|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๔ |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๔
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ เนื่องจากฝนตกหนัก น่าจะมีต้นไม้ล้มทับสายไฟ ก็เลยทำให้ไฟฟ้าดับ ญาติโยมอาจจะได้ฟังแต่เสียงอย่างเดียว
วันนี้มี ๒ เรื่องที่อยากจะพูด เรื่องแรกก็คือระยะ ๒ - ๓ วันที่ผ่านมา ถ้าใครฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนในยูทูบ จะเห็นว่ามีโฆษณาด้วย กระผม/อาตมภาพก็เลยให้ทางฝ่ายกฎหมายเข้าไปศึกษาข้อมูลดู ปรากฏว่ายูทูบเขาต้องมีโฆษณาเป็นปกติ เพียงแต่ว่าของเรา ถ้าหากว่ามีผู้ติดตามมาก เขาก็จะแบ่งค่าโฆษณาให้ ประมาณว่า ถ้าหากว่าผู้ชมเข้าไปกดไลค์ ๑,๐๐๐ ครั้ง เราจะได้ ๕ ดอลลาร์ คราวนี้พวกเราที่เข้าไปชมคลิปเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนั้น จะว่าไปแล้วก็มากทีเดียว แต่น้อยคนที่จะไปกดไลค์ให้ ดังนั้น...ตรงจุดนี้ ถ้าหากว่าเราจะดำเนินการในลักษณะรับส่วนแบ่งค่าโฆษณาจากทางยูทูบ ก็แปลว่าญาติโยมทั้งหลายที่เข้าไปฟังคลิปเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ทุกคนต้องช่วยกันกดไลค์ ก็เท่ากับว่าเราทำบุญนั่นเอง เพราะว่าถ้าหากว่า ๑,๐๐๐ คน เราก็จะได้เงินจากเขา ๕ ดอลลาร์ ส่วนใหญ่ที่พวกเราเข้าไปดู แต่ละคลิปก็ตกประมาณสามสี่พันวิว ก็จะอยู่ในอัตราประมาณคลิปละ ๑๕ - ๒๐ ดอลลาร์ นับว่าเป็นเงินไม่น้อยทีเดียว ในส่วนนี้ญาติโยมบางท่านก็อาจจะรำคาญกับโฆษณาที่วิ่งเข้ามาตัดเสียงธรรม ก็จะพยายามให้เขาเริ่มตั้งแต่ตอนต้น เราจะได้ฟังหรือได้ดูกันอย่างต่อเนื่อง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2021 เมื่อ 01:57 |
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
สำหรับเรื่องที่สองที่อยากจะพูดในวันนี้ ก็เพราะว่าได้เข้าไปอบรมในโครงการเครือข่ายพระสงฆ์ต่อต้านและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาในเรื่องยาเสพติดก็ดี หรือว่าอย่างวันก่อนที่อบรมเรื่องการต่อต้านทุจริตคอรัปชั่นก็ตาม จะว่าไปแล้วเป็นหน้าที่ของทางรัฐบาลหรือว่าของทางราชการ จะต้องเป็นเจ้าภาพนำหน้าในการจัดการแก้ไขปัญหา
แต่ว่าท่านทั้งหลายก็จะเห็นว่า ในปัจจุบันนี้ลักษณะของการบริหารงานของรัฐบาล ถ้าในสายตาชาวบ้านทั่วไปก็คือ "ล้มเหลว" โดยเฉพาะในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ซึ่งท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขตอบกระทู้ที่ซักถามว่า จำนวนผู้ป่วยลดลงจริง ๆ เพราะว่า "ได้รับความร่วมมือช่วยเหลือจากทุกฝ่าย" คำว่าทุกฝ่ายในที่นี้ ต้องบอกว่า "ไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอยู่ด้วย..!" โดยเฉพาะฝ่ายสงฆ์ ออกมาช่วยเหลือกันอย่างชนิดที่เกินครึ่ง อยากจะบอกว่าน่าจะถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ของการช่วยเหลือทั้งหมด..! ส่วนอื่น ๆ ก็คือบรรดาเอกชน ตลอดจนกระทั่งบุคคลทั่วไปที่ออกมาช่วยกัน หน่วยงานของส่วนราชการนั้นออกมาช่วยเหลือน้อยมาก แม้แต่อย่างโรงพยาบาลสนามวัดท่าขนุนก็ตาม หลายหน่วยงานที่เข้ามาร่วมกันเพื่อสนับสนุน ต่างฝ่ายต่างก็ไปเบิกงบประมาณในการช่วยเหลือโรงพยาบาลสนาม แต่ว่าประโยชน์ที่จะตกสู่โรงพยาบาลสนามวัดท่าขนุนจริง ๆ นั้นมีน้อยมาก..! ไม่ทราบเหมือนกันว่าเบิกแล้วหายไปทางไหนหมด ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2021 เมื่อ 02:00 |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ดังนั้น..เราไม่สามารถที่จะหวังอะไรจากทางราชการหรือทางรัฐบาลได้ ทางคณะสงฆ์จึงต้องกำหนดให้มีโครงการต่าง ๆ กันขึ้นมา อย่างเช่นโครงการการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น แล้วนี่ก็เป็นโครงการเครือข่ายพระสงฆ์ต่อต้านและแก้ไขปัญหายาเสพติด
ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นและปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาหนักอันดับแรก ๆ ของประเทศของเรา เพราะว่าการทุจริตคอรัปชั่นนั้นทำลายรากฐานการพัฒนาประเทศ เงินงบประมาณมาเท่าไรก็ไม่พอให้ทุจริต ทำให้ประเทศของเราก้าวหน้าไปช้ามาก เพราะว่าเงินงบประมาณตกเรี่ยเสียราดไปหมด ส่วนปัญหายาเสพติดนั้น เป็นการทำลายประชากรในประเทศ โดยเฉพาะวัยรุ่นที่กำลังจะเป็นกำลังสำคัญต่อไปของประเทศชาติในภายหน้า เราจะเห็นว่าทุกฝ่ายไม่มีความจริงจังในการปราบปรามยาเสพติด อาจจะเป็นเพราะมีส่วนได้ส่วนเสียอยู่ในยาเสพติดนั้นก็ได้..! คราวนี้ในการที่พระสงฆ์ของเรามาทำโครงการแบบนี้ ก็เพราะเล็งเห็นว่า พระสงฆ์ส่วนหนึ่งเป็นที่เคารพนับถือในชุมชน ถ้าหากว่าพระสงฆ์เอ่ยปากทำโครงการ ญาติโยมส่วนใหญ่ก็น่าจะเห็นด้วย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงได้มีการทำโครงการนี้ขึ้นมา อันดับแรกเลยก็คือต้องดึงเอาทั้งทางพระสงฆ์ ทั้งทางตำรวจ ทางแพทย์พยาบาล ตลอดจนกระทั่งผู้ปกครองมาร่วมกันให้ความเห็น ว่าจะแก้ไขปัญหายาเสพติดกันอย่างไร ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2021 เมื่อ 02:03 |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
วันนี้กระผม/อาตมภาพกลายเป็นวิทยากรจำเป็น เนื่องจากว่าเจ้าภาพคือวิทยาลัยสงฆ์ระยอง ร่วมมือกับวิทยาลัยสงฆ์ราชบุรี โดยมีพิธีกรจากวิทยาลัยสงฆ์เพชรบุรี แล้วก็ผู้เข้าร่วมอย่างอาตมภาพจากวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี แล้วทุกรูปก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันหมด
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทางด้านวิทยาลัยสงฆ์ราชบุรีก็เลยเชิญอาตมภาพให้ร่วมในการเสวนาด้วย โดยที่ พระครูวิสุทธานันทคุณ, ผศ. ดร. จากวิทยาลัยสงฆ์ราชบุรี ท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอโพธาราม เป็นเจ้าอาวาสวัดเขาช่องพรานหรือวัดค้างคาวร้อยล้าน ให้เหตุผลง่าย ๆ ว่า "ตอนที่เรียนอยู่ พระอาจารย์เล็กท่านเก่งกว่าผมมาก" ก็เลยกลายเป็นว่าในช่วงท้าย ๆ อาตมภาพต้องรับบทหนักในการตอบปัญหาที่ผู้ร่วมเสวนาถาม แต่คราวนี้ปัญหายาเสพติดยังต้องมีการประชุมเครือข่ายกันอีกหลายรอบ ถึงจะสรุปได้ความชัดเจนว่าเป็นอย่างไร แต่มีผู้ร่วมฟังอยู่ท่านหนึ่ง ถามปัญหาขึ้นมาคนละเรื่องกับการสัมมนา แต่ว่าพิธีกรท่านก็เมตตา มอบหมายให้อาตมภาพตอบปัญหานี้ ก็คือท่านถามว่า "พระเสพเมถุนต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ไม่ยอมสึก ไม่ยอมออกจากวัด จะแก้ไขอย่างไร ?" ปัญหาตรงจุดนี้ ต้องบอกว่าถ้าเป็นเจ้าอาวาส อันดับแรกเลย..ต้องปรึกษาผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด คือ เจ้าคณะตำบลก่อน ถ้าเจ้าคณะตำบลมีบารมีเพียงพอ ก็บังคับเอาผ้าเหลืองออกจากตัวไป เรียกว่าทำกันแบบนุ่มนวลหน่อย แต่ถ้าท่านยังหน้าด้าน ใจด้าน ไม่ยอมที่จะเอาผ้าเหลืองออก ทั้ง ๆ ที่ขาดความเป็นพระไปแล้ว วิธีการของทางสงฆ์เรา ท่านใช้คำว่า "ขอความคุ้มครองจากทางราชการ" พูดง่าย ๆ ก็คือแจ้งความให้ตำรวจมาดำเนินการ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 04-09-2021 เมื่อ 23:31 |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
คราวนี้จะดำเนินการในข้อไหน ? ในเมื่อท่านต้องอาบัติปาราชิกขาดความเป็นพระไปแล้ว ย่อมไม่มีสิทธิ์ที่จะแต่งตัวเป็นพระสงฆ์ ก็เท่ากับว่าท่านเองปลอมบวช สามารถที่จะแจ้งข้อหาแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ได้ สามารถแจ้งข้อหาปลอมบวชได้ แล้วก็มอบหมายให้ทางราชการ ซึ่งก็คือตำรวจ ไปจัดการตามวิธีการทางกฎหมายต่อไป
ตรงจุดนี้ ส่วนใหญ่แล้วถ้าหากว่าเกิดขึ้นกับวัดใด ถ้าผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดคือเจ้าคณะตำบลจัดการไม่ได้ อีกส่วนหนึ่งที่เราจะต้องหวังพึ่งก็คือ พระวินยาธิการ หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า ตำรวจพระ เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้จะมีหน้าที่จัดการในเรื่องแบบนี้โดยเฉพาะ แต่คราวนี้ตำรวจพระนั้นเป็นใครบ้าง เรามักจะไม่รู้ อย่างในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิของเรา ที่อยู่ใกล้ชิดเราเลย ตำรวจพระก็คือ พระครูสมุห์ฉันธ์ วรปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดทองผาภูมิ เลขานุการเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ อีกท่านหนึ่งก็คือ พระปลัดกิตติศักดิ์ ฐานจาโร เจ้าอาวาสวัดนพเก้าทายิการาม และเลขานุการรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (วัดเขื่อนวชิราลงกรณ) แต่เนื่องจากว่าท่านนี้ได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าคณะตำบลปิล็อก ตำแหน่งก็เลยว่างไปโดยปริยาย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2021 เมื่อ 02:14 |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
เพราะว่าในระเบียบหรือในมติมหาเถรสมาคมเกี่ยวกับเรื่องของพระวินยาธิการ บอกไว้ชัดเจนว่า ต้องไม่ใช่เจ้าคณะปกครอง เพราะว่าเจ้าคณะปกครองตั้งแต่ระดับเจ้าคณะตำบลขึ้นไปนั้นให้เป็นที่พึ่ง พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นกำแพงให้พระวินยาธิการท่านได้พึ่งพิง แล้วถ้าหากว่าจับพระที่ทำผิดมา เจ้าคณะปกครองตั้งแต่ระดับตำบลขึ้นไปก็จะทำหน้าที่เป็นผู้ให้การสึกหาลาเพศ คือทำพิธีให้ลาสิกขาไป ดังนั้น..ถ้าหากว่าในเขตของเราตอนนี้ ก็ต้องพึ่งพาทางวัดทองผาภูมิแห่งเดียว
แต่คราวนี้ด้วยความที่ว่า บางเรื่องเกิดอยู่ตรงนี้ กว่าที่จะแจ้งความถึงพระวินยาธิการ บางทีผู้ทำผิดก็หลบหนีไปเสียแล้ว แต่จากผู้ที่ถามปัญหาบอกว่า ท่านไม่ยอมไป ไม่ยอมสละผ้าเหลือง ถ้าอย่างนั้นเราก็สามารถที่จะแจ้งพระวินยาธิการ คือตำรวจพระ ให้ประสานกับตำรวจทางโลก ก็คือขอความคุ้มครองจากทางราชการ ตามคำในระเบียบปฏิบัติของเรา แล้วก็ดำเนินการตามกฎหมายกันต่อไป ตรงจุดนี้ ถ้าหากว่าใครไม่ชัดเจน ท่านก็จะได้รู้วิธีปฏิบัติของเราว่า ต่อไปถ้าเกิดเรื่องที่พัวพันกับกฎหมายขึ้นมา เราจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง วันนี้จึงขอเรียนถวายในสภาพที่ไม่ปกตินัก ต่อพระภิกษุสามเณรของเรา แล้วก็เจริญพรบอกกล่าวให้แก่ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2021 เมื่อ 02:14 |
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|