กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 22-04-2011, 13:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาสวดมนต์เสียงดัง เสียงเบา เสียงค่อย เอาไว้ทำอะไรครับ ? นี่เป็นความรู้ที่ผมเพิ่งรู้มาไม่นานนี้เอง
ตอบ : เพื่อสงเคราะห์สรรพสัตว์ตามสากลจักรวาลต่าง ๆ ถ้าเราส่งไปไกลเท่าไร คุณประโยชน์ก็มากเท่านั้น ที่พระพุทธเจ้าทรงไปโปรดนั้น มีถึง "แสนโลกธาตุ"

พวกเราไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก เอาแค่ดาวหลาย ๆ ดวงได้ก็พอแล้ว ที่ไหนก็ตามที่มีมนุษย์และสัตว์ที่ยังเวียนว่ายตายเกิดในกองทุกข์อยู่ ขอให้เขายินดีและโมทนาในส่วนบุญที่เราได้ทำในครั้งนี้ เราได้รับประโยชน์ความสุขเท่าไร ขอให้เขาได้รับด้วย และตั้งใจสวดมนต์เป็นพุทธบูชาไป หวังว่าเขาจะได้รับประโยชน์ในส่วนที่เราได้รับนั้น

ถาม : เวลาเรานึกในใจให้เสียงดัง ญาณของเราที่จะไปรู้ข้างนอกว่าบางคนเขารับได้ บางคนรับไม่ได้ ตัวนี้ให้เราปล่อยวางไปเลยใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ปล่อยเลย ทำหน้าที่ของเราคือสวดมนต์ไปอย่างเดียว ถ้าเราทำหลายอย่างกำลังจะลดลง เพราะว่าต้องแบ่งออกไปทำงานหลายอย่าง

ถาม : มีข้อแนะนำไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มี ทำต่อไปเถอะ เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา ยิ่งทำจะยิ่งรู้ แต่อย่าไปยึดมั่นในสิ่งที่รู้ ให้ระวังอยู่เสมอว่า สิ่งที่เรารู้นั้นช่วยในการตัดกิเลสหรือเปล่า ? ถ้าไม่ได้ช่วยในการตัดกิเลส รู้แล้วก็วางไว้ตรงนั้นแหละ เอาเรื่องที่สามารถตัดกิเลสได้ ไม่อย่างนั้นแล้วจะพาเรารู้กว้างออกไปเรื่อย ๆ แต่หาจุดหมายไม่เจอ

พอญาณเครื่องรู้เกิด จะรู้ทุกเรื่องแหละ คิดอะไรเข้าใจแจ่มแจ้งตลอด แต่ให้ระวังว่า สิ่งที่รู้นั้นเป็นเรื่องที่ช่วยในการตัดกิเลสไหม ? ถ้าไม่ใช่ก็ต้องวาง

ถาม : คนที่ไปยอมรับ ไปรับรองความรู้ก็ไม่ใช่ตัวเรา น่าอัศจรรย์ตรงนี้ครับ พอรู้บ่อย ๆ กลายเป็นโลกทั้งนั้นที่รับทุกอย่าง แต่ไม่ใช่ว่าข้างในไม่รับ เรารู้ เข้าใจ แต่ไม่เข้าไปข้องแวะอะไรเลย
ตอบ : ทำอย่างไรที่จะรักษาสภาพจิตให้ผ่องใสไม่ให้ข้องแวะกับสิ่งต่าง ๆ ได้ ก็คือการที่เราอยู่ในโลกแต่เราก็ไม่ติดกับโลก

ถาม : เป็นความบริสุทธิ์ที่อยู่คู่กับความสกปรกได้ ?
ตอบ : พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า ดอกบัวเกิดในโคลนตม ชูช่อขึ้นเหนือน้ำขึ้นมา แต่ดอกบัวก็ไม่ได้แปดเปื้อนโคลนตมนั้น เปรียบกับสภาพจิตของเราที่เริ่มผ่องใส พ้นจากความสกปรกได้ แต่ก็อาศัยพื้นฐานจากความสกปรกขึ้นมา

พอมีคนที่ทำถึงมาคุยด้วย ค่อยรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อย ไม่อย่างนั้นจะรู้สึกเฉา..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2019 เมื่อ 04:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 22-04-2011, 13:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมทางด้านอีสานนั้น มีศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก ดูอย่างที่สำนักสงฆ์ศรีชัยผาผึ้ง วัดไกลจากทางเข้า ๘ - ๙ กิโลเมตร ญาติโยมเขายังเดินไปใส่บาตรกันทุกวัน เขาจะเดินตั้งแต่เช้า กว่าจะไปถึงก็ ๙ โมงครึ่ง

ถึงได้บอกว่ากำลังใจของญาติโยมทางอีสาน ในเรื่องของบุญเขามหาศาลมาก เรื่องบุญเรื่องกุศลพร้อมทุ่มเทให้ ถึงแม้ปัจจัยจะมีน้อยก็ตาม ถ้าต้องการแรงงานเท่าไรเท่ากัน ไปช่วยกันยกหมู่บ้าน เห็นศรัทธาเขาแล้วชื่นใจ

ตอนนั้นไปอยู่ที่หนึ่ง อยู่กลางทุ่ง คุณเอ (ประพันธ์ สุรประภา) เขาพาไป เวลาลมพัดมาอย่างกับอยู่ข้างกองไฟ ร้อนวาบขนาดนั้นเขาก็อยู่กันได้ แต่เราไม่เคยชิน น้ำกินขุ่นขนาดต้องกรองแล้วกรองอีก เขาก็ยังอุตส่าห์อยู่กันได้

ไปสร้างพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมให้เขาองค์หนึ่ง โยมแห่กันมาบวชชีพราหมณ์ฉลองกันยกหมู่บ้าน เขาถามว่า "ฉันอาหารอย่างนี้ได้ไหม ?" อาตมาบอกว่า "อะไรที่มนุษย์กินลง ยกมาได้เลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2019 เมื่อ 04:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 22-04-2011, 13:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "รุ่นครูบาอาจารย์ก็มีแต่ล่วงลับไป แต่รุ่นของพวกเราก็โตไม่ทัน เหมือนกับขาดช่วงลง ญาติโยมขาดที่พึ่ง อย่างพระที่วัดท่าขนุนจะเอาเป็นชิ้นเป็นอันได้ก็ยังน้อย คนไหนพอเป็นหลักได้ เขาก็มาขอไปเป็นเจ้าอาวาสหมด พอเริ่มเป็นเจ้าอาวาสทีนี้ก็บรรลัยแล้ว เวลาที่จะปฏิบัติไม่มีแล้ว งานหลวงงานราษฎร์เทเข้ามา เวลาที่จะปฏิบัติเฉพาะตัวก็น้อยลง

สมัยก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงได้เตือนว่า "พวกแกที่ยังไม่มีงานประจำ ให้เร่งสร้างกำลังใจให้มากเข้าไว้ พอถึงเวลาจำเป็นต้องมีงานประจำแล้ว จะได้มีกำลังไปสู้งานได้" ไม่อย่างนั้นรัก โลภ โกรธ หลง เต็มหัวอยู่ พอไปทำงานแล้วเดี๋ยวตีกันแหลก..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2011 เมื่อ 14:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 22-04-2011, 13:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ...การสร้างวัดเล็ก ๆ น่าจะเป็นส่วนสถาปัตย์แบบที่เขาชอบ ?
ตอบ : ก็น่าจะมีส่วนของสถาปัตย์ แต่ขณะเดียวกัน ความนิยมของชาวบ้านเขาด้วย พระที่ท่านสร้างวัดเล็ก ๆ จริง ๆ แล้วท่านมีศิลปะในการดำรงชีพเลยนะ เพราะว่าตนเองต้องมักน้อยสันโดษ แนะนำชาวบ้านเขาให้พออยู่พอกิน ครั้นไปสร้างวัดมหึมาเท่ากับว่าทำค้านกับสิ่งที่ตัวเองทำ พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้สรรเสริญเวลาที่จะต้องสร้างอะไรใหญ่ ๆ โต ๆ

ตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรมเกิดขึ้น คนไหลไปอยู่กับงานมากขึ้น ทำให้ไม่มีเวลาไปอยู่กับวัด สิ่งที่เคยสร้างเคยทำให้ ก็ต้องมอบปัจจัยให้พระไปสร้างไปทำกันเอง บทบาทของการที่ญาติโยมจะสร้างวัด ซ่อมวัด ก็เลยเป็นพระต้องสร้างเองซ่อมเองมาจนถึงปัจจุบันนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2011 เมื่อ 14:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 22-04-2011, 16:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่มีโทสะมาก ๆ เราจะต้องแก้อย่างไรครับ ? อยู่ใกล้แล้วไฟพลอยติดเราไปด้วย
ตอบ : เราเดือดร้อนไปด้วย..ใช่ไหม ?

ถาม : ไฟติดลามมาถึงครับ
ตอบ : ถ้าเขาเป็นนักปฏิบัติยังพอช่วยได้ เราก็แนะนำการปฏิบัติให้กับเขา อย่างเช่น แก้ด้วยพรหมวิหาร ๔ หรือแก้ด้วยวรรณกสิณ ๔ แต่ถ้าไม่ใช่นักปฏิบัตินี่ยุ่งเลย มีทางเดียวก็คือไปห่าง ๆ..!

ถาม : ไปห่าง ๆ ?
ตอบ : อย่าไปอยู่ใกล้เขา

ถาม : บางทีผมไม่มีสิทธิ์
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นเราก็ใส่เกราะเลย ตั้งกำลังใจให้สูงสุดเข้าไว้ อย่างน้อย ๆ เราจะได้ไม่หลุด แต่ตอนหลังพอมานั่งกรรมฐานแล้วจะเสีย จะฟุ้งไปนึกถึงตอนนั้นแล้วมาโกรธเอาทีหลัง แต่ว่าก็ยังดี เราไม่ได้โกรธตรงนั้น ยังรักษาตัวรักษาใจเอาไว้ได้

เรื่องของโทสะนั้นมีโทษมหาศาล ความโกรธทำให้เครียดมาก แก่เร็ว คนขี้โกรธ คนมักโกรธ หมอเขาทำวิจัยพบว่ามีโอกาสเป็นโรคมะเร็งมากกว่าคนทั่วไปเป็นสิบ ๆ เท่า..!

ถาม : พวกซึมเศร้าใช่โกรธไหม ?
ตอบ : เป็นส่วนหนึ่งของโทสะ แต่เป็นส่วนของโทสะที่ไปในทางน้อยใจคนอื่น ก็คือไม่พอใจ ไม่พอใจก็คือส่วนหนึ่งของโทสะ ถ้าพอใจเป็นส่วนของราคะ เมื่อไม่พอใจก็ไปนั่งซึมอยู่คนเดียว ท้ายสุดก็ไม่พอใจตัวเอง น้อยใจตัวเอง

วันนี้มีดาราท่านหนึ่งอุ้มลูกมา คนเคยเป็นดาราเป็นนางแบบแล้วต้องมานั่งเลี้ยงลูก เขาอาจจะคิดว่า เราไม่น่าจะเป็นอย่างนี้เลย ถ้าเขาคิดมาก ๆ เดี๋ยวก็ซึมเศร้า..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2011 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 22-04-2011, 16:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การพิจารณาวิปัสสนาในการดูรูปนาม อย่าง "ฆนะ" ที่เขาทำกันอยู่... ?
ตอบ : ดูตามนั้นได้ แต่ขณะเดียวกัน เราจะต้องมีสำนึกอยู่เสมอว่า รู้ขนาดไหนก็ตาม ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องรู้อยู่เสมอว่า รูปนามนี้สักแต่เป็นฆนะ (ก้อน,แท่ง ) ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ถ้าความรู้สึกตรงนี้ยังไม่เกิด ก็สักแต่ว่าเห็น ยังใช้ประโยชน์ไม่ได้ แต่ถ้าเห็นแล้วมั่นใจว่าไม่ใช่เราจริง ๆ ก็จะถอนจิตออกมาจากตรงที่เรายึดในรูปนามได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2019 เมื่อ 19:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 22-04-2011, 17:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พูดถึงแผ่นดินไหว มีใครรู้บ้างว่า แผ่นดินไหวเพราะสาเหตุอะไร ?

พระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงเรื่องแผ่นดินไหวเอาไว้ อยู่ในมหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย สุตตันตปิฎก พญามารมาอาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ปรินิพพานได้แล้ว เพราะว่าครั้งแรกที่เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ พญามารก็ออกมาขวางหน้า บอกว่าอีก ๗ วัน สมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิราชจะมาถึงท่านแล้ว จะออกบวชไปทำอะไร ?

เจ้าชายสิทธัตถะตรัสว่า เพื่อความพ้นทุกข์ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย อย่าว่าแต่สมบัติพระเจ้าจักรพรรดิเลย ต่อให้เป็นทิพยสมบัติขององค์อมรินทร์ ท่านก็ไม่พึงปรารถนา พญามารเห็นว่าห้ามไม่ได้ก็หลีกไป

พอวันที่พระองค์จะตรัสรู้ พญามารยกพหลพลโยธามาอย่างกับฟ้าจะถล่มดินจะทลาย จะขู่ให้พระองค์เลิกปฏิบัติ ก็ไม่สำเร็จอีก พอพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว พญามารก็มาทูลอาราธนาให้เข้าพระนิพพาน "ในเมื่อท่านตรัสรู้ตามที่ประสงค์แล้ว ก็ควรจะปรินิพพานได้"

หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยถามพญามารว่า ทำไมตอนนั้นถึงตั้งใจไปขวางพระพุทธเจ้าขนาดนั้น ? พญามารในตอนนี้ไม่ใช่พญามารแล้ว ท่านบอกว่า ตอนนั้นกลัวเพราะว่ารู้ว่าเพื่อนกัน ก็คือ เจ้าชายสิทธัตถะมีความมุ่งมั่นมาก เมื่อบรรลุมรรคผลแล้ว เดี๋ยวจะเทศน์โปรดคนไปหมด ไม่เหลือบริวารไว้ให้ตัวท่านเองบ้าง แล้วท่านสรุปว่าตอนนั้นคิดโง่ไปหน่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2019 เมื่อ 04:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 22-04-2011, 17:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "ปาปิมะ ดูก่อน..มารผู้เป็นบาป เธอจงอย่าขวนขวายเลย ถ้าหากตถาคตประกาศศาสนาแล้ว บริษัท ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา สามารถปฏิบัติธรรมได้คล่องแคล่วชำนาญ สามารถแก้ไขปรัปวาท คือคำที่บุคคลกล่าวตู่พระพุทธศาสนาได้ มีความเชี่ยวชาญทั้งปริยัติและปฏิบัติ ตถาคตย่อมเข้าสู่พระนิพพานเอง"

นี่พระพุทธองค์ท่านตั้งความหวังไว้ขนาดนั้น ไหวไหม ? ถึงขนาดว่าถ้าคนอื่นกล่าวตู่พระพุทธศาสนา เราจะต้องแก้ต่างได้ทุกข้อหา ไม่อย่างนั้นก็เสร็จเขาแน่

พอมาพรรษาสุดท้าย พญามารถึงได้มาทูลอาราธนา พระพุทธเจ้าทรงทราบไว้ก่อนแล้ว พยายามแสดงนิมิตโอภาสถึง ๑๖ ครั้งต่อพระอานนท์ โดยทรงเปรียบเทียบไปต่าง ๆ นานา อย่างเช่นว่า "อานันทะ ดูก่อน..อานนท์ สมมติว่ามีเกวียนอยู่เล่มหนึ่ง เก่าคร่ำคร่าเต็มทีแล้ว ดุมก็ใกล้จะหัก ไม้ก็ผุ ตัวเกวียนก็คลอนแคลน แทบไม่สามารถที่จะใช้งานไหวแล้ว ควรจะซ่อมดีหรือควรจะเปลี่ยนเกวียนใหม่ดี ?"

ต้องบอกว่าด้วยกรรมบันดาล ทำให้พระอานนท์ทูลตอบว่า ควรที่จะเปลี่ยนเกวียนใหม่ดีกว่า เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว พระพุทธเจ้าจึงรับอาราธนาพญามารว่า ถัดจากนี้ไปอีก ๓ เดือน เราจะปรินิพพานที่สาลวโนทยาน แห่งเมืองกุสินารา

ทันทีที่พระพุทธเจ้าทรงปลงอายุสังขารว่าอีก ๓ เดือนจะปรินิพพาน ก็เกิดแผ่นดินไหว พระอานนท์ท่านมีความดีว่า ถ้าสงสัยท่านจะถาม อยู่ ๆ แผ่นดินไหวโครมครืนขึ้นมาเฉย ๆ ก็เข้าไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่า แผ่นดินไหวด้วยเหตุใด ?

พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสถึงสาเหตุของแผ่นดินไหวมีทั้งหมด ๘ ประการ ประการหนึ่งได้กล่าวว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปลงอายุสังขารถึงได้เกิดแผ่นดินไหว พอพระอานนท์ได้ยินอย่างนั้นก็เฉลียวใจวูบเลย รีบกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า ถ้าอย่างนั้นขออาราธนาให้อยู่ตลอดกัปเถิด พระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่ทันแล้ว เพราะเราได้รับอาราธนาจากพญามารไว้แล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2011 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 22-04-2011, 17:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เก็บตกปฐมฤกษ์บ้านวิริยบารมี (เดือนเมษายน ๒๕๕๔) หมดแล้วค่ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2011 เมื่อ 03:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:54



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว