กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 15-03-2012, 08:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมภาวนาแล้วพวกยักษ์มารจะมา ?
ตอบ : ไม่ต้องทำอะไร ให้ภาวนาต่อไป ไม่มีอะไรสู้พุทธานุภาพได้ ให้นึกถึงภาพพระพุทธเจ้าคลุมกายของเราลงมา ขยายได้กว้างเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น ยิ่งขยายได้กว้างเท่าไรเขาก็ยิ่งเข้าใกล้เราได้ยากขึ้น

แรก ๆ อาตมาก็กังวลเพราะไม่รู้วิธี พอรู้วิธีก็สบาย ขยายภาพพระกว้าง ๆ แล้วเราก็นอนในฐานพระสบายใจเฉิบ ใครที่ปฏิบัติแล้วสิ่งเหล่านี้มากวนเยอะแสดงว่าถ้าปฏิบัติแล้วจะได้ผลเร็ว เขาก็เลยพยายามที่จะมาขวางเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2012 เมื่อ 12:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 15-03-2012, 08:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่มีอาการป่วยมะเร็งถึงขั้นที่สามแล้ว อยู่ ๆ อาการก็หายไปเลย โดยไม่ทำอะไร เป็นเพราะ ?
ตอบ : ถ้าหมดกรรมก็หาย ถ้าไม่หมดกรรมก็เป็นต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2012 เมื่อ 12:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 220 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 15-03-2012, 08:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านเจ้าคุณพระราชปริยัติโมลี วัดพระงาม ท่านเป็นคนที่ความรู้แน่นจริง ๆ แล้วท่านเป็นคนไม่มีมานะด้วย ท่านเก่งบาลีแต่วิชาอื่นท่านไม่เก่ง พอต้องมาสอนวิชาทั่ว ๆ ไปในระดับปริญญาตรี ท่านเองเป็นเจ้าคุณ จบประโยค ๙ เป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ไม่มีเลยที่จะวางท่า มาถึงคว้าไมค์ได้ก็ “เฮ้ย...เล็กเว้ย มาช่วยกูหน่อย วิชานี้กูไม่เป็น” ไม่มีการวางท่าเลย ไม่เป็นก็คือไม่เป็น ท่านยอมรับตรง ๆ แบบคนไม่มีมานะ ใครเห็นแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้ จะไปงานข้างนอกมาดึกดื่นเที่ยงคืนขนาดไหน ท่านต้องทำวัตรก่อนแล้วค่อยเข้านอน

ท่านบอกว่าครูบาอาจารย์สอนมาอย่างนี้ สั่งมาอย่างนี้ ก็ต้องทำตามครูบาอาจารย์ ไม่ใช่ทำตามใจตัวเอง ท่านบอกว่าสมัยนี้ความเป็นพระอริยเจ้าเข้าถึงยาก ไม่เหมือนสมัยพุทธกาล เพราะบารมีเราไม่เหมือนคนยุคนั้น แต่พระพุทธเจ้าท่านต้องการให้เราเป็นพระอย่างไร ผมก็จะเป็นพระอย่างนั้นให้ได้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้

ท่านชอบพระเครื่อง พวกลูกศิษย์แสบ ๆ ก็รู้อยู่ว่าอาจารย์ท่านไม่ค่อยถือเนื้อถือตัว ก็สอยอาจารย์เลย “แล้วเจ้าคุณอาจารย์ส่องพระทุกวันนี่ ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าบอกหรือเปล่าครับ ?” ท่านบอกว่า “เฮ้ย..กูส่องพระ ใจกูเกาะพระ ถ้าตาย..กูมั่นใจว่ากูไปดีเว้ย” ท่านไม่เป็นกรรมฐาน ท่านไม่พูดถึงพุทธานุสติอะไรทั้งนั้นแหละ ท่านว่าของท่านซื่อ ๆ

ท่านบอกว่า “เล็ก..พอกูเป็นเจ้าคณะภาคแล้ว มึงมาเป็นเลขาให้ทีนะ” กราบเรียนท่านไปบอกว่า “ไม่ต้องหรอกครับ อย่างพระเดชพระคุณถ้าเป็นก็ภาค ๑๙ โน่นแหละ” เขามีกันแค่ ๑๘ ภาค แล้วก็จริง ๆ ด้วย ท่านมรณภาพก่อน เพราะท่านเป็นมะเร็งตับ สังเกตมาหลายรายแล้ว คนเป็นมะเร็งตับไปเร็วจริง ๆ เพราะว่าตับเป็นแหล่งสำรองพลังงาน เล่นโจมตีคลังเสบียงเลย แล้วจะไปเหลืออะไร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2012 เมื่อ 12:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 224 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 15-03-2012, 08:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พออาตมาโทรศัพท์ไป “เจ้าคุณอาจารย์เป็นอย่างไรบ้างครับ ? ลูกศิษย์จะไปเยี่ยม” ท่านบอกว่า “มึงไม่ต้องเสือกมากันเลย” ถามว่าทำไมละครับ ท่านบอกว่า “มันฉายแสงกูผมร่วงหมดเกลี้ยง ถึงเป็นพระหัวล้านกูก็อายว่ะ กูยังทำใจไม่ได้ มึงไม่ต้องมาหรอก ขอบใจนะ”

ท่านว่าเสียตรง ๆ รู้สึกอย่างไรก็พูดอย่างนั้นเลย ชอบใจท่านจริง ๆ ท่านอายท่านก็บอกว่าอาย ทำใจไม่ได้ท่านก็บอกทำใจไม่ได้ คนเราที่รู้ตัวแล้วยอมรับสภาพตัวเองนั้นหายาก เพราะส่วนใหญ่ตัวกูของกูมักจะแรง ต้องวางท่าไว้ก่อน แต่ของท่านนี่ไม่มีเลย

สงสารก็แต่หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชรัตนมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ท่านรักการปฏิบัติ ไม่ยุ่งไม่เกี่ยวไม่เอาอะไรกับใครเลย ไม่อยากเป็นเจ้าคณะจังหวัดด้วย ก็เลยจับท่านเจ้าคุณอาจารย์วัดพระงามยัดให้เป็นรองเจ้าคณะจังหวัด ท่านกะว่าให้เป็นรองเจ้าคณะจังหวัด ๒ ปีแล้วท่านจะลาออก ให้ท่านเจ้าคุณอาจารย์วัดพระงามเป็นเจ้าคณะจังหวัดแทน ปรากฏว่าท่านเจ้าคุณอาจารย์วัดพระงามเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดได้ ๕ - ๖ เดือน ก็โดนมะเร็งกินจนมรณภาพ หลวงพ่อเจ้าคุณเจ้าคณะจังหวัดยังหาคนเป็นแทนไม่ได้มาจนทุกวันนี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2012 เมื่อ 12:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 226 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 15-03-2012, 09:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มีอยู่หนึ่งตำแหน่งที่ปัจจุบันนี้ไม่มีการแต่งตั้งเลย ก็คือตำแหน่งพระราชาคณะชั้นสามัญ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ คือ พระนพีสีพิศาลคุณ เพราะว่าในอดีตรับตำแหน่งนี้แล้วมรณภาพติด ๆ กันทั้ง ๓ รูป เขาจึงตัดทิ้งตำแหน่งนี้ไปเลย

"นพีสี" นี่บอกชัด ๆ เลยว่าเมืองเชียงใหม่ เมืองใหม่ที่ฤๅษีสร้าง ที่เขาเรียก "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่"

พระธิดาของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี เป็นพระองค์เจ้าวิมลนาคนพีสี บอกชัด ๆ ว่ามาจากเชียงใหม่ แต่คราวนี้ถ้าคนอ่านไม่เป็นก็จะอ่านเป็น วิ-มน-นา-คน-พี-สี จริง ๆ คือ วิ-มน-นาค-นะ-พี-สี

วิมล แปลว่า งดงาม ไร้ตำหนิ , นาค แปลว่า ผู้ประเสริฐ , นว แปลว่า ใหม่ , อิสิ แปลว่า ฤๅษี , วิมลนาคนพีสี แปลว่า ผู้ประเสริฐที่งดงามยิ่งของเมืองใหม่ที่พระฤๅษีสร้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 15-03-2012 เมื่อ 13:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 15-03-2012, 09:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ส่วนตำแหน่งที่เป็นมงคล เป็นแล้วอายุยืนก็มี คือตำแหน่งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์อย่างของวัดสามพระยา ก็อายุยืนถึง ๙๐ กว่าปี สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสุวรรณาราม ก็อยู่ถึง ๑๐๐ กว่าปี ส่วนสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสุทัศน์เทพวราราม ทั้ง ๆ ที่ทั้งแบกทั้งหาม พอรับตำแหน่งกลับออกงานได้เฉยเลย เพราะฉะนั้น..ตำแหน่งมหามงคลต้องเป็นตำแหน่งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ แล้วเป็นตำแหน่งโบราณด้วย

ตำแหน่งสมเด็จพระวันรัตน์และตำแหน่งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เป็นตำแหน่งโบราณแต่ดั้งแต่เดิม จริง ๆ แล้วสมเด็จพระวันรัตน์กับสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ต้องไขว้กัน เพราะว่าสมเด็จพระวันรัตน์เป็นของมหานิกาย สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์เป็นของธรรมยุติ

ปัจจุบันนี้ไขว้กันมาน่าจะตั้งแต่สมัยหลวงปู่สมเด็จวัดสามพระยา สมเด็จพระวันรัตน์ไปอยู่ฝ่ายธรรมยุติ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์หลุดมามหานิกาย พระท่านไม่ได้เลือกหรอก ทรงสถาปนาตำแหน่งอะไรมาก็รับไว้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2012 เมื่อ 12:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 222 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 15-03-2012, 10:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานใครตามไปงานพุทธาภิเษกที่ชลบุรีบ้าง ? พระเกจิอาจารย์ ๔๙ รูป อายุรวมกันเกือบสี่พันปี แต่ละท่าน ๙๐ กว่าปีแทบทั้งนั้นเลย อายุ ๕๐ กว่าอย่างอาตมาอยู่เกือบท้ายแถว ถ้าไม่มีครูบาเหนือชัย ครูบาอริยชาติ ไม่มีอาจารย์เล็ก วัดศรีมงคล อาตมาก็คงอยู่ท้ายแถวสุด

แต่ฝ่ายต้อนรับเขาแม่นมาก ไม่รู้ไปเอารูปมาจากไหน เห็นหน้าก็รู้เลยว่าเป็นใคร อาตมาไม่ได้มีโอกาสคุยกับหลวงปู่หวล วัดพุทไธศวรรค์ หลวงปู่เพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน หลวงปู่ศิริ วัดละหาร พอท่านเข้ามาเขาก็นิมนต์เข้านั่งปรกเลย เพราะท่านมีธุระต่อก็ต้องไปนั่งก่อน

ส่วนใหญ่ ๙๙ เปอร์เซ็นต์ใช้กำลังของตัวเอง..น่าเสียดาย หลวงปู่ฟู วัดบางสมัคร ท่านเข้าก่อนประมาณ ๑๐ นาที พอถึงเวลาพระบอกว่าพอแล้ว หลวงปู่ก็ลืมตามาพรมน้ำมนต์ เจิมเสร็จ หันมาบอกอาตมาว่า พอแล้ว..เต็มแล้ว..ไปเถอะ แสดงว่าท่านเบาแรงตัวเองเหมือนกัน ขอบารมีพระท่านช่วย อาตมาก็ประคองท่านออกมาข้างนอก ญาติโยมนึกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ไม่นึกว่าจะกลับ ในเมื่อเสร็จธุระแล้วจะอยู่ไปทำไม ของเต็มแล้วเติมไปก็ล้นเปล่า ๆ"

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : จริง ๆ แล้วใช้เวลาไม่นาน บางทีพระท่านชวนคุยด้วย เรื่องนั้นบ้างเรื่องนี้บ้าง ให้รอเวลานิดหนึ่ง เสกเร็วเกินไปเดี๋ยวญาติโยมเขาไม่เชื่อ

ถาม : เชื่อยากจริง ๆ นะ บางคนนั่งเสก ๔ ชั่วโมงก็มี
ตอบ : แบบเดียวกับหลวงปู่สีหรือหลวงปู่บุดดา พอเอาของไปให้เสก "ขอบารมีหลวงปู่ด้วยครับ" ท่านเอามือแปะทีเดียว "เอ้า..ไปได้แล้ว" คือกำลังใจที่เต็มที่อยู่แล้ว พอถึงเวลาก็เหมือนกับไฟเป็นหมื่น ๆ โวลต์ ช็อตทีเดียวก็เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมาก อย่างที่หลวงปู่แหวนบอกว่า "หลวงปู่สีเอามือแตะสามที ดีกว่าฉันเสกสามเดือน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2012 เมื่อ 12:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 233 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 15-03-2012, 12:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตำแหน่งพระครูปุริมานุรักษ์ เป็นตำแหน่งพระครูรักษาพระปฐมเจดีย์ด้านทิศตะวันออก สมัยก่อนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะตั้งพระครูสัญญาบัตรรักษาพระปฐมเจดีย์ทั้ง ๔ ทิศ มีพระครูปุริมานุรักษ์ พระครูทักษิณานุกิจ พระครูปัจฉิมทิศบริหาร พระครูอุตรการบดี

พระครูปริมานุรักษ์ รักษาทิศตะวันออก พระครูทักษิณานุกิจ รักษาด้านทิศใต้ พระครูปัจฉิมทิศบริหาร รักษาด้านทิศตะวันตก พระครูอุตรการบดี รักษาด้านทิศเหนือ คราวนี้ตำแหน่งพระครูทั้ง ๔ นี้ ที่ดังที่สุดคือหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ท่านเป็นพระครูอุตรการบดี ที่เขาเรียกหลวงพ่อวัดพะเนียงแตกเพราะว่าเขาทำพลุตะไล ปิดถนนจุดฉลองกันในงาน ปรากฏว่าคนไปเที่ยววัดเมามาย ทะเลาะกัน ตีกัน หลวงพ่อทาเบื่อพวกนี้เต็มที เขาจุดพลุท่านก็เลยเอามืออุดกระบอกไว้ พลุพุ่งขึ้นไม่ได้ก็ระเบิดออกด้านข้าง หลวงพ่อท่านยืนเฉยไม่เห็นเป็นอะไร คนเขาก็เลยเรียกว่าหลวงพ่อพะเนียงแตก

พระครูทักษิณานุกิจที่ดังมาก ๆ เลยคือหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม แต่ตอนหลังหลวงพ่อเงินเลื่อนเป็นเจ้าคุณพระราชธรรมมาภรณ์ พระครูปุริมานุรักษ์ที่ดังที่สุดคือหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม

พระมหาธาตุเมืองนครก็มีตำแหน่งพระครูกาแก้ว พระครูกาชาด พระครูกาเดิม และพระครูการาม ปักษ์ใต้เขามีพระครูกา มาจากคำว่าลังกา สมัยนั้นเขาเป็นแผ่นดินลังกาสุกะ

ด้านกาญจนบุรี สมัยก่อนก็มีตำแหน่งที่คล้องจองกันเป็นโคลงเป็นกลอนเลย มี พระวิสุทธิรังษี พระครูสิงคิคุณธาดา พระครูจริยาภิรัต พระครูยติวัตรวิบูล พระครูอดุลสมณกิจ พระครูนิวิฐสมาจาร พระครูวัตตสารโสภณ

ตั้งแต่ตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ก็คือพระวิสุทธิรังษี ที่ดังที่สุดคือหลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้ พระครูสิงคิคุณธาดา ที่ดังที่สุดคือหลวงปู่ม่วง วัดบ้านทวน พระครูจริยาภิรัต วัดหนองขาว พระครูยติวัตรวิบูล วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง พระครูอดุลสมณกิจ ที่ดังที่สุดคือหลวงปู่ดี วัดเหนือ พระครูนิวิฐสมาจาร วัดหนองบัว และพระครูวัตตสารโสภณ วัดดอนเจดีย์"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2013 เมื่อ 11:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 15-03-2012, 12:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนเราถ้าธรรมไม่เสมอกัน ไปด้วยกันไม่ได้ กรณีนี้รวมถึงการใช้ชีวิตคู่ของสามีภรรยาหรือไม่ครับ ?
ตอบ : แน่นอน..ไปเปิดตำราหาคำว่า "สมชีวิธรรม" ดู แล้วจะรู้ว่าคนที่เป็นคู่ครองกัน อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ควรจะต้องมีอะไรบ้าง ถ้าอาตมาบอกหมดเดี๋ยวเราจะขี้เกียจ ให้ไปค้นเอาเองบ้าง

โบราณเขาบอกว่าปลูกเรือนผิดคิดจนเรือนทลาย เพราะฉะนั้น..ถ้าแต่งงานผิดก็คิดจนผัวตาย ปล่อยให้เขาตายไปเองนะ อย่าไปทำให้เขาตาย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 15-03-2012 เมื่อ 14:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 15-03-2012, 12:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อาวุธมีดดาบคู่บารมี ให้วัดตามความยาวข้อนิ้ว วัดอย่างไรครับ ?
ตอบ : วางนิ้วหัวแม่มือลงไปบนใบมีด แล้วก็ไล่วัดไปสิ ศรีวิชัย ภัยนิรันดร์ สุพรรณลาภ ปราบนคร จรประสิทธิ์ ฤทธิเดช วิเศษสมบัติ พลัดบ้านเมือง เลื่องลือยศ ถ้าไม่สุดใบมีดก็ไปขึ้นศรีวิชัยใหม่ อย่าให้ไปลงภัยนิรันดร์หรือพลัดบ้านเมืองก็แล้วกัน

ดาบง้าวโบราณก็มีการวัดนะ มีร่มโพธิ์ ร่มไทร ไกวแขนไปก่อนท้าว น้าวของท่านมาเรือน ง้าวคมเบือนฟันเจ้า ง้าวไม่เข้าฟันเมีย ฟันเมียเสียลูกแท้ง ก้อนคำแห้งใส่ถุง

ถ้าปืนโบราณก็เริ่มจาก ตูมตายเสี้ยง เขียงหน้าก่อง น่องยานดาย ไปตายไพรอื่น แห่เจ้าหมื่นเข้าเมือง เก็บผักเหลืองใส่ซ้า ง้างี้แบกคืนดาย ถ้าหากว่าเก็บผักเหลืองใส่ซ้าก็เผาทิ้งไปเถอะ แล้วน่องยานดายก็ไม่ได้เรื่องหรอก เพราะว่าเดินจนน่องยานแล้วยังไม่เจออะไรเลย ปืนนี่เขาวัดจากลำกล้อง

ถาม : มีดดาบคือวัดตั้งแต่..?
ตอบ : โคนใบตรงชิดกระบังมือ ถ้ามีดที่ประกอบเป็นเล่มแล้ววัดจากกระบังมือ

แสดงว่าสองตำราหลังมาจากเขตลาว เพราะภาษาเป็นภาษาลาวหรือภาษาเหนือ ตายเสี้ยงก็แปลว่าตายหมด ตูมตายเสี้ยง คือยิงเมื่อไรก็ตายเมื่อนั้น เขียงหน้าก่อง คือ ได้เนื้อมามาก สับจนหน้าเขียงกร่อนไปเลย น่องยานดาย ประเภทเดินไปเมื่อยขาเปล่า ๆ ไปตายไพรอื่น คือยิงโดนก็ไม่ตาย หนีไปตายที่อื่น แห่เจ้าหมื่นเข้าเมืองนี่น่ากลัว ทั้งแบกทั้งหามมาเลย ได้เยอะขนาดนั้น เก็บผักเหลืองใส่ซ้า นี่น่าเบื่อหน่ายมาก แบกปืนเข้าป่าแต่ต้องเก็บผักเหี่ยว ๆ ใส่ตระกร้ากลับมา ง้างี้แบกคืนดาย อุตส่าห์ง้างนกออกจากบ้านไปแล้วยังไม่ได้ยิง จนต้องแบกปืนกลับมา

ยังดีที่คุณมาถาม คนอื่นจะได้จำได้ไปด้วย เพราะเรื่องแบบนี้ค่อย ๆ สาบสูญไป ถึงเวลาจำหรือจดบันทึกเอาไว้ คนรุ่นใหม่ ๆ อ่านเจอจะได้รู้ไว้บ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2012 เมื่อ 13:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 16-03-2012, 09:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีอยู่ครั้งหนึ่งผมนั่งรถเมล์แล้วพิจารณาไปว่า ในความสุขก็มีความทุกข์ และในความทุกข์ก็มีความสุขบนโลกนี้ แต่ว่าผมได้ยินเสียงหลวงพ่อบอกว่า ความสุขที่แท้จริงในโลกนี้ไม่มี ผมไม่แน่ใจว่าเป็นนิวรณ์หรือเปล่า จึงอยากถามว่าจริง ๆ พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ว่าโลกนี้ไม่มีความสุขจริงไหมครับ ?
ตอบ : ความสุขมีแต่ที่พระนิพพานที่เดียว ในโลกนี้ที่ว่าสุขคือความทุกข์ที่ลดน้อยลงเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2012 เมื่อ 02:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 16-03-2012, 09:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าไปอ่านลีลาวดีภาค ๑ ในเว็บวัดท่าขนุนตอนนี้จะสนุกมาก พระเรวัตตะกำลังโดนกามราคะตีจนเอียงกะเท่เร่เลย ตั้งท่าจะสึกแล้ว

ความจริงเนื้อเรื่องลีลาวดีตอนนี้ขาดความสมจริงอยู่จุดหนึ่ง แต่จะไปตำหนิท่านอาจารย์แสงก็ไม่ได้ เพราะว่าเนื้อเรื่องเป็นบ้านเมืองของอินเดีย ในเมื่อเป็นบ้านเมืองเขาธรรมเนียมบางอย่างเราก็ไม่รู้ สมัยอินเดียยังเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ถ้าหัวหน้าครอบครัวตายลงแล้วไม่มีลูกชายสืบทอด จะโดนหลวงยึดสมบัติหมด

ตอนนั้นท่านสุมังคลคฤหบดีกับชัยเสน ซึ่งเป็นพ่อและพี่ชายของลีลาวดีตายไปแล้วทั้งคู่ ท่านบอกว่าเหลือแต่แม่กับลูกสาวรอพระเรวัตตะสึกไปเพื่อครองสมบัติ ความจริงแล้วไม่ได้หรอก ถ้าเป็นจริงโดนยึดสมบัติไปหมดแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2012 เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 16-03-2012, 10:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อก่อนเวลานอนแล้วภาวนา ก่อนจะตื่นผมจะภาวนาต่อสัก ๔ - ๕ ครั้งก่อนแล้วค่อยตื่น แต่ช่วงนี้ไม่เป็นแล้วครับ ?
ตอบ : กำลังใจตก..เพราะว่าถ้าเข้าถึงสมาธิขั้นละเอียด..หลับอยู่ก็รู้ว่าหลับ จะตื่นยังต้องบอกตัวเองให้ตื่นก่อน ถ้าสมาธิหยาบมาอีกหน่อยหนึ่ง...ก่อนตื่นจะรู้ตัวจับคำภาวนาก่อนตื่น ถ้าหยาบกว่านั้นอีกหน่อย...ตื่นขึ้นมาแล้วรู้ตัวจับคำภาวนาต่อ ถ้าหยาบยิ่งกว่านั้น...ตื่นแล้วแคะขี้ตาอยู่พักหนึ่งแล้วถึงนึกขึ้นได้ว่าต้องภาวนา แสดงว่าของเราถอยหลังไปแล้ว ให้เร่งขึ้นหน้าอีกหน่อย

ถาม : คาถาตะกรุดมหาสะท้อน ต้องภาวนาวันหนึ่งมากแค่ไหนครับ ?
ตอบ : เอาแค่ช่วงเช้าให้อารมณ์ใจทรงตัวก็พอแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2012 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 16-03-2012, 10:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมยกถังสังฆทานมา แต่ไม่ได้ยกพระพุทธรูปมาด้วย พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "ให้ยกพระพุทธรูปมาด้วยจ้ะ ทำบุญอย่าให้ขาดทุน เดี๋ยวเกิดเป็นเทวดารัศมีกายจะสว่างน้อยกว่าเขา โลกอื่นเขาวัดกำลังบุญด้วยรัศมีกาย ใครสว่างมากก็แสดงว่ามีบุญมาก

น่าเห็นใจโยมเหมือนกัน เพราะถังสังฆทานก็หนักพออยู่แล้ว ไหนจะพระพุทธรูปอีก ทำให้ยกมาทีเดียวไม่ได้ บางทีก็ลืมไปเลย บางทีอาตมายกข้าวของชนิดที่ ๓ - ๔ คนเขายก แต่อาตมายกคนเดียว มีคนถามว่าไม่หนักหรือ ? อาตมาบอกไปว่าไม่ถามได้ไหม ? ดันทะลึ่งถาม จากที่ไม่หนักเลยทำให้รู้สึกว่าหนัก..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2012 เมื่อ 02:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 16-03-2012, 11:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีครั้งหนึ่งผมถวายสังฆทานกับหลวงตาวัดป่าท่านหนึ่ง แล้วถวายพระพุทธรูปไปด้วย ท่านบอกว่าพระพุทธรูปท่านรับให้แล้ว ให้เอากลับไปบูชาที่บ้านได้ อย่างนี้ผมต้องชำระหนี้สงฆ์ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ต้อง..เพราะท่านให้เราเอง ส่วนหลวงตาก็เป็นหนี้สงฆ์ไป เราไม่ได้เป็นหนี้สงฆ์ สำหรับพระป่าอะไรที่ดูแลยาก รุงรังเกินไป ท่านก็มักจะให้วัดอื่นหรือให้คนอื่นไป

ไม่ต้องอะไรมากหรอก นึกถึงงานพุทธาภิเษกที่วัดเขาวงก็แล้วกัน คนที่ทำบุญเขาจะทำบุญอย่างเดียว เขาไม่ได้ดูว่าอาตมาจะเอาไปได้หรือเปล่า ย่ามของอาตมามีคนใส่น้ำมา ๑ ขวด สมุดบันทึกไดอารี่ ๔ เล่ม แล้วจะเหลืออะไรให้คนอื่นใส่ ? นั่นลักษณะทำบุญแบบไร้สติ กูจะทำอย่างเดียว ไม่ได้ดูว่าคนรับจะเอาไปได้หรือเปล่า ?

ส่วนอีกรายหนึ่งใส่ลักษณะเหมือนกับเป็นไฟฉาย คราวนี้มาในกรอบกระดาษแก้วซึ่งเป็นที่ครอบด้วย ใส่มาคนเดียว ๓ อัน แล้วย่ามใบแค่นี้จะใส่อย่างไร คนอื่นเขาก็จ้องใส่ กว่าอาตมาจะเดินหลุดออกมาได้แทบตาย ยังดีได้ถุงก๊อบแก๊บมาอีก ๓ ใบ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะใส่อะไร เพราะเต็มจนล้นแล้ว

สรุปแล้วกลับจากวัดเขาวงมา นอกเหนือจากปัจจัยส่วนที่ถวายหลวงตาไปแล้ว ยังมีติดกลับมาอีกหนึ่งแสนสองหมื่นกว่าบาท คนจำนวนหนึ่งเขามาเพื่อดูหน้าอาตมาเท่านั้น เพราะได้ยินแต่ชื่อไม่เคยเห็นหน้า ส่วนอีกจำนวนหนึ่งถ้าอาตมาเป็นสาว ๆ ต้องบอกว่าโดนลวนลาม เพราะเขาเล่นจับ ๆ คลำ ๆ แล้วเอามือไปลูบหัว อาตมาว่าถ้ามือสากหน่อย คงลูบอาตมาจนสึกไปเป็นแถบ ๆ ไปแล้ว..!

เวลาเห็นคนที่เขาศรัทธามาก ๆ แต่ปัญญายังน้อยอยู่ การแสดงออกของเขา บางทีก็รู้สึกว่าน่าสงสาร แต่ก็ยังดีที่เขายึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง แม้ว่าเป็นการยึดตัวตนอยู่ก็ต้องถือว่ายึดแล้ว เพราะเราต้องเกาะดีไว้ก่อน ก่อนที่จะปล่อยดีทีหลัง ประเภทนี้ยังต้องฝ่าฟันอีกหลายชั้นเลย กว่าที่จะรู้ว่าคุณพระรัตนตรัยที่แท้จริงเป็นอย่างไร ตอนนี้เขายึดตัวบุคคลเป็นเหตุ ก็ต้องให้เขายึดไปก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2012 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 16-03-2012, 11:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวานเลี้ยงน้ำกับขนมเด็ก ๆ ด้วย ก็เลยคาดว่าเดือนหน้าจะมาหนักกว่านี้อีก (หัวเราะ) ขนม ๒๐๐ ชิ้นเหลือ ๑ ชิ้น ปรากฏว่าคุณครูขอไปด้วย

เวลาเห็นเด็ก ๆ เข้าวัดเข้าวา แล้วครูบาอาจารย์เต็มอกเต็มใจพามา ก็มีความหวัง แม้ว่าส่วนใหญ่จะไหลตามกระแสโลกไป แต่อย่างน้อย ๆ ส่วนหนึ่งก็มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง พวกนี้ถ้ามาบ่อย ๆ แล้วจะโดนอาตมาหลอก หลอกให้ทำนั่นนิดทำนี่หน่อย เมื่อวานเล่าเรื่องผีให้ฟัง แล้วบอกพวกเขาว่าทำดีหรือทำไม่ดี พ่อแม่ไม่เห็น ครูไม่เห็น หลวงพ่อก็ไม่เห็น แต่ผีเขาเห็นทุกตัวเลย..(หัวเราะ)..

จริง ๆ แล้วในเรื่องของเด็ก แค่รู้ว่าต้องพูดกับเขาอย่างไร แล้วเขาจะเอาไปคิดไปจำก็พอแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2012 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 16-03-2012, 15:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การเรียนบาลีมีคุณความดีมากตรงที่ว่า เราต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการเรียน โดยเฉพาะการท่องจำไวยากรณ์ ถ้าเราใช้คำท่องจำเป็นคำภาวนา ก็เท่ากับว่าเป็นการปฏิบัติธรรมเต็ม ๆ เลย

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน ท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านท่องบาลีไปเรื่อย ๆ ท่องไปท่องมาเห็นตัวเองนั่งท่องบาลีอยู่ ก็คือ ท่านท่องบาลีจนกายในหลุดขึ้นไปบนเพดานเมื่อไรก็ไม่รู้ แล้วกายในก็มองตัวเองที่นั่งท่องบาลีอยู่

ส่วนอาจารย์มหาทองดี เวลาญาติโยมให้เจิมบ้านเจิมรถ ถามว่าอาจารย์ใช้คาถาบทไหน ท่านบอกว่าไม่มีคาถาหรอก ผมก็ท่องไวยากรณ์บาลีนั่นแหละ ท่องไปท่องมา เกิดความเคยชิน คล่องตัว เกิดความมั่นใจก็ขลังไปเอง

ภาษาบาลีให้รายละเอียดได้เยอะมาก พูดออกมาคำหนึ่งสามารถแยกแยะได้เลยว่า เป็นอดีต เป็นปัจจุบัน เป็นอนาคต เป็นอดีตใกล้ปัจจุบัน เป็นปัจจุบันใกล้อนาคต ต้องบอกว่า tense ของบาลีเยอะกว่าภาษาอังกฤษ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2012 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 16-03-2012, 16:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยก่อนพอลูกสาวอายุได้ ๑๖ - ๑๘ ปี พ่อแม่ก็มานั่งเครียดว่าเมื่อไรลูกจะแต่งงาน ส่วนสมัยนี้อายุ ๓๐ - ๔๐ ปีแล้วก็ยังไม่แต่ง

สมัยก่อนความจำเป็นบังคับ เพราะผู้หญิงแทบจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย จะอยู่ได้ต้องมีครอบครัว ถ้าหากว่าพ่อแม่ชราลงแล้วไม่มีคนเลี้ยง ถึงเวลาพอลูกอายุ ๑๕ , ๑๖ , ๑๗ ปี โดยเฉพาะ อายุ ๑๘ ปี แล้วไม่แต่งนี่ พ่อแม่เริ่มเครียด กลัวลูกจะค้างเรือน สมัยก่อนใช้คำว่า "ค้างเรือน" สมัยนี้อายุ ๔๐ ปียังอยู่กันเฉย ๆ ไม่มีใครเครียด เพราะผู้หญิงสมัยนี้ทำมาหากินเอง ไม่ต้องอาศัยผู้ชายเลี้ยง

ไม่อย่างนั้นจะเหมือนเมื่อโยมสักครู่ที่มาสารภาพว่า "หลวงพ่อครับ..ที่บอกว่าอยู่คนเดียวเปลี่ยวกายแสนสบายแต่ไม่สนุก อยู่สองครองทุกข์ถึงสนุกแต่ไม่สบาย ผมกำลังเจอเต็ม ๆ" บอกไปว่า อ๋อ..แสดงว่าคุณกำลังสนุกอยู่ละสิ แสนสนุกแต่ไม่สบาย

จะว่าไปแล้วการมีชีวิตครอบครัวเป็นเรื่องที่หนักมาก เพื่อน ๆ รุ่นเดียวกับอาตมาอายุ ๕๓ - ๕๔ ปีนี่ เวลาไปนั่งคู่กับเขาอาตมากลายเป็นลูกชายเขาไปเลย เขาเครียดเรื่องครอบครัวจนดูแก่มาก ตอนงานที่วัดเขาวง อาตมาเจอเพื่อนเลยเรียกมาถ่ายรูปคู่ บอกว่าเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน คนอื่นเขายังงง ๆ ว่าใช่หรือ ?

ถ้าคิดว่าดูแลตัวเองได้ การอยู่คนเดียวนั้นสบายทุกคน อาตมาเองสมัยก่อนก็ได้ยินคนแก่พูดอยู่เรื่อย "ไม่แต่งการไม่แต่งงาน เดี๋ยวแก่ตัวไปไม่มีใครดูแลนะ" อาตมาก็ชอบคิดแผลง ๆ ถ้าแต่งไปแล้วเราต้องไปดูแลเขา แทนที่เขาจะมาดูแลเรา จะไม่ยิ่งทุกข์กว่าหรือ ?

ตัวเลขสถิติผู้หญิงไทยปัจจุบัน ๑๘ เปอร์เซ็นต์ไม่แต่งงาน นี่ยังน้อยนะ สถิติของญี่ปุ่นน่ากลัวมาก ๓๙ เปอร์เซ็นต์ไม่แต่งงาน เขาถือว่าอยู่คนเดียวได้ เพราะผู้ชายญี่ปุ่นถ้าหากว่าแต่งงานแล้ว เขาจะเป็นเจ้านาย ทุกอย่างให้ผู้หญิงทำหมด เพราะฉะนั้น..ผู้หญิงญี่ปุ่นที่เขาทำงานเองได้ ทำอะไรเองได้ เขาเลยไม่แต่งงาน

หลวงตาวัชรชัยท่านเคยเปรียบไว้ว่า ทำงานเหนื่อยนอกบ้านมาด้วยกัน พอกลับมาถึงบ้านแทนที่จะช่วยเมียถูบ้าน รดน้ำต้นไม้ ดันมานั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือพิมพ์ รอเมียทำกับข้าวให้กิน พอทำกับข้าวเสร็จเมียยังต้องมาถูบ้านอีก แบบนี้ก็ตายสิ..อยู่ที่ทำงานมีเจ้านายแล้ว กลับบ้านยังมาเจอเจ้านายอีก แบบนี้ไม่แต่งดีกว่าว่ะ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2012 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 17-03-2012, 10:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช่วงนี้มีบางท่านที่ใช้มโนมยิทธิในทางที่ผิด แล้วทำให้มีผลกระทบ ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่คะ ?
ตอบ : ผู้ที่ได้มโนมยิทธิมักจะนำไปใช้ผิดเกิน ๙๐ เปอร์เซ็นต์ ต้องใช้คำว่า "เพราะเห็นจึงเชื่อ" โดยไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเรื่องที่ปรุงแต่งหลอกกัน อาตมามักจะเปรียบเทียบว่า เราเห็นคนเขาวิ่งไล่ฆ่าไล่ฟันกันมา เราก็ลากมีดลากปืนไปช่วยเขา แต่จะโดนเขากระทืบตาย เพราะว่าเขากำลังถ่ายหนังกันอยู่ ก็คือเราเห็นเขาไล่ฆ่ากันมาจริง ๆ แต่เรื่องที่เราเห็นนั้นไม่จริง


บุคคลที่ปฏิบัติแล้วรู้เห็นได้ มักจะโดนทดสอบ คราวนี้คนที่รู้เห็นก็มักจะขาดสติ เพราะเห็นจึงเชื่อ โดยไม่มีการไตร่ตรองก่อน จะว่าไปแล้วก็เรื่องตัวกูของกูเต็ม ๆ นั่นแหละ เพราะกูเห็น..จะไม่ให้เชื่อได้อย่างไร ? ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็จะมีจำนวนมากต่อมากด้วยกัน ที่โดนหลอกแล้วเป๋ออกนอกทางไปเลย

ยกตัวอย่างหลวงพ่อท่านหนึ่งที่เป็นข่าว ท่านบอกว่า เวลาพรมน้ำมนต์ พวกสัมภเวสีจะเดือดร้อนมาก พรมน้ำมนต์แล้วตัวขาดเป็นท่อน ๆ เจ็บปวดเหลือเกิน สงสารเขา อย่าไปทำเลย เรือนชานบ้านช่องก็ไม่ควรมีวัตถุมงคล ผ้ายันต์ หรือพระพุทธรูปไว้ เพราะทำให้ผีเข้าออกไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ท่านเห็นแล้วพูดตามที่เห็น

โยมมาถามอาตมาว่าควรจะเชื่อดีไหม ? อาตมาเลยบอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าโยมเปิดร้านทอง แล้วโจรมาบอกว่าอย่าเอาตำรวจมาเฝ้าร้านเลย เพราะทำให้ปล้นร้านลำบาก โยมจะเชื่อไหม ?

ถาม : แต่คนส่วนใหญ่มักจะเชื่อ
ตอบ : ก็เพราะอย่างนั้น พอเปรียบเทียบให้ฟังชัด ๆ แล้วเขาถึงรู้ว่า การที่เห็นแล้วพูดเลย แสดงว่ายังรู้ไม่จริง เพราะบุคคลที่รู้จริง เขารู้ว่าควรจะพูดแค่ไหน

ถาม : แล้วสิ่งนั้นกระทบในชีวิตประจำวัน
ตอบ : กระทบแน่นอน โดยเฉพาะคนที่ขวัญอ่อนหน่อยนี่ไปเลย

ถาม : เมื่อเราถูกกระทบควรจะวางอย่างไร ?
ตอบ : ยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง อย่าไปหวั่นไหวกับสิ่งอื่น อยู่กับทาน อยู่กับศีล อยู่กับภาวนาของเรา ได้ยินก็ถือแค่ว่าเป็นลมผ่านหูไป พิจารณาด้วยปัญญาแล้ว สิ่งนี้ตรงกับคำสอนของหลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ที่เราเชื่อมั่น ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากว่าไม่ตรงกันก็ต้องละเอาไว้ก่อนว่ายังไม่เชื่อ

สงสัยอีกก็ไปเปิดพระไตรปิฎก แต่อย่าไปเปิดพระไตรปิฎกอย่างหลวงพ่อท่านนั้นนะ เพราะท่านเล่นเถรตรง ก็คือไม่ได้เข้าใจความหมายอย่างแท้จริง เป็นการตีความตามตัวอักษร นั่นก็ทำให้ผิดอีก

ถาม : เราก็ปล่อยให้เขาทำสิ่งนั้นไป ?
ตอบ : สรุปก็คืออย่าไปยุ่งกับเขา รักษากำลังใจของเราให้ดีที่สุด ไปยุ่งกับเขาเมื่อไร กำลังใจของเราจะหมอง ถ้าหากว่าตายตอนนั้นเราจะขาดทุนมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-03-2012 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 17-03-2012, 11:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,961 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนเราพอแก่ตัวมากขึ้น หน้าที่ความรับผิดชอบก็มากขึ้น แต่ขณะเดียวกันสังขารก็อยู่ในทิศทางตรงกันข้ามคือเสื่อมลงไปทุกที งานที่สมัยหนุ่ม ๆ เคยทำแล้วไม่หนัก ตอนนี้ก็กลายเป็นหนักไปแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2012 เมื่อ 02:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:48



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว