กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 19-10-2017, 21:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงบทกลอน

"ชายข้าวเปลือก หญิงข้าวสาร โบราณว่า
น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า อัชฌาสัย
เราก็จิต คิดดูเล่า เขาก็ใจ
ผูกอะไร ผูกไมตรี ดีกว่าพาล

ชายข้าวเปลือก หญิงข้าวสาร ความหมาย ก็คือ ผู้ชายอยู่ที่ไหนก็แพร่พันธุ์ไปเรื่อย ผู้หญิงหุงเสร็จก็จบเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2017 เมื่อ 03:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 19-10-2017, 21:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนจีนจะมีหลานนอก มีหลานใน ก็คือ ลูกของลูกชาย เรียกว่า หลานใน ลูกของลูกสาว เรียกว่า หลานนอก บางคนรับไม่ได้ โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง ก็หลานเหมือนกัน ทำไมต้องมีหลานนอกหลานในด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2017 เมื่อ 03:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 22-10-2017, 23:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การใช้ชื่อแซ่ การนับญาติกัน ทำให้คนจีนเหนียวแน่นเช่นเดียวกับการที่มุสลิมเขานับถือกันเป็นพี่น้อง ?
ตอบ : ความเหนียวแน่นที่ว่ายังสู้มุสลิมไม่ได้ ที่คนจีนเหนียวแน่นกันมากโดยเฉพาะในบ้านเรา เพราะเขาพลัดบ้านพลัดเมืองมา ถ้าไม่รักกัน ไม่ช่วยเหลือกัน ก็อยู่ไม่รอด จึงต้องมีสมาคม มีตระกูลแซ่ มีมาจากบ้านโน้นบ้านนี้ ไปรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน

แบบเดียวกันคนมอญกับคนกะเหรี่ยง ดูแค่ทองผาภูมิของเราเวลาจัดงาน คนมอญแห่กันไปมืดฟ้ามัวดิน สำนึกในความเป็นคนมอญรุนแรงและสูงมาก เพราะคนมอญรู้สึกว่าตัวเองพลัดบ้านพลัดถิ่นมา ถ้าไม่สามัคคีเหนียวแน่นกันไว้ อาจจะโดนคนอื่นเบียดเบียนเอาได้

แต่คนกะเหรี่ยงไม่ใช่อย่างนั้น คนกะเหรี่ยงอยู่ในประเทศไทยเรามา ๒๐๐ - ๓๐๐ ปีแล้ว ได้รับการยอมรับ มีบัตรประชาชน เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนกะเหรี่ยงด้วยซ้ำไป บางที่เขาคิดว่าเขาเป็นคนไทยแล้ว ในเมื่อเป็นอย่างนั้น สำนึกในความเป็นชาติพันธุ์จึงไม่ได้เหนียวแน่นรุนแรงเหมือนกับทางมอญเขา เพราะรู้สึกว่าเป็นเจ้าของประเทศ ไม่ได้รู้สึกว่าพลัดบ้านพลัดเมืองมา

สำหรับมุสลิม ใครเป็นมุสลิมก็เป็นลูกพระอัลเลาะห์เหมือนกัน ดังนั้น...มุสลิมเขาเหนียวแน่น ต้องบอกว่าเป็นโดยธรรมชาติของเขาเลย คนจีนที่เหนียวแน่นกันเพราะพลัดบ้านพลัดเมืองมา สู้มุสลิมเขาไม่ได้ มุสลิมเขาแข็งแกร่ง เข้มแข็งกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2017 เมื่อ 14:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 23-10-2017, 08:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลักการที่ว่า เป็นลูกหลานของหลวงพ่อวัดท่าซุงเหมือนกันละคะ ?
ตอบ : อยู่ในลักษณะของการยึดว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเดียวกัน ก็ยังมีการแบ่งเป็นกลุ่ม เป็นก้อน ไม่ได้เหนียวแน่นอะไรมากมายหรอก ถ้ามีอะไรแทรกกลางเข้ามาเมื่อไรก็แตกกระจายไปตาม ๆ กัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2017 เมื่อ 14:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 23-10-2017, 20:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : โลกวัชชะ ตีความได้ว่าอย่างไรครับ ?
ตอบ : โลกวัชชะ ก็คือการที่พระทำผิดพระวินัย อาจจะมีโทษทางโลกด้วย อย่างเช่นอาจจะโดนกฎหมายทางโลกลงโทษได้ และชาวบ้านก็ติเตียน เช่น ถ้าภิกษุไปเสพยาเสพติด นอกจากเป็นโลกวัชชะคือชาวบ้านติเตียนแล้ว ยังมีโทษทางโลกทางกฎหมายเล่นงานได้อีก กินความกว้างไปถึงโน่น ถ้าตีความแค่ว่าโลกติเตียนอย่างเดียวก็จะเบาไป

ถาม : กรณีในสิทธิทางโลก .....อย่างนี้เราจะตีในโลกวัชชะได้อย่างไร ?
ตอบ : ไม่ใช่ โลกวัชชะต้องมีการทำผิดพระวินัย คือ ศีลของพระพุทธเจ้า ทำผิดแล้วมีการติเตียนจากส่วนรวม

ถาม : แล้วคนทั่วไป ?
ตอบ : ไม่ใช่พระ ไม่มีโลกวัชชะ เพียงแต่ว่าคนบางคนถ้าทำผิด อย่างคุณลุงที่ขับรถแล้วทับหมา อันนั้นก็คือนอกจากทางกฎหมายจะมีความผิดในข้อหาทารุณสัตว์แล้ว คนทั่วไปเขายังตำหนิติเตียนเอา ชัดเลยว่านั่นคือโลกวัชชะ ไม่มีอะไรจะทำ หมานอนอยู่ก็ไปไล่ทับ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2017 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 23-10-2017, 21:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้กฐินปลดหนี้ไปอีสาน ปีหน้าจะไปภาคไหนดี ? ...(ตะวันออกค่ะ)... ตะวันออกเรายังไม่เคยไป ได้เลย...วัดหนองน้ำขุ่น จังหวัดระยอง เตรียมตัวเอาไว้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2017 เมื่อ 03:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 23-10-2017, 21:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (พระร่วง)
ตอบ : คำว่า ร่วง แปลว่า เจริญรุ่งเรือง รุ้งร่วงธำมรงค์เรือนครุฑ ต้องบอกว่าแหวนเป็นประกายสว่างรุ่งเรืองมาก

คำว่า ร่วง ของโบราณ ก็คือรุ่ง ฉะนั้น...พระร่วงก็คือผู้ที่รุ่งเรืองยิ่ง พอมาสมัยของเรา คำว่า ร่วง ความหมายเริ่มผิดไป ตอนนี้ถ้าร่วงก็คือหล่นเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2017 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 23-10-2017, 22:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่นี้โยมถวายสมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุงมา เขียนว่า "ถวายหลวงพ่อ" คนอื่นอดไปเลย

ความจริงสมเด็จองค์ปฐม วัดท่าซุง รุ่น ๑ อาตมาจะต้องมีมากกว่าใครเพื่อน เพราะว่าจองไว้ ๑๐๐ องค์ แต่คราวนี้หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสั่งสร้าง ๓๐,๐๐๐ องค์ ช่างทำได้แค่ ๓,๐๐๐ องค์ เพราะว่าส่วนใหญ่พอถอดแบบแล้วซุ้มจะหัก กลายเป็นชำรุด...ใช้งานไม่ได้ จาก ๓๐,๐๐๐ องค์ เหลือ ๓,๐๐๐ องค์ ก็อนาถแล้ว สรุปว่าพุทธาภิเษกเสร็จ หลวงพ่อวิรัชโดนญาติโยมทึ้งจนกะรุ่งกะริ่งไปหมด

ส่วนของอาตมาเองพอพุทธาภิเษกเสร็จก็เบิกมา ๑๐๐ องค์ เพราะว่าจ่ายเงินล่วงหน้าไปหลายวันแล้ว แต่เวลายัดใส่ย่ามดันมีคนเห็น สรุปก็คือโดนทึ้งเหมือนกัน

ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก เพราะว่าโยมไม่ฟังเสียงเลย สารวัตรทหาร ๔-๕ คน ช่วยกันกั้นก็ไม่อยู่ เป่านกหวีดเท่าไรก็ไม่ฟัง โยมจะเอาให้ได้ ถึงขนาดโดดข้ามโต๊ะขายของเข้าไปเลย"


ถาม : รุ่นที่เขาทุบกระจกเอาไปละคะ ?
ตอบ : รุ่นที่เขาทุบกระจกเอาไปนั่นเป็นแบบแขวนหน้ารถ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็คือของตลาด ท่านไปสั่งของในตลาดมาเข้าพิธี คราวนี้คนสั่งก็สั่งได้แค่ ๕๐๐ องค์ แล้วก็หาไม่ได้อีก คนที่ได้ไปดันไปแขวนให้เขาเห็น ก็เลยมีรายการทุบกระจกแล้วเอาเงินวางไว้ให้ ขอพระไปโดยไม่บอกไม่กล่าว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2017 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 24-10-2017, 14:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันศุกร์พระที่ท่านเรียนปริญญาเอกมาสัมภาษณ์ มีปัญหาก็คือคำถาม ไม่รู้ผ่านอาจารย์ที่ปรึกษามาได้อย่างไร ถ้าในสายตาอาตมาแล้วจัดเป็นคำถามที่ไม่ใช่ แต่ในเมื่ออาจารย์ที่ปรึกษาเขาให้ผ่านมา ก็ต้องว่ากันไปตามเพลง จึงตอบไปด้วย แล้วก็ชี้แจงเขาไปด้วยว่าตรงไหนที่บกพร่อง ควรที่จะปรับแก้คำถามเสียใหม่

ส่วนอีกท่านหนึ่งที่มานั้น ต้องบอกว่าความรู้ยังไม่กว้างพอ ในเมื่อจะสรุปก็เลยไม่มีอะไรให้สรุป ความรู้ต้องกว้างขวางพอถึงจะสรุปได้

ในเรื่องของการเรียนระดับปริญญาโท ปริญญาเอกนั้น ทางมหาวิทยาลัยจึงมักจะให้ทำงานไประยะหนึ่งก่อนแล้วค่อยมาเรียน เพื่อที่จะได้มีประสบการณ์ พอมาเรียนแล้วสามารถวิเคราะห์จับจุดแล้วก็สรุปได้แม่นยำขึ้น เพราะฉะนั้น...ถ้าจบตรีต่อโทเลย บางทีประสบการณ์ไม่มี ความรู้ไม่กว้างพอ ถึงเวลาจะสรุป ไม่รู้ว่าจะจับตรงไหนมา อุตสาห์ทำวิจัยจะเป็นจะตาย ไม่รู้หรอกว่าผลทำวิจัยหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วจะไปเอาองค์ความรู้ใหม่มาจากไหน ?

แบบเดียวกับที่พระครูหน่อยท่านมาปรึกษาว่า การปกครองคณะสงฆ์ ๖ ด้าน ต้องใช้หลักธรรมอะไรประกอบ อาตมาก็บอกว่าหลักธรรมบางข้อใช้ได้ทุกด้าน แต่อยู่ที่เราเขียนอธิบายโยงไปให้ถึง สมมติว่าพรหมวิหาร ๔ ด้านการปกครอง คุณต้องมีความเมตตา แต่เมตตาต้องยึดถือกฎระเบียบเป็นหลัก ผ่อนผันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ไม่ใช่เสียหลักการ

แต่พอมาด้านการศึกษา ความเมตตาของคุณ ก็คือ ทุ่มเทให้ทุกอย่าง ต่อไปเรื่องของการเผยแผ่ก็คือทำด้วยใจรัก อธิบายไปคนละทิศคนละทาง แต่ก็คือหลักธรรมข้อเดียวกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2017 เมื่อ 17:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 24-10-2017, 14:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอไปสาธารณูปการ คือ การก่อสร้างบูรณปฏิสังขรณ์ จะเมตตาอย่างไร ? ก็คือทำเพื่อประโยชน์คนอื่น ไม่ใช่ประโยชน์ตัวเอง ไม่ใช่เราทำกุฏิทรงสเปนติดแอร์ ขณะที่พระหรือเณรลูกวัดต้องไปนอนศาลา อยู่ที่เราจะเขียนอธิบาย

ฉะนั้น...ถ้าประสบการณ์หรือความรู้ยังไม่กว้างพอ การเรียนระดับปริญญาโท ปริญญาเอกจะไปไม่ได้ แบบเดียวกับรุ่นพี่ของอาตมาที่เรียนรุ่น ๑ อาตมาเรียนรุ่น ๒ แล้วไปจบก่อน เวลาเข้าหาอาจารย์ที่ปรึกษาอาตมาไปทีหลัง นั่งดูอาจารย์อธิบายให้ท่านฟัง ๗-๘ รอบ อธิบายจนกระทั่งอาตมาจับเคล็ด จับจุดได้หมด ไม่มีอะไรสงสัยแล้ว แต่หลวงพ่อไม่รู้เรื่องเลย ยังบอกว่าอาจารย์ช่วยอธิบายอีกครั้งหนึ่ง อาจารย์ต้องผลักโครงร่างหนีเลย บอกว่า "ผมอธิบายมา ๗-๘ ครั้ง เหนื่อยเต็มทีแล้วครับ"

ทำด้วยความรัก ทำด้วยความเมตตา คือทำเพื่อประโยชน์ผู้อื่น ไม่ใช่ประโยชน์ตัวเอง สาธารณสงเคราะห์นี่ชัดเลย เมตตากรุณาถึงได้ไปสงเคราะห์เขา ศึกษาสงเคราะห์ก็ชัดเจน เพราะฉะนั้น...หลักธรรมบางอย่างหัวข้อเดียวกันก็ใช้ได้ แต่ขึ้นอยู่กับการอธิบาย เขาถึงได้บอกว่า หลักธรรมของพระพุทธเจ้าต้องประยุกต์ใช้ได้จึงจะถือว่าเข้าถึง ถ้าประยุกต์ใช้ไม่ได้ก็กลายเป็นแค่รู้เฉย ๆ รู้ไว้แล้วไม่ก่อประโยชน์"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2017 เมื่อ 17:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 24-10-2017, 14:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พรหมวิหารตรงอุเบกขา บางคนเข้าใจว่าไปเพิกเฉย ?
ตอบ : เราต้องเข้าใจด้วย ถ้าเราไม่เข้าใจจริง ๆ อธิบายไปไม่ได้ อย่างอุเบกขา วางเฉย กูไม่ยุ่งกับมึง แต่จริง ๆ กูไม่ยุ่งกับมึงนั้นแฝงความไม่พอใจเอาไว้ ไม่ใช่อุเบกขาในเมตตา ไม่ใช่อุเบกขาในกรุณา กลายเป็นปล่อยวางแบบวางใส่หัวคนอื่น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2017 เมื่อ 17:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 24-10-2017, 14:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนเรียนหมออย่างไรก็ได้หลักธรรมอยู่แล้ว ?
ตอบ : เป็นหมอ ถ้าปฏิบัติธรรมจะเห็นได้ง่าย เพราะว่าอยู่กับกองทุกข์ตลอด นอกจากเราแล้วคนที่มาก็ป่วย ก็ทุกข์ทุกคน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2017 เมื่อ 17:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 24-10-2017, 14:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมมาถวายสังฆทาน หมาเพิ่งตายไป "เป็นอย่างไร เจอฝนไล่ลูกค้าหมดหรือเปล่า ? ไอ้สิงห์มาอยู่ข้างหลัง มาเอาบุญด้วย ต้องบอกว่าเลี้ยงหมาเก่ง หมาตายแล้วไปดี

พวกนี้ชอบตอนเราเผลอ ถ้าเราตั้งใจดูบางทีก็ไม่เจอ พอเราเผลอก็มานั่งด้วยทันทีเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2017 เมื่อ 18:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 24-10-2017, 15:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (เห็นกุมารทองในลักษณะห่มจีวร)
ตอบ : น่าจะไม่ถึงขนาดนั้น ถ้าเป็นพระคงไม่มีใครเชิญมาเป็นกุมารทองได้ อาจจะแสดงให้เห็นในลักษณะว่าเขาถือศีล แต่ส่วนใหญ่ถ้าถือศีลจะมาชุดขาวมากกว่า อยู่ที่เราเห็นผ้าขาวเป็นผ้าเหลืองหรือเปล่า ?

บ้านเราต้นตำรับกุมารทองจริง ๆ แล้วต้องหลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม จากนั้นมาก็เป็นหลวงปู่แย้ม หลวงปู่แย้มก็เพิ่งมรณภาพไปไม่กี่วัน อายุ ๑๐๒ ปี อยู่นานจริง ๆ กุมารทองของสำนักอื่น ๆ ทำมาก็ไม่เด่นเหมือนของหลวงพ่อเต๋

อย่างของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วก็ทำกุมารทอง ทั้งไม้แกะ ทั้งงาแกะ หลวงปู่รอด วัดบางน้ำวนก็มี แม้กระทั่งสายใต้อย่างวัดเขาอ้อก็มี เพราะว่าวิชาการพวกนี้มีแต่โบร่ำโบราณมา สำคัญที่ว่าใครทำ เพียงแต่ว่าหลวงพ่อเต๋ท่านเน้นตะกรุดกับกุมารทอง ท่านก็เลยดัง อย่างของหลวงปู่บุญท่านทำได้ทุกอย่าง แต่เบี้ยแก้ดัง กดทุกอย่างเงียบไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2017 เมื่อ 18:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 24-10-2017, 15:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ของหลวงพ่อกวยล่ะคะ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วของหลวงพ่อกวย ถ้าไม่ใช่รุ่นแรก ที่เหลือเป็นของตลาด แต่ท่านเสกให้ก็เหมือนกัน ของตลาดนี่ต้องระวัง ถ้าที่มาไม่ดีเจอของปลอมเลย เพราะว่าเขาทำมาขายเป็นร้อยเป็นพัน ที่มาต้องเชื่อถือได้ด้วย

เดี๋ยวปีหน้าอาตมาไปเสกให้ ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง เพราะว่าท่านเจ้าคุณสุธีวราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดชัยนาท ส่งฎีกาไปให้วันก่อน กว่าจะถึง ๒๑ มกราคม ไม่รู้ว่าหลวงปู่หลวงพ่อบางท่านที่นิมนต์ไว้ จะไปเสียก่อนหรือเปล่า ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2017 เมื่อ 18:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 25-10-2017, 01:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระอาจารย์ครับ ?
ตอบ : ตกลงว่าไม่มีอะไรก้าวหน้าเลยใช่ไหม ?

ถาม : มีอยู่ครับ แต่ต้องปรับหน่อย ?
ตอบ : ถ้าก้าวหน้าขึ้นจะไม่มาถาม

ถาม : ถ้าเรามีอารมณ์ เราไม่มีขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ไม่มีในเรา กับที่รู้สึกแค่ว่าขันธ์ ๕ ไม่สบาย อย่างนี้ก้าวหน้าไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหนเลย ก็อยู่แค่นั้นแหละ การที่เรารู้สึกกับการที่เราเห็น ต่างกันไหม ?

ถาม : ต่างครับ ?
ตอบ : ของเรายังแค่รู้สึก การเห็นเป็นการเห็นด้วยปัญญา ถ้าหากว่าเห็นด้วยปัญญา สภาพจิตยอมรับ เราก็ไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ? เห็นคือปัญญา จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2017 เมื่อ 02:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 25-10-2017, 02:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่เรารักษาจิตให้ผ่องใส เป็นวิปัสสนาหรือเป็นสมาธิครับ ?
ตอบ : การปล่อยวาง รักษากำลังใจให้ผ่องใสขั้นต้น ต้องอาศัยกำลังสมาธิ แต่เป็นไปลักษณะของวิกขัมภนวิมุตติ ผ่องใสได้เพราะว่าโดนกำลังสมาธิกดกิเลสเอาไว้ หลังจากนั้นเราต้องค่อย ๆ พิจารณา ค่อย ๆ ปลด ค่อย ๆ ปล่อย ค่อย ๆ วางไปทีละส่วน ก็จะผ่องใสไปตามลำดับจนเราละได้ แล้วกระทั่งท้ายสุด ไม่เอาอะไร ไม่เหลืออะไร ถึงจะจบ

ถาม : หมายถึงว่าตอนวิปัสสนา...(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : การยอมรับไม่ใช่วิปัสสนา เพราะว่าบางทีเราเองไม่ใช่รับได้ แต่ใช้กำลังใจกดเอาไว้ คือ ทุกข์ยังไม่เกินกำลังที่เราจะแบก ตัวที่เป็นวิปัสสนาจริง ๆ คือเห็นชัดว่าทุกข์เป็นอะไร ในเมื่อสภาพของทุกข์เกิดขึ้นจากไหน ถ้าเราไม่ไปแตะต้องสาเหตุของทุกข์ ทุกข์นั้นก็เกิดไม่ได้ ในเมื่อเห็นชัดขนาดนั้นแล้ว ถ้าไม่สร้างเหตุ ทุกข์ก็ไม่เกิด

ถาม : เหมือนเราไปเอาจิตรับเข้ามาเอง ก็รับทุกข์ไว้เอง ?
ตอบ : เราอยากได้ไอโฟน ๘ เราก็เลยต้องตะเกียกตะกายหาเงิน เหนื่อย ลำบาก ทุกข์ สาเหตุคือความอยากได้ ทำอย่างไรที่เราจะเลิกอยาก ก็ไม่ต้องทุกข์ เพราะฉะนั้น...ในส่วนของวิปัสสนาจริง ๆ เป็นความถึงพร้อมด้วยสติ สมาธิ และปัญญา

ถาม : ทุกข์แบบนี้ต้องไปเจอเองหรือคะ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าสภาวทุกข์ เกิดมาแล้วต้องแก่ เกิดมาแล้วต้องเจ็บไข้ได้ป่วย เกิดมาแล้วตายแน่ ๆ

ถาม : แต่จริง ๆ เราก็พลาดอยู่ดี เพราะกรรมก็ทำให้เราเกิด ?
ตอบ : ไม่ต้องมองไกลขนาดนั้น พูดง่าย ๆ ว่าถ้าสภาวทุกข์มีอยู่พร้อมกับร่างกายนี้อยู่แล้ว นิพัทธทุกข์ มีอยู่พร้อมกับร่างกายนี้อยู่แล้ว สันตาปทุกข์ คือ ทุกข์ที่แผดเผาเรา สามารถเบาบางลงได้ ถ้าเรายอมรับแล้วไม่ไปสร้างเหตุ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2017 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 25-10-2017, 02:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราสร้างเหตุแล้วก็ยอมรับ ?
ตอบ : ก็แสดงว่ายังโง่อยู่ รู้อยู่ว่าตัวเองจะเดือดร้อนแล้วยังพยายามไปทำ รู้ว่าผัดกะเพราพริกกะเหรี่ยงเผ็ดมากก็ยังจะกิน แค่การดิ้นรนจะให้คนอื่นยอมรับว่ากูดีก็ทุกข์ตายห่...แล้ว

ถาม : ถ้าเป็นอย่างนี้ ปัญญาผมก็ไม่ก้าวหน้าขึ้นเลย ?
ตอบ : บอกแล้วว่ายังห่วยแตกอยู่เหมือนเดิม ถ้าก้าวหน้าขึ้นจะไม่เสียเวลามาถามหรอก มีแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำไปแล้ว

ของเราเป็นแค่ "คิดว่า คาดว่า" เป็นแค่ "จำได้ ไม่ใช่ทำได้" อะไรที่ยังคิดว่าเป็นอย่างนั้น คาดว่าเป็นอย่างนั้น เห็นว่าเป็นอย่างนั้น แสดงว่าเป็นอย่างนั้น ใช้ได้ไหม ? ก็ใช้ไม่ได้ทั้งนั้น เป็นแค่ความจำ เป็นแค่สัญญา ยังไม่ใช่ปัญญาจริง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2017 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 25-10-2017, 10:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Question

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมากำหนดวันหล่อหลวงพ่อนากไว้แล้ว คือ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ถ้าหากว่านับไปก็อีกประมาณ ๔ เดือนครึ่ง สามารถมาถึงได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2017 เมื่อ 10:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 25-10-2017, 23:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ท่านที่สงเคราะห์คนแบบเซียนแปะโรงสี ถือว่าเป็นสายพระโพธิสัตว์ไหมคะ ?
ตอบ :ใครที่ทำงานลักษณะนั้น ก็คืองานของพระโพธิสัตว์ทั้งนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2017 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว