กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #121  
เก่า 01-11-2013, 20:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช่วยดูให้หน่อย พระองค์นี้มีส่วนเกินมาครับ
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ บางองค์เวลาเขาฉีดขี้ผึ้งจะมีส่วนเกินติดมา ถ้าคนทั่ว ๆ ไป เขาเรียกว่า "เนื้องอก" ถือว่างอกเงยขึ้นมา กลายเป็นแสวงหากันไปอีก แสดงว่าเกินดีกว่าขาด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-11-2013 เมื่อ 02:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #122  
เก่า 01-11-2013, 20:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้าท้องเสียเพราะมาลาเรียลงกระเพาะ ถ่ายจนหมดสภาพเลย เมื่อกลางวันฉันเพลเสร็จว่าจะนอนภาวนา ดันตัดหลับไปเฉยเลย เพลียจัด..เดี๋ยวตอนเย็นต้องไปใช้หนี้คืน เพราะว่ายังภาวนาไม่ครบ

เรื่องของการภาวนา อาตมาจะมีระเบียบของตัวเองที่เคร่งครัดมาก ว่าแต่ละวันต้องทำอย่างน้อยเท่านี้ ถ้าเกินนั้นถือว่ากำไร แต่วันนี้อย่างน้อยยังไม่ได้เลย เดี๋ยวตอนเย็นต้องไปต่อ ว่าจะเอาตอนกลางวันครึ่งชั่วโมง โดนตัดหลับไป ตอนหมดสภาพร่างกายจะบังคับได้ยาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-11-2013 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #123  
เก่า 01-11-2013, 20:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ฌานกับญาณ แตกต่างอย่างไรคะ ?
ตอบ : ฌานคือสมาธิ เมื่อสร้างสมาธิให้เกิดขึ้นแล้ว หลายท่านเอากำลังของสมาธิไปใช้รู้ในเรื่องต่าง ๆ เขาเรียกว่าญาณ ฉะนั้น..ฌานเป็นกำลังสมาธิ ญาณเป็นการรู้โดยอาศัยกำลังสมาธินั้น

ถาม : แล้วจะตัดกิเลสได้ไหมคะ ?
ตอบ : ทำไมจะตัดไม่ได้ ถ้าทรงฌาน รัก โลภ โกรธ หลง เกิดได้ที่ไหนเล่า ?

ถาม : เอาสมาธิไปกดไว้ ?
ตอบ : แสดงว่าทำไม่เป็น การพิจารณาวิปัสสนาญาณ ถ้าไม่มีกำลังฌานสนับสนุนก็ตัดกิเลสไม่ได้ การจะตัดกิเลสต้องมีอาวุธกับกำลัง อาวุธคือปัญญา กำลังคือสมาธิก็คือฌาน ถ้ามีปัญญาไม่มีสมาธิ ก็เหมือนกับคนมีอาวุธคมกล้าอยู่ในมือ แต่ไม่มีแรง ยกไม่ไหว ถ้ามีสมาธิแต่ไม่มีปัญญา ก็เหมือนกับคนมีกำลังแต่ไม่มีอาวุธ ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ต้องมีทั้งคู่ ถ้าใครบอกว่ามีฌานแต่ตัดกิเลสไม่ได้ แสดงว่าทำไม่เป็น

แล้วอย่าไปเถียงกันอีกนะ ต่างคนต่างไม่รู้ ก็เถียงกันไม่จบ พระพุทธเจ้าท่านเรียก วิวาทาธิกรณ์ เถียงกันไม่รู้จบ การเถียงกันว่าสิ่งนั้นเป็นธรรรม สิ่งนี้เป็นวินัย สิ่งนั้นไม่ใช่ธรรม สิ่งนี้ไม่ใช่วินัย เรียกว่าวิวาทาธิกรณ์ กิจทั้งปวงที่สงฆ์พึงกระทำ เรียกว่ากิจจาธิกรณ์ อาบัติทั้งปวงเรียกว่า อาปัตตาธิกรณ์ คนอื่นเขาท่องปาฏิโมกข์ภาษาบาลี แต่อาตมาปาฏิโมกข์ท่องภาษาไทย

ทั้งหมดจัดว่าเ
ป็นธรรม อยู่ที่ว่าเราเข้าใจหรือเปล่า พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ กุสะลา ธัมมา ธรรมที่เป็นกุศล อะกุสะลา ธัมมา ธรรมที่เป็นฝ่ายอกุศล อัพยากะตา ธัมมา ธรรมที่เป็นกลาง ไม่เป็นทั้งกุศลและไม่เป็นทั้งอกุศล เหมือนกับคนนอนหลับ สภาพจิตไม่รับรู้แล้ว กุศลก็ไม่สามารถจะปรุงได้ อกุศลก็ไม่สามารถจะปรุงได้ ก็เป็นอัพยากฤต เพราะฉะนั้น..ทุกอย่างเป็นธรรมหมด อยู่ที่ว่าเราคลำถึงไหม ? เมื่อเป็นธรรมทั้งนั้น แล้วเราเอาไปเถียงกัน ก็กลายเป็นวิวาทาธิกรณ์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-11-2013 เมื่อ 02:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #124  
เก่า 02-11-2013, 11:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเอาดอกบัวมา จะมีหลาน ต้องทำอย่างไร ?
ตอบ : เอาไปไกล ๆ เลย นั่นใช้ได้ที่ไหน เขาใช้บัวหลวงแบบแหลม ๆ แบบดอกสั้น ๆ ป้อม ๆ นี่ใช้ไม่ได้ ลองย่อง ๆ ไปดูที่ปากคลองตลาด นาน ๆ ก็หลุดมาที หรือไม่ก็ลงนาไปเก็บบัวเองเลย

ยังโชคดีนะ..ที่อาตมาไม่ได้เรียนวิชาสับกระดานรักษาโรคมาด้วย ไม่อย่างนั้นก็คงจะเฮงกว่านี้อีก ตอนที่มีเรียนไม่ใช่ว่าไม่อยากเรียน แต่คิดว่าถ้าหลวงปู่มหาอำพันปล่อยวิชาหมดแล้วท่านจะไปเลย ก็พยายามจะขยักเอาไว้ ปรากฏว่าท่านก็ไปทั้งอย่างนั้นนั่นแหละ ถ้าเรียนมา จะต้องรักษาตัวเองให้ได้ผลก่อน ถ้ารักษาตัวเองไม่ได้ผลจะไม่รักษาคนอื่น


แช่น้ำมนต์แล้ว ยันต์จะนูนขึ้นมาแบบนี้

พวกวิชาโบราณ ๆ อย่างสับกระดานรักษาโรค หรือไม่ก็วิชาที่เหยียบไฟ เหยียบหัวจอบเผาแดง ๆ แล้วก็มาเหยียบคน ก่อนหน้านี้ก็อยากเรียนไปหมด วิชาที่น่าเรียนที่สุดเป็นของหลวงลุงวงศ์ที่อยุธยา แต่ไม่ได้เรียน เพราะว่าช่วงนั้นไม่มีเวลาไป วิชาของท่านใช้กับมีดหมอ เวลาจารมีดหมอเสร็จแล้วทำน้ำมนต์ แช่มีดหมอลงไป ตัวอักษรจะนูนขึ้นมาหมด เนื้อเหล็กนูนได้อย่างไรก็ไม่รู้ นูนเหมือนตัวหล่อเลย

เพียงแต่ที่รู้ชัดว่าไม่ใช่ตัวหล่อ เพราะเป็นลายมือของเราเอง มัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่งอยู่นั่นแหละ หลวงพ่อวิชาอีกคนหนึ่ง เดี๋ยวก็คงตายโดยไม่ได้เรียน หลวงพ่อวิชาท่านเสกอะไรก็เหนียวไปหมด ยิงไม่ออก ท่านให้เอาบายศรีไปขอเรียน จนป่านนี้ยังไม่ได้ไปเลย ๓๐ ปีเข้าไปแล้ว ตอนนั้นท่านยังอยู่วัดป่าหิมพานต์ที่ลานสัก ช่วงนั้นพวกคอมมิวนิสต์มีเยอะ ท่านโดนแอบยิงอยู่ทุกวัน พวกนั้นยิงเท่าไรก็ยิงไม่ออกสักที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-11-2013 เมื่อ 12:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #125  
เก่า 02-11-2013, 11:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ด้านตะวันออก รุ่นทัน ๆ พวกเราตอนนั้นก็หลวงพ่อกัสสปมุนี วัดปิบผลิวนาราม หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ รุ่นหลวงปู่คร่ำนี่มาดังทีหลัง ท่านเหล่านั้นดังก่อนมานาน

หลวงพ่อวงศ์เอาขมิ้นชันลงกระหม่อมแม่ ติดถึงลูกในท้องเลย ส่วนใหญ่คนท้องจึงให้ท่านลงให้ ลงให้แม่ ลูกเกิดมาติดหัวมาด้วย ในวงการเครื่องราง สิงห์ของหลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ถือว่าติดอันดับของประเทศ แล้วท่านถือเคล็ดอะไรก็ไม่รู้ สิงห์ของท่านจะแต้มตาสีแดงทุกตัว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-11-2013 เมื่อ 12:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #126  
เก่า 03-11-2013, 14:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าตั้งความปรารถนาให้สอบได้ที่ ๑ ?
ตอบ : ตั้งความปรารถนาได้ทุกคน แต่ทำได้ไหมเล่า ?

ถาม : มีวิธีไหมครับ ?
ตอบ : ก็มีหลายอย่าง อย่างแรกก็คือการเรียนอย่างสม่ำเสมอ อย่างที่ ๒ ก็คืออาศัยทิพจักขุญาณช่วย มีไหมละทั้ง ๒ อย่าง ?

ถาม : อย่างแรกพอมีครับ แต่อย่างที่สองนี่ ?
ตอบ : ใช้คาถาท่านปู่พระอินทร์ช่วย ภาวนาคาถาสหัสสะเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสธายิ ภาวนาไว้เป็นประจำ ๆ ทุกวัน ถึงเวลาจะสอบ รับกระดาษคำถามมาคว่ำลงก่อน ตั้งใจนึกขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดา มีท่านปู่พระอินทร์เป็นที่สุด ขอให้ช่วยทำข้อสอบได้ถูกต้องและถูกใจคนตรวจด้วย แล้วภาวนาคาถาสัก ๓ จบ พลิกขึ้นมาอ่านคำถามดู ถ้ายังทำได้ไม่หมดให้คว่ำลงว่าใหม่อีก ๗ จบ คราวนี้อยากจะทำอย่างไรก็ลุยไปเลย

ถาม : ภาวนาคาถาปู่พระอินทร์หรือครับ ?
ตอบ : ภาวนาก่อนอ่านหนังสือ ภาวนาหลังอ่านหนังสืออะไรก็ทำไป ทำให้ชิน ถ้าทำไปนาน ๆ จะเกิดทิพจักขุญาณขึ้นมาได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-11-2013 เมื่อ 17:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #127  
เก่า 04-11-2013, 17:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมสรุปได้แค่สี่อย่าง ผมว่าคงมีมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ผมเห็นแค่นี้ ถ้าเรารู้ก็ให้เรากำหนดรู้ทุกข์ ถ้าเรารู้ก็มาดูตัวต่อไปว่า ให้เราวาง พอสุดท้ายคือเห็นทุกข์ ถ้าเราวางก็จะว่าง จะเป็นนิโรธ ก็คือดับ แต่วิธีทำก็คืออยู่กับปัจจุบันก็เป็นมรรค หรืออย่างไรครับ ?
ตอบ : นอกจากคุณอยู่ในปัจจุบันแล้ว ยังต้องสร้างกุศลเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะให้ตนเองมีกำลังที่จะหลุดพ้นไปได้ ช่วงที่การสร้างกุศลของเรานี่แหละ คือศีล สมาธิ ปัญญา

ถาม : จะเริ่มจากตัวไหนก่อน หรือเริ่มจากตัวนี้ก่อน ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วในเรื่องของทุกข์ จะต้องเกิดความทุกข์ขึ้นมาเสียก่อน พอทุกข์จนกระทั่งเข็ด ตราบใดที่ไม่เข็ดเราก็จะไม่ดิ้นรนพ้นทุกข์ ในเมื่อเข็ดเราก็จะเริ่มดู “ทำไมกูถึงทุกข์ ?” นี่คือสมุทัย แล้วถ้าความทุกข์นั้นพ้นไปก็คือ นิโรธ ความสบายเกิดขึ้น เราก็ “เอ๊ะ..ทำไมพอพ้นมาแล้วสบาย ?” ก็จะมองหาทางว่า ทำอย่างไรจะเข้าถึงความสบาย ก็จะมาที่มรรค พระพุทธเจ้าท่านเรียงตามนั้นอย่างนี้เลย คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แต่เราเองไม่เข้าใจว่าทำไมท่านเรียงอย่างนี้ คราวนี้ก็เหลืออยู่แค่ว่าเราเดินตามมรรคนั้นก็จะจบเลย

ถาม : ก็ต้องทวน ศีล สมาธิ ปัญญา ?
ตอบ : มรรคก็คือศีล สมาธิ ปัญญา เพราะมรรค ๘ ย่อลงมาก็เหลือแค่นั้น แต่ถ้าคนมีปัญญามาก ๆ จะกระโดดมาลุยตรงนี้สามข้อนี้ อย่างอื่นกองทิ้งไปเลย หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนให้ดูตรงนี้

ถาม : พอมาดูตรงนี้ก็เห็นว่า ที่ทุกข์ในปัจจุบันเพราะปรุงแต่งในสังขาร ?
ตอบ : โดยทั่ว ๆ ไปต้องเริ่มตรงนี้ แต่หลวงพ่อท่านสอนพวกเราเพราะทำมาเยอะ ทุกข์มาเยอะแล้ว หลายต่อหลายชาติ น่าจะเริ่มเข็ดเริ่มจำแล้ว น่าจะฉลาดขึ้น ท่านก็เลยให้ลงตรงนี้

ถาม : ตัวหลังคืออริยสัจ ตัวหน้าคือประโยคสุดท้ายที่หลวงพ่อผมพูดไว้ก่อนเสียว่า "รู้วาง วางอยู่" แต่พอมาจับกลายเป็นตัวนี้ ถ้าวางก็ลงรอยเดียวกันหมด ?
ตอบ : ถ้าท่านไปที่เดียวกันก็ลงรอยเดียวกันหมดนั่นแหละ ถึงได้บอกว่าบางทีท่านพูดคนละเรื่องแต่เป็นเรื่องเดียวกัน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า “ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ยอมรับกฎของกรรม” หลวงปู่บุดดาท่านบอกว่า “กายเดียวจิตเดียวก็นิโรธ หลายกายหลายจิตมันยุ่ง” คนละเรื่องไหมเล่า ? แต่ลงที่เดียวกันนั่นแหละ หลวงปู่มหาอำพันท่านก็บอกว่า “อย่ายุ่งเรื่องของคนอื่น ทำหน้าที่เราให้ดีที่สุด” เรื่องเดียวกันหมด เพียงแต่ว่าท่านมาอย่างไร ท่านก็บอกทางอย่างนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-11-2013 เมื่อ 17:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #128  
เก่า 04-11-2013, 17:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลวงพ่อจำเนียรบอกว่า กิเลสไม่ต้องฆ่ามัน วางไว้เฉย ๆ เพราะเป็นอนัตตา ?
ตอบ : กิเลสมีอยู่เต็มที่ เราอย่าไปยุ่งกับกิเลสก็พอ ฟืนกองอยู่นั่นแหละ อย่าเอาไฟเข้าไปแหย่ก็พอ ถ้าเราไม่เริ่มตรงไฟ ทุกอย่างจะจบหมดเลย

ถาม : ทำอย่างไรจึงจะทำได้ครับ ?
ตอบ : ก็สติ สมาธิ ปัญญา อยู่ในมรรค ๘ นั่นแหละ สติต้องรู้เท่าทัน สมาธิต้องเข้มแข็งพอที่จะหยุดยั้งตัวเอง ปัญญาต้องมีมากที่จะเห็นโทษแล้วก็ปล่อยวาง

ถาม : ไม่ต้องฆ่ากิเลสให้ตายใช่ไหม ?
ตอบ : เสียเวลาไปฆ่าทำไม ? แค่ไม่ไปยุ่งด้วยก็หมดสภาพแล้ว กิเลสก็อยู่ของกิเลส เราก็อยู่ของเรา

ถาม : ที่ท่านบอกว่า ไอ้หนู..เวทนาไม่รู้จักตัวเองหรอก ไม่รู้ร้อนรู้หนาวด้วย เพราะไม่ได้ปรุง
ตอบ : ก็เราไปรับมาเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-11-2013 เมื่อ 19:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #129  
เก่า 04-11-2013, 18:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แสดงว่าที่เขาหลอกให้เรารบกับกิเลสก็ไม่ใช่หรือครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่หรอก เรารบทีไรก็แพ้ทุกทีแหละ จำได้ไหมที่เคยบอกว่า อาตมาลองมาแล้ว ประเภทที่ว่าสู้แค่ตายแล้วตายฟรี ก็เราสู้ผิดนี่ ถึงตายฟรี โอ๊ย..! กว่าจะฉลาดได้ต้องประเภทเลือดตกยางออกมานับไม่ถ้วนนั่นแหละ แล้วท้ายที่สุดก็เห็นว่า กับดักอยู่ตรงหน้า เอ็งดันกระโดดลงไป แล้วก็ไปดิ้นอยู่นั่นแหละ อยู่เฉย ๆ จะเจ็บตัวไหมเล่า ? อยู่เฉย ๆ วัดความอึด ใครจะอึดกว่ากัน ไม่คิด ไม่ปรุง ไม่แต่ง ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่รัก ไม่ชัง ดูว่าใครจะอึดกว่ากัน จะยืนระยะได้ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา

ถาม : อย่างนี้ก็ไปตกความว่าง และความว่างก็ต้องละ ?
ตอบ : ท้ายสุดจะดีจะชั่วก็ต้องวางหมด

ถาม : แสดงว่าสุญญตาอยู่ในตัวกุศลกรรมหรือครับ ?
ตอบ : อยู่ที่ว่าเราก้าวไปถึงจุดไหน ถ้าเราว่างด้วยอำนาจของฌาน รูปฌานก็กดกิเลสลง ถ้าเราว่างด้วยอำนาจของอรูปฌาน อรูปฌานก็ปล่อยวางได้ส่วนหนึ่ง จนกว่าเราจะว่างเพราะไม่เอาอะไรเลย

เรื่องอนัตตา สุญญตา ต้องดูคนพูดว่าคนพูดอยู่ในระดับไหน แบบเดียวกับธรรมดาของปุถุชนก็ “ช่างโคตรพ่อโคตรแม่มัน” ธรรมดาของผู้ทรงฌานอาจจะ “ช่างแม่มัน” ธรรมดาของพระโสดาบันก็ “ช่างหัวมัน” แต่ธรรมดาของพระอรหันต์ก็ “ช่างมัน” กองไปแล้ว กูไม่ยุ่งกับมึงหรอก เพราะฉะนั้น..ต้องดูว่าคนพูดอยู่ระดับไหน ชมสมบัติเศรษฐีแล้วก็รีบทำตัวเองให้รวยด้วย !


ถาม : จริง ๆ แล้ว พระก็ไม่ได้เห็นว่ามารเป็นศัตรู ?
ตอบ : อาตมาไม่เห็นเขาเป็นศัตรูมานานแล้ว นั่นแหละสุดยอดบรมครูเลย ถ้าไม่มีการทดสอบแล้ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราทำข้อสอบได้หรือเปล่า ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-11-2013 เมื่อ 19:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #130  
เก่า 04-11-2013, 18:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ไปงานศพแล้วผีเกาะตามมา ?
ตอบ : บางคนอยู่ในวาระอกุศลกรรมแทรก แล้วบางทีก็ไม่ใช่คนตาย แต่เป็นเปรตหรืออสุรกายบริเวณนั้นเกาะมาแทน

ถาม : ทำอย่างไรให้เขาไป ?
ตอบ : เชิญเขาไปดี ๆ จะทำบุญทำทานอะไรให้เขาก็ตกลงกัน

ถาม : แล้วเขาเข้ามาในบ้าน ?
ตอบ : ถ้าเป็นวาระอกุศลกรรมแทรก จะเป็นโอกาสให้เขาเกาะได้ แล้วถ้าเขามากับเรา พระภูมิเจ้าที่ก็ไม่กัน เพราะถือว่ามากับเจ้าของบ้าน

ถาม : แล้วถ้าไม่ไป ?
ตอบ : ไม่ไปก็อยู่ด้วยกัน มีอะไรช่วยกันด้วยก็แล้วกัน อย่าเกาะเฉย ๆ หรือไม่ก็ขู่ “ยังอยู่ใช่ไหม ? จะขอหวยทุกวันเลย” พวกผีกลัวโดนขอหวย เดี๋ยวก็ไปเอง

ถาม : จริงหรือคะ ?
ตอบ : พูดจริง ผีกลัวโดนขอหวย เดี๋ยวเขาเครียดก็ไปเองแหละ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2013 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #131  
เก่า 04-11-2013, 18:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คณะของท่านอาจารย์วิชชุ ทำงานอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงมาตั้งแต่บุคคลในคณะ ๙๙ เปอร์เซ็นต์ยังเป็นนักศึกษาอยู่ แล้วก็ยืนหยัดมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ต้องบอกว่าเป็นผู้ที่มีความจริงจังและสม่ำเสมอดีมาก

การปฏิบัติหน้าที่ยาวนานมา ๒๐ กว่าปีไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการกระทบกระทั่งมาสารพัดสารเพ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต้องอาศัยความอดทน อดกลั้นเป็นอย่างสูง สมกับที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในโอวาทปาฏิโมกข์ว่า ขันตี ปรมัง ตโป ตีติกขา ประโยคแรกของโอวาทปาฏิโมกข์บอกเลยว่า ต้องอดทน ในพระพุทธศาสนาของเรา ถ้าอดทนจะประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ว่าทำ ๆ ไปหน่อยหนึ่ง ไม่สำเร็จก็เลิกแล้ว ไม่มีความอดทน ไม่มีความพากเพียรสำเร็จไม่ได้หรอก

ฉะนั้น..คณะของท่านอาจารย์วิชชุถือว่าเป็นบุคคลตัวอย่างได้ เพราะว่ายืนหยัดผ่านระยะเวลาที่ยาวนานมาจนถึงขนาดนี้ ยังสามารถรักษาความมั่นคงเอาไว้ได้ ทำหน้าที่การงานโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก ถ้าในสายตาของอาตมาก็ถือว่าเป็นบุคคลตัวอย่างที่พวกเราควรจะทำตาม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-11-2013 เมื่อ 19:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #132  
เก่า 04-11-2013, 18:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ที่บ้านเคยเลี้ยงหมาอยู่ตัวหนึ่ง เจ้าตัวนั้นชื่อนิ้ง อาตมาจำความได้ก็เห็นมันแล้ว เจ้านิ้งมาตายตอนอาตมาอายุ ๑๔ ปี ไม่ได้ตายเพราะแก่ ตายเพราะโดนรถชน ยังสงสัยอยู่ว่าถ้าเป็นคนนี้คงอายุ ๑๒๐ ปี แน่เลย

เรื่องของคนหรือเรื่องของสัตว์ อายุจะยืนยาวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปาณาติบาตเดิม ว่าเคยทำไว้มากหรือเปล่า ? ถ้าทำปาณาติบาตคือฆ่าคนฆ่าสัตว์เอาไว้มาก ก็อายุสั้นพลันตาย บางคนไม่ทันออกจากท้องแม่มาก็ตายแล้ว ถ้าเป็นคนจิตใจมีแต่เมตตา ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่ทำร้ายสัตว์อื่น อายุก็มักจะยืนยาว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-11-2013 เมื่อ 19:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #133  
เก่า 04-11-2013, 19:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การสวดมนต์ในใจกับการสวดออกเสียงอานิสงส์ต่างกันไหมครับ ?
ตอบ : ต่างกัน สวดมนต์ในใจได้วงแคบ สวดมนต์ออกเสียงได้วงกว้างกว่า โดยเฉพาะสำหรับท่านที่รอโมทนา

ถาม : ผมย้ายไปอยู่ที่ดงอิสลาม กลัวเขาหมั่นไส้เอา ?
ตอบ : ทำไมต้องกลัวด้วย ยิ่งอยู่คนเดียวยิ่งต้องดังเข้าไว้ เขาเองไปไหนยังละหมาดวันละ ๕ รอบ ไม่เห็นกลัวใคร แล้วทำไมเราต้องไปกลัวเขาด้วย หมั่นไส้มาก็อัดให้ราบเป็นหน้ากลองไปเลย

ถาม : ผมตัวคนเดียวครับ
ตอบ : ตูก็ตัวคนเดียว ล่อกระจายทั้งซอยมาแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2013 เมื่อ 02:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #134  
เก่า 04-11-2013, 20:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (เจ็บป่วยแล้วหมอหาสาเหตุโรคไม่เจอ)
ตอบ : ไปบนหลวงพ่อ ๔ องค์หรือหลวงพ่อ ๕ องค์ที่วัดท่าซุง เรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยท่านจะถนัดที่สุด มีวิธีการแก้บนอยู่ ๔ - ๕ วิธี ถ้าหนักหนาสาหัสเราก็บวชเณรถวายท่านไปเลย เพราะท่านบอกว่าถ้าหนักมาก ๆ ก็ให้บวชเณร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2013 เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #135  
เก่า 04-11-2013, 20:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้วมีปัญหาติดขัด)
ตอบ : อดข้าวเย็น ๗ วันไหวไหม ? ถ้าไหวให้บนกับพระวิสุทธิเทพ พระวิสุทธิเทพคือพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน เราจุดธูป ๕ ดอกกลางแจ้งก็ได้ ปักแล้วบนกับท่านว่าขอให้งานตรงนี้สำเร็จ แล้วเราจะแก้บนด้วยการรักษาศีล ๘ พร้อมกับเจริญกรรมฐาน ๗ วัน ท่านขอไว้อย่างนั้น ว่าถ้าใครบนท่าน ต้องเล่นของหนักเลย แปลว่าต้องนั่งสมาธิด้วย

คราวนี้ ๗ วันที่ต้องนั่งสมาธิด้วย เราอาจจะนั่งสมาธิเช้าสักชั่วโมงหนึ่ง เย็นสักชั่วโมงหนึ่ง แล้วประคองรักษาอารมณ์ของเราให้อยู่ในด้านดีเข้าไว้ แต่ว่าศีล ๘ ต้องรักษาตลอด น่าจะไหวนะ..ถ้าไหวก็รีบไปจัดการเลย เพราะท่านเคยให้พรไว้ว่า เกี่ยวกับเรื่องของอาชีพหรือการทำมาหากิน ให้บนท่านได้

คนอื่นก็บนได้นะจ๊ะ ถ้าเกี่ยวกับเรื่องอาชีพหรือหน้าที่การงานให้บนพระวิสุทธิเทพ เพียงแต่ว่าก่อนบนนี่ต้องมั่นใจนะว่าอดข้าวเย็นได้ ถ้าอดไม่ได้นี่ตัวใครตัวมัน โดนเหยียบจมธรณีไม่รู้ด้วย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2013 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #136  
เก่า 04-11-2013, 20:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ ๓ ?
ตอบ : ไปลองใช้ยาขมิ้นชันกับหญ้าแพรกดู เอาขมิ้นชันเท่าหัวแม่มือ และหญ้าแพรกหนึ่งกำมือ นำ ๒ อย่างมาตำให้ละเอียด แล้วละลายด้วยน้ำปูนใส กรองให้ได้ ๑ ถ้วยชา กินก่อนอาหารเช้า ๓๐ นาที แปลว่ากินไปแล้วครึ่งชั่วโมงค่อยกินข้าวได้ กินติดต่อกัน ๓ วัน รีบไปทำก่อน เพราะถ้าอาการหนักมากเดี๋ยวจะรักษาไม่ทัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2013 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #137  
เก่า 04-11-2013, 20:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เด็กเขาคิดทำแล้วเกิดเป็นกรรมตอนอายุเท่าไรหรือคะ ?
ตอบ : เริ่มตั้งแต่คิดจ้ะ ไม่ใช่เริ่มที่อายุ คิด พูด ทำ ต่อให้ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็เป็นกรรม เด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยทำ เขาเรียก กตัตตากรรม กรรมที่ทำโดยปราศจากเจตนาหนุนเสริม อย่างเช่น เราจับมือเด็ก “ธุพระซะลูก” เด็กเขาก็ไม่รู้หรอก เขาก็ไหว้ตาม บุญกุศลก็เป็นของเขา ไม่ได้นับที่อายุจ้ะ นับที่การกระทำ

ถาม : แล้วที่เขาว่า ๗ ขวบ ?
ตอบ : ไม่ใช่จ้ะ ที่ว่า ๗ ขวบนั้นคือเด็กเขามีปัญญามากพอที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง มีโอกาสเข้าถึงมรรคผลได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2013 เมื่อ 02:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #138  
เก่า 04-11-2013, 20:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เราคิดไม่ดี ทำไม่ดีกับคนอื่น จะแก้อย่างไรเพราะเราทำไปแล้ว ?
ตอบ : สร้างศีล สมาธิ ปัญญา ของเราให้สูงกว่านี้ไว้ก็แล้วกัน รักษากาย วาจา ใจ ให้ดีไว้ คิดดี พูดดี ทำดีตลอด เดี๋ยวสิ่งดี ๆ ก็คืนมา

ถาม : เรากระทำไปแล้ว ?
ตอบ : ที่แล้วก็แล้วไป ก็เริ่มต้นใหม่

ถาม : ต้องไปขอขมาไหม ?
ตอบ : จะขอขมาก็เอาเถอะ เพียงแต่ว่าให้เริ่มต้นทำสิ่งที่ดี ๆ ไว้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2013 เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #139  
เก่า 05-11-2013, 10:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การบูชาพระ ?
ตอบ : บูชาพระเขาให้เอาไว้ในใจ ก็คือนึกถึงท่านอยู่ตลอด ไม่ใช่แต่ให้กราบไหว้บูชาหรืออาราธนาติดตัว แต่จริง ๆ ก็คือให้เรานึกถึงท่านอยู่ตลอดเวลา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2013 เมื่อ 17:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #140  
เก่า 05-11-2013, 11:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,355 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์แจกหนังสือคู่มือปฏิบัติกรรมฐานของหลวงพ่อวัดท่าซุง "พยายามฝึกให้ถึงหน้าสุดท้ายนะจ๊ะ หน้า ๑๒๗-๑๒๘ เป็นวิปัสสนาธรรมชาติ ที่จะทำให้เราสามารถพิจารณาได้ตลอดเวลา อาตมาได้หนังสือเล่มนี้มาเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๘ ตั้งหน้าตั้งตาฝึกจนถึงปี ๒๕๒๑ ก็เริ่มเห็นหน้าเห็นหลัง ฉะนั้น..พอไปฝึกมโนยิทธิจึงกลายเป็นของง่ายไปเลย

ปี ๒๕๒๑ ฝึกมโนยิทธิ ทดสอบตัวเองอยู่ ๓ ปีเต็ม ๆ หลังจากนั้นหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็ให้ไปเป็นครูฝึก สอนคนอื่นเขาต่อ แต่ปรากฏว่าบรรดาพี่ป้าน้าอาไม่ค่อยเชื่อขี้หน้า “สอนประสาอะไร สอนใครได้ทุกคน..!”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-11-2013 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:07



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว