กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 07-07-2017, 20:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐

ให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออกของเรา หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ และก็เป็นวันศุกร์สิ้นเดือน บางคนบอกว่าเป็น "วันรถติดแห่งชาติ" แต่ญาติโยมจำนวนมากก็อุตส่าห์ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ จนมาเจริญกรรมฐานร่วมกันในที่นี้

สำหรับวันนี้จะพูดถึงสามัญลักษณะ หรือลักษณะที่มีอยู่เสมอกัน ของคน สัตว์ วัตถุธาตุ และสิ่งของทั้งหลายทั้งปวง มีอยู่ ๓ อย่างด้วยกันก็คือ อนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกขัง ความเป็นทุกข์ และอนัตตา ความไม่มีตัวตนให้ยึดถือมั่นหมายได้

สำหรับวันนี้จะกล่าวถึงเฉพาะความไม่เที่ยงอย่างเดียว คำว่า ความไม่เที่ยง ก็คือมีการเปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปอยู่เสมอ อย่างเช่นว่า เราทั้งหลายแรกเกิดมาก็เป็นเด็กเล็ก จากนั้นก็เป็นเด็กโต เป็นเด็กหนุ่ม เด็กสาว เป็นหนุ่ม เป็นสาวเต็มวัย เป็นวัยกลางคน เป็นวัยชรา ท้ายที่สุดก็ตายไป

สัตว์ทั้งหลายก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน แรก ๆ ก็เป็นลูกสัตว์ตัวเล็ก ๆ หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ เจริญเติบโตขึ้นมาสู่วัยรุ่น เป็นตัวเต็มวัย แล้วค่อย ๆ ชราลง ท้ายสุดก็ตายเหมือนกัน ต้นไม้แต่แรกก็งอกขึ้นมาเป็นต้นเล็ก ๆ มีใบเลี้ยงอยู่ ๒ ใบ ค่อย ๆ เติบโต แผ่กิ่งก้านสาขา จากต้นเล็กสูงประมาณนิ้วหนึ่ง ก็สูงขึ้นมาเป็นคืบ เป็นศอก เป็นวา เราจะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

แม้กระทั่งวัตถุสิ่งของต่าง ๆ แรก ๆ สร้างเสริมขึ้นมาสำเร็จเรียบร้อยก็ใหม่ แลดูสวยงามน่าใช้ ผ่านการกัดกร่อนของกาลเวลา ของแดด ของลม ของฝน ของดินฟ้าอากาศต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ เก่า ค่อย ๆ เปื่อยโทรมลง แล้วก็พังไปในที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2017 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 10-07-2017, 09:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนแล้วแต่เป็นอย่างนี้ ดังนั้น...เมื่อเราภาวนาจนกำลังใจทรงตัวดีแล้ว ก็ให้คลายกำลังใจออกมาพิจารณา ให้เห็นว่าร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี ของสัตว์อื่นก็ดี ของวัตถุธาตุสิ่งของทั้งหลายก็ดี มีการเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด หมุนเวียนอยู่เช่นนี้ไม่รู้จักจบจักสิ้น

เมื่อเราเห็นแล้วว่าสรรพสิ่งไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ก็จะเกิดความเบื่อหน่ายในความไม่รู้จักจบจักสิ้น หรือที่ภาษาวัยรุ่นสมัยนี้เขาบอกว่า "เยอะมาก" ความไม่รู้จักจบสิ้นที่หมุนเวียนทับถมอยู่นั้น ก็คือวัฏสงสารที่พาเราเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบไปด้วย

เมื่อเราเห็นชัดเจนขึ้นมา สภาพจิตเกิดความเบื่อหน่าย ก็จะถอนสภาพจิตของตนเองมาจากการเกาะแน่นแฟ้นแต่เดิม กลายเป็นว่าสักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นอีก เพราะเห็นแล้วว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นไม่เที่ยง

ในเมื่อไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่เข้าไปปรุงแต่ง ก็เท่ากับว่าเราตัดวงจรของการเวียนว่ายตายเกิดเหล่านั้นลง เพราะว่าสภาพจิตที่เป็นกลาง ไม่ปรุงแต่งไปใน รัก โลภ โกรธ หลง นั้น เป็นสภาพจิตที่ไม่มีอะไรผูกมัดได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-07-2017 เมื่อ 10:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 10-07-2017, 09:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เห็นธรรมดาว่าทุกสรรพสิ่งเป็นเช่นนี้ ในเมื่อธรรมดาเป็นเช่นนี้ ตัวเราเป็นเช่นนี้ บุคคลอื่นก็เป็นเช่นนี้ สัตว์อื่นก็เป็นเช่นนี้ วัตถุธาตุทั้งหลายเป็นเช่นนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีสภาพเยี่ยงนี้เราไม่ต้องการอีก เราต้องการเพียงอย่างเดียวคือพระนิพพาน

ก็เอาสภาพจิตสุดท้ายของเรา เกาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพานเอาไว้ ตั้งใจว่าถ้าเราหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือว่าเกิดอุบัติเหตุอันตรายถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราขออยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานนี้แห่งเดียวเท่านั้น

ถ้าสามารถรักษากำลังใจให้มั่นคงอย่างนี้ไว้ได้ เช้าสัก ๑๐ นาที ค่ำสัก ๑๐ นาที ถ้าท่านทั้งหลายสิ้นชีวิตลง ก็สามารถล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ในชาติปัจจุบันนี้

ลำดับต่อไปให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-07-2017 เมื่อ 22:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:44



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว