กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 19-11-2014, 12:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อก่อนอาตมาไปแจกผ้าห่มกันหนาวทุกปี แจกไปแจกมา ชาวบ้านเขางอมืองอเท้ารออย่างเดียว รอว่าเมื่อไรจะมาแจกอีก ก็เลยต้องเลิกแจก ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ขวนขวายอะไรเพื่อตัวเองเลย นั่งรออย่างเดียว เรื่องของการให้ต้องมีขอบเขตเหมือนกัน ถ้าให้ไม่รู้จักแล้วจักเลิกก็จะเจอลักษณะเดียวกัน อย่างที่หลวงพ่อพระพุทธพจนวราภรณ์ (หลวงพ่อจันทร์ กุสโล) วัดเจดีย์หลวง ท่านบอกว่า “ถ้าเมตตาเกินประมาณ มักจะเจอคนพาลทั้งเมือง”

นัดให้เขามารับผ้าห่มเวลานั้นเวลานี้ เขาไม่มา เหมือนกับเป็นของตาย จะมารับเมื่อไรก็ได้ อาตมาไม่มีเวลารอ ก็เลยหอบไปให้หมู่บ้านอื่นเสียเกลี้ยง แล้วตอนเย็นเขาก็มาโวยวายว่า เขาจะมารับตอนเย็น อาตมาถามว่า "เจ็ดโมงเช้าของเอ็งแปลว่าเย็นใช่ไหม ?" แล้วอีกทีหนึ่งเอาผ้าห่ม ๗๐๐ ผืนไปแจกทางด้านพุน้ำร้อน ที่เป็นด่านทะลุไปทวาย ท่านอาจารย์เต้ก็นัดผู้ใหญ่บ้านทำรายชื่อมา นัดเวลาเสร็จสรรพเรียบร้อย ถึงเวลาอ่านรายชื่อไม่มีใครมา เพราะเขาถือว่าเขาได้แน่แล้ว

อาตมาเลยประกาศบอกชาวบ้านที่มากันเต็มไปหมด บอกว่าใครต้องการให้มาเอาเดี๋ยวนี้เลย แบกไปคนละผืน ๆ หมดเกลี้ยง พวกนั้นวิ่งตีนพลิกมา อาตมาบอกว่าหมดแล้ว เขาก็ตีโพยตีพายว่า "มีรายชื่อแล้วทำไมไม่ได้ ?" อาตมาบอกว่า "สำหรับอาตมาแล้ว คนที่มีรายชื่อไม่ได้แปลว่าได้ หากแต่ว่ามีสิทธิ์ที่แน่นอนกว่าคนอื่นเขานิดหนึ่ง แต่พวกเอ็งเสือกสละสิทธิ์เอง ไม่มาตามเวลานัดก็ถือว่าช่วยไม่ได้" พวกนั้นก็เปลี่ยนเป้าหมายไปต่อว่าท่านอาจารย์เต้แทน ว่ารับปากว่าจะได้แล้วทำไมไม่ได้ ? ท่านอาจารย์เต้ก็บอกว่า อาตมาก็รับผิดชอบไม่ได้ เพราะพระผู้ใหญ่ท่านมีความเห็นอย่างนั้น..สบายไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2014 เมื่อ 13:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 19-11-2014, 12:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ปัจจุบันที่ให้ทุนการศึกษา จะมีอยู่ทุนหนึ่งที่พวกชาวบ้านอยากได้มากเป็นพิเศษ ก็คือทุนปริญญาตรีต่อเนื่อง ซึ่งทางวัดจะให้ปีละ ๓๐,๐๐๐ บาท จนกว่าจะจบ ๔ ปี หรือ ๕ ปีตามหลักสูตรที่เขาเข้าเรียน หลายคนไม่ฟังเสียงหรอก มาถึงก็จะเอาทุนนี้ บอกเขาว่าต้องเป็นโรงเรียนที่ทางวัดไปให้เขาจัดการสอบให้ ในเมื่อคัดนักเรียนสอบแล้ว เด็กที่สอบได้ถึงจะให้ทุนนั้น

บางรายที่เป็นเพื่อนลูกหลานมาบอกว่า “ถึงสอบก็จะสอบ” แล้วจะสอบได้อย่างไร ลูกแกไม่ได้อยู่โรงเรียนนั้น คือเขาจะเอาให้ได้ เป็นอะไรที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริง ๆ พอเห็นลูกคนอื่นได้บางทีก็โวยวาย “ทีบ้านโน้นทำไมได้ แล้วเด็กบ้านนี้อยู่ใกล้วัดแท้ ๆ ทำไมไม่ได้” ขืนไปฟังมากก็ประสาทกิน

ต้องถือคติโบราณ คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ หนังก็แค่หุ้มตัวเรา ส่วนเสื่อนี่หุ้มตัวเราทั้งหนังได้อีกทีหนึ่ง ก็แปลว่า คนรักเท่าผืนหนัง คือคนรักมีน้อยกว่า คนชังเท่าผืนเสื่อ คนไม่ชอบหน้ามีมากกว่า เป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรมากมาย ตามหลักการปกครองเขาว่า "เราไม่สามารถทำให้คนทุกคนพอใจได้ แต่เราต้องทำให้คนส่วนใหญ่พอใจได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2014 เมื่อ 13:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 19-11-2014, 12:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนนี้มีโยมปวารณาไว้ว่า ถ้าสร้างห้องน้ำเมื่อไรจะช่วยทำ โยมเขาอยากทำ ส่วนอีกคณะหนึ่งว่าถ้าปิดทองเมื่อไรจะช่วยทำ เขาอยากทำบุญอย่างนั้น อาตมาก็ เอ๊ะ..ทำไมไม่มีใครอยากสร้างเมรุบ้าง ? เพราะอาตมากำลังจะทำเมรุอยู่

วันนี้คุณวิภาคมาสอบถามรายละเอียดเพื่อออกแบบเมรุ กะว่าน่าจะจบถึง ๑๐ ล้านบาท ทำเสร็จจะได้เอาไว้เผาตัวเอง..! ทองผาภูมิต้องบอกว่าน่าอนาถ เจ้าใหญ่นายโตไปมาเป็นปกติ ถึงเวลาคนตาย คนโน้นก็เป็นญาติรัฐมนตรี คนนี้ก็มีญาติเป็น ส.ส. มีแต่เมรุเล็ก ๆ ไม่ได้สมเกียรติยศท่านประธานเลย ล่าสุดนี่ทั้งอดีต ส.ส.ทั้งอดีตรัฐมนตรีไปที่วัดท่าขนุน ก็เลยตัดสินใจสร้าง ประกาศบอกโยมไปแล้วว่า ช่วง ๒ ปีที่สร้างเมรุนี่ห้ามตายเด็ดขาด ตายแล้วไม่มีที่เผา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2014 เมื่อ 13:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 19-11-2014, 12:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวแนะนำโยมว่า "คุณไปซ้อมขับรถหลักสูตรสำหรับต่อสู้หรือว่าคุ้มกัน จะได้สมบูรณ์แบบหน่อย เพราะว่าส่วนมากทหารตำรวจที่เก่ง ๆ มักจะเป็นระดับประทวน ก็คือนายสิบ เขาจำเป็นต้องขวนขวายให้ตัวเองมีความสามารถสูง ๆ เพื่อที่จะได้ก้าวหน้าในการรับราชการ แต่พวกคุณเป็นนายร้อย อนาคตต่อให้ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏก็เป็นนายพลแน่ ๆ อยู่แล้ว ก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องไปดิ้นรนไปทำไม

ถ้าวัดกันตัวต่อตัวเรื่องความสามารถ พวกคุณจะสู้พวกประทวนไม่ได้ ความรู้คุณสูงกว่า แต่ความสามารถส่วนตัว การเอาตัวรอด ฯลฯ จะน้อยกว่า เราจะสังเกตเห็นว่า บรรดามือปืน ที่จับได้แต่ละคนก็พวกจ่าหรือนายสิบทั้งนั้น สมัยอาตมาฝึกเสร็จใหม่ ๆ ผบ.โรงเรียน พลตรีสมคิด จงพยุหะ ให้โอวาทว่า “พวกท่านได้ผ่านหลักสูตรที่ถือว่าเป็นหลักสูตรโหดที่สุดอย่างหนึ่งของกองทัพไทยแล้ว ถ้าหากว่าพวกท่านเป็นรั้วของชาติที่ดี ก็จะเป็นรั้วที่เข้มแข็ง ข้าศึกทำลายได้ยาก แต่ถ้าเอาความสามารถนี้ไปใช้ในการก่อการร้าย หรือว่าอาศัยในการเลี้ยงชีพในทางมิชอบ ก็จะเป็นมหาโจรที่ปราบได้ยาก แต่ผมรับรองว่าอนาคตตายโหงทุกคน ในเมื่อคุณเก่งเขาก็ไม่กล้าจับเป็น”

ระดับล่างกว่าเขาห่วงความก้าวหน้า ต้องขวนขวายมาก ระดับบนรู้สึกว่าได้มาง่าย ทำไมต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงด้วย ก็ลักษณะเดียวกับผู้ปฏิบัติธรรม คนที่อยู่ที่ทุรกันดาร เข้าถึงครูอาจารย์ได้ยาก เดินทางไปหาครูบาอาจารย์ลำบาก เจอหน้าแต่ละทีนี่เขากอบโกยสุดชีวิต ขณะเดียวกัน..พวกเราเหมือนกับหนูตกถังข้าวสาร จะกินเมื่อไรก็ได้ เอ้อระเหยลอยชาย โดนแมวตะครุบไปวันไหนก็ไม่ต้องกินหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2014 เมื่อ 13:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 19-11-2014, 19:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ไปปักษ์ใต้ครั้งนี้ คุณหญิง (ณญาดา) จัด รปภ.หนาแน่นมาก ให้อาตมานอนกลางตู้ พระ ๕ รูปประกบรอบ ตามด้วยโยมผู้ชาย หัวท้ายที่เอาแต่ละคนน้ำหนักเกิน ๙๐ กิโลกรัมไปกันไว้หมดเลย แต่ละคนนึกดู อย่างทิดเก้ หมอเสือ คนหนึ่งไปยืนอุดประตูก็ไม่มีใครเข้าออกได้แล้ว เล่นยัดเอาไว้หัว ๔ คน ท้าย ๔ คน คงกะว่าจะมีการลอบสังหารประธานาธิบดีอะไรอย่างนั้น

เพียงแต่ขำทิดเก้เขาบอก “พวกผมเป็นจตุรังคบาทครับ” คือทหารที่มีหน้าที่รักษาเท้าช้างศึก จะต้องเป็นยอดฝีมือชนิดที่ใครก็ล้มไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะสามารถทำอันตรายช้างศึก เพื่อเล่นงานเจ้านายข้างบนได้ ก็เลยบอกว่า "ดูหุ่นของเอ็งแต่ละคน ไม่ใช่จตุรังคบาทหรอก น่าจะเป็น "ก้านกล้วย" มากกว่า..!"

ไปถึงที่โน่น ทั้งทหาร ทั้งชุดคุ้มครองรักษาหมู่บ้าน ทั้งทหารพราน ทั้งตำรวจเพียบเลย ตอนแรกก็ว่าจะไม่รบกวนเขา แต่พอหน่วยงานเขาทราบข่าว เขาจัดคนมาเองเลย เขาถือว่าอยู่ในพื้นที่ของเขา ถ้าเป็นอะไรไปเขาเฮงแน่ ท่านนายอำเภอคนใหม่ยังมีอารมณ์จะชวนไปเที่ยว เรียนท่านไปว่าคนหมู่มาก การรักษาความปลอดภัยลำบาก คนดูแลเขาจะเครียดกันเปล่า ๆ เอาไว้โอกาสหน้าถ้าสถานการณ์ดีขึ้นแล้วค่อยมาเที่ยวกัน

ขนาดนั้นขาออกรถยังติด ท่านปลัดจังหวัดที่เป็นอดีตนายอำเภอ รถติดอยู่ชั่วโมงครึ่งกว่าจะหลุดเข้ามาในวัดได้ ขาออกจะทำอย่างไร รถติดออกไม่ได้ ท้ายสุดก็เลยตัดสินใจเลี้ยวไปทิศตรงกันข้าม ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดง เขาฆ่ากันมาหลายศพแล้ว เพราะต้องตัดผ่านพื้นที่ป่าเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร โดนซุ่มยิงมาหลายศพ ไม่เป็นไร..อาตมานำหน้าเอง รับประกันซ่อมฟรีว่าไม่มีใครคิดว่าพระอาจารย์จะอยู่รถคันแรก เขาต้องคิดว่าอยู่รถคันหลัง ๆ แน่ อาตมาหลุดไปไหนแล้วไม่รู้ ถ้าจะโดนซุ่มยิงก็คันหลังนั่นแหละ..!

ตอนแรกก็คิดว่าขากลับจะขึ้นรถไฟที่สุไหงปาดี ปรากฏว่าญาติโยมให้ทุเรียนกวนมาประมาณเข่งใหญ่ ห่อมาราว ๆ แท่งละครึ่งกิโลกรัม แล้วก็ลองกองประมาณ ๒๐ ลัง บอกว่ารถจอดสถานีสุไหงปาดีแค่ ๓ นาทีจะขนขึ้นได้อย่างไร ? คนขึ้น ๘๐ คนก็หมดเวลาแล้ว ท้ายสุดก็เลยแนะนำให้ไปขึ้นต้นทางที่สุไหงโกลก แห่กันไปขึ้นที่สุไหงโกลก บรรดาชุดรักษาความปลอดภัยก็ต้องแห่ตามไปสุไหงโกลกด้วย เราเปลี่ยนที่ขึ้น เพิ่มระยะทางมา ๒๖ กิโลเมตรต้องเสียเงินเพิ่ม ปรากฏว่านายสถานีเขาถามว่า “คณะกฐินใช่ไหมครับ ? ถ้าคณะกฐินไม่เป็นไรครับ อนุญาตให้ขึ้นได้เลย ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2014 เมื่อ 20:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 19-11-2014, 19:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เราเหมาตู้นอนรถไฟเขาไป ๒ ตู้ เขาต้องต่อตู้พิเศษเพิ่มขึ้นมา แต่ว่าเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อก็คือ มีคนตายอีกแล้ว ครั้งก่อนโน้นลงไป โดนรถไฟทับตายตั้งแต่ต้นทางที่หัวลำโพง ครั้งนี้โดนทับตายที่ปลายทางสุไหงโกลก กำลังรอว่างวดต่อไปถ้ามีคนตายอีกก็จะไม่ลงไปอีกแล้ว ไปทีไรมีคนตายทุกที เขากระโดดขึ้นตอนที่รถไฟเคลื่อนตัวแล้ว ซึ่งปกติแล้วเขาไม่เคยพลาด แต่งวดนี้พลาด หัวหายไปเลย..! เจ้าหน้าที่ก็พยายามห้าม “อย่าถ่ายรูปครับ ๆ” ไม่ทันหรอก สารพัดคลิปเพียบ ทุกคนมีมือถือ ทุกคนพร้อมที่จะถ่ายคลิป

ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่แปลกมาก เพราะว่าอุบัติเหตุทางรถไฟเกิดขึ้นติด ๆ กัน วันรุ่งขึ้นวันที่ ๒๗ พวกเรามาถึงนี่ไม่นาน ทางด้านโน้นก็เกิดเหตุแถว ๆ เพชรบุรี ที่รถไฟชนรถเก๋ง Camry ถังแก๊สระเบิดย่างสดไป ๒ คน มาเมื่อวานก็รถไฟชนสิบล้อ ครั้งนี้พนักงานขับรถไฟตาย ชนรถเก๋งไม่เป็นไร เพราะรถเก๋งเตี้ย ไปชน ๑๘ ล้อคันใหญ่ อัดเข้าไปเต็ม ๆ ตัวเองตายเหมือนกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2014 เมื่อ 20:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 19-11-2014, 19:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ขาไปประมูลวัตถุมงคลตั้งแต่รถยังไม่ออกจากสถานี ว่ากันจนหมดเนื้อหมดตัวไปตาม ๆ กัน ต้องปิดประมูล ได้ไป ๒ แสนกว่าบาท รอจนกระทั่งถึงหาดใหญ่ พวกเราลงไปกดเงินจนตู้เอทีเอ็มล่มไปตู้หนึ่ง ตู้ปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะเหลือเงินไม่พอจ่าย แล้วก็ไปดวลกันต่อ ก็มีทั้งคหบดี มีทั้งข้าราชบริพาร มีทั้งแบบประเภทเสนอราคาพร้อมกับ “ขอน้องไปใช้เถอะ” อีกคนก็ “หลานก็จะเอา” อีกคนก็ “หนูเกิดวันเสาร์ พระนาคปรกเป็นพระประจำวัน ขอหนูเถอะ” ไม่มีการปรานีกัน บี้กันจะตายอยู่บนรถไฟ

ที่ขำที่สุดก็คือเหมือนกับแกล้งกัน ปกติก็ขึ้นกันที ๒,๐๐๐-๓,๐๐๐ บาท เขาเสนอ ๕,๐๐๐ อีกคนเสนอ ๕,๐๒๐ บาท อีกคนก็เลื่อนไป ๕,๐๕๐ บาท ต้องบอกว่ากวนกันสนุกมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2014 เมื่อ 20:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 19-11-2014, 19:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถ้าวันก่อนไปกฐินแล้วเต้ยไปด้วย คาดว่าที่เป็นผีหัวขาดคารางนั่นน่าจะเป็นเต้ยนะ อุตส่าห์ห้ามไม่ให้ไปแล้วรอดมาได้ รู้อย่างนี้ปล่อยให้ไปดีกว่า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2014 เมื่อ 20:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 19-11-2014, 19:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครจองวัตถุมงคลไว้ให้รีบมารับ เจ้าหน้าที่จ่ายเดือนนี้เป็นเดือนสุดท้าย หลังจากนั้นจะตัดยอดคืนวัด ไม่ต้องมาคร่ำครวญ จนป่านนี้อาตมายังถือพระกริ่งพิชัยสงครามอยู่ ๖ องค์ จำชื่อคนจองได้ชัดเจนมากเลย แต่ไม่มารับสักที

เมื่อ ๒-๓ ปีก่อนพยายามติดต่ออีกหลายรอบ มีคนแจ้งว่าเขาสละสิทธิ์แล้ว ตอนจองราคาพันเดียว ตอนนี้องค์หนึ่งถึง ๒๐,๐๐๐ บาท สบายเลย มีตั้ง ๖ องค์ เดี๋ยวเอามาลงเว็บกันดีไหม ? แล้วก็ยังเหลือตะกรุดมหาสะท้อนอีก ๔ ดอก เอามาทำมีดหมอดีไหม ? อาตมาเก็บเสียจนตะกรุดเริ่มดำปี๋แล้ว

มีดหมอเพชราวุธรุ่นนี้ ตัวมีดบรรจุตะกรุดพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ตะกรุดแก้วสารพัดนึก ตะกรุดมหาอำนาจ ส่วนด้ามมีดบรรจุตะกรุดมหาสะท้อน แค่นี้ก็เหลือเฟือแล้ว ไม่ต้องอะไรมากมาย แต่ทำยากมาก เพราะว่าแค่เจาะรูฝังตะกรุดที่สันมีดก็ยากแล้ว ถ้าช่างทำ
ผิดองศานิดเดียวใบมีดก็ทะลุเสียของไปเลย ตะกรุด ๓ ดอกแรกจะเป็นดอกเล็ก ๆ เหมือนตะกรุดกำลังพระแม่ธรณี ให้ช่างเขาฝังลงไป แล้วก็เหลางาช้างเป็นไม้จิ้มฟันตีอัดลงไปอีก ประเภทห้ามหลุดเด็ดขาด หลังจากนั้นค่อยขัดเรียบ

ส่วนตะกรุดมหาสะท้อนก็ลักษณะเดียวกัน แต่บรรจุที่ด้าม อันนี้จะเหลาไม้มะเกลืออัดไส้ไว้ ถึงเวลาตอกอัดแน่น ทำทิ้งทวน คาดว่าไม่อยากจะยุ่งอะไรกับมีดหมออีกแล้ว ขอทำครั้งนี้ครั้งสุดท้าย ถ้าหลวงพ่อสมคิดผูกพัทธสีมา สวดถอนโบสถ์พอดีก็เอาเข้าพิธีไป ถ้าไม่มีก็ไม่ต้อง เพราะท่านบอกว่าพอแล้ว แค่นั้นก็มากเกินไปแล้ว

ว่าแต่ว่ามีดให้เขาบรรจุกล่องแทนจะดีไหม ? ให้เขาเซาะร่องกำมะหยี่ ก็ลองถามเขาว่ากล่องลักษณะอย่างไรจะเข้าท่า กล่องไม้ไปเลย ลงทุนคืนกำไรให้เขาหน่อย เหลือเงินน้อยหน่อยจะได้ไม่ต้องทำอะไรมาก แบบเดียวกับเหรียญพุทธบารมี ใคร ๆ ก็อยากได้กล่องไม้ เลิกอยากได้เหรียญไปเลยเพราะกล่องสวยมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2014 เมื่อ 20:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 19-11-2014, 19:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้อาตมากำลังรอช่างยื่นราคามณฑปตั้งพระพุทธรูปทองคำ จะเป็นมณฑป ๓ ยอด ตรงกลางเป็นพระพุทธรูปทองคำ ด้านข้างซ้ายขวาเป็นพระพุทธรูปที่รัชกาลที่ ๗ พระราชทานให้วัดท่าขนุน ด้านหน้าเป็นมณฑปเล็ก เป็นที่ตั้งพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว แล้วยังตั้งพระสำคัญ ๆ เล็ก ๆ ได้อีก ๒ - ๓ องค์

เพิ่งจะคุยรายละเอียดกันไป แล้วก็รอช่างประเมินราคามา คาดว่าไม่น่าจะเกิน ๑๓ ล้านบาท ได้ยินแล้วตกใจ แต่ทำเสร็จให้คนเห็นจะร้อง “โอ้โฮ..สวยจัง” หมดเท่าไรก็ช่าง สตางค์ไม่ใช่ของอาตมา ถึงเวลาก็ขอหลวงพ่อเอา

เมื่อวานหลวงพี่องอาจบอกว่า “วัดก็อยู่ไกล ญาติโยมก็ไม่ค่อยมา พระผู้ใหญ่ก็สงสัยว่าไปปล้นใครมาวะ ? สร้างวัดได้ขนาดนี้ ไม่รู้หรือ ? พอถึงเวลาเราก็ไปจุดธูปบอก หลวงพ่อครับ..เขามาเก็บค่าไอ้โน่นแล้ว ไอ้นี่แล้ว ถ้าไม่มีให้เขาก็ขายหน้าลูกหลวงพ่อนะครับ” เล่นจับหลวงพ่อเป็นตัวประกันเลย ตูว่าตูแสบแล้ว หลวงพี่องอาจท่านแสบกว่าอีก อาตมายังไม่เคยจับหลวงพ่อเป็นตัวประกัน แค่บอกว่า “ถ้าจะต้องขอใครแม้แต่บาทเดียว ผมจะไม่ทำอะไรเลย” แต่โบสถ์ของหลวงพี่องอาจน่าจะบรรจุพระได้สัก ๓๐๐ รูป สร้างเสียใหญ่ปานนั้น ถึงเวลาหาพระบวชไม่ได้ พวกจะได้โห่เอา

เมื่อวานเอาฎีกานิมนต์ไปส่ง มหาโรจน์เพิ่งมาแจ้งว่า ฎีกายังไม่ได้เซ็นชื่อสักฉบับเดียว เนื่องจากว่าพออาตมาพิมพ์ฎีกาเสร็จ ก็ส่งให้น้องเล็กพิมพ์ซอง แล้วก็ต้องดูตามรายชื่อ ปรากฏแม่เจ้าประคุณพิมพ์ซองเสร็จ ก็พับฎีกาใส่ไปเลย อาตมาก็เลยพลอยลืม ไม่ได้เซ็นสักใบ ส่งไปหลายรายแล้ว ไม่เป็นไรหรอก พี่ ๆ น้อง ๆ กันท่านรู้ แก่แล้วก็ต้องลืมบ้างแหละ นึกถึงเมื่อวานยังนั่งหัวเราะกัน ตกลงว่าหลวงพี่องอาจอายุน้อยที่สุด อายุน้อยแล้วมานั่งบ่น “ทำไมกูหน้าแก่จังวะ ?”

จะหล่อสมเด็จองค์ปฐมเป็นพระประธานในศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย กำหนดงานไว้วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ก็เลยต้องส่งฎีกาล็อกตัวไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเผลอไปรับงานของคนอื่นเขา แล้วไม่ได้ไปงานของอาตมา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2014 เมื่อ 20:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 19-11-2014, 20:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนนี้ท่านอาจารย์สุชาติกำลังปั้นองค์พระหน้าตัก ๔ ศอกให้ แล้วท่านจะย่อแบบลงมาเหลือ ๙.๙ นิ้ว ถ้าญาติโยมอยากจะร่วมสร้างก็เตรียมไว้บูชาพระ ๙.๙ นิ้ว ส่วนของอาตมาไว้รอสร้างองค์เล็กขนาดห้อยคออีกที"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2014 เมื่อ 20:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 19-11-2014, 20:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ท่องโคลงให้ฟัง "ในโคลงโลกนิติเขาว่า
จามรีขนข้องอยู่..........หยุดปลด
ชีพบ่รักรักยศ............ยิ่งไซร้
สัตว์โลกซึ่งสมมติ........มีชาติ
ดูเยี่ยงสัตว์นั้นได้.......ยศซ้องสรรเสริญ

ถ้าขนจามรีไปติดอะไร เขาจะค่อย ๆ หยุดแกะ ต่อให้ศัตรูตามล่ามาถึงก็ไม่หนี จามรีรักขนของตัวเองยิ่งกว่าชีวิต เหมือนกับคนที่รักเกียรติยิ่งกว่าชีวิต คนที่รักเกียรติยิ่งกว่าชีวิต กลัววงศ์ตระกูลจะเสียหาย ก็ไม่กล้าทำอะไรผิดพลาด ได้รับคำสรรเสริญจากคนอื่นเขา แบบเดียวกับในพาลีสอนน้อง ที่ว่า

เลือดพี่มีค่า................กว่าตน
เสียเลือด...................เสียชนม์ ดีกว่า
โลหิตติดปลาย.............โลมา
อับอาย ขายหน้า............ฟ้าดิน

พาลีไม่เคยรบแพ้ ไม่เคยเสียเลือดให้ใคร โดนศรพระรามเลือดออกแค่แมลงวันกินอิ่มเท่านั้น ยอมฆ่าตัวตายเพราะถือว่าเสียศักดิ์ศรี นักเลงโบราณเขาลักษณะอย่างนั้น คนสมัยก่อนถึงจะดุแต่ไม่ค่อยฆ่าแกงกันหรอก เอากันแค่พอได้อาย เอาแค่หัวแตกให้รู้ หัวแตกก็เท่ากับของคุ้มกายไม่ได้ ครูบาอาจารย์ก็เสียหายไปด้วย

ดังนั้น..ครูบาอาจารย์สมัยก่อนเวลาจะประสิทธิ์ประสาทวัตถุมงคลให้กับลูกศิษย์นี่ ต้องมั่นใจเต็มที่แล้วถึงให้ อย่างสายหลวงปู่ม่วง วัดบ้านทวน ถักแหวนพิรอดด้วยสายสิญจน์จูงศพ โยนลงเตาไฟเลย ถ้าไฟไม่ไหม้แล้วค่อยเอามาใช้ เป็นไปได้อย่างไร ? ด้ายหรือผ้าจะไม่ไหม้ไฟ แต่ก็เป็นไปแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2014 เมื่อ 01:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 19-11-2014, 20:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวสอนโยมว่า "สำหรับทิดโอต้องมั่นใจนะ คำว่ามั่นใจก็คือพระไม่ได้อยู่ไกลหรอก แค่หัวเรานี่เอง ถ้าคิดว่าพระอยู่ไกล บางทีสมาธิน้อยก็ส่งไม่ถึง เพราะขาดความมั่นใจ ฉะนั้น..พอถึงเวลานึกถึงภาพพระทีไร พระก็อยู่แค่บนหัวเรานี่เอง แล้วพระอยู่เฉพาะพระนิพพาน เพราะฉะนั้น..พระนิพพานก็อยู่แค่บนหัวเรา

ถ้าสรุปเป็นก็ง่าย ถ้าสรุปไม่เป็นก็ยาก สำคัญตรงที่ต้องมั่นใจ การกำหนดภาพพระไม่ใช่ตาเห็น เป็นการเห็นในห้วงนึก ซึ่งสมัยนี้ฮิตกันมากที่ว่า “มโน” ถ้าถามว่าเห็นในห้วงนึกเห็นอย่างไร ก็เหมือนเรานึกถึงบ้าน นึกถึงคนที่เรารู้จัก เราสามารถนึกได้ชัดเจน แต่ไม่ใช่การเห็นด้วยสายตา ดังนั้น..การเห็นอย่าไปเน้นเอารายละเอียด ให้มั่นใจว่ามีภาพพระอยู่ก่อน หลังจากนั้นก็จับลมหายใจภาวนา พร้อมกับนึกถึงภาพพระ

สำคัญตรงที่ว่าต้องมั่นใจ ถ้าไม่มั่นใจทำอย่างไรก็ไปไม่รอด ต่อให้เขาบอกว่าเห็นเราอยู่ที่นั่น แต่ถ้าขาดความมั่นใจก็เท่านั้น มัวแต่ไปอาศัยคนอื่นให้เขาบอกแล้วค่อยมั่นใจ แล้วชาตินี้จะไปเองได้อย่างไร ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2014 เมื่อ 20:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 20-11-2014, 16:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "จำไว้ว่า..การตัดสินใจไม่มีใครถูกไม่มีใครผิด เพราะเป็นไปตามประสบการณ์และกำลังใจของเขาในตอนนั้น ตัดสินใจไปแล้วจะดีจะชั่วไม่ต้องมาดีใจเสียใจ นอกจากตั้งสติแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไป

ส่วนใหญ่แล้วมักไปหลงประเด็น อุตส่าห์ไปเก็บมะม่วงมาได้ ๕ ลูก เน่าไป ๒ ลูก ก็มานั่งเสียใจ จะเสียใจทำไมในเมื่อยังดีอยู่ตั้ง ๓ ลูก ทำอย่างกับเสียเงินซื้อ คนเรามักจะหลงประเด็นอยู่เรื่อย หลงประเด็นก็เพราะว่าขาดสติ ในหนังสือเพชรพระอุมา หลวงพ่อพระธุดงค์ท่านสอนแงซายว่า “เจ้าจงตื่นขณะที่โลกหลับ” แงซายก็ถ่างตาทั้งคืน ตกลงว่าโง่หรือฉลาดกันแน่วะ ? ความจริงแงซายแกล้งกวนรพินทร์เล่น รพินทร์สงสัยว่าทำไมแงซายไม่ค่อยหลับไม่ค่อยนอน ความจริงคนที่ภาวนาอยู่ไม่ค่อยจะหลับ ขนาดแอบเดินไปใกล้ ๆ แล้วเตะ แงซายยังกันได้ทัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2014 เมื่อ 19:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 20-11-2014, 16:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนที่อาตมาโดนตะขาบกัดนั้น โดนกัดตั้งแต่ต้นทางบิณฑบาต ก็ยังเดินไปเรื่อย ๒ กิโลเมตรกว่าร่วม ๓ กิโลเมตร แล้วก็วนกลับรวม ๆ แล้วราว ๕ กิโลเมตร คนเขาสงสัยว่าเจ็บปวดขนาดนั้นแล้วทนได้อย่างไร ? ก็ต้องบอกว่า “ถ้าหากว่าเรายังต้องทนอยู่ก็จะเจ็บ ถ้าเราไม่ต้องทนก็ไม่เจ็บ” ฟังดูงง ๆ ไหม ?

อาการเจ็บปวดเป็นเวทนา เป็นเรื่องของกาย อย่าให้เข้ามาถึงใจของเรา ของอย่างนี้ต้องเกิดจากการรู้เห็นจริง ๆ ว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา แล้วแยกแยะได้ แต่ถ้าความรู้เห็นยังไม่ถึงตรงนี้ ต้องใช้กำลังสมาธิช่วยอย่างมาก ต้องเข้าสมาธิในระดับที่กำลังใจทรงตัว จนจิตกับกายแยกเป็นคนละส่วนกัน ถ้าอย่างนั้นเวทนาจะกวนไม่ได้

แต่เนื่องจากว่าการเข้าสมาธิระดับสูงขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่คล่องตัวจริง ๆ ก็จะเดินไม่ได้ จึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้ปัญญามาช่วย ต้องเห็นว่าสภาพของเวทนา สภาพของกาย สภาพของจิตเป็นคนละส่วนกัน จิตส่วนจิต กายส่วนกาย เวทนาส่วนเวทนา ถ้าสามารถแยกแยะได้ชัดเจนอย่างนี้ โดนอีกกี่ทีก็เท่านั้นแหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2014 เมื่อ 19:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 20-11-2014, 17:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลักการปฏิบัติต้องโลกไม่ช้ำ ธรรมไม่เสีย เราอาจจะเห็นว่าไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจในโลก แต่ไม่ใช่ เพราะถ้าตัวเรายังเป็นทุกข์เป็นโทษกับคนอื่น แสดงว่าเรายังขาดเมตตา ต้องระมัดระวังไม่ให้ กาย วาจา ใจ หรือสิ่งที่เรากระทำ เป็นทุกข์เป็นโทษกับคนอื่นเขา

ของบางอย่างมีขอบเขตกั้นอยู่ เรื่องระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายก็ดี ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ก็ดี เราก็ยังต้องถือ ต้องเคารพตามสมมติทางโลก ไม่อย่างนั้นแล้วยุ่งตายชัก จะไป "ช่างมัน" อย่างเดียวไม่ได้หรอก อาตมาเคยบอกว่าวางได้ แต่โปรดระมัดระวังอย่าไปวางใส่หัวคนอื่น ส่วนใหญ่แล้วนักปฏิบัติส่วนหนึ่ง พอถึงระยะที่เห็นชัดว่าเรื่องทางโลกไม่มีประโยชน์ ไร้สาระ ก็จะเน้นหนักเอาเรื่องทางธรรมอย่างเดียว แล้วลืมไปว่าตัวเองยังอยู่กับโลก นอกจากจะเป็นโทษกับคนอื่นแล้ว ท้ายที่สุดโดนคนอื่นเขากีดกันเพราะเขาไม่เห็นด้วย ก็กลายเป็นโทษกับตัวเองไป

อย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่า โยมไปปฏิบัติกรรมบถ ๑๐ ขณะทำงาน เจ้านายถามก็ไม่พูดด้วย กลัวผิดกรรมบถ ๑๐ เพื่อนถามก็ไม่พูดด้วย กลัวผิดกรรมบถ ๑๐ แล้วเกิดอะไรขึ้น ก็อยู่ไม่ได้นะสิ อยู่ในโลกไปปิดวาจาแล้วจะไปสื่อสารกับใคร ?"


ถาม : ถ้าทำถูกแล้ว ?
ตอบ : ทำถูกแล้ว แต่ถูกแค่นั้น ถึงได้บอกว่า การปฏิบัติมักจะยึดมั่นถือมั่นว่าตัวเองทำดีแล้ว ทำถูกแล้ว แต่ให้ถามตัวเองด้วยว่าดีแค่ไหน ? ถูกแค่ไหน ? ถ้าดีแค่นั้นถูกแค่นั้น แล้วที่ดีกว่านั้น ถูกกว่านั้นยังมีอยู่ไหม ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2014 เมื่อ 19:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 20-11-2014, 18:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่เขาบอกว่าสมัยก่อน พ่อแม่หรือผู้เฒ่าผู้แก่วาจาสิทธิ์ ถ้าท่านว่ากล่าวอะไร ก็จะเป็นจริงตามนั้น ?
ตอบ : สมัยก่อนคนเราอยู่ในศีลกินในธรรมจริง ๆ เขาอยู่ใน ศีล สมาธิ ปัญญา ตลอด ก็เกิดความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา เพราะคนสมัยก่อนสภาพจิตสงบกว่าเรามาก การปรุงแต่งที่จะเป็น รัก โลภ โกรธ หลง มีน้อย ในเมื่อตั้งใจบำเพ็ญกุศล สร้างความดีมากขึ้น ๆ ก็เกิดความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาเอง ฉะนั้น..ที่เขาพูดมานั้นถูกแล้ว

แต่สมัยนี้คนเราไม่ค่อยมีอะไรที่จะยึดถือ โดยเฉพาะสัจจะหรือคุณความดีข้อใดข้อหนึ่ง ก็เลยทำให้ไม่ขลัง ไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนแต่ก่อน ถึงได้บอกว่า อย่าทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ด่าว่า ถ้าคนเป็นพ่อเป็นแม่ด่าว่า ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นไปตามนั้น คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องระมัดระวัง อย่าไปแช่งไปด่าลูกตัวเอง ก็แปลว่าบังคับให้ตัวเองต้องมีสติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-11-2014 เมื่อ 10:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 20-11-2014, 18:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมฟังปฏิปทาท่านผู้เฒ่า หลวงพ่อวัดท่าซุงไปเรียนวิชากับหลวงปู่เนียม แล้วทำไมเขาบอกว่า หลวงปู่เนียมมรณภาพก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุง ?
ตอบ : ใครบอกว่าปฏิปทาท่านผู้เฒ่าเป็นประวัติหลวงพ่อฤๅษี ? อย่ามั่วสิ..คือสมัยที่หลวงพ่อท่านเล่าเรื่องนี้ คนที่จ้องจับผิดท่านมีเยอะ ถ้าท่านเล่าเป็นประวัติตัวเอง เขาจะว่าท่านอวดอุตริมนุสสธรรม ท่านก็เลยเล่าประวัติหลวงปู่ปาน ประวัติหลวงปู่เล็ก ประวัติของท่านและเพื่อนอีก ๓ คน รวมเป็นเรื่องเดียวกัน คราวนี้หายโง่หรือยัง ? ว่าเป็นเพราะอะไรถึงไปเรียนกับหลวงพ่อเนียมทัน ที่ไปเรียนกับหลวงพ่อเนียมคือหลวงปู่ปาน แม้กระทั่งสมัยนี้ก็เถอะ อาตมาก็จะโดนข้อหาพวกนี้เข้าสักวัน

ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านต้องเล่าประวัติหลวงปู่ปาน หลวงพ่อเล็ก หรือว่าตัวท่านกับเพื่อน ๆ รวมกัน เพื่อถึงเวลาคนเขาไปว่าท่านอวดอุตริมนุสสธรรม ท่านจะได้บอกว่าไม่ใช่ประวัติของท่าน แต่ว่าลูกศิษย์จำนวนมากต่อมากด้วยกันไปเข้าใจว่า ท่านผู้เฒ่าคือหลวงพ่อวัดท่าซุงเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2014 เมื่อ 19:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 20-11-2014, 18:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเห็นเด็กคิดอยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกคือเกิดมาทำไมวะ ? ทุกข์ฉิบหา..เลย อย่างที่สองก็ เฮ้อ..ต้องทนอีกนานเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2014 เมื่อ 19:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 20-11-2014, 18:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์บอกกลุ่มโยมที่กำลังคุยอย่างออกรสว่า “พอเผลอสติก็จะคุยเสียงดังกัน แปลว่าขาดสติอยู่เรื่อย แสดงว่าการปฏิบัติที่ทำมา ยังไม่สามารถที่จะใช้งานจริงได้สักคน..!”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2014 เมื่อ 19:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:11



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว