กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 02-12-2017, 09:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ เมื่อสองวันก่อนเรากล่าวถึงกองกิเลสใหญ่ คือราคะ โลภะและโทสะไปแล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าในเรื่องของการตัดราคะนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ใช้อสุภกรรมฐานหรือกายคตานุสสติ ในเรื่องโลภะใช้จาคานุสสติกรรมฐานและทานบารมี ในเรื่องของโทสะใช้พรหมวิหาร ๔ หรือกสิณ ๔

ส่วนในเรื่องของโมหะ คือความหลงนั้น พระองค์ท่านกำหนดเอาไว้เพียงอย่างเดียวว่า ให้ใช้ลมหายใจเข้าออกของเราเป็นหลัก เพราะว่าการที่เราจะคิดผิด พูดผิด ทำผิด ด้วยความหลงนั้นเกิดจากการที่สติปัญญาของเรายังไม่แก่กล้าพอ รู้ไม่เท่าทันกองกิเลสต่าง ๆ

ดังนั้น...จึงต้องเน้นในเรื่องของอานาปานสติ ซึ่งลมหายใจเข้าออกนี้จะสร้างสมาธิให้แนบแน่น ตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปจนถึงอรูปฌานที่ ๔ รวมแล้วเรียกว่าสมาบัติ ๘ ได้ ถ้ากำลังใจของเราทรงฌานอยู่ สติปัญญาจะแหลมคมว่องไวคู่ควรแก่ระดับสมาธินั้น ๆ โอกาสที่เราจะคิดผิด พูดผิด ทำผิดก็จะมีน้อยลง ทำให้เราสามารถระงับความหลงผิดซึ่งจะพาให้เราคิดผิด พูดผิด ทำผิดได้ แต่ก็เป็นการระงับยับยั้งแค่ชั่วคราว ถ้าสมาธิคลายตัวออกมาก็มีโอกาสที่จะผิดพลาดได้อีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2017 เมื่อ 19:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 02-12-2017, 09:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...ในส่วนของโมหะ คือความหลงนั้น นอกจากจะต้องใช้อานาปานสติ เพื่อสร้างสมาธิให้เข้มแข็งพอแล้ว ยังจะต้องใช้ปัญญาประกอบด้วย ก็คือเห็นทุกข์เห็นโทษว่า ในส่วนของราคะ โลภะ โทสะนั้น ถ้าเราประกอบไปแล้วจะมีโทษอย่างไร ในปัจจุบันชาตินี้เราก็ต้องเดือดร้อนเพราะโทษนั้น ๆ ถ้าหากว่าตายไปในภพหน้า เราก็ยิ่งเดือดร้อนหนักขึ้นไปอีก

ถ้าเราเห็นโทษ สภาพจิตก็จะเบื่อหน่าย จะไถ่ถอนออกมา ไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย ทำให้โอกาสที่โมหะจะชักนำเราให้คิดผิด พูดผิด ทำผิดก็มีน้อยลง หรือถ้าสามารถละได้เด็ดขาดเป็นสมุทเฉทปหาน เราก็จะไม่มีโอกาสคิดผิด พูดผิด ทำผิด ไปจากทำนองคลองธรรมอีก

แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ บางทีก็เหมาะก็ควรสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ยังมีคนส่วนน้อยที่จำเป็นต้องใช้กองกรรมฐานอื่น ๆ จึงจะแก้ไขได้ ยกตัวอย่างก็คือตัวของอาตมาเอง สมัยก่อนที่จะฝึกในเรื่องของการตัดละกามราคะ ก็พยายามที่จะฝึกหัดอสุภกรรมฐานและกายคตานุสติกรรมฐาน แต่ปรากฎว่าฝึกไปฝึกมาเหมือนกับสภาพจิตด้าน คือเกิดความเคยชิน ทำให้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่สามารถช่วยในการระงับยับยั้งกามราคะได้

กลับไปได้จากคำสอนของพระรัฐบาลเถระ ที่กล่าวกับพระเจ้าโกรัพยะซึ่งถามว่า "ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นคนหนุ่ม ย่อมมากด้วยกามราคะ เหตุใดจึงทรงพรหมจรรย์อยู่ได้ ?"

พระรัฐบาลเถระให้พิจารณาว่า มาตุคามนี้ ถ้าตั้งในที่แห่งมารดาได้...ก็ตั้งไว้ในที่แห่งมารดา
มาตุคามนี้ ตั้งไว้ในที่แห่งพี่สาวได้....ก็ตั้งไว้ในที่แห่งพี่สาว
มาตุคามนี้ ตั้งไว้ในที่แห่งน้องสาวได้....ก็ตั้งไว้ในที่แห่งน้องสาว
มาตุคามนี้ ตั้งไว้ในที่แห่งลูกสาวได้...ก็ตั้งไว้ในที่แห่งลูกสาว

เมื่อพิจารณาดังนีก็คือการที่เราใช้พรหมวิหาร ๔ นั่นเอง รักเขาเหมือนคนในครอบครัวของเรา ในเมื่อสามารถรักเขาเหมือนคนในครอบครัวของตนเอง กามราคะก็ไม่เกิดขึ้น เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2017 เมื่อ 19:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 02-12-2017, 22:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเรื่องของการปฏิบัติมีข้อที่นอกเหตุเหนือผลอยู่หลายเปอร์เซ็นต์เช่นกัน พวกเราเองก็ต้องซักซ้อมกองกรรมฐานตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้การแนะนำเอาไว้ก่อน แต่ถ้าเราทำแล้วยังอยู่ในจำนวนนอกเหตุเหนือผลที่มีไม่มากนัก เราก็ต้องไขว่คว้าหาดูว่า ในกรรมฐานทั้ง ๔๐ กอง และมหาสติปัฏฐานอีก ๔ นั้น ส่วนไหนที่เหมาะสมแก่เราบ้าง ในการที่จะจัดการกับ ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ได้

บางคนแค่อานาปานสติ คือ ลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว ก็สามารถจัดการกับกองกิเลสใหญ่ทั้ง ๔ ได้โดยราบคาบสิ้นเชิงแล้ว แต่บางคนต้องแสวงหากองกรรมฐานหลาย ๆ กองในการที่จะจัดการกับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เป็นการเฉพาะแต่ละอย่างไป ดังนั้น...ในส่วนนี้จึงอยู่ที่เราต้องฝึกฝนทบทวนในการปฏิบัติ เพื่อที่จะได้หากองกรรมฐานที่เหมาะสมกับจริตวิสัยของเราโดยเฉพาะ เมื่อหาได้แล้ว เราก็จะมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติยิ่ง ๆ ขึ้นไป

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-12-2017 เมื่อ 03:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:16



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว