กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 15-03-2015, 11:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,235 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๘

ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติหรือความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เราถนัด ที่เราชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ เริ่มเข้าฤดูร้อนมาได้ ๒ วันแล้ว การแบ่งฤดูในบ้านเรานั้น ถ้าจะดูแบบง่าย ๆ ก็ดูที่การเปลี่ยนเครื่องทรงของพระแก้วมรกต ซึ่งจะเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูร้อนในวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๔ เปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝนในวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๘ และเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูหนาวในวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๒

คราวนี้ในส่วนของอากาศร้อนนั้น มีผลกระทบต่อนักปฏิบัติ ดังที่ได้กล่าวไปเมื่อก่อนช่วงเจริญกรรมฐาน ถึงสัปปายะ ๗ ประการ ที่ทำให้การปฏิบัติของเราก้าวหน้า ก็คือ สิ่งที่พอเหมาะ พอดีสำหรับการปฏิบัติ หนุนเสริมการปฏิบัติของเรา ส่วนหนึ่ง ก็คือ อุตุสัปปายะ อากาศที่เหมาะสม ไม่หนาวเกินไป ไม่ร้อนเกินไป เป็นต้น

ในช่วงของหน้าร้อนนั้น ส่วนใหญ่พวกเราเมื่อกระทบกับอากาศร้อน ก็มักจะหงุดหงิดง่าย จึงต้องระมัดระวัง ประคับประคองรักษาอารมณ์ใจของเราไว้ให้ดี วิธีรักษาอารมณ์ใจของเราที่ดีที่สุด ก็คือ อยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา ถ้าเราตั้งใจปฏิบัติภาวนา จนสามารถรู้ลมหายใจเข้าออกเองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องบังคับ สภาพจิตกำหนดรู้เอง ภาวนาได้เอง

ถ้าทำถึงตรงนี้ก็แค่เอาสติประคับประคองการรู้นั้นไว้ เท่ากับว่าเราทรงปฐมฌานแบบละเอียด ซึ่งจะช่วยป้องกันนิวรณ์ ก็คือ กิเลสหยาบที่ทำให้ปัญญาของเราถอยหลัง ได้แก่ กามฉันทะ ความยินดีในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย และการสัมผัสระหว่างเพศ พยาบาท คือความโกรธเกลียดอาฆาตแค้นบุคคลอื่น ถีนมิทธะ คือความง่วงเหงาหาวนอน ชวนให้ขี้เกียจปฏิบัติ อุทธัจจกุกกุจจะ คือความฟุ้งซ่านหงุดหงิดรำคาญใจ และวิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในผลการปฏิบัติ ว่าจะมีจริงหรือไม่ เป็นต้น

เราจะเห็นได้ว่า ความฟุ้งซ่านหงุดหงิดรำคาญใจนั้น บางทีก็มาจากเรื่องของดินฟ้าอากาศได้ หนาวเกินไป ร้อนเกินไป ฝนตกเฉอะแฉะ ล้วนแต่มีผลกระทบทั้งสิ้น จึงต้องรักษากำลังใจอยู่กับการปฏิบัติภาวนาให้ดี โดยเฉพาะท่านที่เพิ่งจะสามารถกดกิเลสได้ ยังมีกำลังไม่มั่นคงพอ ถึงเวลากิเลสตีกลับก็จะเกิดอาการจิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก ฯลฯ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-03-2015 เมื่อ 13:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 16-03-2015, 18:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,235 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนหนึ่งที่ต้องระวังก็คือ ตัวโทสะที่เกิดจากความหงุดหงิด กลัดกลุ้ม โกรธคนอื่น อาจจะเป็นเพราะสิ่งที่ไม่พอหู ไม่พอตา ไม่พอใจต่าง ๆ ก็จริง แต่อากาศร้อนก็มีส่วนด้วย ความร้อนทำให้คนเครียดง่าย โกรธง่าย

ในเมื่อเป็นดังนั้น การที่เราเกิดการกระทบ ถ้าหากว่าแรก ๆ สติสัมปชัญญะยังทรงตัวอยู่ ก็จะเก็บไว้ในลักษณะของการเก็บกด พอเก็บไว้มากเข้า ๆ หลาย ๆ ครั้งเข้า กำลังไม่พอ กิเลสมีกำลังสูงกว่า พอคนสุดท้ายมาสะกิดให้โกรธ เราก็จะไประเบิดใส่หน้าเขา จนอาจจะต้องเสียเพื่อนฝูงไปเลยก็ได้

เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำอะไรแค่เล็กน้อย ทำไมเราถึงได้โกรธมากมายขนาดนั้น โดยที่ไม่ทราบว่าตัวเราเองนั้นเก็บกดมานาน สิ่งที่เขาทำนั้นเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่วางลงไป ทำให้อูฐที่แบกน้ำหนักได้หลายร้อยกิโล ไม่สามารถที่จะแบกน้ำหนักต่อไปได้ ก็เกิดอาการที่เรียกว่า อูฐหลังหัก ก็คือตัวเราไประเบิดใส่คนอื่นเขา จนหลายคนกล่าวว่า เป็นนักปฏิบัติแล้วทำไมถึงอารมณ์รุนแรงขนาดนั้น ก็เพราะว่าเราไม่สามารถที่จะคิดใช้ปัญญาผ่อนคลายในส่วนของการเก็บกดลงไปได้

ดังนั้น..ท่านที่เวลาเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าการกระทบกระทั่งจากบุคคลก็ดี จากสัตว์ก็ดี จากดินฟ้าอากาศก็ตาม ต้องรู้จักคิดพินิจพิจารณาให้ลงตรงตัวธรรมดาให้ได้ ธรรมดาของบุคคลที่ไม่รู้ว่ากาย วาจา ใจของตน เป็นทุกข์เป็นโทษต่อคนอื่นอย่างไร เขาก็มีปกติทำอย่างนั้น ธรรมดาของสัตว์ที่ไม่รู้ความ ย่อมทำอะไรที่ไม่ถูกต้องได้ ธรรมดาของการเกิดมา ก็ต้องเจอกับดินฟ้าอากาศอย่างนี้ พยายามพิจารณาให้เห็นลงตรงคำว่าธรรมดาให้ได้

แม้แต่คำว่า "ธรรมดา" ก็มีหลายต่อหลายระดับด้วยกัน ธรรมดาของปุถุชนปล่อยวางได้เล็กน้อย ธรรมดาของกัลยาณชนปล่อยวางได้มากขึ้น ธรรมดาของพระอริยเจ้าระดับพระโสดาบันขึ้นไป ปล่อยมากขึ้นได้ตามลำดับ ดังนั้น..ตัวเราเองที่เป็นนักปฏิบัติ ต้องมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ รู้ทันว่ากิเลสรัก โลภ โกรธ หลง จะเกิดขึ้น ต้องมีสมาธิทรงตัว จะได้มีกำลังระงับได้ทัน

เมื่อรู้ว่ากิเลสเกิดขึ้นใช้กำลังสมาธิไประงับยับยั้ง แล้วยังต้องมีปัญญาพอเพียง เห็นทุกข์เห็นโทษว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้หาความดีไม่ได้ มีแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้เรา ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ โดยเฉพาะพาให้เราเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ ให้พยายามตัด พยายามละ พยายามวางลงให้ได้ ถ้าทุกท่านสามารถทำดังนี้ได้ เรื่องผลกระทบของดินฟ้าอากาศ ก็จะไม่บังเกิดผลที่ไม่ดีแก่พวกเรา แล้วยังบังเกิดผลดี คือช่วยให้เราพิจารณา เห็นทุกข์เห็นโทษของการเกิดมาในโลกนี้ เห็นทุกข์ของการเกิดมามีร่างกายนี้ และช่วยให้เรามุ่งมั่นปฏิบัติธรรม เพื่อความหลุดพ้นไปสู่พระนิพพานมากยิ่งขึ้น

ลำดับต่อไป ขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๘

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-03-2015 เมื่อ 19:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:02



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว