กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #161  
เก่า 25-01-2012, 10:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกคราวก็ตอนที่มหาปิงยังไม่ได้บวช มหาปิงขับรถไปส่งอาตมาที่เกาะพระฤๅษี ไปตอนกลางคืน วิ่งไปเกือบจะถึงแถว ๆ ทุ่งก้างย่างแล้ว แมว ๒ ตัววิ่งออกมาจากข้างถนน แล้วก็ฟัดกันกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่กลางถนน เร็วจนดูไม่ทัน มหาปิงหักหลบ แมวตกใจวิ่งเข้าหาล้อรถ..แบนทั้งคู่เลย..!

ถ้าหากว่าแมวหนีรถเมื่อไรมักจะตาย ถ้าหากว่าหมายังมีโอกาสรอด เพราะแมวไวเกินไป พอหนีก็จะพุ่งหาที่มืด ๆ หลบ ซึ่งส่วนที่มืด ๆ ดำ ๆ ในสายตาของแมวคือล้อรถทุกครั้ง เพราะความเร็วของแมวจึงตาย ถ้าช้าแบบหมาไม่ตายหรอก พอแมวพุ่งหลบก็ไปหลบใต้ล้อทุกที เสียงดังกรุบ มหาปิงก็หน้าเหี่ยวถามว่าทำอย่างไรดีครับ ? อาตมาบอกว่า “อุทิศส่วนกุศลให้ไปเลย” เจตนาเมื่อไรเล่า ? อุตส่าห์หลบแล้วยังวิ่งมาหาที่ตายอีก

บางทีก็สร้างกรรมเนื่องกันมาทั้งคนอื่นและเรา มีอยู่เที่ยวหนึ่งขึ้นเชียงใหม่ พอไปถึงลำปาง กำลังวิ่งตามหลังรถฮอนด้าซีวิค ที่เขาเรียกว่ารุ่นเตารีด อยู่ ๆ เหมือนกับหนังใบ้ มีหมาตัวหนึ่งลอยคว้างข้ามหลังคารถเก๋งคันหน้า มาหล่นปุอยู่ตรงหน้ารถของเรา คุณแดงก็ทับซ้ำไปเลยเพราะว่าหลบไม่ทันจริง ๆ ถ้ารถเก๋งชนหมามักจะลอยขึ้น แต่ถ้าหากว่ารถกระบะมักจะคร่อมเพราะใต้ท้องรถสูงกว่ารถเก๋ง

นี่แสดงว่าทั้งเขาและเราทำร่วมกันมา ไม่ได้รู้จักมักจี่กันเลย ขับรถตามกันมากลางคืนแท้ ๆ อยู่ ๆ หมาลอยคว้างมาให้เราเหยียบได้

ถาม : แบบนี้เป็นปาณาติบาตโดยไม่เจตนาไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าอย่างนี้อาตมาไม่คิดซะด้วยซ้ำไป ในเมื่อไม่เจตนาก็จบแค่นั้นเลย ขืนไปคิดต่อก็หานรกใส่ตัว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2012 เมื่อ 10:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #162  
เก่า 25-01-2012, 10:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อารมณ์สงสัยไปเรื่อยนี่แก้ไขอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าอยู่กับการภาวนาจะเลิกสงสัย แสดงว่าที่คุณฟุ้งซ่านอยู่ตลอดก็คือจับอารมณ์ภาวนาไม่ได้ ถ้าหากว่าคุณอยู่กับการภาวนา ใจจะนิ่งอยู่ตรงหน้าไม่ไปไหน

ถาม : พอภาวนาเสร็จแล้วออกมาจะพิจารณาก็จะสงสัยครับ ?
ตอบ : แสดงว่าออกมาแล้วคุณรักษาอารมณ์ไว้ไม่ได้ ถ้าพิจารณาอยู่ในองค์ธรรมจริง ๆ ก็ไม่ไปสงสัยอยู่ดี จิตก็ไปตามหัวข้อธรรมที่เราพิจารณา แต่เราเห็นแล้วสงสัยทุกเรื่องแสดงว่าสมาธิไม่ได้อยู่ตรงหน้า เตลิดเปิดเปิงไปยันไหนแล้วก็ไม่รู้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2012 เมื่อ 10:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #163  
เก่า 25-01-2012, 10:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้านั่ง ๆ อยู่แล้วอาตมาลุกหายไปเฉย ๆ ก็ขออภัยโยมด้วยนะจ๊ะ เพราะดูแล้ววันนี้ถ้าจะถูกมาเลเรียลงกระเพาะ เมื่อครู่ขึ้นไปครู่เดียวถ่ายไป ๓ รอบ เป็นบทเรียนสอนให้รู้ว่าอย่าเกเรมาก ถ้าเกเรมากก็จะเป็นแบบนี้แหละ

ปกติแล้วถ้ามาเลเรียลงกระเพาะก็จะอาเจียน กินอะไรไม่ได้ ด้วยความที่อาตมาเป็นคนที่ไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไป รู้ว่าถ้าอาเจียนแล้วร่างกายจะแย่เพราะไม่มีอาหาร ก็เลยใช้วิธีกิน ๆ ๆ เข้าไป แล้วก็กลั้นไว้ไม่ให้อาเจียน ร่างกายเคยฝึกมาหนักจึงแข็งแรงพอทำให้กลั้นอยู่ แต่กลั้นไปกลั้นมาขึ้นข้างบนไม่ได้เลยไปลงข้างล่างแทน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อาการมาเลเรียลงกระเพาะของอาตมาก็เลยกลายเป็นถ่ายท้องแทนมาจนบัดนี้

เห็ดหลินจืออาตมากินไปแล้วประมาณครึ่งตันไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย อะไรที่ว่าดีกินมาแล้วทุกชนิดก็ไม่หาย ท้ายสุดยาบีบจนอาตมาจะตาย แต่โรคก็ไม่หายจึงต้องเลิกกินยา รู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นมานิดหนึ่ง

เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บเกิดจากเศษกรรมปาณาติบาต ถ้าหากว่าเราไม่กังวล โรคภัยก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก และเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ก็คือเขาจะได้คอยตักเตือนเราอยู่เสมอว่า ร่างกายนี้ไม่ดี ทำให้เรามีสติ ไม่ลืม ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดร่างกายแข็งแรงดีแล้วเพลิน..ลืมอีก ต้องบอกว่าสำหรับอาตมาแล้ว ขันธมารมีบุญคุณอย่างยิ่ง ที่คอยตักเตือนอยู่เสมอ ไม่ให้ลืมว่าร่างกายนี้ไม่ดี

ชะราธัมโมมหิ ชะรัง อะนะตีโต เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่อาจล่วงพ้นความแก่ไปได้ พะยาธิธัมโมมหิ พะยาธิง อะนะตีโต เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ไม่อาจจะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปได้

สิ่งที่ว่ามานี้เขาให้พิจารณาจนสภาพจิตยอมรับว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ไม่ใช่ท่องให้คล่องปากไปเฉย ๆ ถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ สภาพจิตก็จะยอมรับแล้วก็ไม่ไปดิ้นรน เมื่อไม่ไปดิ้นรนความทุกข์ที่จะพึงมีก็น้อยลง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2012 เมื่อ 03:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #164  
เก่า 25-01-2012, 10:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระแตกนี้ถวายให้ท่านไปหล่อใหม่ครับ
ตอบ : เดี๋ยวเตะก้านคอซะเลย..! อุตส่าห์สอนมาทั้งชีวิต พระแตกเขาให้บรรจุ ไม่ได้ให้ไปหล่อใหม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2012 เมื่อ 14:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #165  
เก่า 25-01-2012, 10:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมเอาของหวานมาถวายพระอาจารย์ ท่านจึงกล่าวว่า "สถิติที่น่าปลื้มใจก็คือ คนไทยกินน้ำตาลโดยเฉลี่ยมากที่สุดในโลก คนละ ๑๒ ช้อนชาต่อคนต่อวัน อาตมาไม่ฉันของหวานพวกนี้ ยังโดนบวกรวมไปด้วย สถิติของต่างประเทศ ๔-๖ ช้อนชาต่อคนต่อวัน ส่วนเรามากกว่าเขา ๒-๓ เท่า เพราะฉะนั้น..เบาหวานจงเจริญ ใครไม่เป็นไม่ทันสมัย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2012 เมื่อ 14:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #166  
เก่า 25-01-2012, 11:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ญาติโยมคณะศิษย์ได้ร่วมกันนำดอกไม้ธูปเทียนมากราบขอขมาพระอาจารย์เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ เสร็จแล้วพระอาจารย์จึงให้พร

"นับเป็นโอกาสอันดี ที่ปีใหม่นี้พวกเราได้มาทำอปจายนมัย คือการขอขมากรรมต่อครูบาอาจารย์ ถือว่าเป็นความดีอย่างยิ่งของพวกเรา สิ่งทั้งหลายที่เคยล่วงเกินกันมา ทั้งญาติโยมทุกท่านและตัวอาตมา ที่ผูกพันสืบเนื่องกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขอให้เป็นอโหสิกรรมลงไปตั้งแต่บัดนี้

และความดีทั้งหลายที่อาตมภาพได้สร้างสมมาตั้งแต่ต้นจวบจนบัดนี้ ไม่ว่าจะในชีวิตฆราวาสหรือว่าในชีวิตของนักบวชก็ตาม ขอให้ญาติโยมทั้งหลายจงมีส่วนในความดีทั้งหมดนั้นด้วย ขอให้ทุกคนมีความสุขความเจริญ มีความปรารถนาที่สมหวังจงทุกประการ และขอให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานโดยถ้วนหน้ากัน ทุกท่านทุกคนเทอญ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2012 เมื่อ 14:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #167  
เก่า 25-01-2012, 11:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของยศตำแหน่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานมา ต่อให้ไม่ต้องการก็ต้องรับไว้ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และตามธรรมเนียมปฏิบัติ เมื่อรับมาก็ต้องเรียกหาในชั้นยศล่าสุดที่ได้รับ ไม่บ้ายศบ้าตำแหน่ง ไม่บ้าเห่อก็ไม่เป็นไร แต่ว่าจำเป็นต้องเรียกหาตามนั้น

ถ้าหากว่าเรียกหลวงพ่อก็คือหลวงพ่อ แต่ถ้าจะมียศนำหน้าต้องเรียกตำแหน่งสุดท้าย อย่างพระมหาเปรียญก็เป็นตำแหน่งที่ทรงตั้ง ก็ถือว่าเป็นยศพระราชทานเช่นกัน คราวนี้ยศตำแหน่งพระราชาคณะชั้นราชของหลวงพ่อวัดท่าซุง ถ้าหากว่าจะเรียก ก็ต้องเรียกตำแหน่งหลวงพ่อพระราชพรหมยานไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2012 เมื่อ 14:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #168  
เก่า 25-01-2012, 11:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default





พระอาจารย์กล่าวว่า "รู้จักออโรร่าไหม? ออโรร่าบางทีเขาเรียกว่าแสงเหนือ เป็นแสงที่เกิดจากการกระทบของแรงแม่เหล็กจากดวงอาทิตย์ ปะทะกับแรงแม่เหล็กขั้วโลก กลายเป็นสารพัดสี ไปยืนดูนาน ๆ เหมือนกับตัวเองฝันไป บางทีดูไปดูมาแล้วเหมือนกับพวกที่ภาวนาแล้วเริ่มเข้าสู่อุปจารสมาธิ จะเห็นแสงเห็นสีสารพัดเต็มไปหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2012 เมื่อ 14:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #169  
เก่า 25-01-2012, 17:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีใหม่นี้ทางวัดอากาศเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เพราะว่ามรสุมตะวันตกเฉียงใต้ดันขึ้น ความกดอากาศสูงก็กดลง อากาศทองผาภูมิเปลี่ยนแปลงอาทิตย์หนึ่ง ๗-๘ วัน อากาศขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่นิ่งเลย ปกติช่วงนี้จะนิ่งอยู่ระดับ ๑๗ องศาเซลเซียส ตอนนี้กระโดดไปมาตั้งแต่ ๑๓ – ๒๓ องศาเซลเซียส ถ้าอากาศเปลี่ยนแปลงถึง ๒ องศานี่จะร้อนหนาวชัดเจนมาก แล้วอาตมามีเชื้อมาเลเรียอยู่ในร่างกาย พออากาศเปลี่ยนทีก็กำเริบที ก็เลยสนุกสนานกันยกใหญ่

ระยะเวลาที่ผ่านมาก็มีหน้าที่ประคับประคองร่างกายตนให้สามารถทำงานได้โดยที่ไม่เสียหายต่อการงาน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ลำบากมากแล้วที่จะยืนระยะให้อยู่ได้ ถึงได้กล่าวว่าความจริงแล้วขันธมารเป็นผู้ที่มีบุญคุณอย่างยิ่ง เพราะคอยตักเตือนให้อาตมารู้อยู่เสมอว่า ร่างกายนี้หาความดีไม่ได้ ถ้าไม่มีเขาคอยเตือนอยู่ อาจจะหลงเตลิดเปิดเปิง คิดว่าตัวเองแข็งแรง และท้ายสุดก็อาจจะลืมตัวไปด้วยว่าจะต้องตาย..!

ในเรื่องของโรคภัยที่เป็นอยู่ อย่างวันก่อนพอถ่ายท้องพรวดเดียวหมด เข้าไปนอนใจสั่นหวิว ๆ อยู่ในลักษณะที่ว่าชีวิตเราเหลือแค่ลมหายใจเดียว จะสิ้นสุดลงไปตอนนี้หรือเปล่าหนอ ? ก็ต้องรีบเกาะความดีไว้ ถึงได้บอกว่าเรื่องของความเจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ เป็นการทดสอบที่ดีของนักปฏิบัติมาก ๆ เราจะได้รู้ว่าสิ่งที่เราทำมาเพียงพอแก่การใช้งานหรือไม่ ถ้าหากว่าพอแก่การใช้งานก็มีหน้าที่ดู รักษาได้ก็รักษา รักษาไม่ได้เอ็งจะตายก็เรื่องของเอ็งเถอะ ไม่ได้อยากจะอยู่แล้วนี่ เพราะฉะนั้น..ถ้าทำท่าจะพังเราก็เริ่มดีใจ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2012 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #170  
เก่า 25-01-2012, 17:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"คราวนี้ก็เลยไปเข้าใจตรงจุดที่ว่า พระปฏิบัติจะสวยที่สุด ๒ วาระด้วยกัน ก็คือวาระที่เข้าถึงมรรคผล กับวาระที่จะวางเสียซึ่งสังขารอันเป็นภาระหนักนี้แล้ว ตอนที่ได้มรรคผลก็คือยินดีว่า เข้าถึงในสิ่งที่ตนเองใฝ่หามานับชาติไม่ถ้วนแล้ว เป็นสิ่งเข้าถึงได้ยากอย่างยิ่ง ต้องสั่งสมบารมีใน ศีล สมาธิ ปัญญา มานับชาติไม่ถ้วน เกิด ๆ ตาย ๆ จนกระดูกกองสูงยิ่งกว่าภูเขา

ส่วนวันที่จะต้องละเสียซึ่งสังขารนี้ ก็เกิดความยินดีเป็นอย่างยิ่งว่า ภาระอันใหญ่หลวงนี้เราจะได้วางทิ้งแล้วหนอ ไม่ต้องแบกต่อไปอีกแล้ว เกิดปีติขึ้นมา เมื่อปีติขึ้นหน้าตาก็จะผ่องใสผิดปกติ แต่โบราณเขาเก่งสรุปสั้น ๆ ว่า ถ้าเห็นหน้า..หน้านวล..ก็จวนตาย..!

เพราะฉะนั้น..ถ้าคนป่วย อยู่ ๆ เห็นผ่องใสผิดปกติ ให้รู้ว่านั่นเป็นเปลวเทียนวูบสุดท้ายแล้ว ถ้าใครเคยใช้เทียนจะสังเกตว่า ก่อนดับ..เปลวเทียนจะพุ่งสูงลิบแล้วก็ดับไป เป็นการดูดเอาน้ำตาเทียนหยดสุดท้ายขึ้นมาใช้งานจนหมดเกลี้ยง เรื่องทั้งหลายเหล่านี้สามารถมาถึงตัวเราและคนรอบข้างได้ทุกเวลา เป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้ ชีวิตของเรามีอยู่แค่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น

เมื่อครู่ที่ได้กล่าวว่า ชะราธัมโมมหิ ชะรัง อะนะตีโต พะยาธิธัมโมมหิ พะยาธิง อะนะตีโต เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่อาจล่วงพ้นความแก่ไปได้ เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ไม่อาจจะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปได้ ไม่ใช่เรื่องที่มาท่องให้คล่อง ๆ ปาก แต่เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้เห็น แล้วสภาพจิตยอมรับจริง ๆ ถ้าหากว่าพิจารณาเห็นแล้วสภาพจิตยอมรับจริง ๆ ก็จะไม่มีการไปดิ้นรน ก็คือเห็นว่าธรรมดาของร่างกายนี้ต้องเจ็บไข้ได้ป่วย ต้องแก่ และก้าวไปหาความตายเป็นปกติ

ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เราทุกคนควรที่จะพิจารณาและทำให้เกิดผลจริง ๆ ถึงจะได้ไม่เสียชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติ ไม่เสียชื่อว่าเป็นลูกหลานหลวงปู่หลวงพ่อ ไม่ใช่ประเภทป่วยทีก็โอดครวญ จนคนรู้กันไปครึ่งโลกเลย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2012 เมื่อ 03:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #171  
เก่า 25-01-2012, 17:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมทำสังฆทานโดยแบ่งถวายทีละชุดไปเรื่อย ๆ หลายครั้ง พระอาจารย์กล่าวว่า "แสดงว่าโยมไม่อยากได้รางวัลใหญ่ เมื่อวานเพิ่งปรารภถึง ดร.เอ

สมัยที่หลวงพ่อวัดท่าซุงยังอยู่ ดร.เอ ถูกหวยทุกงวด แต่หักแล้วที่ซื้อกับที่ได้ก็แทบจะเท่ากัน ประเภทกองลาดตระเวนเก็บเล็กเก็บน้อยไปเรื่อย อย่างโยมแทนที่จะทำบุญทีเดียวก็ทำทีละครั้ง วิสัยคนก็ไม่เหมือนกันด้วย ถ้าเป็นนิสัยของอาตมาก็เทไปทีเดียวเลย ได้อะไรก็ตูมเดียวเลยเหมือนกัน มาดู ๆ แล้วจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็ทำให้รู้ว่าเพราะนิสัยทำบุญทีเดียวของอาตมานี่แหละ ถึงเวลาได้อะไรก็ได้รวดเดียว

ปี ๒๕๔๗ ปีเดียวได้ตราตั้งมา ๘ ใบ จนตัวเองก็งงว่านี่ตำแหน่งอะไรบ้าง มาปีนี้ก็ได้พระครูชั้นสัญญาบัตรพร้อมเสาเสมาธรรมจักรและรับปริญญาโทด้วย ปกติเสาเสมาธรรมจักรได้ยากได้เย็น กลับเทมาทีเดียวพร้อมกัน เรื่องพวกนี้บอกนิสัยของพวกเราได้ว่าพวกเราชอบทำบุญแบบไหน ประเภททำทีเดียวถึงเวลาก็มาทีเดียว ทำหลายทีก็ทยอยกันมา

แบบสมเด็จพระพุทธทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้ากับสมเด็จพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเรื่องของลาภผลทั้ง ๒ พระองค์ มีลาภมากมหาศาลเหมือนกัน แต่พระองค์หนึ่งลาภมาอย่างกับคลื่นยักษ์ถล่มเมืองเลย อีกพระองค์ท่านหนึ่งก็ทยอยมาเรื่อย ๆ ไม่ขาดสาย ก็คือลักษณะสร้างบุญของทั้ง ๒ พระองค์ท่าน แม้ว่ามาในด้านทานบารมีเหมือนกัน แต่วิสัยในการทำไม่เหมือนกัน

ใครไม่รู้ว่าคลื่นยักษ์มาทีดุเดือดขนาดไหน ให้ลองไปดูวีดิโอที่เขาถ่ายไว้ บางคนเขาใจเย็นมากเลย ขนาดหนีขึ้นเขาไปแล้วยังอุตส่าห์ถ่ายวีดิโอไปเรื่อย แต่ก็ดีตรงที่ได้เห็นภาพ กวาดมาตูมเดียวเรือนชานบ้านช่อง รถยนต์เป็นร้อย ๆ คันหายวับไปกับตา ..!

ไม่มีอะไรเอาชนะพลังธรรมชาติได้ เห็นลักษณะนั้นแล้วจะได้รู้ว่ามนุษย์เรากระจ้อยร่อยเหลือเกิน ถ้าหากว่านับในโลกมนุษย์ของเราก็เป็นเพียงส่วนเสี้ยวนิดเดียว ถ้าไปนับในจักรวาลนี่เป็นเศษผงเลย แล้วทำไมถึงได้แบกมานะกันอยู่นักหนา อะไร ๆ ก็ตัวกูของกู เอากูเป็นใหญ่ไว้ก่อน ทั้งที่จริง ๆ แล้วแค่เศษฝุ่นชัด ๆ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2012 เมื่อ 13:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #172  
เก่า 25-01-2012, 17:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,231 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เก็บตกบ้านวิริยบารมีต้นเดือนมกราคมจบแล้วค่ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:05



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว