#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๖
|
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ความจริงกระผม/อาตมภาพอยากจะกล่าวถึง "ดราม่า" ในวงโซเชียล ก็คือที่มีผู้โพสต์เกี่ยวกับวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งกำหนดราคาในการจัดงานศพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าศาลา ค่าเมรุ ค่าผู้จัดการศพ ค่าบำรุงน้ำไฟ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นความชัดเจนอย่างหนึ่ง ก็คือจะได้รู้ว่าเรามีงบประมาณเพียงพอที่จะจัดงานศพหรือไม่ ? แล้วทุกสิ่งทุกอย่างในปัจจุบันนี้ก็ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินทั้งสิ้น แต่ว่าก็มีหลายท่านที่เข้าไปคอมเม้นท์อยู่ประมาณว่า "พระหากินแบบนี้จนรวย..!" หรือไม่ก็ "อย่าไปใส่บาตรให้กินเสียก็หมดเรื่อง..!"
กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าจะเผาแบบไม่เสียเงินเสียทอง ก็นำศพไปที่วัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี แจ้งกับพระเจ้าหน้าที่ว่า "ขอเผาแบบไม่ต้องเสียเงิน" ซึ่งปกติที่นั่นก็ไม่มีการเสียเงินเสียทองใด ๆ อยู่แล้ว แต่ให้ระบุให้ชัดเจนไปเลย เพื่อที่ทางวัดจะได้จัดเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างแทนท่าน ไม่เช่นนั้นแล้วก็อาจจะทำให้เข้าใจผิด คิดว่าท่านจะจัดอย่างโน้นมา อย่างนี้มา แล้วเกิดการผิดพลาดขึ้นมาได้ เรื่องพวกนี้ เป็นเรื่องของการมองต่างมุม ทางวัดก็เห็นว่าทุกอย่างเป็นรายจ่าย ผู้ที่เข้ามาจึงต้องช่วยเหลือทางวัดบ้าง ส่วนผู้ที่เข้าวัดไป ก็คิดว่าแพงเกินไป ถ้าอย่างนั้นเราก็หาวัดที่ราคาถูกกว่า หรือวัดที่ไม่คิดอะไรเลยอย่างวัดท่าขนุน แล้วไปเผาที่นั่นก็หมดเรื่อง..! เพียงแต่ว่าวันนี้ สิ่งที่อยากจะบอกอยากจะเล่านั้น เนื่องจากว่ามีบุคคลผู้หนึ่งสอบถามมาว่า "ในเรื่องของเครื่องรางของขลังนั้น ตะกรุดถือว่าเป็นเครื่องรางชิ้นแรก ๆ ที่มีการสร้างขึ้นมา และเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ถ้าหลวงพ่อเลือกตะกรุดของครูบาอาจารย์ในประเทศไทยได้สัก ๑๐ ดอก จะเลือกอะไรบ้าง ?" ความจริงถ้าให้กระผม/อาตมภาพเลือกนั้น น่าจะมีถึง ๓๐ ดอก..! แต่ถ้าจำเป็นต้องให้เลือกจริง ๆ อันดับแรกเลยก็ต้อง ๑. ตะกรุดไมยราพณ์สะกดทัพ หลวงพ่อกุน วัดพระนอน จังหวัดเพชรบุรี เพราะว่าเป็นตะกรุดในฝันของคนจำนวนมากด้วยกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2023 เมื่อ 01:55 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ก่อนหน้านี้เคยครองอันดับหนึ่งของประเทศไทยมายาวนาน แต่ว่ามาพลาดให้กับ ๒. ตะกรุดมหาโสฬส หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง จังหวัดนนทบุรี เนื่องเพราะว่าของหลวงปู่เอี่ยมนั้นยังมีการสืบทอดมา ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่กลิ่น วัดสะพานสูง ท่านอาจารย์แปลก ร้อยบาง หลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง ตลอดจนกระทั่งหลวงปู่วาส วัดสะพานสูง
แต่ว่าของทางด้านตะกรุดไมยราพณ์สะกดทัพนั้น ไม่มีผู้ที่ศึกษาแล้วทำได้แบบหลวงพ่อกุน ซึ่งหลวงพ่อกุนนั้น ไม่ว่าจะเรื่องของตะกรุด ผ้ายันต์ หรือว่าเหรียญหนุมาน ท่านทำได้สุดยอดทุกเรื่อง จึงเป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพยกท่านอยู่ในอันดับ ๑ ในดวงใจ ส่วนอันดับต่อไปในสายตาของกระผม/อาตมภาพนั้นก็คือ ๓. ตะกรุดมหาระงับ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งตะกรุดมหาระงับของท่านนั้น สามารถที่จะดับร้อนได้ทุกเรื่อง ถ้าหากว่าไม่ได้ของหลวงพ่อคง ก็มาดูลูกศิษย์ที่สืบสายกันมา ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี เป็นต้น ถ้าหากว่ายังไม่ได้ของทางด้านนี้อีก ก็ไปหาดูทางด้านหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ หรือว่าหลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญก็ได้ สามารถที่จะทดแทนกันได้ อันดับต่อขอยกให้เป็น ๔. ตะกรุดมหาอุดหยุดมัจจุราช หลวงปู่ทา วัดพะเนียงแตก จังหวัดนครปฐม บ้านของกระผม/อาตมภาพเอง หลวงปู่ทาท่านเป็นพระที่สมัยนี้ต้องเรียกว่า "พระนักเลง" พอถึงเวลามีงานวัด ท่านจะถือไม้พลองเดินตรวจดูความเรียบร้อย ถ้าหากว่ามีพวกวัยรุ่นเขม่นกันเข้าตีกันเมื่อไร หลวงปู่ทาท่านจะลุยเข้าไปแล้วตีกระจายทั้งสองฝ่าย..! ไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดไปโดนมีดโดนไม้ของใคร เพราะว่าไม่ได้กินเนื้อหนังท่านอยู่แล้ว ถึงขนาดพลุตะไลที่กำลังจุดพุ่งขึ้นมาสูงเป็นวา ท่านยังเอามือไปอุด แล้วระเบิดคามือ โดยที่ไม่เป็นอะไรเลย ดังนั้น..จึงทำให้ตะกรุดมหาอุดหยุดมัจจุราชของหลวงปู่ทา วัดพะเนียงแตกนั้น เป็น ๑ ใน ๑๐ สุดยอดตะกรุดในดวงใจของกระผม/อาตมภาพเอง อันดับต่อไปขอยกให้กับ ๕. ตะกรุดคงคาวดี หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท ซึ่งหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่านั้น ท่านก็เป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่ทำอะไรก็ขลัง แต่ว่าตะกรุดคงคาวดี ที่บางคนก็เรียกว่าตะกรุดจันทร์เพ็ญ หรือว่าตะกรุดจารใต้น้ำของท่านนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ลูกศิษย์เห็นความอัศจรรย์มากที่สุด จึงขอยกเอาไว้อยู่ในอันดับ ๕ ของตะกรุดในดวงใจของกระผม/อาตมภาพเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2023 เมื่อ 01:59 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
อันดับต่อไปขอยกให้กับ ๖. ตะกรุดมงกุฎพระพุทธเจ้า หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง จังหวัดธนบุรี ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือกรุงเทพมหานคร เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าหลวงปู่เอี่ยมนั้นคือพระเถราจารย์ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ให้ความเคารพเป็นอย่างยิ่ง แม้กระทั่งการเสด็จประพาสยุโรป ก็ยังเสด็จไปสอบถามเรื่องความปลอดภัย และหลวงปู่เอี่ยมก็จารผ้ายันต์มงกุฎพระพุทธเจ้าให้ จนกระทั่งในหลวงรัชกาลที่ ๕ เสด็จไปกลับด้วยความปลอดภัย ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่กลับมา เมื่อท่านมาสร้างตะกรุดมงกฎพระพุทธเจ้า จึงจัดเป็นตะกรุดในดวงใจอีกดอกหนึ่งของกระผม/อาตมภาพ
อันดับต่อไปนั้น ขอยกให้ ๗. ตะกรุดมหาอุดหยุดปืน หลวงปู่ภู วัดดอนรัก จังหวัดอ่างทอง ซึ่งไม่ได้แต่หยุดปืนข้าศึกเท่านั้น หยุดแม้กระทั่งปืนของตนเอง ดังนั้น..บรรดาลูกศิษย์ ซึ่งสมัยก่อนพกตะกรุดหลวงปู่ภู วัดดอนรัก ออกไปล่าสัตว์ ไม่สามารถที่จะยิงได้แม้แต่นัดเดียว..! จนกระทั่งต้องอาราธนาตะกรุดออกจากตัวไปก่อน ถ้าขนาดนี้ก็ควรที่จะรู้แล้วว่าตะกรุดของท่านดีขนาดไหน..!? ถ้าไม่ได้ของหลวงปู่ภู ก็เอาของหลวงพ่อหวน วัดดอนรัก ซึ่งเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิของท่านก็ได้ ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ดูว่าลูกศิษย์ในสายยังมีใครบ้าง ให้ไปสืบหากันเอาเอง อันดับต่อไปนั้น กระผม/อาตมภาพยกให้เป็น ๘. ตะกรุดคู่ชีวิต หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง จังหวัดพิจิตร ผู้ขลังด้วยกสิณไฟ จนกระทั่งชาวบ้านเรียกว่า "หลวงพ่อพิธตาไฟ" ตะกรุดของท่านนี้เป็นมหาอุดอย่างชะงัดที่สุด ความจริงถ้าหากว่าได้ตะกรุดของปรมาจารย์สายนี้ก็คือหลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า หรือ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลานได้ก็จะวิเศษที่สุด แต่เนื่องจากว่าชื่อเสียงด้านตะกรุดของลูกศิษย์นั้นดังก้องฟ้า กลบครูบาอาจารย์ไปเลย หรือไม่ก็ลูกศิษย์ร่วมสายครูบาอาจารย์ที่ศึกษาจากหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน อย่างเช่นหลวงปู่เตียง วัดเขารูปช้าง หลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ ตลอดจนกระทั่งหลวงพ่อทบ วัดชนแดน เป็นต้น ก็สามารถที่จะใช้งานทดแทนกันได้ เนื่องจากว่ามีความขลังแบบเดียวกัน ชนิดถอดแบบกันมาเลย ตะกรุดอันดับต่อไปในใจของกระผม/อาตมภาพก็คือ ๙. ตะกรุดจันทร์เพ็ญ หลวงปู่รุ่ง วัดท่ากระบือ จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งกระผม/อาตมภาพยกให้เป็นตะกรุดจันทร์เพ็ญทางด้านสายแม่กลอง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด เนื่องเพราะว่าหลวงปู่รุ่งนั้น ท่านเองทำตะกรุดไว้หลายต่อหลายอย่างด้วยกัน แต่ว่าตะกรุดจันทร์เพ็ญของท่านนั้น ทำเอาไว้มากที่สุด พอที่จะหาได้ไม่ยากนัก ถ้าหากว่าไม่ได้ของหลวงปู่รุ่ง ก็ดูต่อมาที่หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญก็ได้ เพราะว่าถ้าเราเสาะหามาทางด้านนี้ ของลูกศิษย์ก็มีความสามารถใกล้เคียงครูบาอาจารย์ทีเดียว อันดับสุดท้ายของตะกรุดในดวงใจกระผม/อาตมภาพนั้น ยกให้ทางภาคตะวันออก แต่ไม่ใช่ตะกรุดมหาโจร หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส หากแต่เป็น ๑๐. ตะกรุดพระพุทธเจ้าปิดไฟ หลวงพ่อผุด วัดวังเวียน จังหวัดจันทบุรี เนื่องเพราะว่าตะกรุดของท่านนั้นกันไฟไหม้ชะงัดนัก แล้วแถมยังแคล้วคลาดสุด ๆ ชนิดที่เรียกว่าเสกเสร็จแล้ว เอาไปวางไว้ในต้นพิกุลที่ดอกร่วงเหมือนฝนตก ดอกพิกุลทั้งหมดจะวนเป็นวงกลมอยู่รอบตะกรุด ไม่ได้เข้าใกล้ตะกรุดเลยแม้แต่ดอกเดียว..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2023 เมื่อ 02:17 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ส่วนตะกรุดในดวงใจกระผม/อาตมภาพของครูบาอาจารย์ท่านอื่น ๆ ซึ่งบอกแล้วว่าน่าจะมีถึง ๓๐ ดอกในประเทศไทยนั้น แต่ในเมื่อญาติโยมกำหนดมาให้เพียงแค่นี้ กระผม/อาตมภาพก็ต้องยกเอาครูบาอาจารย์ในดวงใจทั้ง ๑๐ ท่านนี้ขึ้นมาก่อน ส่วนของท่านอื่น ๆ นั้น ก็ต้องรอว่าเมื่อไรที่ท่านจะให้กำหนดสัก ๓๐ สุดยอดตะกรุดเมืองไทย แล้วค่อยมาคุยกันอีกที..!
ตะกรุดนั้นเป็นเครื่องรางชิ้นแรก ๆ ที่บรรดาครูบาอาจารย์ท่านทำขึ้นมา เนื่องเพราะว่าพกติดตัวง่าย มีอุปเท่ห์การใช้ต่าง ๆ กันไป อย่างตะกรุดประเภทมหารูด เขาบอกว่าถ้าสู้ ให้รูดไว้ข้างหน้า ถ้าหนี รูดไปข้างหลัง ถ้าเข้าหาผู้ใหญ่ ให้เอาไว้ข้างขวา ถ้าเข้าหาสตรี เอาไว้ข้างซ้าย เหล่านี้เป็นต้น เป็นเรื่องที่น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง แล้วอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ ในการลงตะกรุด ตลอดจนกระทั่งการจารยันต์ ตรึงยันต์ การลงยันต์ประทับหน้าประทับหลัง ยังมีเคล็ดลับอีกมากมายมหาศาล ใครที่ศึกษาได้ครบถ้วน ก็ตะกรุดทำได้ขลังทุกคน แต่เราท่านต้องไม่ลืมว่า ที่ครูบาอาจารย์สมัยก่อนจารยันต์ เขียนยันต์ ม้วนตะกรุด ถักตะกรุด ถักเชือกคาดอยู่นั้น ก็เพื่อรักษาอารมณ์ใจอยู่กับองค์การภาวนา ต่อให้แย่ขนาดไหนก็ตาม ถ้าจิตใจอยู่กับการภาวนา อย่างน้อยก็สามารถเป็นการประกันได้ว่าเราจะมีสุคติเป็นที่ไป ดังนั้น..ไม่ใช่ท่านทั้งหลายที่ใช้ตะกรุดแล้วก็จะรู้สึกว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทำได้ง่าย แต่ให้ท่านทั้งหลายคิดว่า ตะกรุดนี้ครูบาอาจารย์ท่านใดสร้างมา ก็เป็นสังฆานุสติ ตัวพระคาถาส่วนใหญ่ก็เป็นหัวใจพระสูตรต่าง ๆ ในพระไตรปิฎก จัดเป็นธัมมานุสติ ครูบาอาจารย์ที่รับสืบทอดมา จนถึงหลวงปู่หลวงพ่อท่านนั้น ถ้าไปถึงอันดับต้น ๆ เลย ก็ได้รับการอุปสมบทโดยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จัดเป็นพุทธานุสติ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2023 เมื่อ 02:19 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
การภาวนาอาราธนาคาถาต่าง ๆ ก็เป็นสมาธิภาวนาในหมวดของ ศีล สมาธิ ปัญญา ข้อห้ามต่าง ๆ ในการใช้จัดว่าเป็นศีล การภาวนาสร้างให้เกิดสมาธิ ถ้าท่านทั้งหลายเห็นว่าการเกิดมามีแต่ทุกข์แต่โทษ ทำให้เราต้องหาสิ่งของศักดิ์สิทธิ์มาคอยป้องกันตนเอง ป้องกันครอบครัว ถ้าไม่นิยมการเกิด ถอนความยึดมั่นถือมั่นออกเสียได้ ท่านอาจจะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานไปเลยก็มี
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เป็นอุปเท่ห์ที่โบราณาจารย์ท่านกำหนดเอาไว้ เพื่อให้เรามีอนุสติ คือยึดมั่นอยู่ในความดี ไม่ใช่สิ่งที่ท่านทั้งหลายเห็นว่าเป็นไสยศาสตร์ เป็นเสน่ห์เล่ห์กล แล้วมาดูถูกดูแคลนโดยที่ปัญญาของตนเองไม่ถึง ถ้าอยู่ในลักษณะนั้น ก็มีแต่จะก่อทุกข์ก่อโทษให้แก่ตนเอง ก็คือเกิดมโนทุจริต แล้วถ้าหลุดวาจาออกมาก็เป็นวจีทุจริต ถ้าหากว่าถึงขนาดไปลงไม้ลงมือ เพื่อให้คนอื่นเปลี่ยนแนวคิดก็อาจจะเป็นกายทุจริตไปด้วย ถ้าหากทำทุจริต ๓ ประการนี้จนชิน โอกาสที่ท่านจะไปอบายภูมิก็มีสูงมาก..! ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ โบราณถึงได้บอกว่า "ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์" ก็คือ อย่าไปแตะต้องสิ่งที่เราไม่เข้าใจ สงสัยอะไรก็ให้สอบถาม อย่าไปฟันธงด้วยปัญญาเพียงน้อยนิด แล้วก่อให้เกิดทุกข์เกิดโทษแก่ตัวเองเสียเปล่า ๆ สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2023 เมื่อ 02:21 |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|