กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 27-09-2011, 10:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,151 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอออกจากวัดเลยโดนให้เทศน์เช้ายันค่ำ เอาให้เข็ด ในวัดอยากไม่เทศน์ดีนัก พอตัวเองมาป่วยแล้วถึงได้รู้ รู้ตรงที่ว่าบางทีขอให้พระท่านช่วยทำแต่ท่านไม่ทำ ท่านรออาตมาไปทำเอง อาตมาก็ป่วยจนไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง พอคนอื่นไม่ทำก็ต้องกัดฟันทำซะเอง ถึงได้เข้าใจว่าตอนนั้นหลวงพ่อท่านไม่ไหวจริง ๆ ท่านถึงให้อาตมาเทศน์แทน

อาตมาเองก็ดันไปเกรงใจพี่น้อง ที่เกรงใจพี่น้องต้องบอกว่ายังรักตัวเองอยู่ ที่ยังรักตัวเองอยู่ก็คือ
“ตัวกู ของกู” ยังปล่อยไม่ได้ โดนเขาด่าแล้วกลัวรับไม่ได้ โดนเขาหาว่าวัดรอยเท้าหลวงพ่อเดี๋ยวจะรับไม่ได้ มาเข้าใจก็ตอนที่แย่มาก ๆ แล้วไม่มีใครแทน ถึงได้รู้ว่าตอนนั้นหลวงพ่อท่านต้องการให้ช่วยจริง ๆ

มีอยู่เที่ยวหนึ่ง รับกิจนิมนต์ข้างนอก โทรกลับมาบอกทางวัดว่า
"ให้พระครูน้อยเทศน์งานศพไปก่อน ผมกลับไปทันเผาแน่นอน ผมจะไปเป็นประธานเผาศพให้เอง" ปรากฏว่าเขาเทศน์กันบ่าย ๒ โมง บ่าย ๓ แล้ว เขาตั้งธรรมมาสน์รออาตมาไปเทศน์ อาตมานั่งรถมา ๗๐๐-๘๐๐ กิโลเมตร หมดสภาพแล้วยังต้องขึ้นธรรมาสน์ไปเทศน์

ต้องบอกว่ากรรมบางอย่างมาบัง ทำให้เขาเข้าใจผิด อาตมาบอกว่าให้เขาเทศน์ แล้วจะกลับไปเป็นประธานเผาศพ เขาฟังอย่างไรไม่รู้ว่าอาตมาจะกลับไปเทศน์..!


อย่างเมื่อเช้ามีโยมเอารถมาให้เจิม อาตมานั่งทำงานอยู่เพราะเป็นเวลารับสังฆทาน ถามเขาว่ารถจอดอยู่ตรงไหน เขาบอกว่าจอดอยู่ในวัด ก็เลยบอกให้เอารถมาจอดหน้าบ้าน อาตมาจะได้ลงไปเจิมให้ อาตมาก็นั่งทำงานไป กะว่าพอเขาเลื่อนรถมาถึงหน้าบ้าน จึงค่อยเดินลงไป ปรากฏว่าเขาเดินตามหลังมา ให้อาตมาไปยืนรอเขาไปเอารถมาให้เจิม


ก็เลยสงสัยว่า อาตมาพูดไม่รู้เรื่องหรือคนอื่นเขาฟังไม่รู้เรื่องกันแน่ ก็ต้องคิดว่าสร้างเวรสร้างกรรมเอาไว้เยอะ รับกรรมไปเรื่อย ๆ ก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2011 เมื่อ 11:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 27-09-2011, 10:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,151 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เราได้รับทุกข์มาจนถึงทุกวันนี้ แสนสาหัสมากโดยที่เราไม่ได้ทำ เราก็ยอมรับว่าเป็นกรรม แต่ใจเราก็ยังทุกข์อยู่ จะแก้ได้อย่างไร ?
ตอบ : ทุกข์เป็นปกติจ้ะ เพราะว่าการยอมรับของเราไม่ได้ยอมรับจากปัญญาจริง ๆ การที่เราจะยอมรับจากปัญญาจริง ๆ นั้น กำลังก็ยังไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้น..ถ้าเราอยู่กับลมหายใจเข้าออกปัจจุบันของเราได้ เราก็จะไม่คิดเรื่องนี้

เพราะฉะนั้น..เมื่อตอนนี้เรายังกำลังไม่พอ เราก็เอาแค่นี้ก่อน ให้อยู่กับตรงหน้านี้ให้ได้ ถ้าอยู่กับตรงหน้านี้ได้เราก็ไม่ต้องไปเครียด ไม่ต้องไปทุกข์ แล้วหลังจากนั้นพอสะสมกำลังไปเรื่อย ๆ ปัญญาเพียงพอจะเห็นว่า ที่แท้จริงแล้วเป็นเรื่องไร้สาระ

นี่เป็นเรื่องที่เคยทำเอาไว้ถึงได้รับ ในเมื่อเราเคยรังแกเขาไว้หนักขนาดนั้น เราใช้หนี้เขาไปก็ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าปัญญาถึงก็จะเห็นเอง แล้วใจเราจะวางไปได้ ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อน ถ้าหลุดจากตรงนี้ไปเมื่อไรก็จะทุกข์อีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-09-2011 เมื่อ 18:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 27-09-2011, 12:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,151 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "มีอยู่วันหนึ่ง ตอนฉันอาหาร อาตมาก็จิ้มอาหารใส่ปาก ท่านกอล์ฟก็จิ้มใส่ปาก หลวงตาปรีชาเห็นสองคนแย่งกันจิ้มอาหารก็เอาบ้าง พอใส่ปากหลวงตาปรีชาร้องว่า “หือ..มันบูดแล้วนี่อาจารย์ ?” "ก็ผมไม่ได้บอกว่าดีนี่หว่า..!"

ถาม : ต้องฉันหรือครับ เพราะบูดแล้ว ?
ตอบ : ฉันให้รู้ว่ากินเพื่ออยู่ ไม่ได้อยู่เพื่อกิน พระรัฐบาลเถระท่านก็ฉันอาหารบูด นางทาสีจะเอาอาหารทิ้งแล้ว เดินมาที่ประตูรั้ว พระรัฐบาลเถระท่านก็บอกว่า "ภคินิ..ดูก่อนน้องหญิง ถ้าเธอจะทิ้งก็เทใส่บาตรของเราก็แล้วกัน" แล้วท่านก็นั่งฉัน พ่อมาเห็นนี่แทบจะร้องไห้ ลูกมหาเศรษฐีมากินของบูด..!

หลังจากเจ้าชายสิทธัตถะปลงพระเกศา อธิษฐานเพศเป็นนักบวช พอบิณฑบาตครั้งแรกออกไปนอกหมู่บ้านแล้ว ปูอาสนะนั่งลง เปิดบาตรเห็นอาหาร ท่านรู้สึกว่าเหมือนไส้จะพลิกกลับออกมาข้างนอก ก็คืออยากจะอาเจียนเดี๋ยวนั้น

เสร็จแล้วท่านก็พิจารณาว่า การที่เราตั้งใจออกบวชเพื่อปฏิบัติธรรมนั้น ความยากลำบากทั้งหลายมากกว่านี้หลายเท่านัก ถ้าอาหารอย่างนี้ยังฉันไม่ได้ แล้วจะไปประพฤติธรรมได้อย่างไร ? อย่าลืมตอนนั้นท่านยังไม่ใช่พระพุทธเจ้านะ ท่านยังเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ยังไม่ได้ตรัสรู้

ท่านอยู่แบบสุขุมาลชาติ มีปราสาท ๓ ฤดู อาหารวิเศษแค่ไหนก็มีให้ แล้วต้องไปกินอาหารของชาวบ้าน อย่างนางปุณทาสีมีแป้งจี่ใส่ชายพกมา แป้งจี่ก็คือโรตีนี่แหละ พระพุทธเจ้าท่านรับมาก็นั่งเสวย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 21-05-2019 เมื่อ 12:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 27-09-2011, 14:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,151 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คงจะมีการพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ประมาณต้นปีหน้า เพราะการจะสร้างพระเมรุมาศได้ต้องใช้ความละเอียดอ่อนมาก กินเวลามาก โดยเฉพาะคนออกแบบจะกลุ้มใจมาก ออกแบบหลายครั้งชักจะหมดมุก ไปไม่เป็น

คุณอาวุธ เงินชูกลิ่น ท่านบอกว่าพวกรูปยักษ์ รูปกินรี รูปเทวดา ที่ประดับตามมุมเมรุ ตามหัวเสา ของเก่ายังพอซ่อมมาใช้งานได้ ก็แปลว่างานน้อยลงนิดหนึ่ง อย่างสมัยพระศพของสมเด็จย่า กระดาษที่ใช้ประดับเมรุหลายอย่างก็สั่งซื้อมาจากต่างประเทศโดยเฉพาะ

ที่สำคัญที่สุดก็คือไม้จันทน์ที่ทำโกศ หาได้ยากเพราะบ้านเราไม้จันทน์เป็นไม้หวงห้าม ไม่ทราบเหมือนกันว่าบ้านเรามีการแบ่งไม้จันทน์หรือเปล่าว่ามีกี่ชนิด ?

ไม้หอมของไทยก็จะมีไม้จันทน์ ไม้กฤษณา ไม้เทพทาโร ถ้าต้นกฤษณาเชื้อราไม่ลง ก็จะไม่เกิดน้ำมันหอม ถ้าต้นได้รับบาดเจ็บก็จะเหมือนกับส่งน้ำมันไปรักษาตัวเอง คนรุ่นใหม่ที่ปลูกต้นกฤษณาก็เลยใช้วิธีฟันต้นให้เป็นแผล หรือไม่ก็ตอกตะปู ถึงเวลาเชื้อราลงก็จะได้เนื้อไม้ที่มีกลิ่นหอม แต่ว่าดมตอนนั้นก็ไม่หอม ต้องเอาไปผ่านไฟ พอโดนความร้อนเข้าถึงจะคลายกลิ่นหอมออกมา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 27-09-2011 เมื่อ 17:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 27-09-2011, 14:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,151 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ส่วนไม้เทพทาโรนั้นกลิ่นหอมเหมือนกับตะไคร้ ใครเคยได้กลิ่นตะไคร้หอมบ้าง ? บางคนเขาเรียกตะไคร้ต้นเลย ไม้เทพทาโรจะมีทางปักษ์ใต้เยอะ แต่ที่ไปประเทศพม่ามา เขามีไม้หอมมากกว่าเรา เฉพาะไม้จันทน์อย่างเดียว พม่าเขามีถึง ๓ ชนิด จะมีไม้จันทน์ขาว ไม้จันทน์แดงและไม้จันทน์หอม

จันทน์ขาวเขาเรียกนัตตะพิว จันทน์แดงเรียกนัตตะนี จันทน์หอมเรียกซันดากู ไปที่เมืองสุกุ๊ เขาบอกว่าค้นพบร่องรอยของคันธกุฎีของพระพุทธเจ้า ที่มีอุบาสก ๒ พี่น้อง คือมหาปาลและจุลปาลสร้างถวายพระพุทธเจ้าด้วยไม้จันทน์

เรื่องคันธกุฎีเองอาตมาสงสัยมานานมากแล้ว ถ้าโยมเจอไม้จันทน์แท้จะรู้ว่ากลิ่นฉุนขนาดไหน ไม่ใช่หอมเฉย ๆ นะ แต่ฉุนเลย แล้วเอามาสร้างกุฏิจะไปนอนไหวหรือ ? ปรากฏว่าพอไปพม่าที่เมืองสุกุ๊ เขากำลังสร้างคันธกุฎีถวายพระพุทธเจ้า คือเขาสร้างครอบหลังเก่าที่ค้นเจอ

เขามีประวัติศาสตร์ว่าครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จไปที่พม่า แล้วเศรษฐี ๒ พี่น้อง คือมหาปาลกับจุลปาลสร้างคันธกุฎีถวายพระพุทธเจ้า คราวนี้ด้วยความที่ว่าสร้างด้วยไม้นาน ๆ ไปก็ผุพัง พอเขาค้นซากเจอ พม่าก็เลยเริ่มสร้างใหม่ โดยใช้ไม้จันทน์หอมคือไม้ซันดากู

พออาตมาไปถึงเขาก็เอาไม้จันทน์หอมมาให้ดู ลองดมแล้วถึงรู้ว่าไม้อย่างนี้แหละที่สร้างคันธกุฎีได้จริง ๆ เพราะว่าเป็นกลิ่นหอมเย็น ๆ หอมอ่อน ๆ หอมคล้าย ๆ ธูปหอมบางประเภท ไม่ได้หอมฉุนแบบจันทน์หอมที่เรารู้จัก

ถ้าน้ำมันจันทน์ที่เรารู้จักบางทีหยดเดียวกลิ่นตลบไปทั้งห้องเลย แล้วก็ฉุนมาก ถ้าไม้จันทน์หอมของพม่านี้กลิ่นหอมอ่อน ๆ แบบหอมชื่นใจ ถ้าอย่างนั้นเอามาทำเป็นกุฏิอยู่ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-09-2011 เมื่อ 18:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 27-09-2011, 14:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,151 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ส่วนไม้จันทน์แดงนั้น บางทีคนจีนเรียกไม้จันทน์ม่วง เพราะไม้จันทน์ประเภทนี้มีคุณภาพประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือยิ่งใช้จะยิ่งสีเข้มขึ้นเรื่อย ๆ จากตอนแรก ๆ ที่เห็นสีแดงถนัดเลย พอใช้ไปก็จะดำเข้มขึ้น ๆ จนเหมือนกับสีม่วงดำ คนจีนเขาจึงเรียกว่าไม้จันทน์ม่วง

แล้วก็ยังมีไม้อื่นอีก อย่างทานาคา ไม้ทานาคานี้เป็นไม้หอมที่เขานำมาทำเครื่องสำอาง ทาหน้าทาตัวทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชาย เขาใช้กันทั้งประเทศ ถึงเวลาอาตมาเดินไปนึกว่าร้านขายฟืนเพราะเขาวางขายเป็นท่อน ๆ เรียงเป็นตับ แล้วก็มีจานสำหรับฝนลักษณะคล้าย ๆ โม่หิน เอาไว้ฝนทาหน้า ดูท่าจะได้ผลดี เพราะที่ไปพม่ามา ๕-๖ ปีไม่เคยเจอคนพม่าเป็นสิวเลย ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีคุณภาพป้องกันสิวได้หรือเปล่า ?

ยังมีไม้ตองกานกะโด ไม่แน่ใจว่าประเทศไทยเรามีหรือไม่ ? ถ้าตามชื่อมันเป็นไม้ภูเขาชนิดหนึ่ง เป็นไม้หอมเหมือนกัน แล้วก็มีกาละแม็ด กาละแม็ดนี้น่าจะเป็นกฤษณาของบ้านเรา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2011 เมื่อ 15:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 27-09-2011, 14:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,151 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาไปรู้จักคุณละเมี้ยตอ่อง เป็นเจ้าของร้านขายของที่ระลึกที่สร้างจากไม้จันทน์ คุณละเมี้ยตอ่องบอกว่า เขาจะพยายามสั่งไม้จันทน์จากอินเดีย เพราะว่าไม้จันทน์อินเดียคุณภาพดีกว่าประเทศพม่า และไม้จันทน์พม่าคุณภาพดีกว่าไทย

ถามคุณละเมี้ยตอ่องว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ? เพราะเขามีประสบการณ์คลุกคลีกับไม้จันทน์มา ๓๐-๔๐ ปี คุณละเมี้ยตอ่องบอกว่า ไม้จันทน์เกิดมาเพื่อเป็นพุทธบูชา ยิ่งใกล้พุทธภูมิมากเท่าไร กลิ่นหอมจะมากเท่านั้น เพราะฉะนั้น..ไม้จันทน์อินเดียจะหอมที่สุด ถัดจากอินเดียมาก็เป็นพม่าจะหอมน้อยลงมา ถึงเมืองไทยก็หอมน้อยลงไปอีก ก็แปลว่ายิ่งไกลจากอินเดียก็ยิ่งหอมน้อยลง

สมัยโบราณตอนอาตมายังเด็กอยู่ เวลาเขาจะออกไปหาไม้จันทน์ พวกพรานหรือผู้ใหญ่ที่เขาเดินป่าเก่ง ๆ รู้จักต้นไม้ เขาจะจุดธูปที่มีส่วนผสมของไม้จันทน์ ควันธูปลอยไปทางไหนก็เดินไปทางนั้น ไม่ทราบว่าดึงดูดกันได้อย่างไร ? แต่ก็ได้ผล หาไม้จันทน์เจอทุกครั้ง"

พอไปจนกระทั่งไม่แน่ใจแล้วว่าไปทิศไหนต่อก็จุดธูปใหม่ ควันธูปลอยไปทางไหนก็เดินต่อไป พาไปหาต้นจันทน์ได้อย่างไรก็ไม่รู้ ฟังดูเหมือนไสยศาสตร์ แต่ว่าถ้าทางวิทยาศาสตร์นี้บอกว่าโมเลกุลของไม้ดึงดูดกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-09-2011 เมื่อ 18:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 27-09-2011, 14:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,151 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default


เก็บตกเดือนนี้จบแล้วค่ะ พบกันใหม่ในเก็บตกเดือนตุลาคมค่ะ
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg P1020079.jpg (55.1 KB, 977 views)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2011 เมื่อ 15:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:32



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว