารมณ์มีคำถามมากมายล้นทะลักออกมาเหมือนเขื่อนแตก หลังจากนั้นสักระยะเราจึงรู้สึกตัวว่าโดนกิเลสเล่นงานแล้ว เราควรวางกำลังใจในการปฏิบัติต่อไป และควรใช้หลักธรรมข้อใดเป็นหลักยึด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นเดิมอีกครับ ?
ตอบ : อันดับแรก...พยายามหักห้ามกำลังใจตัวเอง นักปฏิบัติจะมีอยู่ ๒ ส่วนด้วยกัน ส่วนหนึ่งพอปฏิบัติไปแล้วจะเจอคำถามมากมายมหาศาลอย่างที่ว่า จะอยู่ในลักษณะของวิจิกิจฉาสังโยชน์

อีกส่วนหนึ่งก็คืออยากจะสอนคนอื่นเขา บางคนแทบจะไม่สามารถหักห้ามตนเองได้เลย โดยที่ลืมไปว่าถ้าเรามัวแต่สอนคนอื่นโดยที่ตัวเราเองยังไม่รู้จริง ประโยชน์ที่แท้จริงก็จะไม่มีทั้งเขาและเรา ต้องระวังตรงนี้ให้หนัก เพราะจะกลายเป็นมานะสังโยชน์

ส่วนวิธีแก้ไข ท่องคาถาไว้ว่า “กูไม่เชื่อ” ให้สังเกตดู นักปฏิบัติแถว ๆ นี้ก็มี ถ้าวันไหนเจอหน้ากันแล้วไม่พูด เขาอาจจะขาดใจตาย เสร็จตรงนี้หมด


ถาม : ก็ต้องใช้คาถาว่า “กูไม่เชื่อ” อันนี้ลงในหลักธรรมข้อไหนครับ ?
ตอบ : มีสติ ไม่ประมาท
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-07-2015 เมื่อ 20:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 07-07-2015, 18:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลวงพ่อบอกว่า “สามัคคีมีสุข” ก็อยากทำความดีแบบสามัคคี แต่เราเป็นคนที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ค่อยชอบพูดชอบคุย แบบนี้เราจะทำความสามัคคีได้หรือไม่คะ ? และควรแก้ไขอย่างไร ?
ตอบ : ให้ปฏิบัติในสังคหวัตถุ ๔ ไม่ชอบพูดไม่ชอบคุยก็ให้เขาเยอะ ๆ (ทาน) ถ้าชอบพูดชอบคุยก็ใช้ปิยวาจา พูดดี พูดไพเราะ แต่ว่าอัตถจริยา คือการสร้างประโยชน์เพื่อผู้อื่นนั้นเว้นไม่ได้ ส่วนสมานัตตา เห็นอกเขาอกเราเหมือนกัน เรารักดีเกลียดชั่วอย่างไร คนอื่นก็เป็นเช่นนั้น

เพราะฉะนั้น..อะไรที่เป็นของดี เราชอบ เราก็ทำสิ่งนั้นกับคนอื่น อะไรที่เป็นของไม่ดี เราไม่ชอบก็อย่าทำสิ่งนั้นกับคนอื่น ถ้าสามารถทำอย่างนี้ได้ก็แก้ตก ถ้าไม่สามารถทำอย่างนี้ได้ก็จงมีความเป็นส่วนตัวต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2015 เมื่อ 04:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 07-07-2015, 18:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ขอตักเตือนญาติโยมทั้งหลายอีกครั้งหนึ่งว่า การปฏิบัติของเรานั้นจะมีสิ่งขวางอยู่ตลอดเวลา คอยขวางไม่ให้เราเข้าถึงความดีอย่างแท้จริง การที่เราอยากพูด อยากคุย อยากบอก อยากสอนคนอื่น ก็เป็นลีลาหนึ่งที่มารใช้ขวางความดีของเรา เพราะว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ชัดแล้วว่า อย่ากล่าววาจาอันเป็นเหตุให้ต้องเถียงกัน วาจาอันเป็นเหตุให้เถียงกันทำให้ต้องพูดมาก บุคคลผู้พูดมากจิตใจย่อมฟุ้งซ่าน บุคคลที่ฟุ้งซ่านย่อมห่างจากสมาธิ

ฉะนั้น..ถ้าเห็นใครพูดคนเดียวก็หลีกไปห่าง ๆ คือเขาไม่ได้พูดมาก เขาพูดคนเดียว ปล่อยเขาพูดต่อไป เราก็ไปภาวนาของเรา ระดับของการปฏิบัติ ถ้ามาถึงช่วงนี้แล้วจะเป็นทุกคน คือถ้าไม่ใช่สงสัยไปทุกเรื่องก็จะเป็นอยากจะสอนเขาทุกเรื่อง

หรือว่ามีความเป็นส่วนตัวสูงจนหาเพื่อนไม่ได้ อาตมาสมัยก่อนก็เป็นอย่างนั้น ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังประมาณอายุ ๑๖ ปี เริ่มต้นทุ่มเทให้กับการปฏิบัติจนถึงอายุ ๒๕ ระยะเวลา ๙ ปีเต็ม ๆ ไม่พูดกับใครเลย แต่งานไม่เสียนะ เพราะว่าตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เวลาที่เหลือก็ทุ่มเทให้กับการปฏิบัติ ไม่มีเวลาพูดคุยกับใคร

มาปลายปี ๒๕๒๖-๒๕๒๗ ช่วงนั้นก็เป็นครูฝึกมโนมยิทธิอยู่ที่บ้านสายลมได้ระยะหนึ่งแล้ว เห็นบรรดาท่านที่ไปฝึก พอสงสัยอะไรก็สอบถามบรรดาครูฝึก อาตมาเองได้ยินบางท่านตอบผิด แล้วไม่ใช่ผิดครั้งเดียว ผิดหลายครั้ง ก็เกิดความรู้สึกว่า “ดูท่าเราจะต้องยอมสูญเสียความเป็นส่วนตัวแล้ว” เพราะไม่อย่างนั้นแล้วบรรดาผู้ที่มาฝึกก็จะเสียประโยชน์ เพราะว่าครูฝึกบางท่านก็ไม่รู้จริง จึงหาโอกาสที่จะพูดคุยกับบรรดาพี่ป้าน้าอาในฐานะลูกศิษย์หลวงพ่อด้วยกันนั่นแหละ คุ้นเคยกันมาหลายปีแล้ว แต่อาตมาพูดน้อยจนนับคำได้

เวลาเห็นท่านนั่งคุยกันอยู่ก็เข้าไป “ขออนุญาตครับ ขอผมคุยด้วยได้ไหม ?” ท่านอื่นรู้สึกอย่างไรก็ไม่รู้ แต่เห็นเขาอึ้งกันไปทั้งวง มีป้าชอ(อัญชัน ศุทธรัตน์) ถอนหายใจดังเฮือก..! บอกว่า “โล่งใจไปที ป้าคิดว่าชาตินี้แกจะไม่พูดกับใครแล้ว” ตั้งแต่นั้นมาถ้าเห็นว่าใครคุยผิดก็จะอ้อม ๆ ไปใกล้ ๆ ใช้วิธีจูงให้กลับมาถูกทาง

บางทีในเรื่องของการปฏิบัติก็ไม่ใช่ว่าจะต้องไปโอ้อวดบอกคนอื่นเขาว่าเรารู้อะไร ยกเว้นว่าจำเป็นจริง ๆ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเก็บกดมาหลายปี มาระยะหลังนี้พออาตมาได้พูดก็เลยไม่ค่อยอยากจะหยุด..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-07-2015 เมื่อ 20:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 07-07-2015, 18:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วัตถุมงคลวัดท่าขนุนนี่เป็นเรื่องอัศจรรย์ว่า คนบูชาไปจะต้องมีใครสักคนโดนตัดสิทธิ์เป็นประจำ ไม่ช้าก็เร็ว เป็นเพราะอะไร เงินก็จ่ายแล้วแต่ไม่มาเอา ถ้าตัวเองมารับไม่ได้ก็แจ้งทางด้านเจ้าหน้าที่ว่าจะให้ใครมารับแทน แล้วก็ให้คนนั้นเขาแสดงบัตรมารับไปก็ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-07-2015 เมื่อ 20:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 07-07-2015, 18:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านที่อยากได้วัวธนู อาตมาขอเปลี่ยนเป็นเสือได้ไหม ? ...(หัวเราะ)... แต่คราวนี้เคล็ดการสร้างเสือของหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านให้สร้างปีขาล ถ้าได้ปีขาล เดือนสาม วันอังคาร ยิ่งดี ตอนนี้ก็เลยปีขาลมาเยอะแล้ว

คาดว่าวิชาการเหล่านี้ ถ้าไม่ทำเอาไว้ต่อไปก็สูญ เพราะช่วงก่อนนั้นอาตมาทุ่มเทศึกษาทุกอย่าง ไม่รังเกียจว่าจะเป็นวิชาทางโลกทางธรรม หลวงพ่อท่านก็เหมือนกับตั้งใจให้ ขณะเดียวกัน พี่ ๆ บางท่านอยู่กับหลวงพ่อมา ๑๐ ปี ๒๐ ท่านไม่เอาอะไรเลย โดยใช้คำว่าพูดว่า “เป็นแล้วเหนื่อย” อาตมาก็แปลกใจ

อย่างที่ไม่กี่วันก่อนที่ลงภาพให้ดูว่ามีผ้ายันต์แผ่นใหญ่เกือบเท่าผ้าห่ม ที่เป็นลายมือหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านเขียนยันต์ เขียนคาถาและประสิทธิ์ประสาทให้ มั่นใจว่าคงไม่มีใครได้รับลักษณะอย่างนั้น จนกระทั่งหลวงน้ามีชัยซึ่งพักอยู่กุฏิเดียวกันแต่คนละห้อง ท่านออกปากว่า “ท่านเล็ก ผมว่าท่านต้องโดนเขาวางยาตายสักวัน” “ทำไมครับหลวงน้า ?” “ไม่เห็นหลวงพ่อท่านสอนวิธีทำตะกรุดแก้ยาพิษยาสั่งกับใคร มีแต่สอนท่าน ท่านต้องโดนแน่เลย” หลวงน้าคิดดีมากเลย แกไม่คิดว่าเราเอาไปช่วยคนอื่นได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-07-2015 เมื่อ 20:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 224 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 07-07-2015, 18:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"จะมีอาตมากับหลวงลุงสุนทรที่มักจะได้วิชาอะไรจากหลวงพ่อท่านอยู่บ่อย ๆ แล้วอีกท่านหนึ่งนี่ต้องบอกว่าพระค้างคาว คือหลวงพี่ไพบูลย์ เพราะว่าตื่นกลางคืนนอนกลางวัน กลางคืนท่านจะเหมาเวรกลางคืนทั้งคืน ส่วนกลางวันอาตมากับหลวงลุงสุนทรแบ่งกันคนละครึ่งวัน ก่อนหน้านั้นเวรที่เฝ้าหน้าตึกหลวงพ่อมีหลวงพี่ชัยวัฒน์ หลวงน้าอมร หลวงน้าสัมฤทธิ์ แล้วก็หลวงน้ามีชัย ปรากฏว่าพอโดนหลวงพ่ออัดหนัก ๆ เข้า ก็เตลิดเปิดเปิงกันหมด..อยู่ไม่ได้ โดยเฉพาะหลวงพี่ชัยวัฒน์กลัวที่สุด ถึงขนาดย้ายหนีไปอยู่สวนไผ่เลย

อาตมาเองหน้าด้าน อยู่ได้ทนที่สุด เมื่อพี่ ๆ เขาหนีกันหมด จึงต้องชักชวนรุ่นน้อง ๆ มาช่วยงาน ก็มีหลวงลุงสุนทร อาจารย์สมปอง เป็นต้น แต่ว่าหลัง ๆ อาจารย์สมปองท่านบอกว่าไม่มีเวลาภาวนา ขอให้หาคนอื่นมาแทน เลยกลายเป็นว่าต้องเหมาจนหลวงพ่อท่านมรณภาพ แต่ว่าในความที่หน้าด้านหน้าทน โดนด่าเท่าไรก็ไม่ยุบ หลวงพ่อท่านอาจจะชอบใจ ท่านก็เลยให้อะไรไว้มากมาย หลวงลุงสุนทรท่านก็ปรารภว่า “เอ..หลวงพี่ ?” ท่านอายุมากกว่าเยอะนะ ปีนี้ท่าน ๘๘ แล้ว แต่ท่านบวชทีหลัง ท่านเลยเรียกหลวงพี่

“เอ...หลวงพี่ ? ทำไมเรา ๒ คน จำเพาะเจาะจงว่าถึงเวลาแล้วหลวงพ่อต้องให้โน่นให้นี่อยู่เรื่อย” บอกว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” ตอนนี้อย่าไปกวนหลวงลุงท่านเลย ๘๘ ปีแล้ว เดินยังไม่ค่อยจะไหวอยู่แล้ว ท่านบวชตอนอายุ ๕๙ เมื่อเดือนก่อนไปเจอกันที่จันทบุรี กลายเป็นคนแก่หลังค่อมแล้ว นอกจากกระดูกเสื่อมแล้วยังหมดกำลัง คาดว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน ท่านเองก็บอกว่าไม่เอาอะไรแล้ว รอเวลาไปพระนิพพานอย่างเดียว แปลว่าอาตมาคงโดนทิ้งให้รับเละอยู่คนเดียว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-07-2015 เมื่อ 20:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 07-07-2015, 18:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,042 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มีอยู่ครั้งหนึ่งเข้าไปในกุฏิหลวงลุงสุนทรก็ได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ คือหลวงลุงสุนทรจับพระพุทธรูปแขวนคอ ..(หัวเราะ)... อาตมาก็บอกว่า “หลวงลุง...ทำให้ดีกว่านี้ไม่ได้หรือ ?” คือหลวงลุงสุนทรท่านตั้งใจเพ่งกสิณภาพพระพุทธรูป คราวนี้หลอดไฟของท่านที่ตั้งใจจะเอาไว้หลังพระพุทธรูปแก้วอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ถ้าตั้งพระพุทธรูปจะอยู่ต่ำกว่า แทนที่ท่านจะหาอะไรหนุนพระพุทธรูปให้ได้ระดับ ท่านกลับเอาเชือกแขวนคอพระพุทธรูปไว้เลย แขวนแล้วก็ผูกให้ได้ระดับ ต้องบอกว่าหลวงลุงท่านเอาง่ายเข้าว่า "แต่ผมว่าอยู่ในแนวปรามาสพระรัตนตรัย ให้เปลี่ยนใหม่เถอะครับ"

พอโดนทักท้วงท่านก็เปลี่ยน ไม่อย่างนั้นท่านก็เพ่งอยู่ทุกวันด้วยความสบายใจของท่าน คนไม่รู้นี่ก็ไม่รู้จริง ๆ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าโทษเป็นอย่างไร ตั้งหน้าตั้งตาจะฝึก ท่านก็ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดอื่น ถึงเวลาเห็นว่าวิธีนี้สะดวกที่สุดก็จับพระแขวนคอเลย ถ้าใครเคยแขวนแบบนั้นก็กราบขอขมาพระรัตนตรัยด้วยนะ ยังโชคดีว่าท่านเอาแค่พระพุทธรูป ๓ นิ้ว ๕ นิ้ว ถ้าเป็น ๙ นิ้วนี่คาดว่าเชือกคงจะรับไม่ไหว จะฟังวีรกรรมของรุ่นเก่า ๆ เขามีเยอะแยะไปหมด แต่ถ้าหากว่าเล่ามาก ๆ กลายเป็นเอาท่านมาขาย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-07-2015 เมื่อ 20:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:14



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว