กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 27-12-2012, 20:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,039 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงกรรมฐานวันอาทิตย์ที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๕

ทุกท่านนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดความความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ตรงหน้า หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา ใช้คำภาวนาที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นการปฏิบัติธรรมต้นเดือนครั้งสุดท้ายของเดือน และครั้งสุดท้ายของปี ระยะนี้ใกล้วันพ่อ คือวันที่ ๕ ธันวาคม ซึ่งปีนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ จะเสด็จออกมหาสมาคมด้วย

ตรงจุดนี้เราจะได้เห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรานั้น พระองค์ท่านเป็นผู้ที่ประกอบไปด้วยหลักธรรม เป็นผู้ปฏิบัติธรรมจนเกิดผล แล้วนำผลนั้นมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรานั้น พระองค์ท่านเป็นนักปฏิบัติแบบคนไม่มีเวลา เพราะตลอดระยะเวลาที่ครองราชย์มา พระองค์ทรงทุ่มเทในการประกอบพระราชภารกิจทุกอย่าง เพื่อความสุขของประชาชนชาวไทยทั้งปวง

พระองค์ท่านต้องผจญกับแรงทดสอบต่าง ๆ มากมายมหาศาล เริ่มจากการก้าวขึ้นครองราชย์ก็เพราะสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ เสด็จสวรรคตเพราะต้องพระแสงปืน เราต้องคิดดูว่า การช่วงชิงทางการเมืองที่รุนแรงถึงขนาดลอบปลงพระชนม์พระเจ้าแผ่นดิน ถ้าเป็นพวกเราทั้งหลายจะกล้าเสี่ยงขึ้นครองราชย์หรือไม่ ?

แต่พระองค์ท่านกล้า กล้าเสี่ยงขึ้นครองราชย์ยังไม่พอ ยังแบกข้อกล่าวหาที่ประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่ลืมหูลืมตา และตั้งใจจะใส่ร้ายป้ายสี ก็คือพระองค์ท่านฆ่าพี่เพื่อแย่งพระราชบัลลังก์..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2012 เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-12-2012, 19:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,039 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ถ้าเกิดขึ้นในชีวิตของพวกเรา เราจะรับได้หรือไม่ ? พระองค์ยอมเสียสละ แม้อาจจะถึงแก่ชีวิตขึ้นครองราชย์ เพื่อให้ประชาชนมีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่กลับโดนกล่าวหาด้วยข้อหาร้ายแรงปานนี้ เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อถึงเวลาพยายามที่ประกอบพระราชภารกิจยังประชาชนให้อยู่ดีกินดี ทุ่มเทต่อพระราชภารกิจวันหนึ่งเกิน ๒๐ ชั่วโมง ก็ยังมีคนกล่าวหาพระองค์ท่านว่าสร้างภาพ

ลองคิดดูว่าถ้าเราทุ่มเทโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก แต่ละวันเวลาพักผ่อนแทบไม่มี แล้วคนมากล่าวว่าเราสร้างภาพเราจะรู้สึกอย่างไร ?

แม้กระทั่งระยะหลัง พระองค์ท่านประชวร ต้องรักษาพระองค์เป็นระยะ ๆ มา แต่ก็ยังมีการจาบจ้วงไปในเรื่องต่าง ๆ นานา ถ้าเราชราภาพขนาดนั้น ทำงานมาตลอด ๖๐ กว่าปีโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก นอกจากคนจะไม่เห็นความดีแล้ว ยังสารพัดจะสรรหาเรื่องราวมาด่าว่า เราจะรู้สึกอย่างไร ?

ตรงจุดนี้เราจะได้เห็นชัดว่า องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ทรงประกอบไปด้วยหลักธรรมอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในทศพิธราชธรรม อักโกธัง เป็นผู้ประกอบด้วยความไม่โกรธเป็นต้น ไม่ว่าใครจะกล่าวร้ายอย่างไร พระองค์ท่านไม่เสียเวลามาแก้ตัว มาถกเถียงด้วย แต่ใช้การกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์

พระองค์ท่านต้องประกอบไปด้วยหลักอิทธิบาทธรรมอย่างแน่วแน่และมั่นคง มีฉันทะ คือตั้งใจแล้วว่าจะกระทำเพื่อประโยชน์สุขของมหาชน พระองค์ท่านก็แน่วแน่ต่อเป้าหมาย ทำไปด้วยความรัก ด้วยความพอใจจริง ๆ ต่อหน้าที่นั้น ๆ ประกอบไปด้วยพระวิริยะอุตสาหะ ทรงงานในแต่ละวันเกิน ๒๐ ชั่วโมง แม้กระทั่งระยะนี้ทรงพระประชวร รักษาพระวรกายอยู่ พระองค์ท่านก็ยังคงทรงงานเป็นปกติ

ทรงมีพระทัยปักมั่น ตราบใดก็ตามที่ไม่สามารถจะทำให้ประชาชนของพระองค์ท่านทั้งหลายอยู่ดีกินดีเสมอหน้ากัน พระองค์ท่านก็แน่วแน่ไม่แปรผันต่อเป้าหมาย ตั้งหน้าประกอบพระราชภารกิจไปโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก และไม่เห็นแก่พระชนม์ชีพของพระองค์ท่านเองเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2012 เมื่อ 19:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 70 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 29-12-2012, 19:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,039 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ทรงพระกอบไปด้วยพระวิมังสา คือมีการไตร่ตรอง แก้ไข ทบทวนโครงการ ตลอดจนกระทั่งงานต่าง ๆ ที่พระองค์ท่านได้ทรงไว้ คัดเลือกเอาเฉพาะที่เป็นประโยชน์ต่อพสกนิกร แล้วทรงนำมาทำให้เกิดผลอย่างแท้จริง

เราได้เห็นตัวอย่างแล้วว่า นักปฏิบัติธรรมที่แท้จริงนั้น ต้องเอาหลักธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ที่ได้ยกตัวอย่างมาเป็นเพียงหลักธรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ที่ใช้คำว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้หมายถึงหัวข้อธรรมนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หมายความว่าเป็นเศษเสี้ยวธรรมเล็กน้อยของหัวข้อธรรม ที่พระองค์ปฏิบัติได้และนำมาใช้งานอยู่ ซึ่งถ้าจะยกขึ้นมาทั้งหมดก็ไม่สามารถที่จะว่ากล่าวให้จบในวันนี้ได้

พวกเราทั้งหลายที่เป็นนักปฏิบัติ เมื่อถึงเวลาเผชิญการทดสอบ เราท้อถอยหรือไม่ ? การทดสอบที่เราพบเห็นอยู่รุนแรงเท่ากับองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หรือไม่ ? การงานที่เราทำหนักหนาสาหัสเท่ากับพระองค์ท่านหรือไม่ ? ตอบโดยไม่ต้องคิดเลยก็ได้ว่า ในประเทศไทยไม่มีใครทำงานหนักยิ่งกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในประเทศไทยของเราไม่มีใครเผชิญกับคลื่นลมและแรงทดสอบหนักยิ่งไปกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราเคยเห็นว่าพระองค์ท่านท้อถอยหรือไม่ ? แล้วถ้ายิ่งเปรียบไปถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านเกิดในรั้วในวัง เป็นสุขุมาลชาติ ทุกคนประคบประหงมฟูมฟักเพื่อหวังให้พระองค์ท่านอยู่เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชปกครองโลก แม้กระทั่งที่อยู่อาศัยก็ประกอบไปด้วยปราสาท ๓ ฤดู แต่พระองค์ท่านทอดทิ้งหมดทุกอย่าง เสด็จออกแสวงหาธรรม นอนกลางดินกินกลางทราย ภัตตาหารที่เสวยเข้าไปในแต่ละวันก็แล้วแต่ว่าผู้ใดจะสงเคราะห์ เป็นไปตามมีตามได้ ต้องทรมานพระวรกายแทบล้มประดาตายเพื่อแสวงหาธรรมมาสั่งสอนพวกเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 31-12-2012 เมื่อ 21:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 30-12-2012, 17:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,039 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระองค์ท่านตรัสเอาไว้ว่า “ตั้งแต่บำเพ็ญบารมีเพื่อพระโพธิญาณมา ในวัฏสงสารอันยาวไกลไม่เห็นต้นเห็นปลายนี้ คำว่าท้อแม้แต่นิดหนึ่งก็ไม่เคยปรากฏขึ้นในดวงจิตเลย”

เมื่อเราเห็นตัวอย่างจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี ตัวอย่างจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ดี นำมาเปรียบแล้ว เราควรที่จะทำให้ได้อย่างนั้น ไม่ใช่พบการทดสอบหน่อยหนึ่งก็ท้อ พบการทดสอบนิดหนึ่งก็ถอย พบอะไรยากลำบากนิดหนึ่งก็ไม่เอาแล้ว เล่าเรื่องการปฏิบัติที่เข้มข้นหน่อยหนึ่งก็บอกว่าไม่ไหวแล้ว ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร ?

การที่จะก้าวล่วงห้วงวัฏสงสารนี้ เราต้องต่อสู้ฝ่าฟันสิ่งขวางกั้นต่าง ๆ ซึ่งเขาขวางอย่างสุดกำลัง ถ้าเราไปย่อหย่อนแล้วเราจะฝ่าฟันล่วงพ้นไปได้อย่างไร ? ถ้าเราไม่สามารถจะฝ่าฟันล่วงพ้นไปได้ โอกาสที่เราตกลงไปทุกข์ยากสาหัสอยู่ในอบายภูมิก็มีอยู่เกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์

เรื่องเหล่านี้เราจึงควรที่จะตระหนักและสำนึกเอาไว้ ว่าการปฏิบัติธรรมของเรานั้น เราทำเพื่อเอาตัวรอดจากอบายภูมิ เราทำเพื่อก้าวไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่านี้ เราทำเพื่อหลุดพ้นจากกองทุกข์ ไปสู่พระนิพพาน ถ้าทุกท่านมั่นคงต่อเป้าหมายในชีวิต มีความพากเพียรบากบั่นไม่ท้อถอย พอใจที่จะกระทำก็ทำแบบไม่สนใจไยดีว่าชีวิตนี้จะดับดิ้นสิ้นไปหรือไม่ก็ตาม ถ้ายังไม่ถึงจุดหมายเราจะไม่เลิกราเด็ดขาด

มีการไตร่ตรองทบทวนถึงผลการกระทำของเราว่า การปฏิบัติตั้งแต่ต้นมาจนบัดนี้เรามีความก้าวหน้าหรือไม่ ? จุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ไหน ? ตอนนี้เรายืนอยู่ตรงจุดไหน ? เราก้าวไปถูกทางหรือไม่ ? เหลือระยะใกล้ไกลจากเป้าหมายอีกเท่าใด ? สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราลืมไม่ได้ และต้องตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติให้เต็มที่ จึงจะได้ชื่อว่าเป็นพุทธบริษัทที่ดี เป็นพสกนิกรที่ดี เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่หลวงพ่อที่ดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-12-2012 เมื่อ 17:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 02-01-2013, 08:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,039 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ นอกจากเรากระทำเพื่อประโยชน์ของตนเองแล้ว ยังสามารถยกถวายเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา ยังสามารถยกถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกด้วย

ถ้าคนไทยทุกคนตั้งหน้าตั้งตากระทำแต่ความดี ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี กระทำตามในสิ่งที่พระองค์ท่านได้เมตตาสั่งสอนเอาไว้ เชื่อว่าพระองค์ท่านจะมีกำลังพระราชหฤทัย ดำรงขันธ์อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพวกเราไปอีกชั่วกาลนาน

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกคนภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธและเถรี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 09:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:29



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว