กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-06-2019, 20:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒

ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราทั้งหมดไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ เป็นการปฏิบัติธรรมต้นเดือนมิถุนายนในวันแรก แต่เนื่องจากว่ามีงานที่ติดพันกันอยู่ ดังนั้น..การปฏิบัติธรรมจึงคร่อมกันอยู่ระหว่าง ๒ เดือน โดยเฉพาะเดือนนี้ต้องมาบ้านเติมบุญทั้งหัวเดือนปลายเดือน เพราะว่าช่วงก่อนและหลังจากนั้นติดงานอยู่

สำหรับเมื่อครู่นี้ที่ได้กล่าวไปแล้ว ก็คือในเรื่องของสถานการณ์บ้านเมืองที่พัฒนาไปในทางที่ไม่ดี เพราะว่ามีการแย่งชิงประโยชน์กัน ตรงจุดนี้ขอให้ญาติโยมทั้งหลายเข้าใจว่า ปกติธรรมดาของโลกเป็นเช่นนั้น เพราะว่าโลกของเรานั้นประกอบไปด้วยโลกธรรม คือ สิ่งที่เป็นธรรมดาในโลก ๘ อย่างด้วยกัน แบ่งออกเป็น ๔ คู่ ก็คือ ได้ลาภ-เสื่อมลาภ, ได้ยศ-เสื่อมยศ, ได้รับคำสรรเสริญ-โดนนินทาด่าว่า, มีความสุข-เกิดความทุกข์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2019 เมื่อ 03:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-06-2019, 20:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ทั้ง ๘ อย่างนี้เป็นสิ่งประจำโลก เป็นสมบัติประจำโลก ใครเกิดมาก็ต้องพบทั้งนั้น คราวนี้โลกธรรมทั้ง ๘ อย่างนี้ เป็นตัวร้อยรัดเราให้ติดอยู่กับโลก ที่หนาแน่นแข็งแรง ยากแก่การที่จะตัดละ เพราะว่าในด้านดี ก็คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เกิดขึ้น เราก็หวั่นเกรงว่าจะเสื่อมสลายไป พอเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์เกิดขึ้น เราก็หวั่นไหว พูดง่าย ๆ ก็คือทั้งหวั่นทั้งไหว

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราจึงจำเป็นจะต้องสร้างกำลังใจของเราให้มั่นคง เพื่อที่จะได้ก้าวพ้นจากโลกธรรมทั้งหลายที่ร้อยรัดเราให้ติดอยู่ ซึ่งทำให้ไม่สามารถหลุดพ้นไปได้ ส่วนที่จะสร้างกำลังใจของเราได้ดีที่สุด คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ก็คือหลักไตรสิกขา ซึ่งถ้ากระจายออกอีกเล็กน้อย ก็จะกลายเป็นมรรคมีองค์ ๘ เมื่อสรุปลงมาค่อยเหลือเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา

ศีลนั้นเป็นเครื่องป้องกันเราไม่ให้ตกไปสู่อบายภูมิ ก็คือขีดเส้นให้ กาย วาจา ของเราอยู่ในกรอบ ไม่ไหลลงไปในทางที่ต่ำ คือเว้นจากการฆ่าสัตว์และทรมานสัตว์ เว้นจากการลักขโมยหรือหยิบฉวยสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ เว้นจากการแย่งชิงคนรักหรือของรักของผู้อื่น เว้นจากการโกหกมดเท็จ เว้นจากการดื่มสุราหรือเสพยาเสพติด ถ้าเราตั้งสติระมัดระวังรักษาสิกขาบทเหล่านี้ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงละเมิดเป็นปกติ สภาพจิตของเราจะเริ่มทรงตัวเป็นสมาธิเอง

ดังนั้น...ศีลจึงเป็นเครื่องเกื้อหนุนสมาธิได้ดีที่สุด โดยเฉพาะศีล ๘ ทำให้เราละเว้นสิ่งไม่จำเป็นต่าง ๆ ลงไปได้มากต่อมากด้วยกัน เป็นการขัดเกลากำลังใจของเราให้กองกิเลสต่าง ๆ เบาบางลงไปโดยอัตโนมัติ เมื่อสภาพจิตเริ่มเป็นสมาธิ ความหวั่นไหวต่าง ๆ ที่เกิดจากการกระทบของโลกธรรมก็จะน้อยลง ถ้าสามารถทรงสมาธิสูงสุดก็คือฌาน ๔ ได้ ความหวั่นไหวจากโลกธรรมจะไม่ปรากฏ จนกว่าท่านจะหลุดจากสมาธิออกมาใหม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2019 เมื่อ 03:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 23-06-2019, 22:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...นักปฏิบัติที่ดีเมื่อทรงสมาธิได้แล้ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องประคับประคองรักษากำลังใจของเราเอาไว้ อย่าให้หลุด อย่าให้หล่นหายไป ไม่เช่นนั้นอาการจิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก จะเกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย ซึ่งนักปฏิบัติที่มีประสบการณ์จะรู้เลยว่าทุกข์ทรมานใจขนาดไหน ที่สภาพจิตของเราเปลี่ยนจากฟ้ากลายเป็นเหว จากที่ทรงคุณงามความดีเต็มจิตเต็มใจ ก็กลับกลายเป็นมีแต่ความชั่วมายึดครองจิตใจ บุคคลที่รู้เข็ดรู้จำ จะไม่อยากให้เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้นอีก

เมื่อพยายามประคับประคองรักษากำลังใจของตนเองกลับมาทรงตัวได้ใหม่ ก็ต้องตั้งสติระมัดระวังสุดขีด เหมือนคนที่เดินอยู่บนผิวน้ำแข็งบาง ๆ กลัวเกรงสุดชีวิตว่าแผ่นน้ำแข็งจะแตก ทำให้เราจมหายลงไปใต้ความเย็นที่สามารถคร่าชีวิตของเราได้

เมื่อท่านทั้งหลายใช้สมาธิจนกระทั่งอารมณ์ใจทรงตัว สภาพจิตผ่องใส ปัญญาก็จะเกิด พิจารณาแล้วเราจะเห็นว่า โลกธรรมทั้งฝ่ายดี คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ที่ว่าดีเพราะว่าเราชอบ ทั้งฝ่ายไม่ดี คือ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ ที่ว่าไม่ดีเพราะว่าเราไม่ชอบ จริง ๆ แล้วมีโทษสาหัสพอกันทั้งคู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2019 เมื่อ 03:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 23-06-2019, 22:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนที่เราชอบก็สร้างให้ราคะกับโลภะให้เกิดขึ้นในใจของเรา ก็คือยินดีแล้วอยากมีอยากได้ ส่วนที่ไม่ชอบก็ก่อให้เกิดโทสะขึ้นในใจของเรา ก็คือหงุดหงิด กลัดกลุ้ม ไม่อยากมี ไม่อยากได้ เครียด

ทั้ง ๒ อย่างไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เรายินดีหรือไม่ยินดีก็ตาม เป็นเครื่องร้อยรัดเราให้จมอยู่ในวัฏสงสารทั้งคู่ จึงต้องใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นทุกข์เห็นโทษของโลกธรรมทั้งหลายเหล่านี้ แล้วอยู่ในลักษณะสักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น ไม่ยินดียินร้าย ฝ่ายดีเข้ามาก็เสพรับอย่างมีสติ ฝ่ายไม่ดีเข้ามาก็ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ไม่คลอนแคลน เพราะเข้าใจดีว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไรทรงตัวอยู่ได้ตลอดกาล

ถ้าท่านสามารถทำอย่างนี้ได้ โลกธรรมก็ไม่สามารถที่จะทำอันตรายต่อท่านทั้งหลายได้ ถ้าสภาพจิตปลดละปล่อยวางได้อย่างแท้จริง ท่านทั้งหลายก็สามารถล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2019 เมื่อ 03:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:46



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว