กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 14-12-2015, 12:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่บ้านคนจีนมักมีการตั้งตี่จู้เอี๊ยหันหน้าออกไปทางหน้าบ้าน ทั้งที่บางครั้งไม่ใช่ทิศตะวันออก จะเป็นอะไรหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ศาลเขาไม่ได้บังคับว่าต้องหันหน้าไปตะวันออก เขาเอาแค่ว่าอยู่ให้ถูกทิศ ส่วนหน้าศาลหันไปทางไหน อยู่ที่ว่าเราไหว้ได้สะดวก ส่วนใหญ่พวกเรามักจะเอาหลายเรื่องไปยำรวมกันแล้วก็มั่วไปหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2015 เมื่อ 20:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 14-12-2015, 14:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอกราบเรียนถามหลวงพ่อ ช่วยกรุณาให้ความรู้แก่ศิษย์ เกี่ยวกับคัมภีร์สุวรรณโคมคำ หรือคัมภีร์มหาจักรพรรดิราชด้วยครับ ?
ตอบ : คัมภีร์มหาจักรพรรดิราชหรือคัมภีร์สุวรรณโคมคำมักจะเกี่ยวข้องกับพญานาค โดยเฉพาะพญาศรีสุทโธนาคราชที่เขาเชื่อถือกันอยู่

เขาเชื่อว่าคัมภีร์นี้เกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าจักรพรรดิที่อุบัติขึ้นหลังจากสมเด็จองค์ปฐมปรินิพพานไปแล้ว ในคัมภีร์นี้กล่าวถึงความรู้อยู่ ๓ ส่วนด้วยกัน ส่วนที่ ๑ เป็นการทำนายทายทักแบบโหราศาสตร์ ส่วนที่ ๒ เป็นการทำนายทายทักโดยการอาศัยทิพจักขุญาณ ส่วนที่ ๓ เป็นส่วนของการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงธรรม ท่านบอกว่า เมื่อพระเจ้าจักรพรรดิสวรรคตแล้วก็ได้ฝากให้หมู่พญานาครักษา และส่งต่อคัมภีร์ให้พระเจ้าจักรพรรดิองค์ต่อ ๆ ไป ก็รอดู...ถ้าคัมภีร์โผล่ขึ้นมาก็แปลว่ามีพระเจ้าจักรพรรดิมาเกิดแน่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2015 เมื่อ 20:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 14-12-2015, 14:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ปัจจุบันแม้ศิษย์จะมีความอุ่นใจที่มีวัตถุมงคลของท่านอาจารย์ทั้งหลายอยู่ใกล้ตัว เพื่อคุ้มครองป้องกันภัยทั้งจากมนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย แต่ก็มีความรู้สึกว่าเรายังเหมือนเป็นเนื้อหอยในฝาหอย หากไม่มีฝาหอยอันแข็งแกร่งคอยป้องกันแล้ว เนื้อหอยนี้ก็ดูอ่อนนุ่ม และยังน่าจะเป็นอันตรายอยู่มาก จึงอยากจะกราบเรียนถามท่านอาจารย์ว่า ในขณะที่เรายังไม่ได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคล ถ้าบังเอิญต้องไปอยู่ในที่อันตราย ทั้งจากมนุษย์และอมนุษย์แล้ว โดยที่ไม่มีวัตถุมงคลใด ๆ ติดตัวไปเลย และไม่ได้รับยันต์ใด ๆ ไว้กับตัว เราควรใช้วิธีไหน เพื่อปกป้องคุ้มครองตัวเอง ได้อย่างดีและปลอดภัยที่สุดครับ ?
ตอบ : ภาวนานึกถึงภาพพระหรือคุณพระไว้ตลอดเวลา เชื่อเถอะ...พอถึงเวลาลำบากจริง ๆ ก็จะทำได้เอง ตอนสบายไม่ค่อยจะนึกหรอก ตอนรู้ว่าจะตายนี่ใจทรงเป๊ะเลย โดยเฉพาะตอนเสือจะขบหัวหรือช้างจะกระทืบ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2015 เมื่อ 20:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 14-12-2015, 14:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วัดท่าขนุน กำหนดการวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๙ คือ งานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร ซึ่งตรงวันเสาร์ ๕ ตามปฏิทินปัจจุบัน กราบเรียนสอบถามท่านพระอาจารย์ว่า ถ้าตามฤกษ์พรหมประสิทธิ์ตามที่เว็บสะพานบุญจำหน่าย ปี พ.ศ.๒๕๕๙ วันดังกล่าวจะไม่ได้เป็นวันเสาร์ ๕ แต่จะตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๙ แทน ใช้ได้ทั้งสองวันใช่ไหมครับ ?
ตอบ : จะใช้ได้หรือไม่ได้อยู่ที่พระท่านสั่ง ถ้าท่านสั่งวันไหนก็ใช้ได้วันนั้นแหละ มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงพ่อวัดท่าซุงกำหนดการเป่ายันต์เกราะเพชรไปแล้ว พระท่านเสด็จมาว่า "แกแหกตาดูหรือเปล่าว่าเป็นวันเสาร์แรมห้าค่ำ" หลวงพ่อวัดท่าซุงก็ตกใจ ถามว่า "ผมจะทำอย่างไรครับ ?" พระท่านบอกว่า "ไม่เป็นไร ถ้าฉันจะช่วย ก็ใช้ได้" สรุปว่าท่านสั่งอย่างไรก็ทำอย่างนั้น อย่าเสือกสงสัยมาก...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2015 เมื่อ 20:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 14-12-2015, 14:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมมีความสนใจที่อยากจะฝึกกสิณ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของจิตให้เป็นสมาธิโดยเร็ว และเพื่อทิพจักขุญาณ โดยมีความชอบในอาโลกกสิณเป็นพิเศษครับ ผมยังอยากจะหาโอกาสได้ฝึกภาคปฏิบัติจริง ภายใต้การดูแลแนะนำของครูบาอาจารย์ที่มีความรู้ในแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องอย่างใกล้ชิด จึงอยากจะกราบรบกวนท่านอาจารย์ช่วยแนะนำพระอาจารย์ หรือสถานที่ที่เปิดสอนกสิณในกรุงเทพฯ ในเชิงปฏิบัติจริงอย่างถูกต้องให้ด้วยครับ ?
ตอบ : ไม่มี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2015 เมื่อ 20:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 14-12-2015, 15:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กระผมกราบขออนุญาตเรียนถามว่า ในปัจจุบันมีการตั้งครรภ์ในกรณีพิเศษ ๒ แบบ คือ ๑. ภรรยาไม่สามารถตั้งครรภ์เองได้ จึงหาผู้หญิงมาอุ้มบุญ (นำตัวอ่อนไปฝากไว้ในครรภ์คนอื่น) และ ๒. สามีเป็นหมัน จึงขอรับบริจาคน้ำเชื้อและตั้งครรภ์เอง ทำให้บุตรที่เกิดจากสองกรณีนี้ไม่ทราบว่าใครคือบิดาและมารดาที่แท้จริง คำถาม คือ ในกรณีที่ ๑ อุ้มบุญ จะถือว่าเด็กที่เกิดมามีแม่ ๒ คน คือ แม่ที่เป็นเจ้าของไข่ที่ผสม กับแม่ที่อุ้มท้องใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : แม่ที่อุ้มท้องถือว่าเป็นแม่ที่แท้จริง

ถาม : ในกรณีที่ ๒ คือ รับบริจาคน้ำเชื้อ จะถือว่าเด็กที่เกิดมามีพ่อเพียงคนเดียว คือ เจ้าของน้ำเชื้อใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถูกต้อง

ถาม : หากเด็กที่เกิดจากทั้ง ๒ กรณีทำให้บิดา (เจ้าของน้ำเชื้อ) หรือมารดา (ที่อุ้มบุญ) เสียชีวิต โดยที่ไม่ทราบว่าเป็นบิดามารดา ในกรณีนี้เข้าข่ายอนันตริยกรรมใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าฆ่าถูกตัวก็อนันตริยกรรม

ถาม : ในกรณีที่ครรภ์เป็นพิษและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตทั้งแม่และเด็ก โดยหมอให้สามีเลือกรักษาชีวิตภรรยาหรือบุตรในท้องเพียง ๑ คน หากสามีต้องเลือกให้คนหนึ่งรอดชีวิต เท่ากับตัดสินให้อีกคนหนึ่งตาย ในกรณีนี้ทำให้ศีลข้อ ๑ ปาณาติบาตขาดหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ขาดแน่นอน

ถาม : กรณีที่มีการโคลนนิ่งเด็กขึ้นมาใหม่ และเด็กที่โคลนนิ่งไปฆ่าบิดาหรือมารดาของเด็กคนเดิม ถือว่าเป็นอนันตริยกรรมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เป็น..ได้เลือดเนื้อเขามาจึงก่อเกิดเป็นชีวิต ถือว่าเขาให้ชีวิตมา คนที่ให้ชีวิตมาคือพ่อหรือแม่นั่นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2015 เมื่อ 20:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 14-12-2015, 15:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลังจากที่รับยันต์มา เข้าใจว่ายันต์เกราะเพชรเป็นยันต์ที่พระท่านเมตตาให้ไว้เป็นพุทธานุสติ โดยมีพื้นฐานคือศีล ๕ ข้อ แต่อย่างน้อยผู้รับยันต์ต้องรักษาศีลอย่างน้อยสองข้อดังที่หลวงพ่อเคยกล่าวไว้ สังเกตว่าช่วงนี้ เวลาที่คิดไม่ดี พูดจาไม่ดีไป จะรู้สึกร้อนที่ใจกว่าปกติ ต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นคนที่ปฏิบัติธรรมครึ่ง ๆ กลาง ๆ ค่ะ จึงคิดว่า เวลาที่เราทำอะไรผิด คิดร้ายพูดร้ายต่อใครแม้เพียงเล็กน้อย เหมือนผลจะกลับมาทันที เลยอยากทราบว่าที่เป็นเพราะคิดไปเอง หรือเพราะสิ่งที่เกิดเตือนเพื่อพุทธานุสติ ?
ตอบ : ตกลงว่าเริ่มรู้สึกสำนึกเสียใจที่ไปรับยันต์มา...ใช่ไหม ? ยันต์เกราะเพชรเป็นพุทธานุสติอยู่แล้ว ท่านให้ไว้เพื่อป้องกันตนเอง การป้องกันจะมีผลมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับศรัทธาและสมาธิของคนนั้น ๆ ยังดีที่เป็นคนละอายชั่วกลัวบาป ทำผิดแล้วยังรู้สึกวูบขึ้นมาบ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2015 เมื่อ 20:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 14-12-2015, 15:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ไปวัดท่าขนุนมาเมื่อ ๑๗ ต.ค. ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา บูชาลูกประคำมา ๑ เส้น เมื่อกลับมาที่บ้าน นับลูกประคำได้ ๑๑๓ ลูก ซึ่งปกติ ๑๐๘ ลูก จะเป็นอะไรไหมครับ ?
ตอบ : เสียดาย..หวยน่าจะออกไปแล้ว...! ถือว่าเกินดีกว่าขาด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2015 เมื่อ 20:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 14-12-2015, 15:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วันเสาร์นั่งสมาธิที่บ้านวิริยบารมี จนเกิดหลุดเข้าสู่แสงสว่างจ้า จากที่อาการง่วง ๆ จิตก็จะสดชื่น รู้ตัวทั่วพร้อมดี มาถึงตอนนี้ก็มักจะถึงเวลาเลิกนั่ง ควรพิจารณาต่ออย่างไรคะ ?
ตอบ :ให้ทำใจไว้ว่าอย่าอยาก และอย่าเชื่อว่าตนเองดี ตั้งหน้าตั้งตาทำอย่างเดิมต่อไปบ่อย ๆ จนเข้าถึงอารมณ์ใจนั้นบ่อย ๆ ได้ทุกเวลาที่ต้องการ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2015 เมื่อ 20:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 14-12-2015, 15:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่ด้านหลังซุ้มเรือนแก้วของพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมที่วัดท่าซุงโดนทาสีแดง เป็นสัญลักษณ์พิเศษอะไรหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต้องไปถามที่วัดท่าซุง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2015 เมื่อ 20:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 14-12-2015, 15:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หากพระภิกษุรูปหนึ่งได้รับว่าตนครอบครองทรัพย์สินของโยมที่มีมูลค่าเกิน ๑ บาท โดยรับปากว่าจะคืนทรัพย์สินนั้น พร้อมกับโยมได้มีการทวงถามทั้งด้วยตนเองและฝากผู้อื่นไปทวงนับสิบครั้ง แต่พระภิกษุเล่นแง่ไม่ยอมคืนทรัพย์สินโดยอ้างหลากหลายเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น ซึ่งปรากฏชัดถึงไถยจิตที่ต้องการกลั่นแกล้งหรืออะไรก็ตามที่มิใช่กิจของสงฆ์ โดยระยะเวลาผ่านมาร่วมหนึ่งเดือนกว่า โยมก็ยังไม่ได้รับความคืบหน้าใด ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง โยมปลงตกกับพฤติกรรมของพระภิกษุรูปนั้น จึงเลิกติดตามและตัดสินใจทอดธุระทรัพย์สินทั้งหมดนั้นโดยเด็ดขาด ในกรณีนี้ถือว่าพระภิกษุรูปนั้นต้องอาบัติปาราชิกขาดจากความเป็นพระภิกษุโดยสมบูรณ์แล้วใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ในเรื่องของการตัดสินตามพระธรรมวินัยเขาเรียกว่า สัมมุขาวินัย ต้องพร้อมหน้ากันทั้งโจทก์ จำเลย ผู้ตัดสินที่รู้ในพระธรรมวินัยอย่างแท้จริง และคณะสงฆ์ ฉะนั้น...คำถามนี้ถ้าตอบไปถือว่าผิดมารยาท เพราะว่ามีแต่โจทก์ฝ่ายเดียว ถ้าเขาหาโจทก์ จำเลย และคณะสงฆ์มาพร้อมกันได้แล้วค่อยถามใหม่

การระงับอธิกรณ์หรือตัดสินพระธรรมวินัยข้อที่นิยมใช้มากที่สุด เรียกว่า สัมมุขาวินัย ท่านใช้คำว่า ถึงพร้อมด้วยโจทก์ ด้วยจำเลย ด้วยผู้ตัดสินและคณะสงฆ์ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น คำถามบางอย่างที่เกี่ยวกับการตัดสินอธิกรณ์ ไม่สามารถที่จะว่ากล่าวโดยบุคคลฝ่ายเดียวได้ และที่สำคัญที่สุด ถ้าเป็นอาบัติหนักตั้งแต่สังฆาทิเสสขึ้นไป ห้ามอนุปสัมบันอยู่ในสถานที่นั้นด้วย แปลว่าสามเณร หรือฆราวาส ก็ไม่สามารถที่จะอยู่ฟังได้ ดังนั้น...ปัญหาที่ได้ถามเกี่ยวกับเรื่องปาราชิกจึงไม่สามารถตอบในที่นี้ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2015 เมื่อ 20:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 14-12-2015, 16:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงวันพ่อที่ผ่านมา บวชสามเณรถวายกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถามเณรทั้งหมดว่า สามเณรรูปแรกในพระพุทธศาสนาคือใคร ? ไม่มีใครตอบได้ ถามพระพี่เลี้ยง พระพี่เลี้ยงก็ไม่แน่ใจ พอเฉลยว่าเป็นสามเณรราหุล ยังมีการทักท้วงว่า "เห็นเขาเรียกว่าพระ" ก็จริงของเขา

สามเณรราหุลเป็นสามเณรรูปแรกในพระพุทธศาสนา แต่พอสำเร็จอรหันต์แล้ว พระพุทธเจ้าเรียกว่าพระเถระ ก็เลยกลายเป็น "พระราหุล" มาตลอด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2015 เมื่อ 20:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 14-12-2015, 16:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ความจริงสามเณรราหุลไม่ได้ตั้งใจบวช แต่เกิดจากพระนางพิมพาราชเทวี พอได้ยินว่าพระสมณโคดมหรืออดีตเจ้าชายสิทธัตถะ เสด็จมาเยี่ยมพระประยูรญาติ ก็แอบดูอยู่ข้างหน้าต่าง พอเห็นพระพุทธเจ้าก็จำได้ ชี้ให้สามเณรราหุลซึ่งตอนนั้นเป็นราหุลราชกุมารดู "ดูก่อน...ราหุล พระสมณะที่เดินมา มีเหล่าภิกษุแวดล้อม ประดุจหมู่ดาวล้อมไว้ซึ่งดวงเดือนนั้น ก็คือ พระบิดาของเจ้า ขอให้เจ้าไปทูลขอสมบัติจากพระบิดา" เพราะว่าตอนที่พระพุทธเจ้าประสูติ มีขุมทองปรากฏขึ้นทั้งสี่ทิศ ถ้าไม่ใช่พระองค์ท่านแล้ว คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอามาใช้จ่ายได้ พระนางพิมพาท่านหมายถึงอย่างนั้น

เมื่อพระพุทธเจ้าโปรดพระประยูรญาติแล้ว เสด็จไปยังนิโครธาราม พักอยู่ที่นั่น ราหุลราชกุมารก็ตามไป พระพุทธเจ้าเห็นก็ถามว่ามาทำอะไร พระราหุลก็บอกว่าพระมารดาให้มาทูลขอสมบัติ พระพุทธเจ้าก็ตอบว่า ขึ้นชื่อว่าโลกียสมบัตินั้นไม่ยั่งยืน เอาโลกุตรสมบัติที่เป็นอริยทรัพย์เถอะ แล้วก็ตรัสให้พระสารีบุตรนำพระราหุลไปบรรพชา ก็คือบวชเณร พระสารีบุตรจึงกลายเป็นพระอุปัชฌาย์รูปแรกในพระพุทธศาสนา

พระสารีบุตรถามพระพุทธเจ้าว่าจะให้บรรพชาอย่างไร ? ทรงตรัสว่าให้กุลบุตรโกนผม โกนหนวด ตัดเล็บ นุ่งห่มผ้าย้อมด้วยน้ำฝาด นั่งกระโหย่ง ไหว้เท้าพระอุปัชฌาย์ แล้วกล่าวว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ , ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ , สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอยึดพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ข้าพเจ้าขอยึดพระธรรมเป็นที่พึ่ง ข้าพเจ้าขอยึดพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง แค่นี้บวชเสร็จแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-12-2015 เมื่อ 14:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 14-12-2015, 17:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มีคนถามว่าพระราหุลนิพพานเมื่ออายุเท่าไร ? ส่วนใหญ่หากันไม่เจอ พระพุทธเจ้าเสด็จออกบวชวันที่ราหุลราชกุมารเกิด ออกบวชอยู่ ๖ ปีจึงตรัสรู้ ผ่านไป ๑ พรรษาจึงเสด็จไปโปรดพระยูรญาติ ก็แปลว่า ๗ ปี พระราหุลอายุได้ ๗ ขวบ บรรพชาสำเร็จมรรคผลแล้ว ก็ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างแก่ภิกษุอื่นเรื่อยมา เมื่อพิจารณาว่าตนเองสมควรจะนิพพานหรือยัง ? เห็นว่าพระอัครสาวกทั้งสองก็นิพพานไปแล้ว วาระที่สมควรมาถึงเราแล้ว ดังนั้น...พระราหุลจึงตั้งใจนิพพาน ณ ดาวดึงสเทวโลก ท่านไปนอนที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นปกติ

พระอัครสาวกทั้งสองนิพพานก่อนพระพุทธเจ้าหนึ่งปีโดยประมาณ ก็แปลว่าพระพุทธเจ้าต้องอายุ ๗๙ ปี ทรงตรัสรู้เมื่อพระชนมายุ ๓๕ ถึง ๗๙ ก็คือ ๔๔ ปี บวก ๗ ปีอายุโดยประมาณของราหุลตอนบวชสามเณร ก็เป็น ๕๑ ปี เพราะฉะนั้น...ถ้าคิดโดยเฉลี่ย พระราหุลนิพพานตอนอายุ ๕๑ ปี ถ้าใครคิดว่าน้อย โปรดคิดเสียใหม่ อาตมาบวชตอนอายุ ๒๗ ปี ตอนนี้ผ่านไป ๓๐ พรรษา ปัจจุบัน ๕๗ ปี บวชจนเหนียงยานเลย แต่พระราหุล ๔๔ พรรษา ใครว่าบวชน้อย ถ้าคิดว่าท่านบวชน้อยก็คิดเสียใหม่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2015 เมื่อ 20:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 14-12-2015, 17:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แต่มีข้อสังเกตอย่างหนึ่งว่า พระนางพิมพาราชเทวีก็นิพพาน พระอัครสาวกซ้ายขวาที่รับปกครองคณะสงฆ์แบ่งเบาภาระของพระองค์ท่านนิพพานไปแล้ว พระนางปชาบดีโคตมีที่เป็นหัวหน้าภิกษุณีทั้งปวงก็นิพพานไปแล้ว พระราหุลที่ชื่อว่าเป็นหัวหน้าสามเณรก็นิพพานไปแล้ว สรุปว่าช่วงวาระปีสุดท้ายของพระพุทธเจ้า ถ้านับอย่างคนทั่วไปแทบจะอยู่คนเดียว ก็แปลว่าคนแก่อายุ ๘๐ มือเท้าที่จะทำงานแทนไปกันหมดแล้ว ถ้ามาคิดอย่างพวกเราคงจะเฉาเลย

แต่พระพุทธเจ้าทรงเห็นว่าเป็นปกติธรรมดาของโลก เมื่อเห็นว่าปกติธรรมดาของโลกเป็นอย่างนั้น พระองค์ก็ไม่ได้มีอะไรที่ต้องหวั่นไหว แต่ในสายตาปุถุชนอย่างพวกเราคงจะเฉาไปเลย และที่เฉานี่แหละ อาตมาเห็นมาหลายคน ก็คือ พอคู่ของตนเองตาย ไม่นานตัวเองก็ตายตามไปด้วย อย่างข่าวของต่างประเทศเมื่อไม่นานมานี้ ที่ตายายคู่หนึ่งตายไล่ ๆ กัน ห่างกันไม่กี่ชั่วโมง คงลักษณะเดียวกัน กำลังใจไปยึดถือคนอื่นมากเกินไป ในเมื่อยึดคนอื่นมากเกินไป รู้สึกว่าไม่มีเขาแล้วเราจะอยู่ไม่ได้ พอเขาตาย เราก็เลยพลอยตายตามไปด้วย แบบนี้น่าจะไปเกิดเป็นฝาแฝด รักกันมากก็เลยต้องไปเกิดด้วยกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2015 เมื่อ 20:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 14-12-2015, 17:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ผู้ที่จะบวชเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าตรัสว่า ต้องให้รู้เดียงสา สามารถที่จะไล่กาได้ ก็คืออีกามักจะมาขโมยกิน แล้วอีกาเป็นนกที่ฉลาดมาก ฉะนั้น...เด็กต้องฉลาดพอที่จะไล่อีกาได้ ถึงจะได้บวช

เนื่องจากการเข้าถึงมรรคผลต้องมีการตัดสินใจด้วยปัญญา ถ้าปัญญาไม่พอเพียง บวชไปแล้วโอกาสจะได้มรรคผลก็น้อย ยิ่งเป็นเด็ก ถ้าเข้าไม่ถึงมรรคผล โอกาสที่จะทำผิดพลาดจนเกิดโทษใหญ่ก็มีมาก แต่ในพระไตรปิฎกก็กล่าวถึงสามเณรหลายรูปที่บรรลุอรหันต์ตอน ๔ ขวบบ้าง ๕ ขวบบ้าง นั่นถือเป็นกรณีพิเศษ เพราะพัฒนาการของท่านเร็วกว่าคนอื่น ตีเสียว่ามาตรฐานคือ ๗ ขวบก็แล้วกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2015 เมื่อ 20:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 15-12-2015, 12:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ช่วงวันพ่อที่วัดจัดงานบวชเณร ตอนแรกทางโรงเรียนบอกว่ามีร้อยกว่ารูป เพราะเอานักเรียนที่ติด ร. มาบวชแก้ ร. ปรากฏว่ามีหมูไม่กลัวน้ำร้อน แต่กลัวบวช หนียกห้องไปห้องหนึ่ง ก็เลยเหลือแค่ ๘๓ รูป ๘๓ รูปมีพวกติด ร.อยู่ประมาณครึ่งหนึ่ง ปรากฏว่าเณรก็ล้นตามประสาวัยรุ่น อาตมาเลยแจกสายไฟไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไปทำร้ายร่างกายผู้ทรงศีลหรือเปล่า อาตมานั่งไม่ติดมาหลายวันแล้ว ปวดหลังเหมือนหลังจะขาด ให้หมอนวดให้ใครก็แก้ไม่หายทั้งนั้น จึงมาดูชะตากรรมตัวเองว่าจะนั่งตรงนี้ได้อีกสักเท่าไร ถ้าปวดขนาดนั้นนี่นั่งไม่ไหวจริง ๆ

ของบางอย่างก็ไปตามวาระ โดยเฉพาะสภาพร่างกาย ยิ่งอายุมากก็ยิ่งชำรุดง่าย หมอนวดบอกว่าเส้นหลังของอาตมาตึง สองข้างสูงต่ำต่างกันเห็นชัด ๆ เลย แล้วด้านที่สูงนั้นปวดอย่าบอกใคร เหมือนกับเส้นหดไปข้างหนึ่ง นี่ถ้าอากาศหนาวกว่านี้ไม่รู้ว่าจะแย่แค่ไหน พอเย็นแล้วส่วนใหญ่เอ็นจะหดตัว คราวนี้พอยืดไม่ออกก็ปวดอยู่นั่นแหละ ก็แค่บอกให้รู้ว่าแก่แน่ ๆ ไม่เป็นไร...ถ้านั่งไม่ไหว พวกเราก็ไปวัดกันแทนนะ เพียงแต่ว่าถ้าไปวัดก็ไปไม่ได้กันทุกเดือน ไปกันทุกเดือนก็เปลืองค่ารถตายชัก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2015 เมื่อ 13:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 15-12-2015, 12:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้เขาปิดถนน อาตมาอยากจะแสดงความเห็นสักนิดหนึ่ง งานปั่นเพื่อพ่อนี้ไม่ได้ทำเพื่อพ่อจริง ๆ แต่ทำเพื่อตัวเอง ที่ตั้งข้อสังเกตอย่างนี้เพราะว่ามาจัดงานวันศุกร์ ในหลวงของเราทำงานชนิดแทบจะเรียกว่าวันหนึ่งมี ๒๕ ชั่วโมง แต่งานนี้เรามาจัดงานเบียดบังเวลาราชการไปวันหนึ่งเต็ม ๆ ถ้าจะเสียสละเพื่อพ่อจริง ๆ ต้องจัดงานวันเสาร์หรืออาทิตย์ เพราะเป็นเวลาพัก เป็นเวลาหยุดของเรา ถ้าเราไปปั่นจักรยานเพื่อพ่อลักษณะอย่างนั้นก็ใช่เลย เพราะเราสละเวลาของเราเองออกไป ไม่ใช่วันนี้เราไปปั่นจักรยาน แล้วก็กลับบ้านมานอนสบายใจเฉิบ ไม่ต้องทำงาน พฤติกรรมนี้ในหลวงท่านไม่เคยปรากฏมาก่อนในชีวิต

แล้วส่วนหนึ่งที่ออกไปเพราะเกรงใจเจ้านาย บรรดาหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะหน่วยราชการ ถ้าหัวหน้าหน่วยงานไม่ไปก็อาจจะโดนเพ่งเล็ง แล้วถ้าหัวหน้าหน่วยงานไป ลูกน้องไม่ไปก็อาจจะโดนเพ่งเล็ง ไล่กันไปตามลำดับ สรุปว่าเป็นภยาคติ ไปเพราะกลัวมากกว่า แต่ว่ากิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ดี เนื่องจากว่าได้แสดงออกซึ่งความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เห็นความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ แต่ที่ติงอยู่หน่อยเดียวก็คือน่าจะจัดงานวันหยุด เพราะไม่อย่างนั้นวันนี้ปิดถนนไปครึ่งวัน แล้วคนที่ทำงานจะทำอย่างไร ? เดินทางก็ลำบาก ไม่ไปก็อาจจะโดนเจ้านายเฉ่งเอา อยากจะไปขี่จักรยานเพื่อพ่อก็ไม่ได้ ยุ่งยากหลายอย่างเหมือนกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2015 เมื่อ 13:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 15-12-2015, 12:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนแรกบัญชีทองคำเดือนที่แล้วติดลบแค่ ๓ ล้านกว่าบาท อาตมาก็ดีใจว่าจะหมดหนี้แล้ว ปรากฏว่าทองคำมาลดราคาอีก จึงซื้อไปอีก ๑๔ ล้านกว่าบาท สรุปว่าเดือนนี้เป็นหนี้ค่าทองคำเกือบ ๒๐ ล้านบาท ฉะนั้น...ญาติโยมอย่าว่ากันเลยนะว่า ทำไมอาตมาถึงได้สร้างหนี้ได้เก่งแท้ เพราะถ้าตอนนี้ไม่ฉวยโอกาสซื้อไว้ พอขึ้นราคาไปมากนี่ก็ซื้อไม่ได้แล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2015 เมื่อ 13:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 15-12-2015, 12:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"จะสร้างวัตถุมงคลแต่ละทีต้องเช็คราคาให้ดี มีอยู่เที่ยวหนึ่งเจอทองบาทละ ๒๗,๕๐๐ บาท แล้วลดลงตอนซื้อเหลือ ๒๗,๒๕๐ บาท ก็ต้องซื้อ...เพราะช่วงนั้นทำวัตถุมงคลพอดี น่าจะเป็นพระไพรีพินาศ มานึกถึงตอนที่ซื้อวันก่อน ๑๘,๒๐๐ บาท โอ้โฮ...ต่างกันราวฟ้ากับเหว บาทละ ๙,๐๐๐ กว่า พอเห็นเขาลงมาก็เลยซื้อ ถ้าไม่ซื้อเก็บเอาตอนนี้ พอขึ้นไปมาก ๆ แล้วหาเงินไม่หวาดไม่ไหว ยอมจ่ายเกินบัญชีไว้ก่อนดีกว่า

งานนี้ก็ไปตกหนักที่ตัวเล็กของเราแล้ว เขาอุตส่าห์ตะเกียกตะกายช่วยหลวงพ่อจนหนี้จะหมดอยู่แล้ว เพราะว่ากระทู้ของเขาได้มา ๑๐ กว่าล้านบาท งวดก่อนซื้อไปประมาณ ๑๕ ล้านบาท เหลืออยู่ประมาณ ๓ ล้านนิด ๆ นึกว่าจะหมดแล้ว หลงดีใจ หลวงพ่อเพิ่มมาให้อีก ๑๔ ล้านกว่าบาท พอซื้องวดนี้แล้วเท่ากับยังขาดทองคำอีกประมาณ ๒๐ กิโลกรัมเท่านั้น ไม่ต้องหนักใจ ถ้าแค่ ๒๐ กิโลกรัมถึงขึ้นไป ๓๐,๐๐๐ บาทก็ซื้อไหว จะหาที่ต่ำกว่า ๑๘,๐๐๐ บาทก็ยาก เพราะว่าระยะนี้ราคาทองคำขึ้นลงเร็ว

ช่างเขาพยายามเร่งมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำเพื่อที่จะให้เสร็จ แต่ปรากฏว่าทางด้านผู้ออกแบบมีญาติผู้ใหญ่เสียชีวิต มัวแต่จัดงานศพอยู่ ไม่มีเวลามาถอดแบบให้ พอถอดแบบเป็นมาตราส่วน ๑ ต่อ ๑ ไม่ได้ ช่างเขาก็แกะสลักไม้ไม่ได้ ก็เลยช้าไปนิดหนึ่ง ตอนนี้ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่แล้ว เพราะเขามาดูงานแล้วสั่งแก้ไข สองวันนี้ช่างคงเบิกค่าแรงประมาณ ๓ ล้านบาท เพราะว่าจากสัญญาที่ทำเอาไว้ ๑๓ งวด ถ้าหากว่าเบิกครั้งนี้เขาเบิกได้ ๓ งวดรวดเลย ก็เท่ากับว่าเบิกไป ๑๐ งวดแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2020 เมื่อ 16:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:59



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว