กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #41  
เก่า 19-10-2012, 20:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนนี้ทางวัดเขาอ้อกำลังตามลูกชายของท่านอาจารย์ รศ.ดร.สมพร แสงชัยอยู่ อยากให้ไปเรียนวิชาสายนั้นแล้วเป็นเจ้าอาวาส เพราะเขาไปแล้วใช้ทิพจักขุญานดู เจอพระเครื่ององค์หนึ่งเกิดชอบใจ ไปปลุกหลวงปู่กลั่นตั้งแต่ตอนตี ๕ บอกว่าเห็นภาพพระเครื่ององค์นี้ หน้าตาแบบนี้ ช่วยหาให้หน่อย

หลวงปู่กลั่นบอกว่าหมดไปนานแล้ว เขาบอกว่ายังมี หลวงปู่จึงต้องให้ลูกศิษย์ช่วยค้นทั้งกุฏิ ปรากฏว่าเจอจริง ๆ มีเหลืออยู่องค์เดียว ก็เลยต้องให้เขาไปเพราะเขารู้จริง และยังบอกว่าให้ช่วยมาเรียนวิชาหน่อย จะได้เป็นเจ้าอาวาสต่อ แต่คราวนี้ท่านไม่เอา..หนีเลย สายนั้นเขาชอบคนที่รู้จริงลักษณะนี้ เขาบอกว่าเรียนวิชาแล้วจะทำได้ขึ้นมาก

สมัยก่อนตอนที่หลวงปู่กลั่นอยู่ อาตมาก็จะแวะไปทุกครั้งที่ลงพัทลุง แต่ตอนนี้ท่านไม่อยู่แล้ว ไม่รู้จะคุยกับใคร พระอาวุโสสายใต้ตอนนี้มีหลวงพ่อคง วัดบ้านสวน หลวงพ่อคล้อย วัดภูเขาทอง

แต่คนรุ่นหลัง ๆ สมัยนี้ความอดทนไม่ค่อยมี วิชาไหนยากก็ไม่เอา ไม่มีความพยายามเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2012 เมื่อ 12:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 243 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #42  
เก่า 22-10-2012, 20:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เมื่อวานท่านแบงค์ (พระทรงพล กิตฺติปญฺโญ) พระของวัดท่าขนุน พาครอบครัวมาทำบุญ เนื่องในโอกาสที่น้องสาวเอารถไปชนเละมา..! น้อง ๆ ไม่เคยเข้าวัดเข้าวาอะไรเลย มาแล้วทำตัวไม่ถูก เก้ ๆ กัง ๆ เวลาอยู่ต่อหน้าพระ เขาเอารูปถ่ายมาให้ดู เพิ่งออกรถมาได้เดือนกว่า ๆ รถชนจนไม่มีชิ้นดี ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยอีกต่างหาก แต่คนกลับไม่เป็นอะไรเลย

เขาบอกว่าในรถมีพระปิดตาวัดท่าขนุนอยู่องค์เดียว อาตมาเลยบอกว่า "ไม่ต้องบอกว่ารุ่นไหน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวราคาจะแพงกว่านี้..!" ต้องบอกว่าเป็นกุศโลบายในการนำคนเข้าวัดอย่างหนึ่ง พระท่านถึงสงเคราะห์ให้ขนาดนั้น ปกติแล้วเวลารถชน ไม่ต้องหนักขนาดนั้นหรอก ถ้าไม่ได้คาดเข็มขัดก็มักจะบาดเจ็บทุกราย แต่นี่ชนจนรถหมดสภาพ คนกลับไม่เป็นอะไร แล้วท้ายที่สุด คนที่ไม่เคยเข้าวัดเข้าวาก็เข้าวัด อาจจะเป็นเพราะดีใจที่รอดตาย..!


เมื่อเข้าวัดมา..การทำความดีขั้นพื้นฐานคือทาน ซึ่งได้ทำไปแล้ว ต่อไปก็เหลือแต่ศีลกับภาวนา การทำความดีแม้ว่าจะเป็นเพียงขั้นพื้นฐานก็ตาม เท่ากับเป็นการหว่านเพาะเมล็ดความดีขึ้นในชีวิตของเขา ถึงเวลาก็ย่อมออกดอกออกผล ส่งผลดีให้ในภายภาคหน้าเอง เพราะว่า
ความดีความชั่วจะทำโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม เมื่อถึงเวลาก็ย่อมส่งผลให้ทั้งนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2012 เมื่อ 13:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 242 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #43  
เก่า 22-10-2012, 21:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างไรเรียกว่ามีการประมาณในการกิน ?
ตอบ : กินเพื่ออยู่ ถ้าพิจารณาแบบพระ เขาบอกว่า จะไม่กินเพื่อความอ้วนพีของร่างกาย ไม่กินเพื่อความผ่องใสของผิวพรรณ ไม่กินเพื่ออวดร่ำอวดรวย ไม่กินเพื่อยังกิเลสให้เกิดขึ้น ภาษาบาลีเขาว่า นะ มัณฑะนายะ นะ วิภูสะนายะ กินเพื่อประดับ กินเพื่อตกแต่ง

พวกนี้เป็นประเภทกินเพื่ออวดร่ำอวดรวย ไม่ใช่คาร์เวียร์ไม่กิน ไม่ใช่ไวน์อายุร้อยปีไม่กิน ท้ายที่สุดออกมาก็เป็นสิ่งปฏิกูลเหมือนกัน ลองถามท่านกอล์ฟสิ..รายนั้นมักจะมีแนวคิดแปลก ๆ ตอนที่เขาอวดกันว่ากินไวน์ขวดละแสน ท่านกอล์ฟบอกว่า ถ้ากินเข้าไปแล้วควรจะอั้นไว้สัก ๔ - ๕ ชั่วโมง จะได้คุ้มกับราคาหน่อย..!


ถาม : ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าเรากินเพราะต้องกิน หรือกินเพราะติดในรสอาหาร ?
ตอบ : อาตมาเตือนพระเณรไว้ว่า ตักช้อนแรกไปแล้ว ถ้าตักซ้ำช้อนที่สองในอาหารอย่างเดิมนี่ ให้คิดแล้วว่าเรากินเพื่อยังอัตภาพร่างกายนี้ หรือว่ากินเพราะอร่อย ? พูดง่าย ๆ ก็คือ กินให้ร่างกายอยู่ได้ หรือกินเพราะตามใจกิเลส

อย่างอาตมาก็จะตักไล่ไปเรื่อย กว่าจะครบอย่างละช้อนก็แทบตายแล้ว ถ้าไปจ้วงซ้ำสองเมื่อไรต้องนึกแล้วว่ากินตามใจกิเลสหรือเปล่า ? เพราะอาหารอาจจะอร่อยจึงทำให้เราตักเพิ่ม

ถาม : ตอนลดความอ้วน ใช้สูตรไม่กินอะไรเลย ๓ วัน หิวก็จิบน้ำอ้อยเอา น้ำอ้อยแค่ครึ่งลิตรก็อยู่ได้ทั้งวัน ไม่หิว แสดงว่าที่เรากินอยู่ทุกวันนี่สนองกิเลสล้วน ๆ หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : จะไปยากอะไรก็ลองลดเหลือมื้อเดียว ดูซิว่าเราจะอยู่ได้ไหม ? ถ้าอยู่ได้แสดงว่าที่ผ่านมากิเลสหลอกเรามาตลอด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-10-2012 เมื่อ 20:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 234 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #44  
เก่า 22-10-2012, 21:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุงสอนว่า ถ้าช่วงเย็นหิวขึ้นมา ให้เอาน้ำร้อนหนึ่งแก้ว ใส่น้ำตาล ๑ ช้อนชา คนให้เข้ากันแล้วฉันลงไป แค่นั้นก็พอแล้ว ท่านบอกว่าน้ำร้อนจะทำให้กระเพาะขยายตัว ไม่บีบรัด ทำให้ไม่หิว น้ำตาลไปเพิ่มสารอาหารให้ ร่างกายจะได้ไม่เรียกร้องอีก

แต่อาตมาเคยชินกับน้ำเปล่า เพราะว่าหลวงพ่อทวน โฆสโฏ วัดตีนตก ท่านพาพระลูกพระหลานไปธุดงค์ ย่ามของท่าน ๒ ใบ ตอนนั่งพักอาตมาลองไปขอยกดู ใบเดียวยังยกไม่ขึ้นเลย..! พอท่านล้วงออกมาให้ดู ปรากฏว่ามีน้ำตาลอยู่ ๑๓ กิโลกรัม..! ท่านแบกไปเผื่อคนอื่นทั้งนั้น ตัวท่านเองไม่ได้ฉันหรอก พระที่ตามไป ๗ - ๘ รูป หลวงพ่อทวนท่านแบกไปเลี้ยงทั้งหมด อาตมาก็เลยเห็นโทษว่า ถ้าต้องแบกเยอะขนาดนี้ ไม่ไปยุ่งกับของกินดีกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2012 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #45  
เก่า 22-10-2012, 21:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เมื่อวานนี้ อาจารย์สมชาย วัดเกาะแก้ว อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี โทรศัพท์มาตอนอาตมาอยู่เขตสุพรรณบุรีพอดี ท่านบอกว่า “ปีนี้โยมอยากจะไปรับยันต์เกราะเพชรกันจำนวนมาก ผมสู้ค่ารถไม่ไหว ขออนุญาตจัดให้โยมรับยันต์กันที่วัดได้ไหมครับ ?”

อาตมาบอกว่า “ได้สิ..ปกติผมก็อยากให้รับอยู่ที่วัดหรือที่บ้าน ไม่อยากให้มาวัดผมหรอก วัดผมเล็กเกินไป คนไปมากก็เกะกะ ไม่มีที่พอจะรองรับ” ท่านก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นถึงเวลาแล้วจะเปิดการถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เน็ตให้โยมฟัง แล้วก็ปฏิบัติตาม

ท่านถามว่าต้องมีบายศรีไหม ? อาตมาก็เรียนท่านไปว่า ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง เตรียมบายศรีไว้ด้วยก็ดี เพราะเท่ากับว่าเราตั้งใจบูชาพระจริง ๆ เมื่อถึงเวลาก็บูชาพระรวมกันด้วยเครื่องบายศรีนั้น หลังจากนั้นตอนรับ ต่างคนก็ใช้ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม ถ้ามีโยมที่ท้องมาก็เตรียมให้ลูกในท้องอีกชุดหนึ่ง รู้สึกว่าท่านโล่งใจมากที่แก้ปัญหาได้

ส่วนใหญ่แล้วพระจะมีญาติโยมติดตามมาก แต่พอติดตามแล้วท่านไปแบกภาระแทนเขา แทนที่จะจัดรถแล้วให้โยมเขาจ่ายค่ารถกันเอง ท่านก็ไปเหมารถรับโยมไป พอคนมาก ๆ เข้า ไม่มีเงินค่ารถก็เดือดร้อน

ญาติโยมทางทองผาภูมิก็เหมือนกัน มีต่อว่ามาหลายครั้ง ว่าเมื่อไรอาตมาจะพาเขาไปเที่ยววัดนั้นวัดนี้บ้าง อาตมาบอกว่าโยมอยากไปก็ไปเอง ถ้าไม่ใช่งาน อาตมาไม่ไปวัดใครหรอก พวกเขาเคยชินกับระบบที่บรรดาเจ้าอาวาสพาไปทำบุญวัดนั้นทำบุญวัดนี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2012 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #46  
เก่า 22-10-2012, 21:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาตั้งใจจะทำใต้ฐานของสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอกเป็นห้องสมุดประชาชน คนไปวัดหรือชาวบ้านทั่วไปสามารถเข้าไปอ่านหนังสือได้ ให้อ่านอย่างเดียว ไม่ให้ยืม

จะตั้งคอมพิวเตอร์ไว้สัก ๖ เครื่อง ต่ออินเตอร์เน็ตให้ ห้ามเล่นเกม ห้ามดูหนัง จะโหลดความรู้อะไรไปทำได้ ลักษณะให้ชาวบ้านใช้ฟรี ทางด้านหน้ากับรอบ ๆ ด้านข้าง จะตั้งเป็นซุ้มสำหรับขายของ เหมือนตลาดชุมชน ทองผาภูมิมีของดีอะไรก็เอาไปตั้งขายรวม ๆ กันที่นั่น

คิดว่าจะให้เขาตั้งฟรีไปเลย แม้กระทั่งซุ้มขายของทางวัดก็จะทำให้ เพื่อจะได้หน้าตาเหมือน ๆ กัน อยู่ในแถวแนวเดียวกัน อย่างไรต้องมีคนไปแวะนมัสการพระอยู่แล้ว ในเมื่อจะไปกราบพระ อย่างน้อย ๆ ของวัดก็ต้องมีดอกไม้ธูปเทียนจำหน่าย คนอื่นอาจจะไปจำหน่ายพวกน้ำดื่ม พวกของที่มีชื่อเสียงของทองผาภูมิ เช่น ผลไม้ตามฤดูกาล ปลาส้ม เห็ดโคน เป็นต้น

ตอนนี้สั่งช่างให้เตรียมเทพื้นคอนกรีตเต็มพื้นที่โดยรอบ จำนวนหลายไร่นะ ความหนาเท่ากับถนนคอนกรีตเข้าหมู่บ้าน เพื่อที่ว่าสิบล้อจะได้เข้าไปขย่มเล่นได้ ถึงเวลาก็อาศัยเป็นลานจอดรถได้ อย่างน้อย ๆ ก็จอดได้อีกหลายคัน

คราวนี้ทางวัดท่าขนุนมีที่อีกผืนหนึ่งอยู่เกือบ ๒ ไร่ ที่ฝั่งตรงข้ามวัด ว่าจะจัดในลักษณะของพื้นที่พักของผู้เดินทาง เดี๋ยวว่าจะไปติดต่อทางอบต.ท่าขนุน เพราะเป็นเขตของอบต. ปัจจุบันยกขึ้นเป็นเทศบาลตำบลท่าขนุนไปแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2012 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 235 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #47  
เก่า 22-10-2012, 21:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ว่าจะติดต่อขอเจาะทางจากพื้นที่ของวัด ตรงไปที่รอยพระพุทธบาทเลยจะได้ไหม ? อาตมาจะเป็นคนสร้างถนนเอง ๒ ข้างถนนอนุญาตให้ทางเทศบาลตำบลท่าขนุน หาคนมาตั้งซุ้มขายของได้ แต่ให้รักษาความสะอาดให้กับวัดด้วย ส่วนทางด้านนี้เป็นเขตของเทศบาลตำบลทองผาภูมิ เดี๋ยวให้นายกเทศมนตรีประเทศฯ หาของมาขาย คุณต่างคนต่างเอาฐานเสียงของคุณมาก็แล้วกัน แต่รักษาความสะอาดให้วัดด้วย

คาดว่าเขาน่าจะตกลง เพราะเขาไม่ต้องลงทุนอะไร แต่อาตมาสิ..หมดไปหลายต่อหลายล้านแล้ว แต่ว่าทางฝั่งนั้นค่าน้ำค่าไฟจะให้เทศบาลตำบลท่าขนุนจ่าย ฝั่งนี้ค่าน้ำค่าไฟให้เทศบาลตำบลทองผาภูมิจ่าย ผลงานกลายเป็นของคุณ ให้ไป
อ้างได้เลย “นี่ผมทำตลาดชุมชนมา เพื่อพี่น้องจะได้ไปตั้งร้านขายของได้” แต่ความจริงเป็นฝีมือพระเสีย ๙๙ เปอร์เซ็นต์

มุมมองที่เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนนี่ ถ้าไม่ใช่พระที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่อละจริง ๆ ทำไม่ได้ จะต้องมีพวกกู ของกู

ห้องสมุดจะติดเครื่องปรับอากาศให้ คุณจะไปนั่งฟุบหลับอยู่กับโต๊ะก็ได้ อาตมาไม่ได้ว่าอะไร หายเหนื่อยแล้วค่อยเดินทางต่อ ตั้งใจว่าจะขนเอาหนังสือที่พอมีเหลืออยู่บ้าง ที่ยังไม่ได้ให้ชาวบ้านเขาไปหมด เอาไปใส่ตู้ หาใครสักคนที่รู้งานจัดระบบสักหน่อย ถ้าไม่มีเดี๋ยวให้แม่ชีจัดกันมั่ว ๆ ไปก่อน แต่กว่าจะมั่วได้ต้องอ่านทุกเล่ม ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะเอาเล่มไหนใส่ตรงไหน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2012 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #48  
เก่า 23-10-2012, 20:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่ออาทิตย์ที่แล้วอาตมาลงไปภูเก็ต ญาติโยมที่นั่นไม่ได้เจอหน้าอาตมาปีกว่าแล้ว เขาจึงไม่ยอมให้พัก แต่ละคนขออยู่นาน ๆ อาตมาก็นั่งตั้งแต่ประมาณ ๖ โมงเช้าจนถึง ๒ ทุ่ม ต้องหลับตาพูดแล้ว..ไม่ไหวแล้ว..แรงจะนั่งก็ยังไม่มี แต่น่าชื่นใจตรงที่ว่า ไม่ค่อยได้ลงไปก็จริง แต่เขาปฏิบัติได้ผลกันดีมาก

อย่างภรรยาของ
ทิดรัตน์ ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยชอบที่สามีเข้าวัด อาจจะเป็นวาระบุญของเขาก็ได้ พอภรรยาทิดรัตน์ไปนั่งปฏิบัติ สภาพจิตเห็นธรรม เขาเห็นว่าชีวิตเราไม่มีแก่นสารขนาดนี้เลยหรือ ? วันหนึ่ง ๆ ตื่นขึ้นมาก็ทำนั่นทำนี่ ทำมาหากินเสร็จ หมดไปอีกวันหนึ่งแล้ว พอพิจารณาลึกไป ๆ ท้ายสุดก็เหลือตัวคนเดียว คนอื่นก็ไม่มีใครอยู่กับเราได้ตลอด จึงนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว เพราะปีติเกิด

ลักษณะแบบนี้ตีก็ไม่ไป ไล่ก็ไม่หนีแล้ว อีกหลายคนก็อยู่ในลักษณะที่ปฏิบัติแล้วมีความก้าวหน้ามาก อาตมาไม่ได้ลงไปเป็นปีก็จริง แต่โยมเขาเหมือนกับคนหิว ถึงเวลาจึงกินของเขาเต็มที่ ทำให้ได้ผลในส่วนของเขาไปเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 239 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #49  
เก่า 23-10-2012, 20:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"บางทีจึงรู้สึกว่า การที่พวกเรามีครูบาอาจารย์ ได้เจอหน้ากันบ่อย สู้คนที่ไม่ค่อยได้เจอไม่ได้ มีหลายท่านตั้งคำถาม อย่างเช่นว่า “รบกวนท่านแสดงธรรมให้ฟังด้วยเถอะครับ” อาตมาบอกว่า “ไม่มีอารมณ์ที่จะแสดงว่ะ ที่พวกคุณรู้มาก็มากเกินไปแล้ว เหลือแต่ว่าทำให้เกิดประโยชน์จริง ๆ เท่านั้น แสดงธรรมเพิ่มเข้าไปก็ไร้ประโยชน์ ตราบใดที่ของเก่าเรายังทำไม่ได้ ของใหม่เราก็ตะกายไม่ถึง"

มีบางท่านก็บอกว่า ให้ช่วยแสดงธรรมที่ทำให้เขาเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงด้วย อาตมาบอกว่านอกจากพระพุทธเจ้าแล้วสงสัยว่าจะยาก การที่เราจะเลื่อมใสพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ต้องเกิดจากการที่เราประพฤติปฏิบัติแล้วเกิดผลแก่ตัวเอง ความเลื่อมใสมั่นคงต่าง ๆ จึงจะเกิดขึ้นได้

ถ้าจะให้อาตมาแสดงธรรมแล้วญาติโยมเกิดความเลื่อมใสอย่างแท้จริง จะต้องบรรลุอย่างน้อยพระโสดาบันขึ้นไป ก็คงจะมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่ใช่อาตมาหรอกที่ทำอย่างนั้นได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #50  
เก่า 23-10-2012, 20:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : การขอขมาพระรัตนตรัยให้ไปขอต่อหน้าพระประธาน ไม่ใช่ไปขอต่อหน้าตัวตนของเขา ล่วงเกินพระรัตนตรัยต้องไปขอขมาพระพุทธเจ้า ไม่ใช่มาขอขมาอาตมา

ถ้าอาตมาถือสาหาความก็ไล่เตะไปตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าไม่ไล่เตะก็แปลว่าไม่ถือโทษหรอก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 230 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #51  
เก่า 23-10-2012, 20:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คัมภีร์พระเวทของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร จะมีอยู่ ๖ เล่มด้วยกัน เรื่องของเวทมนต์คาถา เลือกบทที่เราชอบใจขึ้นมาบทหนึ่ง แล้วทำให้เกิดผล ถ้าทำแล้วได้ผล บทอื่น ๆ จะใช้กำลังเท่ากัน ก็แค่เปลี่ยนตัวคาถา เปลี่ยนกำลังใจในการมุ่งให้คาถาสำเร็จผลเท่านั้น

แค่ซักซ้อมให้คล่องตัว ก็เอาเสียคาถาหนึ่ง อย่างที่ภาษิตจีนเขาว่า "ไม่กลัวว่ารู้พันกระบวนท่า เกรงว่าชำนาญเพลงเดียว" คนที่รู้จักพันกระบวนท่า ถ้าไม่มีความชำนาญ เราสู้ได้สบาย แต่ถ้าเขาเก่งเพลงเดียวนี่เราแย่ เพราะเขาถนัดที่สุด คล่องตัวที่สุด

คนใช้คาถาก็เหมือนกัน เลือกบทที่เราชอบ จากนั้นก็ว่าให้ช่ำใจไปเลย นึกเมื่อไรก็ได้เมื่อนั้น คิดเมื่อไรก็ทำได้เมื่อนั้น ในเมื่อเป็นอย่างนั้น
ก็จะรู้จริง ในเมื่อรู้จริง ถึงเวลาก็สามารถใช้งานได้ผลจริง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 226 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #52  
เก่า 23-10-2012, 21:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระโสณะเถระที่กลายเป็นผู้หญิง ตอนหลังกลับเป็นผู้ชาย..?
ตอบ : ท่าจะบ้า..! พระโสณะเถระอยู่หลังพุทธกาลมา ๓๐๐ กว่าปี เขาเรียกว่าจับแพะชนแกะไปเรื่อย อันนี้คุณรู้มากเกินไปจนสับสน

โสเรยยะเศรษฐี..ไม่ใช่พระโสณะ เนื่องจากพระมหากัจจายนะประกอบไปด้วยมหาปุริสลักษณะหลายประการ มีความงามเป็นพิเศษ โสเรยยะเศรษฐีเห็นแล้วจึงเกิดความรู้สึกว่า ถ้าเมียเราสวยอย่างนี้ก็ดี คิดแค่นั้นก็กลายเป็นผู้หญิงไปเลย พอกลายเป็นผู้หญิงก็อาย หนีไปต่างเมือง ถ้าเป็นสมัยนี้ก็หนีไปต่างประเทศ

พอไปต่างเมืองเจอผู้ชายมาชอบพอ ไม่รู้เกี้ยวพาราสีกันอย่างไร ตกร่องปล่องชิ้นแต่งงานกันไป ทั้ง ๆ ที่ตอนเป็นโสเรยยะเศรษฐีก็มีครอบครัว มีลูกอยู่แล้ว พอไปแต่งงานไป ตัวเองกลายเป็นผู้หญิงก็เลยตั้งท้อง มีลูกด้วยกันอีก ๒ คน

จนกระทั่งเพื่อนเก่าจากเมืองเดิมตามมาเจอเข้า ท่านก็เข้าไปสอบถามถึงครอบครัวของท่าน พอรู้เรื่อง..เพื่อนฝูงก็เลยแนะนำให้ไปขอขมาพระเถระเสีย พอขอขมาเสร็จกลับมาเป็นผู้ชาย คราวนี้แย่ตรงที่ว่า คนหนึ่งสามีหายไปเป็นปี พอกลับมาก็ไม่ว่ากัน แต่อีกคนหนึ่งแต่งเป็นเมียแล้ว และเมียกลายเป็นผู้ชาย..(หัวเราะ)..ถ้าเป็นพวกเราคงทำใจยากน่าดู

ท่านเลยหอบลูกกลับเมืองเดิมของท่าน ไปอยู่กับครอบครัว พอมีคนถามว่า ลูกเดิมที่เกิดจากภรรยาตัวเอง กับลูกใหม่ ๒ คนที่เกิดจากตัวเอง รักคนไหนมากกว่า ? เขาบอกว่ารักลูกที่เกิดจากตัวเองมากกว่า เขาต้องอุ้มท้องทรมานมาตั้ง ๑๐ เดือน อันนี้เป็นกรรมที่ล่วงเกินพระเถระเข้า..(หัวเราะ)..


ถาม : เป็นเพราะเป็นกรรมเนื่องกันมาให้รักมากกว่า หรือเพราะเป็นแม่จึงรักมากกว่า ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติของคนเป็นแม่จ้ะ อุ้มท้องมาลำบากลำบนแทบตาย ก็ต้องรักมากกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #53  
เก่า 23-10-2012, 21:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกรายคือพระปิลินทวัจฉเถระ อดีตชาติท่านเกิดเป็นพราหมณ์ต่อเนื่องกันมา ๕๐๐ ชาติ จึงทำให้ท่านเห็นคนวรรณะอื่นต่ำกว่าหมด ท่านมีคำติดปากเรียกคนอื่นว่า "ไอ้ถ่อย" บาลีเรียกว่า วสละ คนสมัยก่อนถ้าโกนหัวเขาถือว่าเป็นคนกาลกิณี อยู่ ๆ มีคนกาลกิณีมาเรียกว่าไอ้ถ่อย คนได้ยินก็โกรธ

วันหนึ่ง พ่อค้าดีปลีเข็นดีปลีมาทั้งคันรถ เดินสวนกับพระปิลินทวัจฉเถระ ต้องบอกว่าท่านอัธยาศัยดี เจอหน้าก็ทักก่อน "จะไปไหนล่ะไอ้ถ่อย ? แล้วนั่นเข็นอะไรมา ?" พ่อค้าก็โกรธ ด่าคืนไปว่า "เข็นขี้หนูมาสิวะไอ้ถ่อย" พอไปถึงตลาด เปิดเสื่อหุ้มรถออก ดีปลีทั้งคันรถกลายเป็นขี้หนูหมดเลย..!

เพื่อนพ่อค้าเห็นก็ตกใจ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อค้าก็เล่าให้ฟัง เพื่อนสงสัยว่าพระเถระรูปนั้นจะเป็นพระอรหันต์ เมื่อล่วงเกินเข้าจึงเกิดเหตุอันนี้ ให้รีบตามไปขอขมาพระเถระเสีย พ่อค้าเลยเข็นรถวิ่งไล่หาพระเถระ ไปเจอกลางทาง เข้าไปกราบขอขมาแล้วเล่าเรื่องให้ฟัง ขอให้พระเถระช่วยแก้ไข ขอให้ขี้หนูกลายเป็นดีปลีตามเดิม

พระเถระท่านบอกว่า "ไม่ต้องแก้หรอกไอ้ถ่อย ดีปลีก็ต้องเป็นดีปลีวันยันค่ำ" พอเปิดเสื่อดู..ขี้หนูกลายเป็นดีปลีทั้งคันรถเหมือนเดิม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #54  
เก่า 23-10-2012, 21:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ท่านปิลินทวัจฉเถระเห็นว่า โทษของคนล่วงเกินท่านโดยไม่ได้เจตนายังหนักขนาดนี้ ท่านก็เลยตัดสินใจไปอยู่ป่าแทน พอท่านอยู่ป่าก็มีเทวดา มีนางฟ้า มีพรหม มาขอฟังธรรม มาปรนนิบัติรับใช้ มาถวายภัตตาหาร ปัดกวาดเช็ดถู ตั้งน้ำใช้น้ำฉันให้ เลยกลายเป็นที่รักของพวกพรหมเทวดา พระพุทธเจ้าทรงตั้งให้เป็นเอตทัคคะทางด้านเป็นที่รักของเทวดา เป็นคนเดียวที่ไม่เหมือนใคร

จากที่เล่ามาเราจะเห็นว่า บรรดาเทวดานางฟ้าก็ปรารถนาบุญเป็นปกติ อย่างพระมหากัสสปเถระ มีลาชเทวธิดามาปัดกวาดเช็ดถูที่อยู่ให้ พระมหากัสสปเถระท่านไล่ไปเลย ท่านบอกว่าท่านเป็นพระ ลาชเทวธิดาเป็นผู้หญิง ถ้าคนอื่นมาเห็นจะตำหนิท่านได้ ลาชเทวธิดาจึงนั่งร้องไห้

ตรงจุดนี้จะเห็นได้ว่า พรหมเทวดาที่กำลังใจของท่านยังไม่สูง ก็ยังมีการทุกข์โศกร่ำไรเช่นเดียวกับมนุษย์เหมือนกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #55  
เก่า 23-10-2012, 21:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่เป็นกระเทย แต่กลับใจเป็นผู้ชาย จะบวชในพุทธศาสนาได้ไหมครับ ?
ตอบ : กลับใจได้..แต่กลับตัวคงยาก อย่าลืมว่ากระเทยมี ๒ อย่าง อย่างแรกเป็นลักษณะของอุภโตพยัญชนก คือ บุคคลที่เป็นทั้งเพศชายเพศหญิงอยู่ในคน ๆ เดียว อันนี้บวชไม่ได้เลย ถือเป็นวิบัติ ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะบวช

กระเทยอีกประเภทหนึ่งอยู่ในลักษณะว่า กำลังใจของตนเป็นตรงข้ามกับเพศสภาพของตัวเอง ถ้าลักษณะอย่างนั้น บวชเข้าไปแล้วเก็บอาการได้ ไม่ไปวี้ดว้ายกระตู้วู้ก็ถือว่าไม่เป็นไร แต่เขาปรับโทษพระอุปัชฌาย์ คือ ปรับอาจารย์ว่าไม่ดูให้ดี แต่ถ้าเป็นอุภโตพยัญชนก บวชเมื่อไรเขาจะนาสนะ คือ บังคับให้สึก


ถาม : ที่ไม่ให้บวชเป็นเพราะว่าไม่บรรลุธรรมหรือคะ ?
ตอบ : เรื่องที่แย่ที่สุดคือทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย คนเห็นไปกรี๊ดกร๊าดวี้ดว้ายก็หมดอารมณ์ที่จะเข้าวัดแล้ว เรื่องบรรลุธรรมไม่ต้องไปพูดถึง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #56  
เก่า 23-10-2012, 21:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเกิดเดือนมิถุนายน แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านตายแล้วฟื้นในเดือนตุลาคม ท่านก็เลยถือว่าวันนั้นเป็นวันเกิด ฉะนั้น..ถ้าไปดูวันเกิดจริง จะงงว่าทำไมถึงมาจัดวันเกิดเดือนตุลาคม ห่างกันตั้ง ๔ เดือน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 223 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #57  
เก่า 23-10-2012, 21:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูเป็นคนหูหนวก ขอกราบเรียนถามวิธีรักษาคนขวัญเสียจากอุบัติเหตุ ?
ตอบ : โยมเขาหูหนวก เขียนคำถามมา อาตมาตอบไปเขาจะได้ยินไหมนี่ ? พาไปวัดให้พระท่านรดน้ำมนต์ ๗ วัด (วัฑฒ์) น้ำมนต์ ๗ วัดที่ว่า ไม่ใช่ตะกายไปจนครบ ๗ วัด แต่เป็นน้ำมนต์ที่เสกด้วยคาถามงคลจักรวาฬน้อย ที่มี ายุวัฑฒะโก ธะนะวัฑฒะโกฯ

ถ้าเป็นโบราณก็ต้องไปให้หมอขวัญเรียกขวัญกลับมา เสียเงินให้หมอขวัญอีก "มาเย้อ..ขวัญเอย" ตอนเด็ก ๆ ฟังยังติดหู ต้องเสียหมากพลูบุหรี่ให้กับหมอขวัญ หมอขวัญก็ไปทำพิธีเรียกขวัญ เอาตะแกรงไปตักขวัญกลับมา แล้วมาบอกกล่าวว่าตอนนี้เจ้าของร่างอยู่ที่นี่ ให้ขวัญกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวสักที

แต่ก็แปลกนะ ถึงเวลาก็หายเป็นปกติเพราะมีกำลังใจ รู้สึกว่าได้ทำพิธีถูกต้องแล้ว อย่างเราไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก พาไปรดน้ำมนต์ก็พอจ้ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2012 เมื่อ 02:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #58  
เก่า 24-10-2012, 21:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีโยมคนหนึ่งบอกว่า ปัจจุบันนี้รักษาศีล ๘ แต่ศีลขาดบ่อย อาตมาถามว่าขาดอย่างไร ? เขาบอกว่าเผลอไปเคี้ยวลูกอมเข้า

อาตมาก็เลยบอกว่า ในเรื่องของศีล ๘ ศีลตั้งแต่ข้อ ๖ - ๘ ขาดไปไม่ตกนรกหรอก แต่ในส่วนของธรรมะจะบกพร่อง การเข้าถึงธรรมจะช้าลงนิดหนึ่ง
ถ้ารักษาศีลละเอียดได้ ส่วนของธรรมะไม่บกพร่อง การเข้าถึงธรรมก็จะง่ายขึ้น

แต่ในส่วนที่คุณบอกว่าศีลบกพร่องเพราะไปเคี้ยวลูกอม อาตมาไม่เห็นว่าจะพร่องตรงไหน บาลีใช้คำว่า ขาทนียะ โภชนียะ แปลเป็นไทยตรง ๆ ว่า ของเคี้ยว ของฉัน ของเคี้ยวท่านตีความว่า เป็นพืชมีหัว พวกเผือก มัน เหง้าบัว เป็นต้น ส่วนของฉันคืออาหารทั่วไป เขาหมายถึงอาหารมื้อหลัก ไม่ใช่ลูกอมที่คุณอม ที่อย่างน้อย ๆ ช่วยให้ร่างกายหายกระวนกระวาย พอได้น้ำตาลไปหน่อยหนึ่งจะได้ไม่มากวนเรา ฉะนั้น..มีปัญญาก็เคี้ยวไปเถอะ เพียงแต่ว่าเคี้ยวมาก ๆ เดี๋ยวฟันผุ..!

ส่วนใหญ่แล้วมักจะเข้าใจผิด ในเมื่อคุณคิดว่าคุณเคี้ยวแล้วถึงผิด ถ้าคุณต้มโจ๊กแล้วเอาหลอดดูดก็สบายสิ..! เพราะฉะนั้น..แยกให้ออกว่าอย่างไหนเป็นอาหารหลัก อย่างไหนเป็นปานะ หรือเป็นของฉันนอกเวลา ไปว่าตามพยัญชนะของบาลีที่เขาแปลมาตรง ๆ เลยก็แย่ เขาบอกของเคี้ยวของฉัน ถ้าไม่เคี้ยวแล้วฉันได้ก็สบาย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2012 เมื่อ 10:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #59  
เก่า 24-10-2012, 21:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูทำงานเกี่ยวกับการตรวจดูอาการป่วยของสัตว์ต่าง ๆ ทั้งที่รู้ว่าถ้าตรวจผ่านเขาก็เอาไปฆ่า ?
ตอบ : เราทำแค่หน้าที่ของเรา เรามีหน้าที่ตรวจโรคเราก็ตรวจไป ถึงเวลาก็แจ้งผลไปตามความจริงแค่นั้น ส่วนเขาจะเอาผลไปทำอะไร เราไม่ต้องไปใส่ใจ ตัดกำลังใจได้แค่นี้จะไม่มีโทษอะไร เพราะหน้าที่เราไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับส่วนที่เขานำไปฆ่า เราทำแค่หน้าที่เฉพาะหน้าของเราเท่านั้น

ส่วนหน้าที่ของเราทำไปแล้ว คนอื่นเขาเอาผลไปขยายเพื่อทำอะไรอีกไม่เกี่ยวกับเราแล้ว ถ้าหากว่าตัดกำลังใจไม่เป็น เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเราไปส่งเสริมให้เขาตายอีก


ถาม : ไม่ได้เป็นการสนับสนุนให้เขาฆ่าหรือคะ ?
ตอบ : เราไม่ได้บอกให้เขาว่าตัวนี้ปลอดโรคเอาไปฆ่าได้ เราแค่รายงานผลไปเฉย ๆ ว่าผลเป็นอย่างไร ส่วนเขาจะไปทำอะไรเป็นเรื่องของเขา ถ้าตัดกำลังใจไม่เป็นเดี๋ยวก็เป็นเรื่อง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2012 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #60  
เก่า 24-10-2012, 21:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,980 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วางกำลังใจไม่ให้หมากัดเข้า ?
ตอบ : อยู่ที่กำลังใจของเราเอง ถ้ากำลังใจมั่นคงจะไม่เข้าหรอก อย่างไอ้ดอกรักกัดอาตมาจนเหนื่อย ท้ายสุดมันก็ต้องยอมแพ้ไปเอง แต่ไปกัดอาจารย์สมพงษ์จนแหว่งเลย แม่ชีต๋อยยังไปแหย่อีกว่า “โอ๊ย..หมายังกัดเข้า ออกเหรียญรุ่นแรกไม่ได้หรอก” อาจารย์สมพงษ์โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงเลย..! หมาของตัวเองไปกัดเจ้าอาวาส แม่ชีในวัดยังปากดีอีก สมควรได้รางวัล..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2012 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:22



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว