กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #41  
เก่า 14-02-2012, 11:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เคยมีช่วงหนึ่งที่สังเกตเห็นจิตพุ่งไปข้างบนแล้วก็ลงมาข้างล่าง แต่ก็รู้สึกตัวนะคะ
ตอบ : เรื่องของสภาพจิต ไม่ว่าจะไปลักษณะไหนก็ช่าง ให้สนใจดูแค่ว่าตอนนั้นอารมณ์จิตมี รัก โลภ โกรธ หลง อยู่หรือเปล่า ? ถ้าไม่มีก็ถือว่าใช้ได้ ถ้ามี รัก โลภ โกรธ หลง อยู่ก็รีบขับไล่ออกไปจากใจ ถ้ามัวแต่ไปดูอาการว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้อยู่ เผลอ ๆ โดนกิเลสกินตายชัก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #42  
เก่า 14-02-2012, 11:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หมอดูที่แม่นที่สุดในประเทศไทยท่านหนึ่งบอกว่า ลายมือคนเปลี่ยนทุก ๑๕ วัน ที่คุณว่าเปลี่ยนทุกอาทิตย์นี่แสดงว่าเร็วเกินไป นอกตำราไปไกลแล้ว

เรื่องของการดูดวง ดูลายมือ เต็มที่ดูได้ประมาณ ๖๐% ขนาดที่เต็มที่ได้ ๖๐% ก็ยังมีบางท่านดูได้เหมือนตาเห็น บอกได้เลยว่าวันนั้นเวลานั้นจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากดูโดยทิพจักขุญาณ ดูได้เต็มที่ไม่เกิน ๘๐% แต่ทิพจักขุญาณผิดง่ายที่สุด ที่ผิดง่ายเพราะว่าไปปล่อยให้ รัก โลภ โกรธ หลง เข้ามา บางคนเห็นหน้าแล้วไม่ชอบใจ บางคนโดนซักถามมาก ๆ แล้วเกิดอารมณ์โกรธขึ้นมา ตามที่หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยแนะนำว่า ผู้ที่ใช้ทิพจักขุญาณในการดูหมอ อย่าดูต่อหน้าลูกค้า ส่วนใหญ่ลูกค้าพวกนี้ได้คืบจะเอาศอก

ท่านบอกว่าอย่าให้เขาซักถามเฉพาะหน้า การซักถามเฉพาะหน้า ถ้ากำลังใจไม่ทรงตัว ถึงเวลา รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้น ทิพจักขุญาณจะเสื่อม..เพี้ยน..ดูแล้วผิดพลาดได้

ท่านแนะนำว่า ให้คนดูทำสมาธิอยู่ในห้องพระ แล้วให้เขาเขียนคำถามเข้ามา จำกัดไว้เลยว่าคนละไม่เกิน ๕ คำถาม เป็นต้น แล้วคิดให้แพงไปเลยนะ ถ้าคิดถูก ๆ เดี๋ยวเขามากวนบ่อย เรื่องทิพจักขุญาณ ถ้าหากว่าปฏิบัติไม่ถูกต้องจริง ๆ จะผิดพลาดมากมหาศาลเลย แต่ถ้าปฏิบัติได้ถูกต้อง จะสามารถดูได้ถึง ๘๐% แต่ขณะเดียวกัน ๒๐% ที่เหลือก็คือพวกกำลังใจเกินมนุษย์มนา บอกว่าไม่ดีอย่างไรก็ไม่ฟังหรอก ทำจนดีได้ ถ้าประเภทนั้นก็ช่วยไม่ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2012 เมื่อ 11:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #43  
เก่า 14-02-2012, 11:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เจ้าอาวาสพระอารามหลวง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ถ้าจะแต่งตั้งต้องผ่านมหาเถรสมาคม ไม่เหมือนกับวัดราษฎร์ทั่วไป วัดหลวงลำบากตรงที่ต้องเกี่ยวเนื่องด้วยราชวงศ์ เพราะฉะนั้น..ถ้าตั้งที่ไม่ดีไป เกิดอะไรขึ้นมาเสียหายหลายล้าน ไม่ได้เสียแต่พระศาสนา เสียถึงพระมหากษัตริย์ด้วย

ถ้าหากว่าต่างจังหวัดมีการตั้งเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส หรือผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดจะเป็นผู้เสนอ ผ่านผู้บังคับบัญชา คือเจ้าคณะภาค เจ้าคณะใหญ่ ขึ้นไปมหาเถรสมาคม แต่ถ้าหากว่าเจ้าคณะจังหวัดเป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวงเสียเอง ต้องให้เจ้าคณะภาคเป็นผู้เสนอ ก็คือ ให้ผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปกว่านั้นอีกชั้นหนึ่งเป็นผู้เสนอ ลำบาก...ไม่เหมือนเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ทั่วไป

เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ทั่วไปนี่ เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล กับเจ้าอาวาสในเขตนั้น รวมแล้ว ๓ รูปขึ้นไปมีความเห็นตรงกัน ก็ยื่นขึ้นเสนอเจ้าคณะจังหวัดแต่งตั้งได้เลย ถ้าหากว่าไม่มีรองเจ้าคณะอำเภอ ไม่มีรองเจ้าคณะตำบล ก็ให้เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอคัดเลือกเจ้าอาวาสในเขตปกครองนั้น ๆ ๓ รูปมาร่วมเป็นกรรมการ มีความเห็นรวมกันว่าพระรูปไหนสมควรจะเป็นเจ้าอาวาสก็ให้แต่งตั้งรูปนั้น

จะเห็นได้ว่าตามข้อกฎหมายแล้ว การแต่งตั้งเจ้าอาวาสไม่ว่าจะเป็นวัดราษฎร์ทั่วไปหรือพระอารามหลวง ไม่มีอะไรเกี่ยวกับชาวบ้านเลย แต่มักจะมีปัญหาที่ชาวบ้าน ถึงเวลาไม่ชอบใจ ไม่ใช่พวกกู ก็จะไล่ท่าเดียว หารู้ไม่ว่าตัวเองไม่ได้มีอำนาจหน้าที่อะไรเลย แล้วแถมจะมีความซวยมาเยือนด้วย เพราะเจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานโดยกฎหมาย ถ้าเจ้าอาวาสสั่งแล้วไม่ทำตาม ก็คือขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน มีโทษทั้งจำและปรับ..! ชาวบ้านส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจตรงจุดนี้ อาตมาเองบางทีก็ขี้เกียจไปชี้แจงเขา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2012 เมื่อ 13:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #44  
เก่า 14-02-2012, 12:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"วันก่อนมีการไล่เจ้าอาวาสวัดหินดาด ข้อหาคือท่านตัดไม้ในวัด ถ้าอย่างนี้อาจารย์เล็กโดนแน่ เพราะตัดไปหลายสิบตันแล้ว แต่ยังดีเขาโทรศัพท์มาปรึกษา เขาบอกว่าจะไปร้องเจ้าคณะอำเภอ ยิ่งเจ๊งหนักเข้าไปใหญ่เพราะข้ามขั้นตอน

"ถ้าคุณจะฟ้องร้องเจ้าอาวาสต้องฟ้องต่อเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะตำบลเสนอเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะอำเภอเสนอเจ้าคณะจังหวัด เพื่อตั้งคณะกรรมการมาสอบสวน ถ้าหากว่าฟ้องต่อเจ้าคณะอำเภอเลยถือว่าข้ามขั้นตอน ท่านไม่ทำงานให้คุณหรอก เสียเวลา..เพราะผิดขั้นตอน ยื่นเสนอไปเจ้านายก็ด่า

เจ้าอาวาสมีสิทธิ์ขาดภายในวัดตัวเอง คุณไปฟ้องว่าท่านตัดต้นไม้ ต่อให้ท่านตัดต้นไม้หรือเลื่อยไม้ขายจริง ๆ ก็เถอะ...ถ้าท่านบอกว่าท่านทำเพื่อบูรณปฏิสังขรณ์วัด แล้วคุณจะเอาหลักฐานที่ไหนไปเล่นงานท่าน ท่านบอกว่าผมจะสร้างศาลาตรงนี้ ยังไม่ทันจะสร้างเลยผมเอาต้นไม้ลงก่อน คุณก็ฟ้องเสียแล้ว แล้วเราจะไปเถียงอะไรได้ อย่าเสียเวลาไปฟ้องเลย เหนื่อยเปล่า..ถ้าไม่ชอบใจก็อุ้มเลย..!" แนะนำดีไหม ? อุ้มไปทำอะไร อุ้มไปเลี้ยงเพล..!

เป็นเรื่องแปลกที่โยมส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะญาติ ๆ ของพระมักจะคิดว่าตัวเองมีอำนาจ ถ้าหากว่าอ่านข้อกฎหมายจนจบแล้วจะสยองขวัญ ที่เจ้าอาวาสปล่อยให้เขาซ่าก็เพราะเกรงใจว่าเป็นญาติ

พระราชบัญญัติคณะสงฆ์นี่เป็นกฎหมายสำหรับพระโดยเฉพาะเลย มาตราที่ ๓๗ กล่าวถึงหน้าที่ของเจ้าอาวาสว่าต้องทำอย่างไรบ้าง มาตราที่ ๓๘ กล่าวถึงอำนาจของเจ้าอาวาสว่ามีอำนาจจะจัดการอะไรได้บ้าง ท่านบอกไว้ละเอียดยิบ ถ้าเจ้าอาวาสสั่ง แล้วไม่ทำตาม ถือว่าขัดคำสั่งเจ้าพนักงานที่สั่งชอบด้วยกฎหมาย เพราะฉะนั้น..ถ้าเจ้าอาวาสไล่ออกจากวัด แล้วเราไม่ไป เจ้าอาวาสเกิดหมั่นไส้ฟ้องขึ้นมานี่เป็นคดีอาญาเลยนะ เจอข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2012 เมื่อ 14:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #45  
เก่า 14-02-2012, 17:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มาตราที่ ๔๕ ของพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมพุทธศักราช ๒๕๓๕ ระบุว่า เจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา"

ถาม : พระลูกวัดไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานหรือคะ ?
ตอบ : เจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ถือว่าเป็นเจ้าพนักงาน ส่วนพระลูกวัดไม่ได้เป็น

ถาม : ถ้าพระสึกก่อนมีสิทธิ์ได้บำนาญไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มี..ต่อให้พระปฏิบัติหน้าที่ยันเกษียณก็ไม่มีบำนาญ หมดแล้วหมดเลย ยังดีนะที่ตำแหน่งเจ้าอาวาสเกษียณแล้วยังเป็นเจ้าอาวาสได้

พระจะเกษียณกันที่อายุ ๘๐ ปี มีหลวงพ่อองค์หนึ่ง อย่าให้บอกชื่อเลยนะเพราะท่านโดนด่ามาเยอะแล้ว ท่านเสนอให้พระเกษียณไม่เกิน ๖๕ ปี ท่านบอกว่าให้รุ่นใหม่ ๆ ขึ้นมาปกครองวัดบ้าง วัดจะได้เจริญ ปรากฏว่าท่านโดนด่าเสียทั่วประเทศเลย เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเขาไม่อยากหมดอำนาจกัน

ตำแหน่งตั้งแต่เจ้าคณะใหญ่ลงมา จนกระทั่งเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล เกษียณอายุ ๘๐ ปีทั้งหมด ยกเว้นกรรมการมหาเถรสมาคมและเจ้าอาวาส อาตมาถามว่า กรรมการมหาเถรสมาคมท่านเป็นโดยตำแหน่ง จะไม่เกษียณก็ได้ หรือท่านที่สมเด็จพระสังฆราชแต่งตั้งจะไม่เกษียณตอนอายุ ๘๐ ก็ไม่น่าเกลียด เพราะว่าเป็นกลุ่มบุคคลสำคัญที่มีแค่นิดเดียว ไม่เกิน ๒๑ รูปเท่านั้น (รวมสมเด็จพระสังฆราชด้วย) แต่ทำไมเจ้าอาวาสไม่ให้เกษียณ ?

ท่านอธิบายได้ชัดมาก ท่านบอกว่าถ้าขืนเจ้าอาวาสที่เคยมีโจทก์อยู่ในวัดมาเกษียณ คนเป็นเจ้าอาวาสคนใหม่จะไล่เจ้าอาวาสเก่าออก ก็เลยให้เจ้าอาวาสตายคาตำแหน่งไปเลย เพราะฉะนั้น..ถ้าอยากจะพ้นตำแหน่งเจ้าอาวาสก็มีมรณภาพ ลาสิกขา ลาออก ลาออกก็อาจจะไม่พ้นถ้าเจ้านายไม่อนุมัติ อาตมาลาออกจากเจ้าคณะตำบล โดนดึงเรื่องไว้เป็นปีเลยกว่าจะอนุมัติ แต่ถึงไม่อนุมัติก็ช่าง อาตมาไม่ไปทำงานเสียอย่าง ท้ายสุดท่านก็ต้องอนุมัติอยู่ดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2012 เมื่อ 17:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #46  
เก่า 14-02-2012, 18:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระที่ออกมาเต้นโคโยตี้ ศีลท่านขาดหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ท่านเครียดจากน้ำท่วม..อภัยให้ท่านเถอะ..! แต่ความจริงการกระทำประหนึ่งฆราวาส พระพุทธเจ้าท่านปรับอาบัติเอาไว้แล้ว

คราวนี้การกระทำประหนึ่งฆราวาส หมายรวมพระขับรถด้วย ที่เขาบอกว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามขับรถ เถียงแบบแม่นตำรา จึงต้องงัดข้อนี้ขึ้นมาว่า กระทำอาการประหนึ่งฆราวาสโดนอาบัติเหมือนกัน เพราะฉะนั้น..เต้นโคโยตี้นี่ไม่ใช่ประหนึ่งฆราวาสเฉย ๆ ประหนึ่งฆราวาสสตรี แต่ท่านดันเป็นผู้ชาย..!

ถาม : อาบัติประเภทนี้ต้องไปเข้าปริวาสได้ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่จ้ะ อาบัติประเภทนี้แสดงคืนได้ เขาเลยไม่กลัว แต่ความจริงการปลงอาบัติเป็นการสารภาพผิด ว่าเราได้ทำผิดไปแล้ว ต่อไปนี้จะไม่คิด ไม่พูด ไม่ทำ อย่างนั้นอีก ก็เพื่อให้คนอื่นเป็นพยานว่าตัวเองจะไม่ทำชั่วอีก แต่เขาใช้วิธีว่าทำผิดแล้วก็แสดงอาบัติ คิดว่าพ้นจากโทษนั้น หารู้ไม่ว่าข้างล่างเขาไม่ได้ลบบัญชีหรอก ลงไปเมื่อไรก็โดน..!

เรื่องของพระศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน บุคคลที่อยู่ในพระศาสนาจึงจำเป็นต้องมีสติปัญญามาก ๆ โดยเฉพาะสติสัมปชัญญะจะขาดไม่ได้เลย ต้องระลึกอยู่เสมอว่า บัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว กิริยาอาการใด ๆ ที่เป็นของสมณะ เราต้องทำกิริยาอาการนั้น ๆ

ท่านคงไม่มีสำนึกความเป็นนักบวช ก็เลยนึกอยากจะทำอะไรก็ทำกัน จะไปว่าท่านก็ไม่ค่อยได้หรอก เพราะว่าปัจจุบันบรรดานักบวชที่บวชเข้ามา มีเป็นจำนวนมากด้วยกันที่หมดทางไปแล้ว เมื่อหมดทางไปก็เลี้ยวเข้าวัด โดยเฉพาะจำนวนมากเลยที่สังคมภายนอก แม้กระทั่งครอบครัวเขาไม่ยอมรับ..ก็เข้าวัด หรือไม่พ่อแม่เอาไม่อยู่แล้วก็ยัดเข้าวัด ก็เลยเป็นเรื่องไม่แปลก ที่ท่านทั้งหลายเหล่านี้จะมีอาการของขึ้นเป็นระยะ ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 15-02-2012 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #47  
เก่า 15-02-2012, 13:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราเจอพระที่มีกิริยาไม่สำรวม มีนิสัยสรรหาลาภ ทีนี้เราต้องทำบุญกับท่าน ?
ตอบ : ให้ตั้งใจถวายสังฆทานกับท่านไปเลย ช่วยซ้ำท่านให้หนักหน่อย..! สังฆะ คือหมู่สงฆ์ ไม่ใช่ท่านคนเดียว บุญเราได้เต็ม แต่ความซวยจะเกิดกับท่าน ไหน ๆ ท่านจะไปแล้ว ก็ช่วยซ้ำให้หนักหน่อย

ถาม : เมื่อก่อนเราทำบุญแล้วเรามั่นใจ แต่ตอนนี้เราไม่มั่นใจว่าทำบุญไปแล้วท่านจะเอาไปใช้ในเรื่องไหน ?
ตอบ : ไม่ต้องไปกังวล เพราะจุดนั้นเป็นเรื่องของท่าน เราทำเราได้บุญแล้ว ต้องวางอุเบกขาให้เป็น ไม่อย่างนั้นบุญจะลดลง

ถาม : คิดว่าเราถวายสังฆทานใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ใช่...ทำอีกทำบ่อย ๆ ท่านลุงจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตัดสิน อันนี้ถือว่าโหดเกินไป..!

ถาม : เกิดพระท่านกลับตัวได้ ท่านจะลงข้างล่างไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไม่ได้โดนอาบัติหนักอะไร แล้วกลับตัวใหม่ ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบใหม่ก็รอด

ถาม : ห่วงแทน
ตอบ : ดีนะ..โยมแค่ห่วง อาตมานี่สยอง..! สยองแทนท่านว่าจะเจออะไรบ้างหนอ ?

พอได้เห็นนโยบายของหลวงพ่อวัดท่าซุง อาตมาเองก็เลียนปฏิปทาหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็คือพระมาลาสึกอาตมาจะไม่เคยห้ามเลย ก็ในเมื่อใจเขาไม่อยู่แล้ว ไปห้ามเอาไว้เดี๋ยวจะพาเสียมากกว่า เพราะใจเขาไม่คิดจะเป็นพระแล้วก็ไปเถอะ เดี๋ยวมีอารมณ์เมื่อไรแล้วค่อยมาบวชใหม่ ไม่อย่างนั้นถ้าปล่อยให้อยู่ต่อ เกิดเขาไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่เป็นพระ ปล่อย ๆ วาง ๆ กลายไปละเมิดศีลหนักเข้า มาบวชใหม่ไม่เป็นพระแล้วจะยุ่ง

เพราะฉะนั้น..ใครมาขออนุญาตลาสึก อาตมาอนุญาตให้ลาสึกทุกราย บางรายก็ไม่รู้เดินตัวลีบมาเชียว "ขอปรึกษาหน่อยครับ ผมจะขออนุญาตลาสิกขา หลวงพ่อจะว่าอย่างไรครับ ?" อาตมาบอกว่า "คุณจะเอาวันไหน ?" บอกวันนั้นเวลานั้น "เออ..ถึงเวลามาสึกก็แล้วกัน" ท่านนั่งเอ๋ออยู่พักใหญ่ สงสัยว่าทำไมไม่ห้ามสักคำ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-02-2012 เมื่อ 13:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #48  
เก่า 15-02-2012, 13:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : น้ำหนักขึ้น..อุตส่าห์กินน้ำมันมะพร้าวแล้ว ?
ตอบ : น้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันนะจ๊ะ

ถาม : ไหนท่านบอกว่ากินแล้วผอม หนูก็เลยกินวันละสองช้อน
ตอบ : มะเหงกแน่ะ..! หมายถึงว่าให้ใช้น้ำมันมะพร้าวแทนไขมันอื่น ไม่ใช่ว่าไปกินน้ำมันมะพร้าววันละ ๒ ช้อน ขณะที่ตัวเองยังกินอย่างอื่นปกติ

ถาม : อ้าว...แต่กินแล้วไม่ป่วย
ตอบ : น้ำมันมะพร้าวทำให้การเผาผลาญไขมันดีขึ้น แต่ว่าต้องใช้พลังงาน ไม่ใช่ไปนอนเฉย ๆ อาหารอื่นกินตามปกติ แต่ให้ปรุงด้วยน้ำมันมะพร้าว ไม่ใช่น้ำมันปาล์ม ไม่ใช่น้ำมันถั่ว ไม่ใช่น้ำมันทานตะวัน ไม่ใช่น้ำมันข้าวโพด สมัยนี้น้ำมันมะพร้าวก็มีเยอะขึ้นแล้วนะ น่าจะพอหาซื้อได้ ราคาซีซีละบาทโดยประมาณ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #49  
เก่า 15-02-2012, 13:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นักการเมืองโกงกินกันมาก ?
ตอบ : ไม่มีรัฐบาลไหนที่ไม่โกงกิน สัญชาตญาณของนักการเมืองก็คือเข้ามากอบโกย เพียงแต่ว่าอย่าให้น่าเกลียด หน่วยงานที่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชนมากที่สุดในปัจจุบันคือ สถาบันทหาร สถาบันทหารนี่เขากินกันเป็นปกติ แต่ว่าเขากินกันภายใน

อย่างเช่น สมัยตอนที่อาตมาเป็นเสมียนกองร้อยอยู่ ได้รับคำสั่งจากเจ้านายเลยว่า ปล่อยกำลังพลให้ลาหมุนเวียน ๑ ใน ๓ ตลอด อย่างเช่นว่า กองร้อยหนึ่งมี ๑๐๕ คนให้ปล่อย ๓๕ คนลาทุก ๑๐ วัน ก็แปลว่าทุกคนจะได้อยู่กองร้อย ๒๐ วันแล้วก็ได้ลา ๑๐ วัน ทหารก็ชอบ แต่ว่าเบี้ยเลี้ยงตอนช่วงนั้นทั้งหมดทหารจะไม่ได้รับ เจ้านายเอาไปหมด

ยิ่งถ้าเป็นสมัยนี้ยิ่งหนักเข้าไปอีก สมัยอาตมาเขามีแต่เบี้ยเลี้ยง สมัยนี้ทหารมีเงินเดือนด้วย สมัยอาตมาเบี้ยเลี้ยง ๒๔ บาทต่อวัน สมัยนี้ ๒๔๐ บาทต่อวัน ใครบอกทหารไม่กิน ? เขากินกันแต่กินกันภายใน กินกันเอง เขาไม่ได้ทำให้ชาวบ้านเห็น แต่ว่าก็มีระดับใหญ่ ๆ ที่จะไปจับได้ตอนซื้อขายอาวุธบ้าง แต่ว่าบางทีต่อให้จับได้ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็นการให้โดยเสน่หา สามารถต่อสู้ในแง่กฎหมายได้

ถาม : วันนี้นั่งแท็กซี่มา เขาบอกว่าลูกชายเป็นทหารแล้วหนี ผู้พันก็ไม่ว่าอะไรสักอย่าง
ตอบ : ใช่..มีทหารบางรายที่หนีนี่แหละ แต่ว่าเจ้านายเขาสั่งอย่าเพิ่งทำเรื่องหนี เพราะว่าเขาจะเก็บเบี้ยเลี้ยงไปเรื่อย ๆ ก่อน อาตมาต้องคอยถามเป็นระยะ ๆ ว่าบุคคลนี้ จะให้ทำเรื่องหนีได้เมื่อไร ? จะทำเรื่องได้หรือยัง ? เป็นการเตือนสติเจ้านาย ว่าถ้าเกิดเขาหนีออกไปทำอะไรซวย ๆ ข้างนอกจะเดือดร้อนถึงเจ้านาย ส่วนใหญ่จะปล่อยไว้ประมาณ ๑ ปีค่อยทำเรื่อง ก็แสดงว่าช่วงนั้น เบี้ยเลี้ยงเงินเดือน ๑ ปี ก็เป็นของเจ้านายหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-02-2012 เมื่อ 15:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #50  
เก่า 15-02-2012, 13:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เงินไม่ใช่น้อยเลย
ตอบ : เขาอยากเป็นทหารกันมากเพราะว่าแค่เบี้ยเลี้ยงอย่างเดียวอยู่ได้สบายแล้ว เนื่องจากว่าทหารที่กินที่อยู่ ผ้าผ่อนท่อนสไบ รัฐบาลให้หมด รุ่นของอาตมานี่เรียนกันแทบเป็นแทบตาย จบออกมาเงินเดือน ๑,๙๘๐ บาท ถ้าหากว่าเรียนร่มมาก็บวกไปอีก ๒๕๐ บาท ถ้าหากว่าจบปริญญามาก็บวกวิทยฐานะอีก ๒๗๐ บาท สรุปแล้วรวมกันแทบตายยังไม่ได้เท่าเบี้ยเลี้ยงพลทหารสมัยนี้เลย

สมัยนั้นเงินเดือนนายทหารชั้นประทวนเต็มขั้น ก็คือจ่านายสิบอาวุโส ๔,๘๐๐ บาท แต่ถ้าหากว่าคุณสอบนายร้อยติด จะลดเหลือสัญญาบัตรชั้น ๓ เงินเดือน ๒,๒๐๐ บาท กลายเป็นว่าได้ดาวมาเท่ ๆ แต่เงินเดือนหายไปเกินครึ่ง..!

บรรดาจ่าแก่ ๆ จึงไม่มีใครอยากเป็นนายร้อย จนกว่าจะ ๖ เดือนสุดท้ายก่อนเกษียณ รับไว้เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลว่าตัวเองได้เป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรเหมือนกัน มีโอกาสได้รับกระบี่พระราชทาน แต่ไปเอาตอนก่อนเกษียณ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเงินเดือนหายไปตั้งครึ่งตั้งค่อน จาก ๔,๘๐๐ บาทเหลือ ๒,๒๐๐ บาท

บรรดาจ่าแก่ ๆ บ่นกันอุบเลย "เงินหายไปทีขนาดนั้นแล้วกูจะเอาอะไรเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย ?" ส่วนใหญ่กว่าจะไปถึงระดับจ่านายสิบอาวุโสเงินเดือนเต็มขั้นก็มักจะราว ๆ อายุ ๕๐ กว่า ใกล้เกษียณกันแล้วทั้งนั้น

แต่ว่าไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนทหารจะได้รับความเชื่อถือมากกว่าตำรวจมาตลอด สมัยอาตมาอยู่ชายแดน ไปตั้งด่านตรวจสินค้าหนีภาษี ตั้งด่านคู่กับด่านตำรวจคนละฝั่งถนน ชาวบ้านเดินมาฝั่งทหารหมดเลย ปล่อยตำรวจนั่งตบยุง เพราะว่าตำรวจส่วนใหญ่เขาไปถืออำนาจตามกฎหมาย

ส่วนทหารเราไม่มีอะไร "มา..ของอย่างนี้เป็นยุทธปัจจัย คุณเอาออกมาครึ่งหนึ่ง คุณเอาไปครึ่งหนึ่ง" จบเลย ครั้งต่อไปเขาจะขนของหนีภาษีมาให้เองเลย ถามว่าเอาเท่าไร พอบอกว่าเอาครึ่งหนึ่ง เขาขนมาให้เลยครึ่งหนึ่ง แต่เขาเอาของหนีภาษีที่ไม่แพงมาให้ ส่วนแพง ๆ เขาเอาไปขาย ก็กลายเป็นว่าเราก็มีผลงานไปส่งเจ้านาย ส่วนเขาก็ได้ของไปขาย ก็จบกันแค่นั้น

ถาม : แล้วฝั่งตำรวจเขาทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ตำรวจซักประวัติไปโน่น ๑๘ ชั่วคน ทหารไม่มีหรอก เอ็งเอาลงเท่านี้แล้วก็ไปเลย จบกันแค่นั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-02-2012 เมื่อ 15:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #51  
เก่า 15-02-2012, 14:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตำรวจนี่เอาหมดทุกอย่าง ?
ตอบ : พันตำรวจโทท่านหนึ่งเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน พอดีท่านมีโอกาสสอนคณิตศาสตร์สมัยอาตมาเรียนปริญญาตรีอยู่ ท่านอาจารย์บอกว่า “พระคุณเจ้าครับ เป็นตายอย่างไรผมก็จะไม่ไปเป็นตำรวจจราจรเด็ดขาด”

อาตมาถามว่าทำไม ? ท่านบอกว่า “ไปไถชาวบ้านแบบนั้น เขาแช่งเขาด่าตามหลังเท่าไรก็ไม่รู้ ไม่มีทางเจริญหรอกครับ ผมยอมกินเงินเดือนของผมไปแต่ละเดือนดีกว่า ไม่ได้ร่ำไม่ได้รวยกับใคร แต่ผมสบายใจว่า ตัวผมและวงศ์ตระกูลไม่ได้โดนเขาสาปแช่งก็แล้วกัน อย่างน้อย ๆ ลูกหลานของผมก็คงพอจะเจริญบ้าง” ท่านตั้งใจสมัครเข้าไปเป็นอาจารย์เลย เพราะว่าไม่อยากไปรีดไถชาวบ้านให้เขาแช่งเอา

ต้องดูตอนปีใหม่หรือตรุษจีน ตำรวจคนไหนที่ชาวบ้านเขารักนี่ ของขวัญกองท่วมหัวเข่าเลย ขับรถผ่านเขาก็ส่งให้คนละกล่องสองกล่อง ส่วนคนไหนไถประจำไม่ค่อยได้อะไรหรอก ถ้าตัวเองทำในสิ่งที่ดี ๆ ถึงเวลาชาวบ้านเขาก็เห็น อันนั้นนี่เขาให้ด้วยความเต็มใจ ไม่ต้องไปไถเขาก็ให้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-02-2012 เมื่อ 15:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #52  
เก่า 15-02-2012, 15:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยที่อาตมายังทำงานอยู่ที่ซอยอ่อนนุช ๖๖ มีอาเจ็กคนหนึ่งมีอาชีพรับซื้อของเก่า ถึงเวลาก็จะมาขอซื้อพวกเศษเหล็กไปเป็นประจำ เพราะว่าตอนนั้นอาตมาทำอู่ซ่อมรถอยู่ เขาบอกว่า "ผมยอมทนเหนื่อยอีกไม่กี่ปีครับ เพราะว่าตอนนี้ลูกผมเข้านายร้อยตำรวจได้แล้ว พอลูกผมจบมาเดี๋ยวเขาก็หาเงินให้พ่อได้เอง"

อาตมาก็ว่า "นี่อาเจ็กหมายความว่าจะให้ลูกไปรีดไถชาวบ้านใช่ไหม ?" แกบอกว่า “ใคร ๆ เขาก็ทำกันครับ ถ้าหากว่าไม่ทำก็แปลกแยก ผมตั้งใจส่งลูกไปเพื่อให้ทำอย่างนี้โดยเฉพาะเลย..!” เป้าหมายของแกชัดเจนแน่นอนมาก..!

อาตมาเองเป็นคนที่ประหลาด ครูสอนอะไรก็ทำอย่างนั้น ก็เลยอยู่กับคนอื่นเขาลำบาก โดยเฉพาะพวกที่จบมาใหม่ ๆ กำลังไฟแรง ครูบาอาจารย์ท่านอบรมมาอย่างดีเลย พอออกมาเจอสภาพความเป็นจริงแล้วทำใจไม่ได้ มีหลายต่อหลายคนที่ฝืนกระแสสังคมแล้วก็ไปไม่ได้ และมีจำนวนมากด้วยกันที่กลืนไปกับเขาอย่างรวดเร็ว รุ่นพี่ครอบความรู้อะไรมานี่รับได้อย่างฉับพลันทันที ส่วนอาตมาก็ตะขิดตะขวงใจอยู่นั่นแหละ ครูสอนเรามาอย่างนี้ ทำไมถึงมาเจอแบบนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-02-2012 เมื่อ 19:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #53  
เก่า 15-02-2012, 15:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เพื่อนหนูบอกว่า คนที่สอบเรียนตำรวจมีเจตนามาโกง รุ่นพี่พูดอะไรก็เชื่อ
ตอบ : ไม่หรอก ก็มีอยู่ส่วนหนึ่งที่ไปเรียนด้วยความตั้งใจที่จะออกมาเป็นตำรวจน้ำดี แต่ว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้ส่วนใหญ่จะไม่เจริญ อาตมาเองนี่แหละ จบมาใหม่ ๆ ไฟแรงมากเลย สอบได้ที่ ๑ ของรุ่น เจ้านายเขาถามว่า "เอ็งอยากลงหน่วยไหนเลือกมาเลย" เพราะคนที่สอบได้ที่ดี ๆ มีสิทธิ์เลือกก่อน อาตมาบอกว่า "ตรงไหนลำบากที่สุด ส่งผมไปตรงนั้นแหละ" เจอเพื่อนด่าเช็ดเลย..!

เพื่อนอยากจะเป็นเหล่าแพทย์ เพราะว่าถ้าเป็นทหารหมอแล้ว นอกเวลาสามารถเปิดคลินิกได้ ตอนช่วงนั้นเหล่าแพทย์กับเหล่าทหารช่างเขาจะนิยมกันมาก เหล่าทหารช่างไปทำงานที่ไหนจะมีเบี้ยบ้ายรายทางเยอะ สมมติว่าไปสร้างทาง ชาวบ้านก็จะบอกว่า “เพิ่มตรงนี้ลงมาเป็นหูช้างเข้าบ้านผมหน่อย” “เพิ่มหน้าบ้านผมตรงนี้นิดหนึ่ง” ก็แค่เพิ่มวัสดุนิดเดียว ไม่ต้องเบิกวัสดุเพิ่มด้วยซ้ำไป แต่ชาวบ้านเขายัดเงินมาให้เสียเยอะแยะ จึงสามารถที่จะหารายได้พิเศษได้

เพื่อนก็ด่าเอาว่าอาตมาโง่ สอบได้ที่ ๑ แท้ ๆ แทนที่จะเลือกเหล่าแพทย์ ดันไปลงเหล่าราบ แต่ปรากฏว่าเพราะอาตมาโง่นี่แหละเพื่อนถึงได้ ถ้าอาตมาเลือกเหล่าแพทย์โควตาก็หมด เพื่อนก็จะไม่ได้ เพราะฉะนั้น..เวลาจบมาใหม่ ๆ กำลังไฟแรง มาเจอในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่เรียนมาแล้วทำใจลำบาก อีกประการก่อนที่จะเข้าไปเรียน อาตมาก็ปฏิบัติตามแบบหลวงพ่อมาตั้งหลายปีแล้ว ก็ยิ่งทำใจคล้อยตามเขายากเข้าไปใหญ่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-02-2012 เมื่อ 19:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #54  
เก่า 15-02-2012, 17:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาเราเจริญพรหมวิหารสี่ ถ้าเริ่มจากใจเขาใจเรา ?
ตอบ : ก็ได้อยู่นะ แต่ไม่ว่าคุณจะเจริญวิธีไหนก็ตาม จะลืมลมหายใจเข้าออกไม่ได้ ถ้าลืมลมหายใจเข้าออก กำลังใจไม่มั่นคง ยันเขาไม่อยู่หรอก จะหงายท้องเสียก่อน เพราะฉะนั้น..คุณจะพิจารณา จะภาวนา จะแผ่เมตตาวิธีไหนก็ตาม อย่าลืมเรื่องลมหายใจเข้าออกเด็ดขาด ต้องประกอบไว้เป็นปกติ

ถาม : หมายถึงพรหมวิหาร ต้องทรงฌานตลอดใช่ไหม ?
ตอบ : ไม่ต้องตลอดก็ได้ แต่ให้มีกำลังสมาธิหนุนด้วย ไม่อย่างนั้นจะไม่ทรงตัว เดี๋ยวแทนที่จะแผ่เมตตาจะกลายเป็นแผ่รังสีอำมหิตแทน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-02-2012 เมื่อ 19:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #55  
เก่า 16-02-2012, 09:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เห็นพระพุทธรูปของทางมหายานมีเครื่องหมายสวัสดิกะ ?
ตอบ : นั่นก็คือเครื่องหมายธรรมจักร หมายถึงการหมุนวนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ใช่เครื่องหมายของฮิตเลอร์ ฮิตเลอร์นั่นมาทีหลัง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2012 เมื่อ 15:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #56  
เก่า 16-02-2012, 09:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ปี ๒๕๒๐ หลวงปู่ฝั้นมรณภาพ เขาทำหนังสือที่ระลึกพระราชทานเพลิงศพ หน้าปกเป็นเหรียญรูปพัดยศฝังไว้ในปก เราจะเห็นว่าพระปฏิบัติ ยศตำแหน่งทางโลกไม่สำคัญ ตำแหน่งที่ลูกศิษย์ลูกหายกให้เป็นหลวงปู่หลวงพ่อนั่นจึงสำคัญที่สุด

สมัยหลวงปู่ปาน ในรุ่นเดียวกันคือ หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใ แล้วอีกท่านหนึ่งเป็นรุ่นพี่อยู่ ๒ - ๓ ปี ก็คือ หลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก ช่วงนั้นเขาเรียก "สามเสืออยุธยา" ปรากฏว่าหลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใน ได้เป็นพระครูพรหมวิหารคุณ เจ้าคณะอำเภอบางซ้าย หลวงปู่ปานวัดบางนมโคได้เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูวิหารกิจจานุการ หลวงปู่จงเป็นพระหลวงปู่ธรรมดา ไม่ได้เป็นอะไรกับใครเลย แต่ขอโทษเถอะ..ดังคับประเทศพอกัน เพราะฉะนั้น..ที่สำคัญที่สุดก็คือ ตำแหน่งที่ลูกศิษย์ลูกหาตั้งไว้ในใจ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 17-02-2012 เมื่อ 17:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #57  
เก่า 16-02-2012, 11:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"หลวงปู่ปานมรณภาพปี ๒๔๘๑ ส่วนหลวงปู่จงเป็นรุ่นพี่ ปี ๒๕๐๘ ถึงมรณภาพ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเล่าให้ฟังว่า งานประจำปีวัดบางนมโคเอารูปหล่อหลวงปู่ปานตั้งไว้ให้ญาติโยมได้กราบไหว้บูชาและทำบุญ ส่วนหลวงปู่จงนั่งลงนะหน้าทองเป่ากระหม่อมให้แก่ญาติโยม

พองานผ่านไป หลวงปู่จงลงนะหน้าทองจนเป็นลม นับแล้วได้เงิน ๘,๐๐๐ บาท สมัยนั้นโบสถ์หลังหนึ่ง ๕,๐๐๐ บาทเองนะ ตีว่าน่าจะเกิน ๘ ล้านบาทในสมัยนี้ แต่หลวงปู่ปานที่เป็นรูปหล่อนั่งเฉย ๆ ได้ ๘,๐๐๐ บาทเท่ากัน..! หลวงปู่จงท่านบ่นว่า “เสียท่าท่านปาน นั่งเฉย ๆ แท้ ๆ ได้พอกับเราเลย”

หลวงปู่จงท่านอายุยืนจริง ๆ อยู่ถึง ๙๐ กว่าปีถึงมรณภาพ ส่วนหลวงปู่ปานมรณภาพตอนอายุ ๖๒ ปี หลวงปู่ปานมรณภาพแล้วหลวงปู่จงอยู่ต่ออีก ๓๐ กว่าปี ถ้าหลวงปู่ปานอายุยืนขนาดนั้นป่านนี้คงดังไม่เสร็จ ขนาดนี้ท่านยังดังจนพระของท่าน ที่สมัยก่อนเขาเรียกว่าพระน้ำจิ้ม เป็นของแถมสำหรับบุคคลที่เขาบูชาพระอื่นที่ดัง ๆ สมัยนี้พระน้ำจิ้มองค์หนึ่งเป็นแสน..!

วัดเจ้าเจ็ดในรุ่นก่อนหลวงปู่ยิ้ม มีหลวงปู่จีน บางคนเรียกหลวงปู่เจ๊ก หลวงปู่จีนท่านเก่งบาลีมาก หลวงปู่ปานต้องไปขอเรียนบาลีด้วย แต่หลวงปู่จีนท่านเป็นคนโมโหร้าย ท่านก็รู้ตัวนะ ท่านจะทำกรงเหล็กไว้ใบหนึ่ง ถึงเวลาก็เข้าไปอยู่ในกรงแล้วให้หลวงปู่ปานลั่นกุญแจล็อกไว้ แล้วก็เรียนด้วยกัน ถ้าอันไหนหลวงปู่ตอบผิดหรือท่องให้ท่านฟังแล้วผิด ท่านจะโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ลุกขึ้นเขย่ากรงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเลย

พูดง่าย ๆ ถ้าอยู่ข้างนอกก็ประเภทประเคนไม้กันหัวร้างข้างแตกไปแล้ว แต่พอท่านหายโมโหท่านก็สอนต่อ ท่านรู้ตัวขนาดนั้น

อาตมาก็มานึกขำ ๆ ว่า นี่ถ้าหากว่าเป็นหลวงปู่ปานล่ะก็..รับรองลูกศิษย์ตาย เพราะหลวงปู่ปานแค่จับราว กุญแจก็หลุดแล้ว ท่านเคยเอาเชือกผูกเป็นราวแล้วกุญแจแขวนไว้เป็นสิบ ๆ ดอก พอแตะราว กุญแจหลุดหมดทุกดอกเลย แบบนั้นจับกรงแล้วลูกกุญแจหลุดมีหวังลูกศิษย์ตาย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 17-02-2012 เมื่อ 17:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #58  
เก่า 16-02-2012, 11:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอมารุ่นหลวงปู่ยิ้ม หลวงพ่อวัดท่าซุงไปขอเรียนวิชากับท่าน ท่านก็บอกว่าอย่าเอ็ดไป เดี๋ยวคนรู้หมด หลวงพ่อท่านแวะไปหาเวลากลางคืน ไปแบบไม่มีตัว แล้วก็กราบเรียนว่ากลางวันจะมาหา ถึงเวลาหลวงปู่ยิ้มก็นั่งรอ..แสดงว่ารู้จริง

พอหลวงปู่ยิ้มมรณภาพ หลวงพ่อวัดท่าซุงไปเป็นเจ้าภาพจัดงานศพให้ ท่านบอกว่าหลวงปู่ยิ้มมีกำปั่นอยู่ใบหนึ่ง กำปั่นก็คือหีบใส่เงินหรือใส่เสื้อผ้าสมัยก่อนที่เป็นไม้ฝาโค้ง ๆ แล้วก็มีเหล็กรัด ตั้งแต่หลวงปู่ยิ้มได้กำปั่นใบนั้นมา ท่านลั่นกุญแจเสร็จแล้วโยนกุญแจทิ้งน้ำไปเลย อยู่ในคลองเจ้าเจ็ดนั่นแหละ ใครมีปัญญาไปงมเอา เพราะว่าได้ปัจจัยจากโยมมาเท่าไรท่านยัดใส่กำปั่นไปเรื่อย

หลวงพ่อให้กรรมการวัดช่วยกันงัดกำปั่นออกมานับเงิน ปรากฏว่าเงินที่อยู่ก้นกำปั่น เปื่อยจนนับไม่ได้ไปเสียเยอะ ธนบัตรสมัยรัชกาลที่ ๗-๘ เปื่อยเสียเยอะ ก็ถามหลวงพ่อว่าทำไมหลวงปู่ยิ้มถึงทำอย่างนั้น? ท่านบอกว่าหลวงปู่ยิ้มเป็นพระที่ไม่มีความโลภในใจแล้ว แต่ท่านไม่มีงานอื่นทำ ในเมื่อคนทำบุญกับท่าน ท่านก็อยู่เป็นเนื้อนาบุญให้เขาทำไป ครบอายุขัยก็ไปตามกาลตามเวลา

เงินเท่าไรท่านก็ไม่ได้เอาออกมาหรอก เพราะว่ากุญแจท่านโยนทิ้งน้ำไปแล้ว ก็เป็นเงินสงฆ์อยู่อย่างนั้นแหละ ถ้าหลวงพ่อไม่ได้ให้กรรมการงัดออกมาตรวจนับกันก็ไม่รู้ว่าหลวงปู่มีปัจจัยเท่าไร แต่จะว่าไปแล้วท่านก็ช่วยงานคณะสงฆ์ไว้เยอะ เพราะท่านเป็นถึงเจ้าคณะอำเภอ

ในรุ่นเดียวกัน อาจจะเห็นว่าหลวงปู่ปานก็เป็นพระครู หลวงปู่ยิ้มก็เป็นพระครู หลวงปู่จงไม่ได้เป็นอะไรกับใครแต่ดังกว่าเยอะ ถ้าหลวงปู่ปานไม่มรณภาพก่อน อยู่ถึงช่วงญี่ปุ่นยึดประเทศไทย คงจะต้องดังกว่านั้นอีกมาก หลวงปู่ปานมรณภาพไปก่อนตั้ง ๗ ปีกว่าสงครามจะเลิก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2012 เมื่อ 15:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #59  
เก่า 16-02-2012, 11:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลวงปู่ปานในสมัยที่ท่านเป็นพระพุทธเจ้า ท่านจะอายุน้อยไหมคะ ? หรือท่านจะอายุยืนยาว ?
ตอบ : ต้องตามไปเกิดด้วย จะได้รู้ ต้องดูว่าท่านเกิดตอนไหนด้วย ถ้าเกิดต้นกัปก็อยู่กันเป็นหมื่นเป็นแสนปี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 17-02-2012 เมื่อ 17:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #60  
เก่า 16-02-2012, 12:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,153 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วิญญาณที่เป็นเจ้ากรรมนายเวร สามารถจะติดตามเราไปได้ทุกที่ไหมครับ หรือแม้แต่ในบ้านก็ยังเข้าไปได้ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าพระภูมิเจ้าที่ไม่อนุญาตก็เข้าไม่ได้ เวลาบูชาพระภูมิก็บอกท่านว่าช่วยกันพวกนี้ให้ด้วย ถ้าท่านไม่อนุญาตก็เข้าไม่ได้ แต่ท่านกันได้เฉพาะวิญญาณ กันกฎของกรรมไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2012 เมื่อ 15:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:21



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว