กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 10-10-2011, 16:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่เราจะใช้มโนมยิทธินี่สามารถใช้ได้เรื่อย ๆ เลยหรือคะ ?
ตอบ : ถ้าหากมีความคล่องตัวจะใช้เมื่อไรก็ได้จ้ะ ยกเว้นคุณสุภิตา คุณสุภิตานี่ช่างถาม ถามจนพระท่านรำคาญ จำกัดว่าให้ถามได้ไม่เกินวันละ ๑ ข้อ แต่คุณสุภิตาก็ยังคงมีข้อสงสัยต่อไปว่า “แล้วถ้าอยากถามเกิน ๑ ข้อละคะ ?” คิดดูแล้วกัน..ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะโดนจำกัด แต่ของเรานี่ไม่จำกัดหรอก ใช้ไปเถอะ...

ถ้ามีความคล่องตัวใช้ได้ทั้งวัน ใช้ได้ทุกวินาทียิ่งดี เพราะว่าจิตที่ทรงมโนมยิทธิอยู่ อย่างน้อย ๆ เรามีฌานสมาบัติเป็นเครื่องควบคุม นิวรณ์ ๕ ก็ดี รัก โลภ โกรธ หลง ก็ดีจะแทรกตอนนั้นไม่ได้

ถาม : แล้วเวลารู้เห็นอะไรจะทำอย่างไรให้ไม่เตลิด ?
ตอบ : ตัวเราที่ใช้คำว่าเตลิดนี่ คนฟังไม่เข้าใจจะไปกันใหญ่ เอาเป็นว่าสิ่งที่เรารู้อาจจะไม่ถูกต้อง เกิดการผิดพลาดขึ้นเนื่องจากกำลังสมาธิเราไม่พอ ถ้าหากว่ารู้ตัวว่ากำลังสมาธิของเราถอย เราก็หันกลับมาเข้าสมาธิใหม่ จนอารมณ์ทรงตัวแล้วพิจารณาตัดร่างกายอีกรอบหนึ่งจากนั้นค่อยไปใหม่ ไม่อย่างนั้นแล้วจะผิด ไม่ได้เตลิดเฉย ๆ หรอก ถ้าผิดแล้วเข้าป่าเข้าดงไปเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-10-2011 เมื่อ 17:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 224 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 11-10-2011, 05:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์แจ้งว่า "ขอประกาศให้ญาติโยมทราบ งานเป่ายันต์เกราะเพชรครั้งต่อไปคือวันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ อีกไม่กี่เดือน แสดงว่าสถานการณ์ปีหน้าค่อนข้างจะหนัก เพราะเสาร์ ๕ มาตั้งแต่ต้นปีเลย

แม้ว่าสถานการณ์ของประเทศชาติจะหนัก แต่ก็มีวิธีผ่อนปรนโดยการมีฤกษ์ยามที่เหมาะสม ที่เราจะทำการบวงสรวงรวมกำลังใจอธิษฐานเพื่อประเทศชาติกัน ลองดูสิว่า ๒๘ มกราคม ปีหน้าตรงกับวันเสาร์หรือเปล่า ? ใครจะไปมั่นใจได้เล่า ? เกิดไม่ใช่วันเสาร์ขึ้นมาก็หน้ามืดสิ..! ประกาศไปแล้วจัดงานไม่ได้

มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านประกาศจัดงานเป่ายันต์เกราะเพชรก่อนวันงาน ๓ วัน พระพุทธเจ้าเสด็จมา ขออภัยนะ..อาตมาใช้คำพูดตามที่หลวงพ่อท่านบอก พระท่านตรัสว่า “แกแหกตาดูหรือเปล่าว่ามันวันอะไร ?” หลวงพ่อท่านบอกว่า “วันเสาร์ ๕ ครับ” พระท่านบอกว่า "วันเสาร์ แรม ๕ ค่ำ ใช้ได้ซะเมื่อไรเล่า ?" หลวงพ่อท่านรีบไปเปิดปฏิทินดู เป็นวันเสาร์ แรม ๕ ค่ำจริง ๆ ไม่ใช่ขึ้น ๕ ค่ำ

หลวงพ่อท่านก็เลยกราบทูลว่า “แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรครับ เพราะประกาศบอกโยมไปแล้ว ?” พระท่านบอกว่า “ไม่เป็นไร..จะข้างขึ้นหรือข้างแรม ถ้าฉันทำให้ก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่คราวหน้าต้องรอบคอบกว่านี้”

ถ้าหากว่าตามสายครูบาอาจารย์ของเรา ต้องใช้วันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เคล็ดลับอยู่ตรงคำว่า "ขึ้น" จะทำของให้ขึ้นก็ต้องข้างขึ้น ข้างแรมเขาไม่นับ ช่วงที่ผ่านมามีวันเสาร์ข้างแรม เขาตื่นเต้นกันใหญ่ จัดงานกันอุตลุด เขาว่าปีเสือ เดือนสิงห์ กระทิงวันอะไรให้ยุ่งไปหมด ถ้าหากว่าตามสายของสมเด็จพระสังฆราช วัดสุทัศน์ฯ ท่านจะใช้ฤกษ์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ท่านถือว่าสมบูรณ์บริบูรณ์ทุกอย่าง และโดยเฉพาะเป็นวันพระราชสมภพของท่านด้วย

แต่สมเด็จพระสังฆราชวัดสุทัศน์ฯ ท่านสร้างพระตามกำลังวัน ถ้าขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ตรงกับวันอาทิตย์ ท่านสร้างพระแค่ ๖ องค์ ตรงกับวันจันทร์สร้าง ๑๕ องค์ แปลว่าเต็มที่พระรุ่นนั้นจะมีไม่เกิน ๒๑ องค์ จนลูกศิษย์ทนไม่ไหวถึงได้ขอให้ท่านสร้างให้ต่างหาก ถึงได้มีการเททองกันทีหนึ่ง ๓๐๐-๔๐๐ องค์ แต่บางครั้งโลหะที่เตรียมไว้ไม่พอ ก็จะมีเทเช้าวรรณะเป็นสีเหลือง เทบ่ายวรรณะเป็นสีแดง ให้ยุ่งไปหมด ก็คือโลหะไม่พอ ต้องหาของมาเพิ่ม กลายเป็นจุดตายที่บรรดาเซียนพระเขาชี้จริงชี้ปลอมกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 21-05-2019 เมื่อ 19:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 11-10-2011, 08:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำงานให้ราชการ แต่ไม่ค่อยสบายใจ เพราะราชการทำงานไม่ค่อยตรง ผมทำงานตรงไปตรงมาจะไม่มีปัญหา แต่กรณีนี้มีผู้ที่มีอิทธิพล เขามาเรียกร้องทีหลัง ถ้าผมไม่จ่ายเขาเขาจะไม่ตรวจรับงาน เผลอ ๆ จะต้องให้ของเขา อย่างนี้จะผิดไหมครับ ?
ตอบ : จริง ๆ ไม่ถือว่าผิด คบหาพวกนี้เอาไว้นอกจากอำนวยความสะดวกให้แล้ว ต่อไปเราจะได้งานอื่นง่ายด้วย แต่ว่าให้คุยกันให้ชัดไปเลยว่าแต่ละงานจะเอากี่เปอร์เซ็นต์

ถาม : อย่างนี้ไม่ผิดหรือครับ ?
ตอบ : ไม่ผิด..จะไปผิดอะไรเล่า? เราไม่ได้มาเอาเงินเพิ่มจากราชการ แต่ว่าเราแบ่งส่วนที่จะพึงได้ให้กับเขาไป

ถาม : แต่ถ้าเรามีการคุยกันก่อนว่า งานนี้ผมได้ คนนี้ก็จะไปกันคนอื่นครับ อย่างนี้ก็เหมือนกับไปกีดกัน
ตอบ : นั่นเป็นเรื่องของเขา

ถาม : ไม่เกี่ยวกับเราหรือครับ ?
ตอบ : ไม่เกี่ยวกับเราสิ..ก็เขาทำ

ถาม : แต่เรามีส่วนรับรู้นะครับ
ตอบ : คุณก็อย่าไปสนใจตรงนั้น คุณคิดเสียว่าเขาอำนวยความสะดวกให้เรา แล้วคุณก็จ่ายค่าอำนวยความสะดวกให้เขา ลักษณะเดียวกับภรรยาของพรานกุกกุฏมิตร สามีจะทำอะไรก็แล้วแต่ ภรรยาไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ไม่ตามไปคิดด้วย ไม่สนใจ

ถาม : แล้วกรณีคนนี้อยู่ในราชการ กับไม่อยู่ในราชการนี่ ?
ตอบ : เหมือนกัน

ถาม : คือต้องรับผลไม่ต่างกัน ?
ตอบ : เขาเองรับแน่ ความซวยตกอยู่ที่เขาเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-10-2011 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 11-10-2011, 08:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กรณีนี้ถ้ามีอีกหนึ่งบริษัทเป็นตัวแทน เข้าไปจัดการเรื่องทุกอย่าง แต่ผมไม่ยุ่ง จะปลอดภัยสุดใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ใช่..ถ้าเราหางานได้ก็หาซับเอเยนต์ ถ้าอย่างนี้จะแน่นอน ปล่อยเขาไปรบราฆ่าฟันกันเอง ถึงเวลางานของเราได้กี่เปอร์เซ็นต์ เราก็เบิกตามนั้น จ่ายเขาให้ตรงก็แล้วกัน

ถาม : กรณีที่ว่าแข่งขันกันสี่ราย จะต้องไปเคาะราคากันสี่ราย แล้วปรากฏว่ามีการฮั้วกันในสี่ราย แล้วไม่ยอมไปเคาะ เราก็ไม่ให้ราคามันตก กรณีนี้ถือว่าผิดไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ผิด..เพราะอย่างน้อย ๆ ถ้าอยู่ในราคากลางก็ใช้ได้

ถาม : แต่มันคือการฮั้วนะครับ
ตอบ : ฮั้วก็จริง แต่เขาไม่ได้เสียอะไรเพิ่ม ยังอยู่ในงบคือจ่ายเท่าเดิม ในเมื่อนายจ้างไม่ได้เสียอะไร พวกนี้เขาตกลงกันเอง เอาแค่ไหนก็อย่าให้มากเกินงบไปแล้วกัน

ถาม : แล้วถ้าไม่มองว่า เป็นการประหยัดงบประมาณ
ตอบ : ใช่..แต่คุณอย่าลืมว่าราคากลางที่เขาตั้งมา ต่อให้เขาไม่ให้คุณ เขาก็ไปถลุงกันเอง

ถาม : แสดงว่าทั้งหมดที่พูดมานี่ในทางกรรม..
ตอบ : ไม่ผิดตรง ๆ ถ้าอยู่ในราคากลาง แล้วไม่มีการไปซิกแซกเอาเพิ่มเติมอะไร

ถาม : แล้วกรณีที่ผมพูดมานี่ ที่เขาทำผิด เขาต้องรับโทษอย่างไรในทางกรรม ?
ตอบ : มีนรกอยู่ขุมหนึ่ง รับพวกคอรัปชั่นโดยตรง

ถาม : อย่างนี้เลยใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ใช่ ปิสสกะปัพพตะนรก

ถาม : แล้วถ้าเขามาถาม ผมจะมีวิธีแก้ไขอย่างไรครับ ?
ตอบ : บอกเขาว่าพยายามเจริญกรรมฐานให้อารมณ์ใจทรงตัวให้ได้ เวลาตายอย่าหลุดก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2011 เมื่อ 10:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 220 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 11-10-2011, 13:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อยากให้ช่วยอธิบายคำว่า แก่น กระพี้ เปลือกค่ะ
ตอบ : แก่นก็คือส่วนที่แข็งแกร่งที่สุด กระพี้คือส่วนที่หุ้มแก่นอยู่ เปลือกคือส่วนที่หุ้มทั้งกระพี้และแก่น ถ้าจะเอาแก่นธรรมจริง ๆ ก็ต้องเข้าถึงพร้อมทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญา

ถ้าเอาแค่กระพี้ก็อาจจะได้แค่ศีล ถ้าเอาแค่เปลือกสะเก็ด ๆ ผิว ๆ ก็อาจจะประเภททำ ๆ เล่น ๆ อยู่แล้วก็ดันไปคุยว่าเราทำแล้ว เสียหายกับศาสนาอีกต่างหาก เพราะทำไม่จริงแล้วไปคุย

ไปดูในอุทุมพริกสูตร ท่านจะระบุไว้ชัดเลยว่า การเข้าถึงสะเก็ดของพระศาสนาเป็นอย่างไร ? เข้าถึงกระพี้เป็นอย่างไร ? เข้าถึงแก่นเป็นอย่างไร ? ไปค้นดูในอินเตอร์เน็ตก็ได้ พิมพ์คำว่าอุทุมพริกสูตร แล้วจะรู้ว่านิโครธปริพาชกเป็นพวกช่างถามแค่ไหน

ถาม : หลวงตาวัดเขาวง เขาส่งมาให้ถามท่านค่ะ
ตอบ : อ๋อ..พอหมดท่าเข้า ท่านก็โยนมาใช่ไหม ? สมัยก่อนที่อยู่วัดท่าซุง ถ้าเหลือกำลังหลวงพี่อาจินต์ก็จะไปที่หลวงตา ถ้าเหลือกำลังหลวงตา จะหล่นมาที่อาตมา ถ้าเหลือกำลังอาตมาก็แปลว่าไม่มีใครช่วยได้ แต่ยังไม่เคยเจอที่เหลือกำลังนะ แต่ว่ามีประเภทหนึ่งที่เข็นเกือบจะไม่ไหว บุคคลนั้นท่านเป็นพระ มาฝึกมโนมยิทธิได้ ๖ วัน วันนั้นวันที่ ๗ แล้ว หลวงพี่อาจินต์เอารถจี๊ปซูซูกิคาริเบียนของท่านมากับหลวงตา

มาถึงหน้าตึกริมน้ำก็เรียก “เฮ้ย...เล็กเว้ย ฝากเวรเขาไว้หน่อยสิ..ไปช่วยกันที” อาตมาก็ถามว่าอะไรกันนักหนา “กูเข็นกันมา ๖ วันแล้ว เอาไม่ไป” สอนมา ๖ วันแล้วนะ วันนั้นเป็นวันที่ ๗ ตามกติกาของวัดอยู่ได้ไม่เกิน ๗ วัน ก็เลยต้องมาดึงอาตมาไป

ปรากฏว่าสอนอยู่ ๒ ชั่วโมง ท่านไปได้แค่จุฬามณี เพราะท่านต้องการรายละเอียดมากเป็นพิเศษ ขนาดบันไดเป็นอย่างไรท่านตามดูทีละขั้น ถึงได้เข้าใจที่หลวงพ่อท่านบอกว่า บุคคลที่เป็นคนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ถ้าหลุดมาถึงมือเรา จะเหมือนกับเข็นเรือทรายบนบก คือเข็นกันจนหมดเรี่ยวหมดแรงก็ไม่อยากจะขยับ

อาตมาสอนท่านได้แค่นั้นก็หมดแรงหงายแผ่เหมือนกัน ได้แต่เรียนท่านไปว่า “วิธีการเดียวกันนี่แหละขอรับพระคุณท่าน ถึงเวลากลับวัดแล้วก็ไปปฏิบัติซักซ้อมเอง แล้วความคล่องตัวจะเกิดขึ้น หลังจากนั้นไม่ต้องเสียเวลารอครู พิจารณาตัดร่างกายเสร็จก็ไปได้เลย” ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าป่านนี้ท่านไปถึงไหนแล้ว อาจจะยังวน ๆ อยู่แถวจุฬามณีก็ได้ เพราะยังสำรวจไม่ทั่ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-10-2011 เมื่อ 14:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 11-10-2011, 13:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช่วยอธิบายศีลข้อสามอย่างละเอียดหน่อยค่ะ
ตอบ : ท่านบอกไว้ถึงขนาดว่าบุคคลมีพ่อปกครอง มีแม่ปกครอง มีพี่ปกครอง มีน้องปกครอง มีญาติปกครอง มีพระราชาปกครอง ก็คือมีกฎหมายคุ้มครอง บุคคลอันผู้อื่นจองแล้วด้วยพวงมาลัย คือมีคู่หมั้น แล้วท้ายสุดบุคคลอันมีธรรมปกครอง คลุมทุกสภาพเลย เพราะฉะนั้น..ละเมิดเมื่อไรก็ผิดเมื่อนั้น

มีอยู่ทางเดียวคือทำให้ถูกต้อง อาตมายังชื่นชมว่าคนโบราณเขาเก่ง เก่งตรงที่ว่าถึงเวลาก็ฉุดกันไป พากันหนี แต่พอท้องมาสัก ๗-๘ เดือน หรือคลอดลูกมาสักคนสองคนก็กลับมาขอขมา ก็จบ บางทีพ่อตาแม่ยายงอนด้วย ไม่ยอมรับการขอขมา ขึ้นบ้านมาจะยิงให้ตกบันไดเลย ปรากฏว่าเจอลูกเขยมีนะเมตตาขึ้นมา ยิงไม่ลงอีก เพราะเล่นอุ้มหลานมาด้วย แล้วก็สอนกันมาดีเหลือเกิน สอนให้เรียกตาจ๋า..ยายจ๋า..มาแต่ไกลเลย เสร็จเขา..ต้องรับขอขมาแต่โดยดี เรียกว่าฝึกมาเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ

ถ้าผิดก็แก้ให้ถูก จดทะเบียนใช้ไม่ได้นะ เพราะว่าเขามีเจ้าของ ต้องขออนุญาต สมัยนี้คิดว่าจดทะเบียนสมรสก็จบแล้ว นั่นจบแค่ทางโลก ทางธรรมยังไม่จบ แต่ว่าเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมามีข่าวครูพละกับลูกศิษย์ นั่นไม่ใช่เขาพรากผู้เยาว์นะ เด็กเขาตามไปเอง แล้วพอครูโดนจับ ครูเขาคงอายเลยผูกคอตาย เด็กก็ผูกคอตายตามไปด้วย นั่นเขารักกันจริง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2011 เมื่อ 14:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 11-10-2011, 14:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ครูอายุตั้ง ๕๐ กว่าแล้วค่ะ
ตอบ : ความรักมีพรมแดนเสียเมื่อไรเล่า โบราณท่านว่า
รักกันสุดขอบฟ้า................เขาเขียว
เสมออยู่หอแห่งเดียว............ร่วมห้อง
ชังกันบ่แลเหลียว...............ตาต่อ กันนา
เหมือนขอบฟ้ามาป้อง..........ป่าไม้มาบัง

อยู่ติด ๆ กันแค่ตาเห็น แต่เชิดใส่ หันหลังให้กัน ก็เหมือนกับมีป่ามาขวางอยู่ตรงหน้า

ถาม : ในทางธรรมแล้วจะทราบได้อย่างไรว่าเขาเป็นคู่กัน?
ตอบ : เนื้อคู่มีบุพเพสันนิวาส คือเนื่องกันมาแต่อดีต แล้วก็มีเกื้อกูลกันในปัจจุบัน จนเห็นใจกันแต่งงานกัน ถ้าหมอดูคนไหนบอกไม่มีเนื้อคู่ ไม่ต้องไปเชื่อ ถ้าอดีตไม่มีเราหาเอาในปัจจุบันก็ได้

ชื่นชมที่สุดคือคุณสมศรี สมศรีบวชชีอยู่ที่วัดท่าขนุน น้ำหนักเขาร้อยกว่ากิโลกรัม วันนั้นสมศรีขอสึก อาตมาบอกว่า "ยายศรี..แกจะสึกไปทำไม ? หุ่นอย่างนี้จะมีใครเอาไปทำเมีย" ยายศรีบอกว่า "แค่ผู้ชาย...สบายมากอาจารย์ ออกไปเดินวนรอบตลาดรอบเดียวก็ได้แล้ว" ยายศรีหายไปชั่วโมงหนึ่ง กลับมามีผู้ชายตามมาจริง ๆ เขาทำได้จนอาตมาทึ่ง นี่ถ้ารู้จักกันมาก่อนหน้านี้ อาตมาก็คงไม่บวชหรอก จะขอลองใช้วิธีของเขาหน่อย ไม่รู้ทำอีท่าไหน เก่งจริง ๆ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2011 เมื่อ 14:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 11-10-2011, 16:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่เหลือจากสมเด็จองค์ปัจจุบัน ทำไมถึงเข็นยากนักละคะ ?
ตอบ : ก็เพราะเหลือจากท่านแล้ว ขนาดท่านยังเข็นไม่ไปแล้วใครจะไปเข็นไหวเล่า ?

ถาม : แล้วมีที่เหลือจากองค์ก่อน ๆ อีกหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่รู้ว่าเหลือหรือเปล่า ? แต่ถ้าเหลือก็กรุณาอย่าเลี้ยวมาทางนี้เลย ส่วนใหญ่แล้วก็ยังไม่ได้ขึ้นมา ไม่หนาวหรอก..อบอุ่น ที่เขาอยู่อบอุ่นจะตาย มีเครื่องทำความร้อนประจำเลย ไม่ต้องเสียค่าไฟด้วย

ถาม : การที่ใครจะเกี่ยวเนื่องกับองค์ไหนนี่เกิดจากอะไรคะ ?
ตอบ : สร้างบารมีตามกันมา อธิษฐานตามกันมา ถ้าตะเกียกตะกายไปไม่ถึง เจอใครก็ต้องยึดไว้ก่อน มีโอกาสถ้าท่านเห็นว่าวาระสมควรแล้ว เป็นดอกบัวพ้นน้ำกระทบแสงเมื่อไรก็พร้อมจะบานแล้ว ก็คงลงมาสงเคราะห์เอง หรือไม่ก็สะกิดท่านใดที่เหมาะสมในตอนนั้น ฝากคนนี้ให้ช่วยดูแลด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2011 เมื่อ 17:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 226 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 12-10-2011, 06:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กรณีที่วงสมาธิแคบ ขึ้นไปแล้วเห็นได้เฉพาะจุด ถ้าเราจะให้เห็นได้กว้าง ๆ นี่คือต้องตั้งจิตอธิษฐานหรือคะ ?
ตอบ : ต้องขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ กำลังของท่านจะช่วยได้ ลำพังความสามารถของเราเห็นแค่นั้นก็ดีตายชักแล้ว

ถาม : ไม่ต้องไปพยายามฝึกให้กว้างขึ้นหรือคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องจ้ะ กราบขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้รู้เห็นสภาพในบริเวณนั้นได้ชัดเจนตามความเป็นจริง พอวงสมาธิขยายขึ้น เราก็อาจจะช็อกตาค้าง เพราะเดินเหยียบปู่ย่าตายายไปกี่รอบแล้วก็ไม่รู้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2011 เมื่อ 07:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 12-10-2011, 06:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมปฏิบัติกรรมฐานครับ แต่แล้วกลายเป็นว่า ๒ คน คนหนึ่งหูหนวก คนหนึ่งตาบอด เกิดจากอะไรครับ ?
ตอบ : สร้างมาไม่เหมือนกัน คนหนึ่งมาทางทิพจักขุ คนหนึ่งมาทางทิพโสต

ลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงรุ่นเก่าคือ คุณบุญถึง เป็นเจ้าของปั๊มน้ำมันที่มโนรมย์ พระธาตุเสด็จคุณบุญถึงก็ได้ยิน หลวงพ่อไปด้วยกายใน สวดมนต์ให้บ้านงานเขา แกก็ได้ยิน แต่แกมองไม่เห็น

หลวงพ่อลักษณ์ วัดศรีรัตนารามชี้บอก "คุณบุญถึง..เห็นไหมอาจารย์คุณนั่งเคี้ยวหมากอยู่นั่น ?" คุณบุญถึงมองไม่เห็น เห็นแต่อาสนะเปล่า ๆ ทุกคนก็เห็นแต่อาสนะเปล่า ๆ แต่บุญถึงได้ยินเสียงหลวงพ่อตอนสวดมนต์ร่วมกับคนอื่น แกจำได้ว่าเป็นเสียงของหลวงพ่อ

ถ้าถนัดทิพจักขุมาก็จะเห็น ถนัดทิพโสตมาก็จะได้ยิน ฉะนั้น..สองคนต้องไปด้วยกัน จะได้สมบูรณ์

ถาม : แล้วเมื่อไรจะได้ยิน หรือยังไม่ถึงเวลา ?
ตอบ : รอเวลา..ถ้าอภิญญาเต็มที่ก็จะได้ครบ ถ้ายังไม่เต็มที่ ก็เอาที่ตัวเองถนัดไปก่อน หรือไม่ก็ซื้อ iPad เพราะใช้ได้ทุกอย่าง เห็นด้วยได้ยินด้วย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2011 เมื่อ 07:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 12-10-2011, 12:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์แจ้งว่า "กฐินวัดท่าขนุนปีนี้ตรงกับวันที่ ๒๓ ตุลาคม ถวายกฐินเวลาบ่ายโมง และจะเป็นเวลาบ่ายโมงไปเรื่อย ๆ ทุกปี เนื่องจากตอนบ่ายเราไม่ต้องไปเกาะพระฤๅษีแล้ว ให้เขามารับพร้อมกันที่วัดท่าขนุนเลย เป็นอย่างนี้สัก ๒-๓ ปีเดี๋ยวก็ชินกันไปเอง แต่ว่าคงจะเปลืองน่าดูเลย เพราะกว่าจะถึงเวลาบ่ายนี่มีเวลากินอีกเยอะ โรงทานจะเดือดร้อน..!

โดยเฉพาะพวกมอญพม่า พอถึงเวลาประกาศว่ามีงานวัดท่าขนุนนี่ เขาล้างท้องรอไว้เลย หอบลูกจูงหลานมา มีกี่คนกินกระจาย แล้วขนทุกอย่างกลับ แม่ชีเขามักโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ อาตมาก็บอกแม่ชีว่า ไปโกรธเขาทำไม ในเมื่อเราตั้งใจเลี้ยงเขา เขาอุตส่าห์มากินให้ก็ถือว่าเขามีบุญคุณแล้ว..!

แต่บางทีเราเลี้ยงโต๊ะจีนแล้วเหลือ ๑๐ กว่าตัว แม่ชีก็เก็บกับข้าวไว้ ตั้งใจจะเลี้ยงพระวันรุ่งขึ้น พอเทใส่หม้อไว้เสร็จสรรพ หันกลับมาหายไปทั้งหม้อ เขายกหม้อไปด้วย..!

กฐินปีนี้ ๒๓ ตุลาคม แต่ปีหน้าไม่สามารถจะเป็นวันที่ ๒๓ ตุลาคมได้ เพราะมีเดือน ๘ สองหน แล้วเข้าพรรษาช้ามาก ปีหน้าเข้าพรรษาวันที่ ๒ สิงหาคม ตั้งแต่อาตมาบวชมาจนป่านนี้จะ ๓๐ ปีแล้ว เคยเข้าพรรษาเดือนสิงหาคมแค่ครั้งเดียว ปีหน้าจะเป็นครั้งที่ ๒ นาน ๆ ทีจะเลื่อนไปได้ขนาดนั้น ก็แปลว่าจะไปออกพรรษาราว ๆ เดือนพฤศจิกายน เลย ๒๓ ตุลาคมไปตั้งนาน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2011 เมื่อ 14:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 12-10-2011, 15:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ขอปรึกษาพวกเราอย่างหนึ่งว่า ตอนแรกตั้งใจไว้เรื่องของการช่วยงานวัดอื่นในลักษณะกฐินปลดหนี้ จะไปให้ได้ทุกภาค แต่ปรากฏว่ามีหลายแห่งที่เราไม่ต้องช่วยเขาก็อยู่ได้ เพราะฉะนั้น..เราไม่จำเป็นต้องไปทุกภาค แต่เลือกเอาเฉพาะท่านที่เดือดร้อนจะดีกว่าไหม ?

ถ้าเป็นอย่างนั้น ปีหน้าจะได้ไปวัดครูบาเหนือชัยก่อน เพราะว่างานท่านสาหัสจริง ๆ อาตมาไปแต่ละทีต้องหอบเงินไปให้ท่านเป็นมัด ๆ เมื่อวันก่อนที่ไปก็เหมือนกัน ท่านไปรับซองของครูบาบุญยัง อาตมาก็บอกว่า "เฮ้ย ๆ ทางนี้ไม่ใช่ซอง นี่กระสอบ..!"

ท่านต้องวางพระลูกศิษย์ไว้เป็นจุด ๆ ตามแนวชายแดน ป้องกันไม่ให้พวกคริสต์เข้าไป แต่ละจุดเข้าไปถึงยากมาก ถ้าไม่มีอาคารถาวร คนเขาไม่เห็นเป็นวัดเป็นวาก็จะไม่ไป จึงจำเป็นต้องมีตัวอาคารด้วย งานของท่านก็เลยต้องใช้เงินเยอะมาก

ถึงแม้ท่านจะมีชื่อเสียงมากกว่าอาตมา ต้องใช้คำนี้นะ มีชื่อเสียงมากกว่า แต่ว่าคณะญาติโยมที่ไปทำบุญนั่นไม่ใช่นักบุญอย่างพวกเรา อย่างพวกเราจะมากจะน้อยเราแย่งกันทำบุญ แต่ของเขาไม่ใช่ สังเกตไหม ใครไปงานนิโรธกรรม ถ้าอาจารย์เล็กไม่ไปด้วย งานท่านจะเฉา แทบจะไม่มีคนไปทำบุญเลย

เอาเป็นว่าไปช่วยกันหน่อย แล้วปีถัดไปก็วน ๆ หาพระพี่พระน้องที่เขาเดือดร้อนกัน คือเอาท่านที่ได้ประโยชน์จริง ๆ จะดีกว่า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2011 เมื่อ 15:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 12-10-2011, 15:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อย่างจะไปช่วยหลวงพ่อหนุนหรือ ? ชื่อเสียงท่านก็ดังคับภาคอีสานอยู่แล้ว มีคนช่วยเหลือเต็มที่อยู่แล้ว ถ้ายิ่งจะไปช่วยหลวงพ่อมนัสนี่ไม่ต้องเลย ท่านดังระดับชาติไปตั้งนานแล้ว

เอาตามนี้นะ..เขาเดือดร้อนที่ไหนก็ไปตรงนั้น จะได้วนไปหาหลวงพ่อสิงห์เร็วหน่อย ตอนนี้หลวงพ่อสิงห์จ้างช่างมาทำโบสถ์ เขาขอค่าแรงเดือนละ ๕๐,๐๐๐ บาท แต่ว่าฝีมือเขาได้อย่างใจ ตุ๊ป้อก็เลยยอม เฉพาะหัวหน้าช่างคนเดียวนะ ๕๐,๐๐๐ บาท

นี่ยังดีกว่าที่วัดท่าขนุน วัดท่าขนุนวันก่อนเขามาเบิก ๒,๖๘๘,๕๐๐ บาท เฉพาะค่าแรงทำโครงหลังคาอย่างเดียว ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท วัสดุทุกอย่างเป็นของเรานะ นั่นค่าแรงอย่างเดียว เพราะว่าการที่จะดัดเหล็กให้เป็นหลังคาทรงไทยแล้วได้รูปนี่ทำยากมาก มีช่างไม่กี่คนที่จะมีความสามารถพิเศษที่ทำได้สวย นอกจากนั้นที่เขาทำสักแต่ว่าเป็นรูปเท่านั้น

จะสังเกตเห็นว่าหลังคาทรงไทยจริง ๆ จะแอ่นโค้งสวยมาก ถ้าหากว่าฝีมือไม่ถึงแล้วเหล็กแข็ง ๆ ทั้งดุ้น เราทำอย่างไรจะให้เป็นได้ อยากได้ของสวยเราก็ต้องยอมให้เขา

ท่านเจ้าคุณปัญญา (พระราชวิสุทธิเมธี)ถามว่า “อาจารย์เล็ก แบบนั้นหลังละเท่าไร ?” อาตมากราบเรียนว่า “ไม่เคยตกลงราคากันครับ ทำเสร็จแล้วเขาเบิกเท่าไร ผมก็ให้เท่านั้น” ท่านเจ้าคุณปัญญากลืนน้ำลายเอื๊อก บอกว่า "สงสัยจะมีอาจารย์เล็กคนเดียวที่จ่ายไหว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2011 เมื่อ 16:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 12-10-2011, 15:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"น่าเห็นใจตรงที่ว่า บางทีช่างเขาตีราคาไปแล้ววัสดุขึ้นราคา เขาก็จะขาดทุนกำไร ถ้าหากว่าวัสดุขึ้นราคาแล้วยังมีปัญหาอื่นอีก อย่างเช่นว่าฝนตกทำงานไม่ได้ เท่ากับกินค่าแรงตัวเองไปเรื่อย แล้วท้ายสุดก็จะขาดทุน

มีหลายต่อหลายงานที่เขารับแล้วเขาขาดทุน เขาก็เลยทำงานกับอาตมาด้วยความสบายใจมา ๓ ปีกว่าแล้ว ไม่ต้องไปไหนเลย ทำไปเรื่อย ๆ เบิกเท่าไรเอาไปแค่นั้น คือเขาเป็นช่างที่ทำงานแล้วไม่ต้องไปคุม สั่งเสร็จเป็นอันว่าดีแน่

ส่วนอาตมาก็ไม่เดือดร้อน พอถึงเวลาจะจ่ายเงินก็ระดมจากโยม ประกาศลงเว็บวัดท่าขนุน ต้องการใช้เงินด่วน..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2011 เมื่อ 16:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 12-10-2011, 16:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เดือนที่แล้วทำพระปิดตารุ่น ๒ ที่จะพุทธาภิเษกวันเป่ายันต์ปีหน้า ต้องใส่ทองไปองค์ละตั้ง ๔ บาท ช่างคำนวณมาได้ว่า ๓.๕๐ บาท ตูเกือบสลบ..! เอาทองไป ๕๔ บาท ได้มา ๑๑ องค์ครึ่ง..! ท้ายสุดต้องหาทองไปเพิ่มให้ได้อีกครึ่งองค์

การหล่อพระทุกครั้ง ถ้าจะทำเป็นทองให้ใช้ทองแท่งเพราะว่าทองรูปพรรณจะสูญเสียประมาณ ๑๐-๑๕ % บางรายที่ไร้ศีลไร้ธรรมอาจจะสูญเสียถึง ๓๐ % เพราะเขาผสมโลหะอื่นมาเยอะ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่พวกร้านทองผสมมาก ถึงขนาดเหลือเปอร์เซ็นต์ทองประมาณ ๖๐ กว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง จนกระทั่งสมาคมผู้ค้าทองกับ สคบ.ต้องยื่นมือเข้ามา ไม่อย่างนั้นเขาคิดจะโกยกำไรอย่างเดียว

และอาตมาก็ดวงเศรษฐี ซื้อทองตอนราคา ๒๗,๒๐๐ บาท คุยได้เต็มปากเต็มคำว่า ไม่มีใครซื้อแพงกว่านี้อีกแล้ว เนื้อเงินรุ่นนั้นก็กิโลกรัมละ ๔๕,๐๐๐ บาท ภูมิใจมาก เป็นพระมหาเศรษฐีจริง ๆ..! แต่ก็ดีนะเพราะอาตมาจ่ายคนเดียว คนอื่นเขารอลุ้นบูชาตอนประกาศออกเว็บ

รุ่นนี้ทำน้อย ทุกเนื้อทำเต็มที่แค่ ๑,๐๐๐ องค์เท่านั้น เพราะว่าสู้ราคาวัสดุไม่ไหว อย่างพระเนื้อเมฆสิทธิ์มีส่วนผสมของทองจะเป็นสีเขียวเหลือบทอง คือเขียวเหลือง แล้วเมฆพัตรนี่จะเป็นน้ำเงินเหลือบเงิน เพราะว่าส่วนผสมหลัก ๆ ก็จะมีเงิน มีพลวง มีสังกะสี มีทองแดง ฯลฯ คราวนี้มีส่วนผสมทองก็สะดุ้งสิ เพราะฉะนั้น..เมฆสิทธิ์รุ่นนี้จะสีเหมือนเมฆพัตรมากกว่า เพราะไม่กล้าใส่ทองมาก

นวโลหะรุ่นนี้ก็ใส่แค่ ๙ บาทตามสูตรจริง ๆ รุ่น ๑ ที่เป็นพระปิดตาองค์เล็กนั่น อาตมาใส่ทองไป ๑๐๐ บาท..! ตอนช่วงนั้นทองบาทละแค่ ๑๒,๐๐๐-๑๓,๐๐๐ บาท อาตมาก็ใจป้ำ ทำทั้งทีเอาให้ดีไปเลย จึงใส่ลงไปตั้ง ๑๐๐ บาท เล่นเอาช่างตกใจ เทเสร็จนี่เขาเก็บเศษทุกชิ้นคืนมาหมดเลย กลัวจะไปปนกับของคนอื่นเขา"

ถาม : ตามสูตรนี่เอามาจากที่ไหนคะ ?
ตอบ : สมเด็จพระสังฆราช วัดสุทัศน์ แต่ท่านยืนยันว่า ตำรานี้สืบทอดมาจากสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว สืบทอดมาถึงพระพุฒาจารย์(มา) วัดสามปลื้ม มาสมเด็จพระวันรัตน์(แดง) วัดพระเชตุพนฯ แล้วก็มาสมเด็จพระสังฆราช(แพ) วัดสุทัศน์ หลังจากนั้นก็เข้าสู่ยุคไอที สูตรจึงแพร่กระจายไปหมด ไม่เป็นความลับอีกแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2011 เมื่อ 17:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 13-10-2011, 03:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครที่มีเงินเหลือเฟือสัก ๘๔,๐๐๐ บาท เก็บ ๆ เอาไว้หน่อยนะ เพราะว่าอาตมากำลังทำวัตถุมงคลชิ้นหนึ่ง เป็นที่ระลึกในหลวง ๘๔ พรรษา ก็เลยทำแค่ ๘๔ ชิ้นเท่านั้น ทำจากโลหะผสม อาตมาจะใช้โลหะอาถรรพ์ทุกอย่างที่เก็บเอาไว้ลงทีเดียวหมดเลย ไม่ว่าจะปรอทเงิน ปรอททอง พญาเหล็กสีเงินยวง สีปีกแมลงทับ สีปีกแมลงภู่อะไรก็ใส่ลงไปทีเดียวหมด

ช่างที่ขึ้นรูปวัตถุมงคลก็ถือว่าเป็นช่างที่ได้รับการยอมรับฝีมือในระดับประเทศ ส่วนท่านที่ทำหน้าที่หล่อนี้ วงการโลหะศาสตร์ของโลกยอมรับว่าเขาเป็น ๑ ใน ๑๐ ของสุดยอดนักโลหะ ที่ต้องการระดับนั้นเพราะกลัวว่า เขาจะไม่สามารถหลอมโลหะเราทุกอย่างให้เข้ากันได้

ทำแค่ ๘๔ ชิ้น คิดชิ้นละ ๘๔,๐๐๐ บาท หลาย ๆ คนรวมกันเอาไปชิ้นหนึ่งก็ได้ ทุกอย่างที่ทำออกมาจะทำให้ดูดีสมพระเกียรติที่สุด ดูแล้วก็ได้แต่ชื่นชมน้ำลายหก แตะไม่ถึง ยกเว้นว่าใครไม่กลัวกินแกลบก็ได้

นับเป็นการลงทุนมหาศาลแต่ทำงานชิ้นน้อยมาก จนกระทั่งช่างเขายังถามว่าเอาจริงหรือ ? จริงสิ..จะทำมากไปทำไมเล่า ทำน้อย ๆ ให้เขาแย่งกันดีกว่า ไม่ใช่อะไรหรอก ของเรามีน้อยด้วย ทำมาก ๆ แล้วจะไปหาโลหะผสมได้สักเท่าไร"

ถาม : ออกเมื่อไรครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดน่าจะออกภายในสิ้นปีนี้ ถ้าใครไปงานที่วัดสระพังจะเห็นอาตมาถืออยู่ เท่าของจริงทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ต้องจองหรอก ๘๔ เล่มนี่หาคนจองยากเพราะราคาแพงมาก กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะใส่ทองเท่าไรดี


ถาม : เอาเยอะ ๆ ครับ
ตอบ : เข้าใจยุนะ ให้อาจารย์เจ๊งไปก็แล้วกัน เพราะก็ราคานั้นแหละไม่ได้เพิ่มขึ้นสักบาท ตอนนี้ที่แน่ ๆ ก็คือ ใส่ตะกรุดมหาสะท้อนกับตะกรุดโสฬสลงแน่ ๆ ตะกรุดหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ๑ ดอก หลวงปู่เนียม วัดน้อย ๑ ดอก เสียดาย..เราควรจะตะไบให้ไปหน่อยหนึ่งก็พอ นี่ดันให้เขาไปทั้งดอกเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-10-2011 เมื่อ 06:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 13-10-2011, 20:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีเรื่องกราบเรียนครับ ผมเห็นนิมิตว่าตอนที่ไปใต้มีระเบิดตูมขึ้นมา
ตอบ : ไม่ต้องห่วงโดนแน่..!

ถาม : แล้วเห็นเหมือนเขายิงเข็มสีดำมาเต็มท้องฟ้าเลยครับ
ตอบ : อาตมาก็มั่นใจว่าโดนแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่ชวนพวกเราไปกันแบบนี้..! เขารู้กำหนดการล่วงหน้าเป็นเวลานาน ถ้าใครยังไม่ได้ทำประกันชีวิตทำไว้เยอะ ๆ เลยนะ ถ้ามีชิ้นส่วนอะไรที่เก็บกลับมาได้ อาตมาจะเก็บกลับมาให้ คราวนี้จะได้รู้ว่าวัตถุมงคลของใครเจ๋งจริง แล้วก็จะได้รู้ว่ากลัวตายหรือเปล่า ? ระเบิดนี่เหนียวแค่ไหนก็ตายเพราะแรงอัด..!

เรื่องของความตายอาตมากลืนลงท้องไปนานแล้ว จริง ๆ แล้วความตายเป็นแค่การเปลี่ยนรูปเปลี่ยนขันธ์ไปเท่านั้นเอง เหมือนกับรถยนต์ ถ้าพังไปเราก็ไปหารถคันใหม่ต่อ อย่างอาตมานี่ถ้าได้รถคันใหม่ก็คงจะหรูระดับเบนซ์หรือบีเอ็มฯ เป็นอย่างน้อย อาจจะเล่นเครื่องบินส่วนตัวไปเลย

เรื่องของระเบิดไม่น่ากลัวเท่าไสยศาสตร์ แต่จากที่เคยผจญมา ไสยศาสตร์อิสลามนี่อนุบาลมาก คือพวกมือแน่ ๆ นี่แค่เราเดินผ่านเขาก็เจ๊งแล้ว แต่ไสยศาสตร์อิสลามดังเพราะว่าส่วนใหญ่เขาทำให้กิน พอเข้าไปเป็นเลือดเป็นเนื้อแล้วจะถอนได้ยาก

ถาม : เดินผ่านแล้วเสื่อมเลยนี่เป็นอย่างไรคะ ?
ตอบ : เหมือนกับแสงสว่างผ่านเข้าไป ความมืดก็หายไปแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 01:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 13-10-2011, 20:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "มีโยมอยู่คนหนึ่งเล่นพระมาตลอดชีวิต เขาเป็นคนรักพระมาก ได้มากี่องค์ก็ต้องเลี่ยมทอง ท้ายสุดยกเป็นมรดกให้ลูกชาย แต่ลูกชายไม่เห็นคุณค่า พอดีมีความจำเป็นต้องการเงินไปลงทุน ลูกชายก็เลยเอาพระไปให้เซียนพระตีราคา กลับมาบอกพ่อว่า “พ่อ ๆ พระของพ่อปลอมทุกองค์เลย” พ่อก็บอกว่า "อ้าว..ไหนบอกว่าจะเอาไปปล่อยในสนาม เอาเงินไปลงทุน" ลูกชายบอกว่า “ไม่เป็นไรพ่อ เงินได้แล้ว” ถามว่าเอ็งเอามาจากไหน “ขายกรอบพระของพ่อ”

พ่อเขาเลี่ยมทองทุกองค์เลย ไม่น่าเชื่อจะเลี่ยมได้เยอะขนาดนั้น คงจะเลี่ยมตั้งแต่สมัยทองบาทละ ๑,๐๐๐-๒,๐๐๐ แล้วมาปล่อยสมัยบาทหนึ่งเป็นหมื่น ต้องการเงินไปลงทุนนี่แกะกรอบพระ ๓๐๐-๔๐๐ องค์ขายนี่พอเลย พระจะปลอมก็ปลอมไป แต่ทองไม่ได้ปลอมด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 01:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 13-10-2011, 20:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูไปที่นครพนม ผ่านวัดหนึ่งเป็นวัดที่ร่มรื่นมาก ๆ รู้สึกมีเทวดาเหมือนตอนไปบึงลับแล แต่รู้สึกว่าเขาเป็นอดีตเจ้ากรรมนายเวร เหมือนกับเขาจะมาจ้องทำร้ายเรา หนูกลัวว่าจะคิดไปเอง
ตอบ : ดินแดนแถบนั้นเป็นเขตอำนาจของลาวมาก่อน แล้วลาวเขาไม่ชอบหน้าไทย พอ ๆ กับที่ไทยไม่ชอบหน้าพม่า เพราะเราเคยไปตี ไปเผาบ้านเผาเมืองเขาจนยับเยิน แล้วยึดเอาพระพุทธรูปสำคัญของเขามาเกลี้ยงเลย เพราะฉะนั้น..ท่านเหล่านี้ก็ยังจำเราได้

อาตมาเองเข้าไปในพระราชวังมันฑะเลย์ โดนเล่นงานเสียปางตาย พลังงานอัดเข้ามาทุกทิศทุกทาง ชนิดที่แทบจะกระดิกไม่ออก ต้องใช้วิธีดื้อ ดันเข้าไปเรื่อย ๆ บอกเขาว่า นี่เรื่องของคนละชาติคนละภพกันแล้ว ยุคนี้สมัยนี้ก็ไม่ได้รบราฆ่าฟันกันแล้ว จะไปยึดมั่นถือมั่นอะไรกันนักหนา

เขาเองก็ยังระแวง เพราะเขายังจำได้ว่านี่คือศัตรู แล้วดันบุกเข้ามาในวังหลวงด้วย เขาก็เลยต้องตามประกบทุกฝีก้าว ปรากฏว่าพอพ้นออกมา พลังคลายออก เขาไม่ยุ่งด้วยแล้ว เล่นเอาอาตมาเดินไม่เป็นเลย คือจากที่ต้องทุ่มแรงเต็มที่แล้วเดินได้ กลายเป็นทุ่มไปแล้วไม่เจออะไร เดินเป๋ไป ๗-๘ ก้าวเลย เพราะฉะนั้น..ไม่แปลกหรอกถ้าไปเจอแบบเดียวกัน

ถาม : ถ้าหนูไปตามเมืองชายแดนแม่น้ำโขง หนูก็จะเจอแบบนี้เรื่อย ๆ หรือคะ ?
ตอบ : ไม่แน่..อาจจะเจอพวกเยอะก็ได้ เพราะแถวลุ่มแม่น้ำโขง พวกเก่าเราก็เยอะ โดยเฉพาะพวกที่อยู่ใกล้แม่น้ำ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 01:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 13-10-2011, 20:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,784 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเป็นอิสลามครับ จะถามว่าเรื่องการตัดร่างกายเวลาจะไปด้วยมโนมยิทธิแบบเต็มกำลังนี่ เป็นการปลงอสุภะใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่แต่ก็คล้ายกัน..คือต้องพิจารณาให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา ร่างกายเหมือนกับรถยนต์คันหนึ่ง เราเป็นแค่คนขับรถเท่านั้น ถึงเวลาพอรถยนต์นั้นพัง เราก็ทิ้งรถไปหาคันใหม่ได้

ดังนั้น..ต้องเห็นให้ชัดว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลย คล้ายกับการปลงอสุภะ ถ้าเราพิจารณาจนเห็นชัดว่าไม่ใช่ของเรา สภาพจิตจะไม่โดนดึงรั้งไว้ ก็จะไปได้ง่ายขึ้น ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ด้วยความที่จิตยังหวงร่างกายอยู่ ก็จะออกไปไม่ได้ หรือไม่ก็ออกไปแล้วก็มืดมัว มองอะไรไม่ชัดเจน

ถาม : แล้วอาการสั่นก็จะหายไปหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : อาการสั่น ถ้าเป็นตัวปีติเราต้องปล่อยให้เกิดเต็มที่ แต่ถ้าหากว่าเป็นกำลังที่จะออกไปแบบมโนมยิทธิเต็มกำลัง ถ้าเราไม่ยึดถือร่างกายก็จะไปได้เลย แต่ถ้าหากว่าเรากลัว ๆ กล้า ๆ ก็ยังไปไม่ได้ แต่กำลังเราพอก็จะดันให้ไป เราก็ทั้งสั่นทั้งดิ้น

ถาม : แล้วจะทราบได้อย่างไรครับ ว่าเป็นอาการปีติหรือจะไปเต็มกำลัง ?
ตอบ : ทำถึงจริง ๆ ก็จะรู้เอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 01:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:45



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว