กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #41  
เก่า 10-02-2014, 10:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมานี่เกิดกลางนา โยมแม่ทำคลอดตัวเองเสร็จสรรพก็กลับบ้าน คนโบราณเขารู้จักอยู่ไฟจึงแข็งแรง สมัยนี้ไม่อยู่ไฟไม่ค่อยแข็งแรง เจ็บออด ๆ แอด ๆ มีลูก ๒-๓ คนก็แย่แล้ว พวกเราน่าจะลองไปผจญภัยอย่างนั้นดูบ้าง มีชีวิตอยู่กลางป่าเสือป่าช้างไม่พอ เสือคนก็ยังคอยปล้นอยู่ ต้องตะเกียกตะกายทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้พอ ซ้ำยังต้องเลี้ยงลูกอีกเป็นสิบคน

อาตมาพาโยมแม่ไปฝึกมโนมยิทธิที่วัดท่าซุง ด้วยความที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า คนบ้านเดียวกันสอนกันไม่ได้หรอก ต้องให้คนอื่นสอน ก็เลยไปฝากครูพรรณีสอน ครูพรรณีสอนโยมแม่อยู่พักหนึ่ง ก็เดินหัวเราะออกมา ถามว่า “ท่านเล็ก..สอนแม่อย่างไร ถามแม่ว่าเกิดมาทุกข์ไหม ? แม่บอกไม่ทุกข์”

หลักการของหลวงพ่อวัดท่าซุงก็คือ ถ้าไม่เห็นทุกข์ก็ไม่เบื่อหน่าย ย่อมไปพระนิพพานไม่ได้อยู่แล้ว อาตมาบอกว่า “ครูพูดผิด ให้พูดใหม่ ไปถามแม่ว่าทุกข์ไหม ? แม่ไม่รู้หรอก ต้องถามว่าลำบากไหม ? แบบนั้นแม่บรรยายได้ ๓ วัน ๓ คืน” คนโบราณเขาไม่เข้าใจหรอกว่าทุกข์แปลว่าอะไร แต่ถามว่าลำบากไหม ? ถามแม่ดูสิ เล่าได้ ๓ วันไม่จบหรอกว่าชีวิตนี้ลำบากแค่ไหน

ฉะนั้น..บางทีในเรื่องการสอนกรรมฐาน ไปเจออาจารย์ที่ไม่เข้าใจลูกศิษย์ บางทีพาลูกศิษย์ไปไม่ได้หรอก แบบเดียวกับที่อาตมาไปฝึกมโนยิทธิใหม่ ๆ ครูฝึกคนแรกสอนอาตมาไม่ได้หรอก ถามว่า “สว่างไหม ? เห็นอะไรไหม ?” หลับตาอยู่จะไปเห็นอะไรวะ ? ไปได้คนข้างหลังถามว่า นึกถึงภาพพระได้ไหม ? โอ๊ย..สบายอยู่แล้ว ฉะนั้น..บางทีครูฝึกถ้าพูดไม่ตรงจริตของเรา แทนที่เราจะฝึกได้ก็ฝึกไม่ได้ไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-02-2014 เมื่อ 10:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #42  
เก่า 10-02-2014, 10:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมที่ตั้งท้องกำลังนั่งช่วยทำไส้ผางประทีป พระอาจารย์จึงกล่าวว่า " โบราณเขาห้ามตัดอะไรนะ คนท้องเขาห้ามตัดโน่นตัดนี่ เขากลัวว่าลูกจะแหว่ง จะพันจะผูกอะไรก็ทำไปแต่อย่าไปตัด เขากลัวเด็กออกมาแล้วจะขาด มีอวัยวะไม่ครบ ๓๒"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-02-2014 เมื่อ 10:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #43  
เก่า 10-02-2014, 19:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครไปเลือกตั้งมาบ้างจ๊ะ ? ได้ยินว่าบางหน่วยเปิดไม่ได้ จำไว้ว่าคนเราต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้บางครั้งจะไม่ถูกใจก็เถอะ โดยหลักการแล้ว บ้านเราปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ แปลว่าพระองค์ท่านก็ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับในรัฐธรรมนูญด้วย นั่นคือหลักการที่ถูกต้องซึ่งเราจะทิ้งไม่ได้

ฉะนั้น..ถึงเวลาแม้ใครเขาจะขัดขวางอย่างไร สิ่งที่ถูกต้องก็คือต้องไปเลือกตั้ง ไม่มีใครในโลกนี้สามารถทำให้คนทั้งหมดมีความยินใจและพอใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ ทุกรัฐบาลในโลกถึงได้มีฝ่ายค้าน ในเมื่อกฎกติกาของเขามีอยู่ ถ้าเราปฏิบัติตามกฎกติกาปัญหาจะน้อยที่สุด แต่ถ้าไม่ทำตามกติกาเมื่อไรบ้านเมืองก็จะวุ่นวายไม่รู้จบ

ส่วนใหญ่แล้วคนเราไม่ค่อยชอบทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่มักจะทำในสิ่งที่ถูกใจ จึงกลายเป็นฝืนกฎเกณฑ์กติกา แต่ละอย่างที่ได้ยินม็อบเขาว่ามา ส่วนใหญ่แล้วเป็นการคิดว่าคาดว่า สรุปผลเอง ต้องบอกว่าเป็นการฟังความข้างเดียวหรือว่ารับข้อมูลข้างเดียว ต่อให้เรารับข้อมูลทั้ง ๒ ฝ่ายก็ยังไม่ใช่ข้อมูลที่แท้จริง เพราะว่าแต่ละคนก็จะพูดแต่ในสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์กับตัวเอง ถ้ายิ่งฟังข้อมูลข้างเดียวก็ยิ่งเละเข้าไปใหญ่

ฉะนั้น..ทุกอย่างจึงต้องยึดหลักการเอาไว้ก่อน เรื่องพวกนี้ในปัจจุบันเขาไม่ยึดหลักการกัน ต่อให้ทำการปฏิวัติประชาชนสำเร็จ แล้วจะเอากฎหมายที่ไหนมารองรับ ? จะเอาอำนาจที่ไหนมาดำเนินการ ? เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้ ถ้าไปล้มรัฐธรรมนูญก็กลายเป็นกบฏไปอีก

เรื่องพวกนี้ที่วุ่นวายอยู่ก็เพราะว่ากฎเกณฑ์เขามีอยู่ แม้จะไม่เป็นที่ถูกใจของคนทั้งหมด แต่ต้องยอมรับว่าคนส่วนใหญ่เขาต้องการอย่างนั้น จะเอาความมันในอารมณ์อย่างเดียวไม่ได้ แล้วโดยเฉพาะพระของเรา จะเข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ เพราะพระเรามีหน้าที่เป็นหลักของสังคม มีหน้าที่คอยเตือน คอยบอก ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก้าวล่วงเลยกฎเกณฑ์กติกาไป ไม่ใช่ไปนำม็อบเสียเอง..!

เรามาดูว่าแค่ ๒๕๕๗ ปี ศาสนาของเรายังสับสนวุ่นวายจนขนาดนี้ พอยิ่งนานไป ๆ สัทธรรมปฏิรูปมีมากขึ้น ๆ ก็จะกลบบดบังแก่นแท้ไป ถ้านักปฏิบัติ โดยเฉพาะพระภิกษุสามเณร ไม่ศึกษาให้ถึงแก่นแท้ ก็ไม่สามารถที่จะรักษาพระศาสนาเอาไว้ได้ ต่อไปในส่วนของสะเก็ดก็จะหุ้มเปลือกหนาขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วก็หาแก่นไม่เจอ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2014 เมื่อ 03:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #44  
เก่า 10-02-2014, 19:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงที่อาตมาไปยุโรปมา ขากลับช่วงประมาณสักน่าจะตีหนึ่งตีสองของกลาง ๆ ทาง ก็มีเพื่อนเก่าท่านมาเตือน บอกว่าให้ปรับนาฬิกาในตัวเองให้เป็นเวลาของเมืองไทย ที่เขาเตือนเขาบอกว่าไม่อย่างนั้นแล้วจะเมาเครื่องไปหลายวัน ที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Jet lag

อาตมาก็ถามว่าทำอย่างไร ? ท่านบอกว่าก็ส่งกำลังใจไปอนาคตซึ่งจะเป็นเวลาของประเทศไทย เพราะที่มาจากยุโรปเป็นเวลาในอดีต เวลาที่นั่นเดินช้ากว่าบ้านเรา กำหนดใจไปข้างหน้ากี่ชั่วโมงให้ตรงกับเวลาเมืองไทย แล้วก็ล็อกเอาไว้ก็จะได้เวลาเมืองไทย ถึงเวลาก็จะได้ไม่เมาเครื่อง เพราะว่าเวลาในตัวเรากับเวลาจริงนั้นเป็นเวลาเดียวกัน อาตมาก็ลองทำดู

พอกำลังใจได้ตรงเวลาเมืองไทยล็อกไว้เสร็จ โอ้พระเจ้า..! หิวไส้ขาดเลย เวลาเมืองไทยตรงกับแปดโมงครึ่ง แต่ที่นั่นยังตีหนึ่งตีสองอยู่ คราวหน้าต้องมาใกล้ ๆ ก่อนแล้วค่อยขยับ เล่นให้ทำตั้งแต่กลางทาง จนนั่งไม่เป็นสุขเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2014 เมื่อ 03:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 220 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #45  
เก่า 11-02-2014, 14:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จะบวช มาขอคำแนะนำครับ ?
ตอบ : ไปวัด..ไม่เห็นมีอะไรให้แนะนำเลย จะบวชก็ไปวัดเท่านั้นเอง ไปบอกกับพระอุปัชฌาย์ท่าน นัดแนะวันเวลากันไป บวชนั้นไม่ได้สำคัญหรอก สำคัญตอนบวชแล้วต่างหากว่าทำอย่างไรจะรักษาศีล รักษาความเป็นพระของเราให้ได้ ตอนนั้นแหละจะรู้ว่านรกมีจริง..!

ชีวิตของความเป็นพระเป็นชีวิตที่โดนจำกัด โดนตีกรอบด้วยศีล ปกติชีวิตของฆราวาส อาตมาเคยเปรียบว่า เหมือนกับปล่อยเราเดินอยู่ในป่ากับเสือตัวหนึ่ง บางทีเดินอยู่ทั้งปีไม่เจอเสือตัวนั้นหรอก แต่ชีวิตของความเป็นพระ เขาเอาเรากับเสือตัวนั้นยัดไว้ในกรงเดียวกัน เสือฟัดเราทุกวันแหละ สิ่งที่เคยคิดก็คิดไม่ได้ เคยพูดก็พูดไม่ได้ เคยทำก็ทำไม่ได้ จะอกแตกตาย..!

ลองบวชดูเถอะ แล้วใครที่ตั้งใจว่าบวชแล้วจะเอาดีให้ได้ อาตมารับประกันว่านรกมีจริงแน่นอน..! การบวชจะเริ่มเบา เริ่มมีความสบายขึ้น ก็ต่อเมื่อเรากับศีลเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีสติมากพอที่แค่ขยับตัวก็รู้ว่าศีลจะขาดหรือเปล่า ซึ่งถ้าจะทำถึงระดับนั้นได้ ก็ต้องทรงสมาธิกันอย่างจริง ๆ จัง ๆ อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในเรื่องของมาติกมาตา ที่พระท่านบอกว่าท่านไม่สามารถรักษากำลังใจไว้ได้ เพราะว่าศีลมีเยอะ อายโยมที่รู้ใจตัวเอง พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าอย่างนั้นให้รักษาศีลข้อเดียว คือรักษาใจไม่ให้คิดชั่ว ถ้าสามารถทำอย่างนั้นได้ก็จะเริ่มมีความสุขขึ้น ไม่อย่างนั้นก็จะเครียดอยู่ทุกวัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2014 เมื่อ 16:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #46  
เก่า 11-02-2014, 14:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่ฆ่าตัวตาย ?
ตอบ : เขาว่าต้องฆ่าไปจนกว่าจะครบ ๕๐๐ ครั้ง

ถาม : ทำไมถึงต้องฆ่าจนครบ ๕๐๐ ครั้ง ?
ตอบ : เป็นกรรมอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาทำซ้ำ ๆ จนกว่าจะหมดกรรมอันนั้น แต่คราวนี้ตัวเลขไปลงที่ ๕๐๐ พอดี

ถาม : ๕๐๐ ครั้ง หรือ ๕๐๐ ชาติ ?
ตอบ : ๕๐๐ ชาติ ถ้าใครฆ่า ๕๐๐ ครั้งไม่ตายนี่อย่าไปฆ่าอีกเลย

ถาม : ถ้าอุทิศส่วนกุศลให้เขาจะได้รับไหม ?
ตอบ : พวกฆ่าตัวตายนี่ส่วนใหญ่ยังไม่หมดอายุ ถ้าทำบุญไปให้เขาส่วนใหญ่เขาจะได้

ถาม : ที่บ้านเขาไม่ได้นับถือศาสนาอะไร ?
ตอบ : ก็ทนทุกข์ทรมานไปจนกว่าหมดอายุ แล้วก็ไปตามเวรตามกรรมของตัวเอง เกิดใหม่ก็ฆ่าใหม่อีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-02-2014 เมื่อ 02:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #47  
เก่า 12-02-2014, 21:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ยังแปลกใจอยู่ว่า ถึงเวลามีคนแจ้งความว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นกบฏ ศาลไม่รับแจ้ง บอกว่าหลักฐานไม่ชัดเจน นำคนเดินปิดหน่วยราชการเสียทั่วกรุงเทพฯ นี่ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ ? แต่พออีกฝ่ายหนึ่งไปแจ้งความว่านายกฯ ใช้พรก.ฉุกเฉินโดยไม่ชอบต่อกฎหมาย กลับรับแจ้งทันที

เออ..ตลกดี สรุปว่ากำลังเผาตัวเองอยู่หรืออย่างไร ? ของพวกนี้ทำไปเท่าไร ชาวบ้านเขาเห็น ก็เท่ากับว่าศาลกำลังลดความน่าเชื่อถือของตัวเองไปเรื่อย สองมาตรฐานเห็น ๆ อคติเกินไป เห็นชัด ๆ เลย ในเมื่อคุณเลือกข้างก็เสียความยุติธรรม ตราชั่งเขาห้ามเอียง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2014 เมื่อ 02:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #48  
เก่า 12-02-2014, 21:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอมสมัยพระเจ้าพรหมกับขอมสมัยสุโขทัยเป็นพวกเดียวกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ขอมสมัยโน้นต้องบอกว่าเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่เป็นคนละพวก ตกลงฟังรู้เรื่องไหม ? เผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่เป็นคนละพวก เพราะว่าสมัยนั้นขอมมีอำนาจมายันลพบุรี แล้วคราวนี้มีอยู่พวกหนึ่ง ก็คงจะขัดคอกันเอง คิดว่าไปหาบ้านหาเมืองของตัวเองอยู่ก็ได้ ก็พาพวกลุยขึ้นเหนือไป คราวนี้ไปเจอเชียงแสนรักสงบ ตีง่าย ก็เอาเลย

คำว่า "ขอม" หลวงปู่อ่ำท่านบอกว่าแปลว่าครู แสดงว่าสมัยก่อนพวกนี้เขาจะมีวิชาความรู้เหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่นอยู่ ซึ่งก็น่าจะใช่ เพราะสามารถสร้างปราสาทหินได้ขนาดนั้น ลองไปดูปราสาทบันทายศรี ที่เขมรเรียกบันทายสตรี อาตมาก็เลยเรียกปราสาทบั้นท้ายสตรี หมดเรื่องไปเลย เป็นปราสาทหินที่ต้องบอกว่า ค่อนข้างจะเล็กถึงเล็กที่สุด แกะสลักหินละเอียดยิบเลย สามารถกลึงลูกกรงหินโดยใส่รายละเอียดได้เหมือนกับกลึงไม้ ไปดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ

ตรงนั้นจะมีวงดนตรีคนตาบอด อาตมาไปไล่แจกเงินเขา วงดนตรีคนตาบอดไม่แปลกหรอก แต่ว่าคนที่เป็นคนนำวงไม่ได้ใช้เครื่องดนตรี เขาใช้ใบไม้ เด็ดออกจากต้นที่เขานั่งอยู่นั่นแหละ แล้วก็เป่าไปเรื่อยเป็นสารพัดเพลง เห็นแล้วชอบใจ เขาตาเสียแต่มีความสามารถ เพราะว่าพวกสายตาเสียต้องเอาหูมาทดแทน เอาประสาทสัมผัสมาทดแทน ฉะนั้น..หูเขาก็จะไวต่อเสียงดนตรีมาก อาตมาไปไล่แจกเงินเขาทั้งวงเลย

สรุปไปเขมรไม่ได้ใช้เงินตัวเองสักบาท แถมยังเหลือกลับมาอีกตั้งเยอะตั้งแยะ ใช้แต่ค่าเครื่องบิน ตอนอยู่ที่นั่นไม่ได้ใช้อะไรเลย ไปถึงโยมก็แลกเงินให้มัดเบ้อเร่อ บอกให้เอาไปใช้ ไปไล่ใส่ตู้ ทำบุญไปเรื่อยเปื่อย เขมรกับอินโดนีเซียคล้าย ๆ กันตรงที่ว่าค่าเงินเล็ก เงินเขมรเวลาใช้ตัดท้าย ๒ ตัวจะเป็นเงินไทย เอา ๐ ออก ๒ ตัว เหลือเท่าเงินไทย ของเขา ๒,๐๐๐ บาท มาถึงเมืองไทยเหลือ ๒๐ บาท

ส่วนจุดที่น่าไปมาก ๆ เลยก็คือ พนมกุเลน มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อยู่บนยอดดอย เขาแกะจากยอดดอยเลย เป็นพระนอน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพระธุดงค์จากเมืองไทยไปเห็นแล้วชอบใจท่าไหนก็ไม่รู้ หินอาจจะมีลักษณะเป็นทรงคล้ายอยู่แล้ว ก็เลยแกะเป็นพระนอนองค์เบ้อเร่อ แล้วสร้างอาคารครอบไว้ กลายเป็นว่ายอดภูเขาทั้งยอดกลายเป็นศาลา สมัยก่อนพระไทยเวลาธุดงค์ไปเขมร ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายที่ต้องไปให้ถึง ก็คือต้องไปไหว้พระนอนที่ยอดพนมกุเลน หลวงปู่สรวงพาลูกศิษย์ไปบ่อย

แต่ถ้าไปอย่างหลวงปู่สรวงนี่ ไปแล้วต้องกินใบไม้ใบหญ้า หลวงปู่ท่านเดินไปเรื่อย ท่านไม่หิวไม่เหนื่อย ลูกศิษย์จะตายเอา ท้ายสุดต้องประท้วง บอกว่าหิว..เดินไม่ไหวแล้ว หลวงปู่ท่านก็รูดใบไม้ให้ “เอ้า! กิน” กินลงไปอิ่มเหมือนกัน ท่านว่าอย่างนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2014 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #49  
เก่า 12-02-2014, 21:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เสนาสนะแปลว่าอะไรครับ?
ตอบ : ที่อาศัยของพระ จะเป็นกุฏิ เป็นศาลาอะไรก็ได้ อยู่ตรงไหนก็เรียกเสนาสนะ ถ้าหากว่าไม่มี อยู่โคนต้นไม้ก็เรียกเสนาสนะ

ถาม : แล้วรถยนต์ของวัดละครับ?
ตอบ : รถยนต์ของวัดเป็นสังหาริมทรัพย์ ยกเว้นว่าคุณจำพรรษาในรถ ถ้าอย่างนั้นก็เรียกเสนาสนะได้..!

สมัยหลวงพ่อสมชายวัดเขาสุกิมยังอยู่ ท่านมีรถยนต์เป็นเสนาสนะ ท่านแทบไม่ได้ลงจากรถเลย ในช่วงพรรษาไปไหนได้ไม่เกิน ๗ วัน วันที่ ๗ ท่านกลับมาถึงวัดก็นั่งรออยู่บนรถ สว่างปุ๊บออกต่อเลย คนเราแปลก ยิ่งแก่กลับยิ่งใช้ อย่างอื่นแก่แล้วหมดราคา แต่พระยิ่งแก่คนก็ยิ่งใช้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2014 เมื่อ 03:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #50  
เก่า 12-02-2014, 21:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเคยได้ยินว่าอย่าสร้างพระตากแดดตากฝน ?
ตอบ : หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า พระพุทธเจ้าก็เหมือนกับพ่อใหญ่ เราเอาพ่อไปตากแดดตากฝน เข้าท่าไหมเล่า ? ท่านบอกว่าท่านไม่สบายใจ เพราะฉะนั้น..ถ้าสร้างก็ให้มีอาคารด้วย

ถาม : เวลาที่ได้รับบอกบุญสร้างพระอยู่กลางแจ้งล่ะครับ ?
ตอบ : ก็สร้างกับเขาไปสิ เขาอุตส่าห์บอกบุญ ถ้าเขาไม่บอก เราก็ต้องไปตะเกียกตะกายหาสร้างเอง

ถาม : เราทำบุญเพราะคิดว่าจะได้ทรัพย์สินให้มากขึ้น ในกรณีของพระอริยเจ้า พระโสดาบันท่านคิดอย่างไรครับถึงทำบุญ ?
ตอบ : ท่านทำเพื่อเป็นแบบอย่างกับคนอื่นเขา รู้ว่าดีก็ทำ คนอื่นเห็นจะได้ทำตาม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2014 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #51  
เก่า 12-02-2014, 21:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พอสภาพจิตละเอียดมากขึ้น ๆ ทำให้รู้รอบจริง ๆ ขนาดชีพจรเหลือเต้นเบานิดเดียว แต่ได้ยินเสียงดังอย่างกับตีกลองเพล"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2014 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #52  
เก่า 18-02-2014, 19:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๑ มีนาคม ช่วงรับสังฆทานอาตมาคงต้องหนีไป ๒ ชั่วโมง ไปรับโล่สันติภาพจากหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ ไม่รู้ว่าทางเขาเห็นอาตมาทำงานอะไรเกี่ยวกับสันติภาพ ทั้ง ๆ ที่ตีกับชาวบ้านประจำ เขาให้รางวัล Peace Foundation ได้มาแบบงง ๆ อยู่ ๆ ก็เอาเอกสารมาให้เซ็น แล้วก็บอกวันที่ ๑ มีนาคมไปรับกับหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ อะไรความดีจะปรากฏได้ขนาดนั้น !?"

ถาม : เขาบอกว่าหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำเข้าข้างธรรมกาย ?
ตอบ : ว่าท่านเข้าข้างธรรมกาย ? จะไม่เข้าข้างได้อย่างไร ก็ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อให้ท่านไม่เข้าข้างเลย เขาก็จะกล่าวหาอยู่ดี พระอย่างหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำก็ยังมีคนนินทา ปล่อยเขาเถอะ แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะพ้นคนนินทา เขาบอกว่าหลวงพ่อพระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปสวยที่สุดในประเทศไทย ลูกคุณช่างติก็ไปเดิน ๆ มอง ๆ ซ้ายขวาหน้าหลังเสร็จ “สวยดีหรอก เสียอย่างเดียวพูดไม่ได้” ติจนได้..เอากับเขาสิ

กระทั่งพระพุทธเจ้ายังหนีไม่รอด ใครจะนินทาก็ว่าไป หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำท่านมีแต่ให้มาตลอดทั้งชีวิต ก็ยังนินทาท่านจนได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2014 เมื่อ 03:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #53  
เก่า 18-02-2014, 19:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ส่วนใหญ่แล้ว ญาติโยมเขาไม่รู้ว่าโทษของการปรามาสพระรัตนตรัยนั้นรุนแรงขนาดไหน เพราะฉะนั้น..ถึงเวลาแล้วก็นินทาพระนินทาเจ้าเป็นของสนุก อย่างหลวงพ่อพุทธอิสระเหมือนกัน ต่อให้สิ่งที่ท่านทำไม่ถูกต้องขนาดไหนก็ตาม ถ้าท่านยังรักษาศีลไม่บกพร่องอยู่ ระวังอย่าไปแตะต้องเข้า..! โบราณท่านฉลาด ถึงได้บอกว่า ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ คนสมัยใหม่ไม่รู้โทษ แล้วก็ชอบอวดความรู้ของตนเอง โดยเฉพาะความรู้หลายส่วน เป็นความรู้ที่เกิดจากการประมาณการเอา ซึ่งไม่ใช่ความจริง ก่อให้เกิดโทษแก่ตัวเองเปล่า ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2014 เมื่อ 03:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #54  
เก่า 18-02-2014, 19:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ระบบการปกครองในพุทธศาสนา ?
ตอบ : อธิปไตยคือความเป็นใหญ่ ๓ ประการ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ชัด จะมีอัตตาธิปไตย ถือตนเป็นใหญ่ คือพวกเผด็จการ โลกาธิปไตย ถือโลกเป็นใหญ่ คือเอาเสียงข้างมาก ธรรมาธิปไตย ถือความถูกต้องเป็นใหญ่

ดังนั้น..เราจะเห็นว่าพระพุทธเจ้าท่านไม่สรรเสริญในเรื่องของระบอบการปกครองใด ๆ เลย เพราะพระองค์ท่านทราบดีว่าทุกอย่างอยู่ที่คน ไม่ได้อยู่ที่ระบอบ พระองค์ท่านถึงได้กล่าวว่า แต่ละระบอบต้องมีหลักธรรมอะไรมาประกอบถึงจะดีจริง คือต้องเป็นธรรมาธิปไตย

ในเรื่องของอัตตาธิปไตย ถือตนเป็นใหญ่ จะเห็นว่าอย่างพระมหากษัตริย์ของเรา สมัยก่อนเป็นสมบูรณาญาสิทธิราช นั่นอัตตาธิปไตยชัด ๆ เลย แต่ทำไมสมัยรัชกาลที่ ๕ ประเทศของเราเจริญกว่าญี่ปุ่นอีก พอมาสมัยนี้สมัยโลกาธิปไตย ถือเสียงข้างมากเป็นใหญ่ เละเป็นโจ๊กเลย ถึงได้บอกว่าถ้าอัตตาธิปไตย ระบอบกษัตริย์ก็ต้องมีทศพิธราชธรรม มีราชสังคหะ มีจักรวรรดิวัตร โลกาธิปไตยก็ต้องเป็นอปริหานิยธรรม

คนกลุ่มหนึ่งมักจะไม่ค่อยมีความคิด เพราะว่าถนัดในการคล้อยตามคนนำ พระพุทธเจ้าตรัสบาลีอยู่ประโยคหนึ่งว่า กลุ่มคนถ้าไม่มีผู้นำก็จะพบแต่ความเสื่อม ก็เลยกลายเป็นว่าถ้าใครเขากล้านำ ก็จะตาม ๆ กันไป อย่างบรรดา ส.ส. ของเรา ถามว่าเลือกได้คนดีที่สุดหรือเปล่า ? ก็ไม่ได้ดีที่สุด แต่ว่าเขากล้านำ ในเมื่อเขาเสนอตัวมาก็เลือกกันไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2014 เมื่อ 03:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #55  
เก่า 18-02-2014, 19:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยก่อนคนเรายังใช้กำลังเป็นใหญ่กันอยู่ จะสังเกตว่าบรรดานักรบเก่ง ๆ ก็ได้รับการเคารพนับถือ ไม่ต้องอะไรมากมายหรอก อย่างพวกชนกลุ่มน้อยของจีน พวกมองโกล พวกหุย พวกไป๋ ฯลฯ พอถึงเวลาใครมีความสามารถ ก็จะเชื่อถือเชื่อฟังคนนั้น พออ่อนแอก็โดนรุมทันทีเลย เพราะฉะนั้น..จีนในยุคก่อนที่จะสร้างกำแพงเมืองจีนจะเดือดร้อนอยู่เสมอ เพราะพอกษัตริย์มีท่าทีอ่อนแอลง ทางนอกด่านก็บุกไปปล้นไปฆ่าจนเป็นเรื่องปกติ

แม้กระทั่งปัจจุบันก็เหมือนกัน ใครกำปั้นโตกว่าคนนั้นก็เสียงดังกว่า ดูอย่างสหรัฐอเมริกา ตัวเองครอบครองนิวเคลียร์ตั้งเท่าไรก็ไม่รู้ แต่ห้ามคนอื่นมี ก็คล้าย ๆ กัน เพียงแต่ว่าเนียนขึ้น บอกว่าเป็นผู้รักสันติภาพ เข้าไปลุยกับอิรักกับอัฟกานิสถานจนเละเป็นโจ๊กเลย ตอนนี้ตั้งท่าจะเล่นซีเรียแต่ชาวโลกเขาไม่เอาด้วย ก็ได้แต่กระอึกกระอักอยู่

ปัจจุบันนี้เหมือนกับว่าหลายฝักหลายฝ่าย ต่างคนต่างออกมาแสดงความคิดเห็น อย่างพวกนักวิชาการก็จะให้ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปคุยกับคุณสุเทพ เพื่อจะได้ปรองดอง เขาก็ได้แต่แสดงความเห็นว่าต้องทำอย่างนั้น ใคร ๆ ก็รู้ ไม่ต้องให้นักวิชาการหรอก แต่คุณสุเทพเขาประกาศแล้วว่าเขาไม่คุยด้วย เพราะฉะนั้น..คุณแสดงความเห็นไปก็ไร้ประโยชน์

ขณะเดียวกัน กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ก็บอกว่าตรงนั้นมีปัญหา ตรงนี้มีปัญหา ต้องเลื่อนการเลือกตั้ง ถ้ามีปัญหาก็เป็นหน้าที่คุณต้องแก้ไข ไม่ใช่หน้าที่รัฐบาลต้องไปเลื่อนการเลือกตั้ง สมัยนี้หลงประเด็นกันหมด เพราะการเลือกตั้งทุกครั้งมีปัญหา เขาถึงต้องมี กกต.ขึ้นมา เขามีมาเพื่อให้คุณแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ให้คุณมาบอกว่าต้องเลื่อนการเลือกตั้ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2014 เมื่อ 03:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #56  
เก่า 18-02-2014, 19:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จะยืดเยื้อถึงสามเดือนไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ต้อง ๓ เดือนหรอก เดือนนี้เดือนหน้าก็รู้เรื่องแล้ว

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ยาก..เพราะว่าบ้านเราการแตกร้าวลึกเกินไป ถึงระดับผีไม่เผา เงาไม่เหยียบกันแล้ว ฝ่ายไหนเป็นใหญ่ขึ้นมา อีกฝ่ายก็จะค้านตะบัน เขาไม่ได้ค้านในลักษณะสร้างสรรค์ แต่ในปัจจุบันนี้เขาค้านเพื่อไม่ให้ทำงานได้ เพราะถ้าไม่ค้านเอาไว้ อีกฝ่ายทำงานได้เดี๋ยวจะโกยคะแนนเสียงไปหมด เพราะฉะนั้น..ประชาธิปไตยบ้านเราจึงเป็นประชาธิปไตยแบบถอยหลังลงคลอง

มาจากคน ๆ เดียวแหละ ก็คือคุณสนธิ แกปลุกปั่นจนกระทั่งคนจำนวนหนึ่งเห็นด้วย กรอกข้อมูลใส่หูไปทุกวัน ๆ เป็นจริงบ้าง ไม่เป็นจริงบ้างก็เอาเถอะ ขอให้สะใจเข้าไว้ ก็เลยกลายเป็นสร้างความแตกแยก จากคนดี ๆ กลายเป็นเกลียดชังชนิดที่ต้องฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง คนเราโกรธได้ แต่อย่าเกลียด เพราะเกลียดนั้นฝังรากลึก ไม่น่าเชื่อว่าเขาใช้ระยะเวลาแค่ไม่นาน ทำให้คนไทยแตกแยกได้ขนาดนั้น

อย่าลืมว่าทั้งหมดไม่มีใครหวังดีต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง มีเบื้องหลังทั้งนั้น คุณสนธิที่ด่ามันปาก แกก็ขายจาน ASTV ของแกไปเรื่อย พอแกด่าจบ แกก็มีเงินในกระเป๋าตั้งหลายพันล้าน แกก็พอแล้ว กูไปแล้ว บ้านเมืองจะพังอย่างไรก็ช่างหัวมัน กูเงินได้แล้วนี่ ตรงนั้นเขาไม่ได้คิดถึง เขาคิดถึงแต่ว่าตอนนี้กูรวย ถ้าคิดอย่างพวกเราก็เป็นนักการเมืองไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2014 เมื่อ 03:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #57  
เก่า 18-02-2014, 19:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ปัญหาประเทศชาติขณะนี้เกิดจากอะไรครับ ?
ตอบ : เป็นเพราะกรรม ถามไปถามมาก็วนกลับมาที่เดิม

ถาม : อีกนานไหมครับ ?
ตอบ : น่าจะเป็นว่าในหลวงจะยืนหยัดได้นานเท่าไร ถ้าในหลวงไม่สามารถยืนหยัดได้ จะฉิบหายมากกว่านี้ เรื่องพวกนี้เป็นประเภทเกินตาย ถ้าเลยจากตรงนี้เดี๋ยวนี้ไปเมื่อไร ถือว่าเลยตายทั้งนั้น เสียเวลาไปสนใจ

ตอนนี้ประเทศไทยเราล้าหลังที่สุดในอาเซียนแล้ว ช้ากว่าลาว เขมรแล้ว ถ้ายังเป็นอย่างนี้
บ้านเราก็จะช้าไปเรื่อย ๆ เสียเวลาไปกังวล

ถาม : จะมีนักการเมืองที่ดีปรากฏไหมครับ ?
ตอบ : มี..อยู่ดูให้ได้เห็นก็แล้วกัน

อาตมาไม่เคยสนใจ เป็นอย่างไรก็ช่าง เราทำหน้าที่เราให้ดีที่สุดก็พอ รับเรื่องไม่เป็นเรื่องเข้ามา นอกจากไม่พ้นทุกข์แล้ว ยังเพิ่มความทุกข์ให้อีก ส่วนใหญ่พวกเราดูหนังไม่จบ ดูไม่จบแล้วพยายามจะคาดการว่าจบอย่างไร แต่คนที่เขาดูหนังจบแล้ว หรือเลิกดูแล้ว เขาก็ไม่สนใจ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2014 เมื่อ 03:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #58  
เก่า 18-02-2014, 19:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เครื่องมือทำให้คล่องตัวขึ้น แต่ทำให้คนเสื่อมสมรรถภาพลง เครื่องมือเก่งขึ้น ลองไปขึ้นเขาแข่งกับชาวบ้าน พวกที่เคยนั่งแต่รถอย่างพวกเราก็ตาย ต้องเดินให้ชาวบ้านวิ่งไล่ให้ได้อย่างอาตมา เขาถึงจะยอมรับนับถือ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2014 เมื่อ 03:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #59  
เก่า 18-02-2014, 19:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยก่อนเรื่องราวประวัติศาสตร์จะยืดยาวแค่ไหน เขาใช้วิธีจำด้วยมุขปาฐะ ก็คือใช้ท่องจำเอา จากรุ่นต่อรุ่น รุ่นต่อรุ่น บางอย่างก็แต่งเป็นเพลง บางอย่างก็แต่งเป็นนิทาน เล่าสืบ ๆ กันมา แม้กระทั่งพระไตรปิฎกก็จำแบบมุขปาฐะมาเรื่อย ๆ ๓๐๐ กว่าปี ถึงได้จารึกเป็นตัวอักษรที่เมืองมตเลของศรีลังกา เพราะว่าสมัยนั้นเริ่มมีการปรารภว่า ปัญญาของคนเริ่มทรามลง จะจดจำรายละเอียดทั้งหมดให้ได้เหมือนคนเก่าเริ่มยาก จึงต้องใช้วิธีจารึกลงใบลาน

ตั้งแต่นั้นมาก็กลายเป็นว่า ให้พระไตรปิฎกอยู่ในใบลานแทน คนก็ไม่เก็บไว้ในสมอง จึงตกต่ำไปเรื่อย ๆ มาถึง ปัจจุบันเราก็ให้เครื่องคอมพิวเตอร์จำแทน ก็จะแย่ลงไปอีก

ไปนึกถึงอันตรธานปริวัตรของปฐมสมโพธิกถาว่า ก่อนจะสิ้นพระศาสนา พระอินทร์ท่านต้องมาพิสูจน์ว่า พระพุทธศาสนาเสื่อมสูญหมดสิ้นแล้วหรือยัง จึงแปลงเป็นชายแก่เอารถเข็นใส่ทองคำเท่าลูกฟักมา ถ้าใครจดจำคำสอนให้พระไตรปิฎกได้ให้สาธยายมา จะมอบทองคำนี้ให้ ก็ไม่มีใครจำได้แม้แต่ปิฎกเดียว ก็ไม่มีใครท่องได้ จำได้แม้แต่พระสูตรเดียว เอาแค่พระพุทธวัจนะประโยคเดียว ก็ไม่ได้

พอถึงระดับนั้นพระอินทร์ก็จะประกาศว่า พุทธศาสนาขณะนี้หมดสิ้นไปจากโลกแล้ว สั่งการให้ท้าวมหาราชถอนกำลังกลับได้ ปล่อยให้ไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลกไป กลายเป็นว่าเครื่องมือสมัยนี้ จะทำให้ความจำเสื่อมไปเรื่อย"


ถาม : ทักษะเป็นสัญญาหรือเป็นส่วนไหนของตัวเราคะ ?
ตอบ : ก็ต้องบอกว่าผสมผสานกัน เป็นทั้งสัญญา เป็นทั้งในส่วนของสุตมยปัญญา จินตามยปัญญา ก็คือรวม ๆ กัน เราจะสังเกตว่า ถ้าคนไม่รู้หนังสือจะจำแม่น อย่างสมัยก่อนคุณแม่ของอาตมาไม่รู้หนังสือ แต่ไปแลกข้าว ไปค้าขาย ลูกค้ามีกี่คน ใครซื้ออะไรไว้ตั้งแต่วันไหน เป็นเงินเท่าไร แกจำได้หมด แต่พอรุ่นอาตมาเรียนหนังสือ ใช้วิธีจดก็ไม่ได้จำ พอจดไม่ได้จำ ก็กลายเป็นว่าความจำก็เสื่อมไปเรื่อย ยิ่งสมัยนี้ให้เครื่องจำแทน ก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2014 เมื่อ 03:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #60  
เก่า 18-02-2014, 19:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,175 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราเริ่มปฏิบัติ..?
ตอบ : อย่าไปอยากได้อภิญญาสมาบัติแบบคนอื่นเขา เพราะวิสัยของแต่ละคนทำมาไม่เท่ากัน สำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรไม่ให้กิเลสกินใจเราได้ นั่นสำคัญที่สุด ถ้ารักษาสภาพจิตของเราไม่ให้กิเลสกินได้ มีความผ่องใสอยู่นาน ๆ ต่อไปสภาพจิตชินต่อการไม่มีกิเลส ถึงเวลาก็สามารถที่จะหลุดพ้นได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2014 เมื่อ 03:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว