กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 14-05-2016, 17:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อพระครูสุมนสุนทรกิจ เจ้าอาวาสวัดทะเลบก เจ้าคณะตำบลกระตีบ เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ท่านตายไป ๓ ชั่วโมงแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่ บอกว่าไปเจอแต่สิ่งที่ดี ๆ มา ก็เลยไม่กลัวที่จะต้องตายแล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ท่านบอก ก็คือมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ไม่ใช่มากกว่าครึ่ง ๆ นะ แต่มากกว่าในระดับ ๘ ใน ๑๐ เลย

อาตมาเรียนท่านไปว่า ผู้หญิงชอบทำบุญมากกว่า แต่คราวนี้อีกส่วนหนึ่งที่เป็นข้อเท็จจริงเลย คือในส่วนของการสร้างบุญ กำลังใจของผู้ชายเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาดกว่า ไม่ทำก็คือไม่ทำ ถ้าทำก็เป็นบุญใหญ่ไปเลย ในเมื่อเป็นอย่างนั้นจึงไม่ใช่ของแปลกที่ว่าถ้าขึ้นไปอยู่ที่สวรรค์ ส่วนใหญ่เราจะเห็นว่าเทวดามีนางฟ้าเป็นบริวารหลักร้อย

แต่ต้องบอกว่านางฟ้าที่เป็นบริวารนั้นทำบุญเล็กน้อยเกินไป ถ้าเคยสร้างในส่วนของวิหารทานจะมีวิมานเป็นของตัวเอง ไม่ต้องไปอาศัยเขาอยู่ และนอกจากมีวิมานของตัวเองแล้วก็ยังมีบริวารอีกด้วย แต่ส่วนที่แปลกก็คือบริวารก็เป็นผู้หญิงอีก สรุปว่าต่อไปผู้หญิงควรทำบุญใหญ่ ๆ ไว้หน่อยนะ โดยเฉพาะในส่วนของวิหารทาน จะได้มีวิมานเป็นของตัวเอง

หลวงพ่อท่านเล่าว่า เวลาเดินก็ไม่ใช่พื้นดินพื้นหญ้าอย่างของเรา เป็นเงินเป็นแก้ววิบวับไปหมด ต้นไม้ใบหญ้าก็วิบวับเป็นประกาย ข้าวปลาอาหารที่เคยทำบุญไปก็อยู่ครบถ้วน เพียงแต่ว่าไม่ต้องกิน แค่คิดจะกินก็อิ่มเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 14-05-2016, 17:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีคนทักว่ามีวิญญาณผู้หญิงกับเด็กตาม ควรทำอย่างไร ?
ตอบ : ทำบุญทำกุศลแล้วอุทิศให้เขาไปก็เท่านั้นเอง ทำมากกว่านั้นเดี๋ยวต้องไปเสียเงินสะเดาะเคราะห์ให้ยุ่งไปหมด ส่วนใหญ่แล้วพวกเราจิตอ่อน ฟังใครมาแล้วมักจะเชื่อ แล้วก็เป็นเรื่องแปลก มักจะเชื่อในเรื่องแบบนี้แหละ ทีพระท่านเทศน์เท่าไรก็ไม่ยักเชื่อ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 14-05-2016, 19:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูเล่าเรื่องพระที่ท่านมรณภาพแล้วร่างกายไม่เน่าเปื่อยให้ครูฟัง ครูเขาถามว่าที่ตายไม่เน่าเปื่อยเกิดจากอะไร ?
ตอบ : คนตายแล้วไม่เน่ามีหลายสาเหตุด้วยกัน สาเหตุที่ ๑ บริเวณที่ศพอยู่มีแร่ธาตุบางอย่างที่รักษาสภาพศพเอาไว้ไม่ให้เน่าเปื่อย ประเภทที่ ๒ คนผู้ตายกินว่านยาบางอย่างเข้าไป ตายแล้วก็ไม่เน่าเปื่อย ประเภทที่ ๓ ก็คือใช้คาถาอาคมเสกอาหารกินทุกวันตายก็ไม่เน่าเปื่อย ประเภทสุดท้ายก็คือบุคคลที่ตั้งใจอธิษฐานร่างทิ้งเอาไว้เป็นตัวแทนให้ลูกศิษย์ได้กราบไหว้บูชา ถ้าทำถึงระดับนั้นได้อธิษฐานทิ้งเอาไว้ก็ไม่เน่าเปื่อยเหมือนกัน

ต่อไปให้ถามครูนะไม่ใช่ให้ครูถาม เพราะครูมีหน้าที่ตอบ จำได้หมดไหมที่ว่าไป ...(หัวเราะ)... เดี๋ยวไปรอเขาถอดเป็นตัวหนังสือแล้วค่อยไปอ่านซ้ำ


ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : หนูไม่เคยได้ยินเรื่องทำมัมมี่หรือ ? เขาทำทิ้งไว้เป็นร้อยเป็นพัน นั่นแหละฝีมือนักวิทยาศาสตร์ แถมยังเป็นนักวิทยาศาสตร์โบราณด้วย

ถาม : บุคคลที่ตั้งใจอธิษฐานให้ร่างไม่เน่าเปื่อยนี่ต้องเป็นพระอรหันต์ ?
ตอบ : ไม่ใช่ แต่ต้องเป็นผู้ชำนาญในกสิณ ๑๐

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : เยอะแยะไป เพียงแต่เขาไม่หาเรื่องทิ้งไว้เพราะลำบากคนข้างหลัง คนที่ทำได้ระดับนั้นเขามีสติรู้อยู่ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร

ถาม : มัมมี่ที่เขาทำต้องเอาอวัยวะภายในออกมาก่อน ?
ตอบ : ใช่ เพราะว่าวิทยาศาสตร์เขายังไม่สามารถรักษาอวัยวะภายในได้ แต่ในเรื่องของจิตศาสตร์หรือว่าไสยศาสตร์เขาทำได้ อย่าคิดว่าวิทยาศาสตร์เก่งสิ วิทยาศาสตร์ตามหลังอยู่ไม่รู้ตั้งไกลเท่าไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 14-05-2016, 20:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ฝึกให้ลูกเขานั่งสมาธิวันละ ๑๐ นาที ?
ตอบ : ควรจะเอาสักชั่วโมง ๑๐ นาทีนี่ไม่พอกินแล้ว เอาเป็นว่าเช้า กลางวัน เย็นก็ได้ ช่วงละ ๒๐ นาที ไปทำเถอะ เด็กโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยาที่วัดท่าซุง เขาสอบคะแนน PAT ได้สูงสุดเลยนะ ก็ไม่เห็นใช้อะไรมากมายนอกจากนั่งภาวนา อยู่ที่ว่าของเราเองมั่นใจแค่ไหนต่างหาก

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ถ้าไม่อ่านหนังสือเลยถึงเวลาคำตอบมาเราจะขาดความมั่นใจ แต่ถ้าเราอ่านหนังสือไว้ถึงเวลาเราจะนึกไว้ว่าเราเคยอ่านมาแล้ว ฉะนั้น...คนที่ไม่อ่านหนังสือเลยตกมาเยอะแล้ว เพราะขาดความมั่นใจว่าใช่หรือไม่ใช่ อยากเก่งต้องขยัน เคยได้ยินเขาพูดไหม อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน แต่สงสัยว่าน้องพลอยกับแม็กซีมคงไม่ต้องเสียเวลาไปเขย่ง เพราะไม่อยากสูงไปกว่านั้นแล้วละ ตั้ง ๑๙๐ เซ็นติเมตร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-05-2016 เมื่อ 15:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 14-05-2016, 21:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเป็นคนพูดเร็ว พูดไม่ชัด ทีนี้ถ้าผมประยุกต์การฝึกกสิณลมมาช่วยในการพูดให้ดีขึ้น ช้าลงจะได้ไหมครับ ?
ตอบ : ฝึกอานาปานสติดีที่สุด เพราะว่าเราจะได้มีสติระลึกรู้อยู่ สำหรับเรื่องของการพูดจะมีการเน้นหนัก เบา แล้วก็หยุด เพื่อให้จังหวะคนคิด เรื่องเทคนิคพวกนี้นักพูดเขามีอยู่แล้ว แต่ต้องอาศัยสติ เพราะถ้าขาดสติก็จะขาดตรงจุดนี้ไป ฉะนั้นถ้าต้องการให้ตรงจุดจริง ๆ ฝึกลมหายใจเข้าออกดีที่สุด

ถาม : สาเหตุเป็นเพราะว่าบางทีผมจะไม่ค่อยอ้าปากกว้างเพราะขี้เกียจ ใจนึกไปแล้วพูดแบบปากอ้านิดเดียว เลยพูดไม่ชัด ทีนี้จะใช้กสิณลมที่ผมฝึกก็ต้องควบอานาปานสติ อย่างที่พระอาจารย์สอนไม่ว่าฝึกอะไรต้องมีลมหายใจควบ ทีนี้ถ้าจะจับลมในท้อง ข้างในขึ้นมาเป็นคำพูด จะพูดได้ดีขึ้นไหมครับ ?
ตอบ : หัด...! เดี๋ยวก็รู้ แต่จริง ๆ แล้วก็น่าเหวี่ยง คือรู้ปัญหาทุกอย่างแต่ไม่แก้ รู้กระทั่งว่าตัวเองพูดไม่ชัดเพราะอะไร แต่ก็ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไปเรื่อย คนรู้ปัญหาก็ต้องแก้สิวะ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 14-05-2016, 21:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอถามเรื่องการฝึกสัจจบารมีครับ วิธีการฝึกผมคิดว่าสัจจบารมี คือ เวลาเราจะทำอะไร เราก็ต้องคิดก่อนว่าจะทำอะไร เพราะอะไร ทำได้ไหม แล้วเราก็ซอยให้สั้นที่สุด แล้วทำตามนั้น ไม่เปลี่ยนใจ ไม่ต้องลังเล อย่างนี้ถือว่าใช้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : สรุปคือกลับไปหาลมหายใจเข้าออกใหม่ ทุกบารมีถ้าขาดสติไปไม่รอดหรอก เพราะฉะนั้น...ไม่ว่าจะฝึกบารมีไหนก็ตาม ต้องมีสติก่อน

ถาม : ถ้าทรงอานาปานสตินี่คือผมพยายามทรงให้ได้ตลอดเวลา ทีนี้จะมาเพิ่มเติมตรงสัจจบารมี คือให้คิดไว้ว่าจะทำอะไร แล้วก็ทำตามนั้น ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงจะยิ่งดีขึ้นไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าสติดีจะคิดได้ไว คือสติมีความแหลมคม แล้วก็จะตัดสินใจได้โดยมีความผิดพลาดน้อยมาก เพราะฉะนั้น...ถ้าเราต้องการที่จะรักษาในตัวสัจจะ ถ้ามีสติอยู่ อย่างไรก็รักษาได้ ขาดสติเมื่อไรก็อาจจะพลาดอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 14-05-2016, 21:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอสอบถามเรื่องคาถาพระร่วง เราจะใช้ฝึกในการภาวนาได้ไหมครับ ? โดยที่เราไม่ได้ต้องการผล ?
ตอบ : เรื่องของคาถาเป็น “มโนมยา” คือสำเร็จด้วยใจ ถ้าทำไปถึงระดับนั้นแล้ว คุณต้องการหรือไม่ต้องการก็เป็น

ถาม : เราท่องเพื่อเอาคาถานั้นมาใช้ หรือถ้าเราทำต้นเหตุ ผลก็จะมาเอง ประมาณนี้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เรื่องของคาถาทุกอย่างต้องควบกับลมหายใจเข้าออก เพราะว่าคาถาจะมีผลด้วยอำนาจของสมาธิ สมาธิจะเกิดได้ก็คือลมหายใจเข้าออกของเราทรงตัว

ถาม : ทีนี้พอพระอาจารย์พูดอย่างนี้ ผมยิ่งสงสัยมากว่า แต่ละคาถาจะมีเนื้อหาไม่เหมือนกัน การที่เรามีสมาธิกับเนื้อหานั้นก็จะมีผลตามคาถานั้นใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ใจเราคิดว่าเขาให้ผลแบบไหน เท่ากับเราตั้งโปรแกรมว่าต้องการเป้าหมายตรงนี้ เวลากำลังพอก็จะไปตรงนั้นเอง ถึงได้บอกว่าคาถาเป็น “มโนมยา” คือสำเร็จด้วยใจ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 14-05-2016, 21:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ปกติวิธีอธิษฐานใช้ผลของกสิณต่าง ๆ ผมไม่รู้ว่าทำอย่างไร แต่ถ้าเราเอาสมาธิที่เบา ที่ประกอบด้วยปัญญา เราไม่ต้องตั้งจิตว่าฉันจะเดิน ลมจงมาหอบเท้าฉัน แต่ฉันเคลื่อนลม สมาธินึกถึงลมเคลื่อนลงมาตามร่างกาย จะเป็นการใช้ผลอย่างหนึ่งหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่ทันกิน ถ้าคนที่เขาคล่องจริง ๆ แค่คิดจะไปก็ไปแล้ว คนดูจะเห็นว่าหายจากตรงนี้ไปเลย แต่จะไปปรากฏอยู่อีกที่หนึ่ง ในความรู้สึกของเขาจะคิดว่าเราหายตัวไป แต่ความจริงเราลอยไปด้วยความเร็วสูง

ถาม : ทีนี้ผมสงสัยมากว่าตัวเองเกิดอุปาทานหรือเปล่า คือผมรู้ตัวว่าไม่ได้อิทธิฤทธิ์อะไรเลย ของหยาบก็มองทะลุไม่ได้ว่าข้างในมีอะไร แต่ว่าพอเราทรงสมาธิระหว่างวัน รู้ว่าเราไปในที่สัปปายะอะไรได้หลาย ๆ อย่าง จะเป็นไปได้ไหมครับ คือของหยาบยังทำไม่ได้แล้วจะไปทำของละเอียดได้ ?
ตอบ : ชาตินี้ทำไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าชาติก่อนไม่เคยทำมา อาจจะมีต้นทุนเก่าอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มาชอบของประเภทนี้หรอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 14-05-2016, 21:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมถามแบบเบา ๆ บ้าง เราเคยอยู่บริษัทหนึ่งแล้วออกมาตั้งบริษัทของตัวเอง แล้วดึงลูกค้าเก่ามา ?
ตอบ : ฟังดูเริ่มร้ายขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว..!

ถาม : เราดึงมาแต่ไม่ได้ใช้วิธีใส่ร้ายบริษัทเก่า เราดึงแค่ว่าเรารู้จักกัน ใช้วิธีให้สินค้าหรือบริการที่ดีกว่าเดิม แบบนี้ผิดศีลหรือว่าบาปไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ผิดศีลแต่ผิดมารยาท ถ้าถามว่าควรหรือไม่ ? ก็ถือว่าไม่สมควรที่จะไปทำอย่างนั้น แต่ถ้าถามว่าผิดศีลไหม ? ยังไม่ผิด มารยาทในการค้าไม่ควรที่จะไปทำตัวเป็นคู่แข่งกับบริษัทเก่า แล้วแถมยังไปดึงคนเขามาอีก ถ้ามีความสามารถจริงก็ไปหาลูกค้าใหม่ หรือไม่เดี๋ยวลูกค้าเก่าก็แวะเวียนมาเอง ไม่ต้องเสียเวลาที่จะไปดึง

ถาม : ผมคิดว่า ถ้าเราให้สิ่งที่ดีกว่าและเราอยากให้จริง ๆ ให้มากกว่าที่เดิม ถ้าเราปล่อยให้ลูกค้ารับเอาแต่ของที่เดิม ก็เท่ากับเราปิดโอกาสที่จะให้เขาได้ใช้ของดีสิครับ ?
ตอบ : แล้วทำไมเราไม่ทำให้เขาตั้งแต่บริษัทเก่า ? จะได้หมดเรื่องหมดราว ไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับเรื่องศีลเรื่องธรรม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 14-05-2016, 21:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วกรณีเดิม ถ้าเราดึงลูกค้าเก่ามา ทำให้เจ้านายเก่าไม่พอใจ จองเวร การที่เจ้านายมีปฏิฆะ แบบนี้จะผิดศีลหรือเป็นกรรมหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าสิ่งที่เราทำอาจจะกลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย พูดง่าย ๆ คือแรงกรรมยังไม่เพียงพอที่จะสนองเรา เหมือนอย่างกับกุญแจไขรหัส ถ้าเพิ่มรหัสตัวสุดท้ายเข้าไปพอดีก็ซวยไป แต่ถ้าหากว่ายังไม่ถึงขั้นนั้นก็ถือว่าเสมอตัว

ถาม : ไม่เข้าใจครับ ?
ตอบ : สิ่งที่เราทำเป็นกรรมเล็กน้อย แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเพิ่มฟางเส้นเดียวลงไปแล้วอูฐจะหลังไม่หัก ? อาจจะเป็นจังหวะที่เขารออยู่แค่นั้นนิดเดียว ให้เราลงมือทำแล้วจะได้ใส่ให้เต็ม ๆ เลย..!

ถาม : ปฏิฆะแบบนี้ถือว่าเป็นกรรมแล้วหรือครับ เราไม่ได้ไปทำอะไรเขา แต่เขาไม่พอใจเอง ?
ตอบ : เขาเรียกว่า กตัตตากรรม กรรมที่ทำโดยไม่เจตนา เราไม่ได้หวังผลให้เป็นอย่างนั้น แต่ก็ต้องเป็นอย่างนั้น แม้แต่แค่คิดก็จัดเป็นมโนกรรมแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 14-05-2016, 21:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างนี้การที่เราจะเจริญทางโลกกับทางธรรมไปพร้อม ๆ กันแบบสุด ๆ เลย ไม่ต้องประนีประนอมจะได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าทำตัวอย่างนั้นก็แปลว่าขาดหลักธรรมเป็นอย่างยิ่ง ไปศึกษาในสัปปุริสธรรม ๗ ประการ ให้ชัดเจนด้วย ที่ท่านบอกว่าต้องรู้เหตุ รู้ผล รู้ตน รู้ประมาณ รู้กาล รู้บุคคล รู้ชุมชน ถ้าเราไม่เอาเหตุไม่เอาผล ก็ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องอื่นเลย

ถาม : หมายถึงว่าถ้ามีคน ๆ หนึ่งต้องการสร้างธุรกิจใหญ่โตแบบที่ไม่ได้มีมาก่อน และต้องการจะลดทุกข์ เห็นอริยสัจ ๔ ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำไปคู่กันเป็นไปได้ไหมครับ หรือขัดกันครับ ?
ตอบ : ถ้าต้องการหลุดพ้นจริง ๆ ต้องเป็นอนาคาริกะ คือ ผู้ไม่ครองเรือนเท่านั้น บรรดาอาคาริกะคือผู้ครองเรือน ท่านบอกว่าหนทางนั้นแคบ อย่างเช่นเราต้องการจะตั้งหน้าตั้งตาจะนั่งภาวนา แต่เมียที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ยินดีด้วย ก็ทะเลาะกันบ้านแตก

ฉะนั้น...โอกาสที่จะหลุดพ้นจริง ๆ ตามที่ต้องการ ส่วนใหญ่คือต้องสละทิ้งไปเลย ไม่ได้ขัดกับทางโลกหรอก แต่ว่าที่จะทำได้พอดีจริง ๆ นั้นยาก แค่คุณตั้งหน้าตั้งตารักษาศีล ๘ ก็เดือดร้อนแล้ว เพราะเข้ากับชาวบ้านเขาไม่ได้ ถึงเวลาเขาชวนกินข้าวเย็นก็ไปไม่ได้แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 14-05-2016, 21:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทีนี้ในเรื่องอริยสัจ ๔ ถ้าหากจะมาพิจารณาตรงนี้กับการภาวนา การที่เราจะเห็นกายในกาย จิตในจิตเกี่ยวกับ... ?
ตอบ : อย่าเพิ่งสับสนกับชีวิต กายในกาย จิตในจิต ธรรมในธรรม นั่นเป็นส่วนของมหาสติ อริยสัจ ๔ ก็คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เอาเป็นว่าถ้าคุณภาวนาอยู่ ถ้าเห็นว่าแม้แต่การหายใจยังเหนื่อย ยังลำบาก เป็นทุกข์ ก็เป็นอันว่าจบแล้ว

ถาม : ถ้าเห็นว่าตรงข้ามละครับ เห็นว่าเราโชคดีจังเลยที่มีขันธ์ ๕ ได้มาปฏิบัติธรรม ?
ตอบ : นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง คือ เป็นการสร้างกำลังใจเพื่อหนุนเสริมในการปฏิบัติ แต่การปฏิบัติไม่ใช่ว่าแค่เราโชคดี แต่การปฏิบัติเราต้องหวังผลเพื่อหลุดพ้นด้วย การที่จะหลุดพ้นได้ ถ้าไม่เห็นทุกข์อย่างชัดเจนก็จะไม่เกิดความเบื่อหน่าย ในเมื่อไม่เกิดความเบื่อหน่ายที่เป็นต้นเหตุของการหลุดพ้น ก็อย่าไปหวังเลยว่าจะหลุดพ้นได้

ถาม : ถ้าเราตั้งเป้าว่าเรามีกิจอันหนึ่ง ถ้าไม่มีกิจอันนี้เราจะตั้งเป้าไปพระนิพพานโดยตรง แต่กิจอันนี้เราต้องสะสมบุญปฏิบัติธรรมให้เยอะ ๆ เพื่อสะสมบารมีถูกไหมครับ ?
ตอบ : ถูก...แต่คราวนี้การปฏิบัติธรรมเราต้องให้มีส่วนของทาน ส่วนของศีล ส่วนของภาวนา ซึ่งอานิสงส์ก็มากขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้น...ท้ายที่สุดก็ไปลงในส่วนของภาวนา ก็คือจะต้องภาวนาแล้วพิจารณาอยู่ดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 14-05-2016, 21:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทีนี้เวลาที่พระอาจารย์เริ่มสอนกสิณมา ถ้าตอนที่เราทำ เรารู้สึกกำลังใจเพิ่มเป็นเท่าทวีคูณ อย่างนี้ถือว่าได้ผลไหมครับ ?
ตอบ : อันนั้นเป็นกำลังใจของเรา เกิดปีติในธรรมขึ้นมา ก็อยากปฏิบัติไม่รู้เบื่อไม่รู้หน่าย แต่ถ้ารักษาไว้ในระดับนั้นไม่ได้ เกิดกำลังตกขึ้นมาก็จะหายไปอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 05:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 14-05-2016, 21:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เห็นรูปเพื่อนไปไหว้เทพเจ้าทางด้านปัญญา เทพเจ้ามั่งคั่ง ที่ฮ่องกง อยากถามว่าเทพเจ้าด้านต่าง ๆ นั้นมีจริงไหมครับ ?
ตอบ : มี

ถาม : แต่ละประเทศมี แต่ว่าแยกกันหรือองค์เดียวกัน ?
ตอบ : องค์เดียวกัน แต่เรียกไปคนละอย่างกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 06:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 15-05-2016, 21:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันอังคารนี้อาตมานัดผู้ออกแบบไปดูเรื่องการสร้างพิพิธภัณฑ์ถวายหลวงพ่อวัดท่าซุง จะแบ่งเป็นส่วนของเครื่องรางของขลังส่วนหนึ่ง และพวกงานฝีมืออีกส่วนหนึ่ง และอยากจะได้นิทรรศการเกี่ยวกับพุทธศาสนา เช่น วันสำคัญ พุทธประวัติ ไว้เป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชน เด็ก ๆ เข้าไปจะได้ความรู้ด้วย

ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดจะทำ ก็เลยไปใส่หน้าต่างจนรอบชั้นสองของศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ทำให้ช่างออกแบบยาก เพราะคุมแสงได้ยาก พื้นที่ ๑,๖๐๐ ตารางเมตร บอกเขาว่ายกให้ทั้งชั้นเลย

พวกเครื่องเงิน เครื่องทอง เครื่องถม บางชิ้นราคาเกือบล้าน เข็มขัดถักมือเส้นหนึ่งราคาหลายแสนบาท ช่างฝีมือส่วนใหญ่ก็ไปหมดแล้ว รุ่นเก่า ๆ สายตาไม่ไหวแล้ว ฝีมือมีแต่สายตาไม่ไหว รุ่นหลัง ๆ ก็ยังฝีมือไม่ถึง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 06:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 15-05-2016, 22:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปกติถังประปาตามแบบของการประปาส่วนภูมิภาค ขนาด ๑๒๐ คิวบิกเมตรเขาใช้กันทั้งอำเภอ แต่นี่ของเราใช้ในวัดเดียว พอดีรองผู้ว่าการประปาฯ ท่านไปทำบุญ เลยถามท่านว่าขอแบบได้ไหม ? ทางวัดอยากจะทำหอจ่ายน้ำประปาแบบนี้ ท่านบอกว่าเดี๋ยวจัดการให้ พอรุ่งขึ้นเท่านั้นแหละ เจ้าหน้าที่จากการประปาส่วนภูมิภาค เขต ๓ ที่บ้านโป่ง โทรมาหาที่วัด แจ้งว่าเจ้านายบอกว่าหลวงพ่ออยากได้แบบ ให้ไปรับได้เลย นอกจากแบบแล้วยังคำนวณวัสดุมาให้เสร็จสรรพ ไม่อย่างนั้นอาตมาคงจะหมดค่าเขียนแบบไปอีกเป็นแสน

ประปาอำเภอทุกอำเภอทั้งประเทศจะใช้แบบนี้ ตอนแรกอาตมาว่าจะสร้าง ๒ ใบ กะว่าจะให้อยู่หน้าวัดอีกใบหนึ่ง เอาไว้หลังองค์พระใหญ่ ปรากฏว่าโดนหลวงพ่อวัดท่าซุงด่า ท่านว่าน้ำแรงขนาดนี้ยังจะเอาตั้งสองใบ อาตมาก็ไม่รู้ว่าจะแรงขนาดไหน พอสร้างเสร็จแล้วไปลองเปิดดู ถึงได้รู้ว่าน้ำอัดแรงมาก แรงขนาดปิดเร็ว ๆ แล้วหัวก๊อกหลุดกระเด็นเลย ต้องค่อย ๆ ปิดช้า ๆ ไม่อย่างนั้นหัวก๊อกจะทนแรงดันน้ำไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2016 เมื่อ 06:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 18-05-2016, 11:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนที่หลับอยู่หลังห้อง ได้ยินว่าหัวใจจะเต้นเบาเมื่อมีสมาธิ ถ้าโดนกิเลสจะเต้นแรง ทำไมเป็นอย่างนั้นคะ ?
ตอบ : แรงไปกิเลสจะเล่นงานเอา เพราะว่าสมาธิหลุดออกมา ไม่มีกำลังพอจะไปต่อต้านกิเลสแล้ว ถ้าหากว่าชีพจรเต้นแรง ก็แปลว่าสมาธิกดไม่อยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2016 เมื่อ 13:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 18-05-2016, 11:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาที่เราตัดสินใจอะไรผิดพลาดไป ใจหนึ่งก็รู้สึกเฉย ๆ นิ่ง ๆ ส่วนอีกใจหนึ่งก็ว่า ทำไมไม่ทุกข์ร้อน ต้องรู้สึกทุกข์ร้อนสิ จึงจะหลาบจำ ไม่ไปทำอย่างนั้นอีก... ที่ถูกคือ ต้องนิ่ง ๆ ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ต้องถามซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) มี Self-consciousness จิตสำนึกที่คุยกับตัวเอง หากว่าเป็นภาษาเราเขาเรียกว่าเป็นตัวมโนธรรม มโนธรรมเหมือนอย่างกับเทวดา ส่วนสภาพจิตที่ย้อมด้วยกิเลสก็คือ Devil ก็ย่อมทะเลาะกันเป็นปกติ

ถาม : แล้วที่นิ่ง ๆ ไม่ไปสนใจ นี่ถูกไหมคะ ?
ตอบ : จะว่านิ่ง ๆ ก็ใช่ แต่ไม่ควรนิ่งเฉย ๆ ควรจะเก็บไว้เป็นบทเรียนในครั้งหน้า ที่นิ่ง ๆ นั้น อยู่ในลักษณะของการให้อภัยตัวเอง ประเภทไม่กล้าซ้ำเติมตัวเอง กลัวว่าตัวเองจะเจ็บ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2016 เมื่อ 15:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 18-05-2016, 11:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อครู่หลับแล้วฟังเรื่องผิดไป ตอนหลับยังได้ยินอยู่ต่อเนื่อง แต่ก่อนจะหลับกลับไม่ค่อยรู้ตัว อย่างนี้เรียกว่า สติพร่องไหมคะ?
ตอบ : ถ้าฝึกฝนมากพอ ก่อนจะหลับก็รู้ว่ากำลังจะหลับ หลับแล้วก็รู้ว่าหลับ

ถาม : เคยนอนพักแล้วไม่ตัดหลับ จะรู้สึกว่านอนหลับ แต่ได้ยินและทำอะไรได้เหมือนตื่นอยู่ ?
ตอบ : เหลืออีกนิดเดียวก็หลับแล้ว แต่เป็นการหลับแบบมีสติควบคุมอยู่ ก็เลยเหมือนกับตื่นอยู่ตลอดเวลา เวลาจะตื่นยังต้องถามตัวเองว่า สมควรจะตื่นหรือยัง ? ถ้าสมควรจะตื่น สติก็จะขยายกว้างออกไป จนกระทั่งร่างกายตื่นขึ้นมาเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2016 เมื่อ 13:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 19-05-2016, 11:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,203 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน เป็นวันเทศบาล เทศบาลตำบลท่าขนุน โดยท่านนายกเทศมนตรีประเทศ บุญยงค์ นิมนต์พระวัดท่าขนุน มีอาตมาเป็นหัวแถวไปเจริญพุทธมนต์และทำบุญ ปรากฏว่าเขาจัดโต๊ะหมู่ แล้วก็มีโต๊ะเล็กสำหรับกราบ อาตมาบอกให้เอาโต๊ะสำหรับกราบออก มีหลายคนตีหน้างง ๆ ว่าทำไมต้องเอาออกด้วย ?

ไทยเรานิยมกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ มีองค์ ๕ คือ ๑ ศีรษะ ๒ ศอก ๒ เข่า ต้องสัมผัสพื้น ถ้าไปกราบบนโต๊ะก็จะได้ไม่ครบองค์ เพราะฉะนั้น...จำไว้แม่น ๆ ว่า ถ้างานไหนมีโต๊ะกราบให้เอาออกเสีย ถ้าจะให้ดูดีหน่อยก็เอาพรมปูพื้นแทน ประธานจะได้กราบตรงนั้น แต่ถ้าประธานคนไหนถามหาโต๊ะกราบ ถ้าโง่ขนาดนั้นก็ทิ้งไว้ให้เขาก็แล้วกัน...!

การกราบเบญจางคประดิษฐ์ สองมือต้องลงพร้อมกัน อาตมาเห็นที่นี่ยังลงทีละข้าง การที่เรากราบแล้วลงทีละข้างเกิดจากหลวงพ่อรูปหนึ่ง ท่านเป็นโปลิโอ ขาสองข้างยาวไม่เท่ากัน ท่านกราบพร้อมกันไม่ได้ ต้องลงทีละข้าง ลูกศิษย์เห็นก็ดันคิดว่าเท่ แล้วไปเลียนแบบและสอนตาม ๆ กันไป พวกเราไม่ได้เป็นโปลิโอ กราบลงไปพร้อม ๆ กันได้เลย

บางอย่างครูบาอาจารย์ทำ ลูกศิษย์ก็ทำตาม แต่ไม่ได้ดูเหตุผลว่าทำไมท่านทำอย่างนั้น โบราณเขาเรียกว่า “เถรส่องบาตร” สมัยโบราณบาตรเป็นดินเผา ถ้าหากว่ามีรอยร้าวถึงสองนิ้ว หรือแตกจนนิ้วมือลอดได้ พระพุทธเจ้าท่านจึงอนุญาตให้เปลี่ยนได้ ทีนี้บาตรของหลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านเป็นรอยร้าว ถึงเวลาฉันเสร็จ ล้างเสร็จ ท่านก็ส่องดูว่าถึงสองนิ้วหรือยัง ท่านจะได้เปลี่ยน ลูกศิษย์เห็นดังนั้นก็ยกบาตรส่องบ้าง เห็นว่าเท่ดีก็ส่องตาม ๆ กัน ไม่รู้หรอกว่าอาจารย์ส่องเพราะอะไร ถึงได้บอกว่าทำแบบเถรส่องบาตร คือทำตามไปโดยไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย"


__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-05-2016 เมื่อ 12:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:55



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว