กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #41  
เก่า 07-06-2018, 08:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ส่วนประการที่ ๓ นั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียดายและน่าเสียใจมาก คือเป็นการทำลายล้างกันระหว่างนิกาย ธรรมยุติกนิกายจะเห็นว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐศรีอยู่เสมอ และมหานิกายเป็นพวกที่เลวทรามใช้ไม่ได้ เพราะฉะนั้น...ธรรมยุตพยายามที่จะควบคุม โดยเฉพาะมีอำนาจในการปกครองให้เหนือมหานิกายเอาไว้ โดยอ้างความใกล้ชิดกับราชวงศ์

ซึ่งในส่วนนี้ถ้าเป็นการทำลายล้างกันระหว่างนิกาย จะเป็นเรื่องของการตีงูให้กากิน ก็คือถ้าทำลายกำลังหลักที่ช่วยค้ำจุนพระพุทธศาสนาลง ในประเด็นที่ ๒ ที่เป็นการทำลายล้างกันระหว่างศาสนา เท่ากับเราช่วยเขา ในเมื่อเราช่วยเขา เป็นแนวร่วมในลักษณะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม เหมือนกับเราทำลายกำแพงป้องกันที่แข็งแกร่งของศาสนาพุทธลง หรือว่าทำลายขุนศึกที่เฝ้าชายแดนด้วยความเข้มแข็งลง เกรงว่าต่อไปธรรมยุตจะหาขุนศึกที่รบกับศาสนาอื่นไม่ได้

ถามว่าท่านเจ้าคุณจำนงค์ คือหลวงพ่อพระพรหมเมธี ท่านก็เป็นธรรมยุต ทำไมท่านโดนด้วย ? ก็เพราะว่าท่านเจ้าคุณจำนงค์ท่านรู้ว่าในเรื่องของพระพุทธศาสนานั้น ถ้ามีนิกายอยู่เป็นความแตกแยก ท่านก็พยายามที่จะประสานโดยเข้ากับมหานิกายให้ได้ จนกระทั่งเขาเรียกท่านว่า ธรรมยุตนอกคอก ในเมื่อเป็นธรรมยุตนอกคอก ในความรู้สึกของธรรมยุตในคอกก็คือ มึงต้องโดนด้วย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2018 เมื่อ 12:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #42  
เก่า 07-06-2018, 08:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ดังนั้น ตามที่อาตมาวิเคราะห์ด้วยปัญญาเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตนเอง มองออกว่าเรื่องพรรค์นี้โยงกันอยู่ ๓ ประเด็น แต่ว่าทั้ง ๓ ประเด็นนั้นรวมแล้วเป็นประเด็นเดียว ก็คือต้องทำลายพระพุทธศาสนาให้ได้

เราถึงจะเห็นได้ว่าในส่วนของวันสำคัญทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็นช่วงวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา เขาจะตีข่าวเล่นข่าวพวกนี้เสมอ ขอเพียงแค่ญาติโยมรู้สึกว่าพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาทำแต่ความชั่วช้าเลวทราม เป็นที่พึ่งไม่ได้ เขาก็ประสบความสำเร็จแล้ว

โยมสังเกตดูว่าทำไมข่าวออกแต่พุทธอิสระนุ่งขาวห่มขาว แต่ไม่มีรูปหลวงพ่อเจ้าคุณพรหมดิลก ไม่มีรูปหลวงพ่อเจ้าคุณพรหมสิทธิ ไม่มีเจ้าคุณอีก ๕ รูป เพราะว่านั่นคือสิ่งที่เขาอยากให้เราเห็น ทำในลักษณะที่ว่ามีความยุติธรรม ก็คือแม้แต่พวกเดียวกันอย่างพุทธอิสระก็โดน แต่ความจริงลักษณะนั้นเหมือนกับอุยกาย หรือไม่ก็วัสสการพราหมณ์ ยอมให้โดนโบยโดนตีเพื่อที่จะทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามให้ถึงรากถึงโคน ซึ่งลักษณะอย่างนี้เป็นการที่เอาเบี้ยแลกขุน ตัวเองไม่มีอะไรเสียหาย เพราะว่ากลับไปบวชใหม่เมื่อไรก็ได้ ซึ่งก็คือพุทธอิสระ

แต่ว่าบรรดาหลวงพ่อทั้ง ๓ รูป ตลอดจนกระทั่งเจ้าคุณ ถึงเวลาโดนถอดยศ พอไปบวชใหม่กลับกลายเป็นพระใหม่ ทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่หมด และในส่วนที่น่าเกลียดที่สุดก็คือ แม้กระทั่งฆาตกรฆ่าหั่นศพ หรือว่าบรรดาผู้คนโกงกันเป็นร้อยล้านพันล้าน ถึงเวลายังต้องสู้กันถึง ๓ ศาล ยังมีการให้ประกันตัว แต่พระเราเขาจับถอดผ้าเหลืองเข้าคุกเลย การถอดผ้าเหลืองเอาเข้าคุกของพระนี่ เท่ากับประหารชีวิตทางพระพุทธศาสนา เพราะว่าขาดความเป็นพระไปแล้ว ตายจากความเป็นพระไปแล้ว

ก็ในเมื่อแม้แต่อาชญากรตัวกลั่นเขายังให้โอกาสถึงขนาดสู้กัน ๓ ศาลเป็นเวลาหลายต่อหลายปี แล้วขณะเดียวกันบางทีสู้กันจนถึงศาลฎีกาพิพากษายืนแล้ว ยังมีการถวายฎีกาต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกต่างหาก แต่ความเป็นพระเราไม่มีโอกาสแบบนั้นเลย เขาจับสึกเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2018 เมื่อ 12:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #43  
เก่า 07-06-2018, 08:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เราจะเห็นว่าการทำลายล้างพระพุทธศาสนานั้นรุนแรงมาก ตั้งใจจะกวาดล้างให้พระพุทธศาสนาหมดไปจากประเทศไทย เพื่อเอาอีกศาสนาหนึ่งขึ้นแทนให้ได้ ขอให้ญาติโยมทุกคนตระหนักได้ว่า ภาระของพระพุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่พระเท่านั้น พระพุทธเจ้าฝากไว้กับพุทธบริษัท ๔ อุบาสก อุบาสิกาอย่างญาติโยมทั้งหลาย ถ้าไม่สามารถช่วยกันค้ำจุนพระศาสนา ไม่เป็นปากเป็นเสียง ไม่ปกป้องพระพุทธศาสนา ลำพังแค่สถาบันพระอย่างเดียวก็เอาไม่อยู่

เพราะนอกจากการทำลายล้างทางการเมือง ยังมีการทำลายล้างทางศาสนา และมีการทำลายกันเองระหว่างนิกายด้วย เรื่องพวกนี้ลึกซึ้งเกินกว่าที่พวกเราจะมองเห็นก็มี แต่อาตมายืนยันว่ามี และมีมานานแล้ว เพียงแต่ว่าปัจจุบันนี้เป็นช่วงระยะเวลาที่มีการใช้อำนาจพิเศษ ก็เลยสามารถที่จะรวบหัวรวบหางจัดการอย่างเด็ดขาดได้ โดยมีการแสดงละครร่วมกัน และขณะเดียวกันสื่อมวลชนทั้งหมดที่เป็นฝ่ายตรงข้าม ก็จะออกข่าวโจมตีแต่ทางด้านพระที่เป็นกำลังใหญ่ในพระพุทธศาสนา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2018 เมื่อ 12:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #44  
เก่า 07-06-2018, 09:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เราจะเห็นว่าอย่างหลวงพ่อพระพรหมดิลก วัดสามพระยา ไม่ใช่คดีเงินทอน แต่เป็นการที่ท่านขอเงินไปบูรณะ ไม่ได้เอาไปสร้างอาคารในวัด แต่ว่าทางสำนักพุทธฯ นำส่งเงินให้โดยไม่มีหนังสือนำ เป็นเพียงเช็คใบเดียว ท่านเองก็คิดว่าเป็นเงินที่ท่านขอเอาไปสร้างอาคาร ท่านก็เอาไปใช้ ถ้าหากว่าเป็นความผิดก็เป็นแค่ใช้เงินผิดประเภท

โยมจะเห็นว่าเมื่อ ๒ วันก่อนเขามีข่าวออกมาเรื่องคดีโกงเงินคนจน สำรวจดูแล้วว่ามีคนผิดกี่ราย โทษสูงสุดก็คือให้ออกจากราชการ แค่นั้นเอง แต่ของพระกลับติดคุก เพราะฉะนั้น...ในส่วนนี้ถ้าเรารู้จักนำมาพินิจพิจารณาโดยที่ไม่เอาอารมณ์เข้าไปร่วมด้วย เราจะเห็นภาพอะไรที่ชัดเจนมาก

ศาสนาพุทธเราจะอยู่ยากขึ้นเรื่อย ๆ หลวงพ่อสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดญาณเวศกวัน หรือหลวงพ่อประยุทธ์ ปยุตฺโต บอกเอาไว้นานเป็น ๑๐ ปีแล้วว่า อีกศาสนาหนึ่งถ้ามีคนถึง ๕% เราจะเดือดร้อนมากกว่านี้อีก ปัจจุบันนี้เป็นอย่างนั้นแล้ว

หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ บอกเอาไว้นานแล้วว่า เรื่องของพระศาสนาเราต้องเตรียมทางถอยไว้ที่ต่างประเทศ ทุกวันนี้เหตุการณ์ไม่เกิดขึ้นไม่ใช่แปลว่าจะไม่เกิด แล้วท้ายสุดก็เกิดขึ้นอย่างที่ท่านเตรียมการเอาไว้ บรรดากำลังใหญ่ที่ท่านวางเอาไว้เพื่อค้ำจุนพระศาสนา โดนเขากวาดทีเดียวเกือบหมดวัด

เรื่องพวกนี้ถ้าเราไม่ตระหนักถึงภัยอันตราย ยังเพลิดเพลินเจริญใจอยู่ พระพุทธศาสนาจะสูญสิ้นไปจากเมืองไทย แบบเดียวกับที่หมดไปจากประเทศอินเดีย ค่อย ๆ คิด คิดอะไรได้แล้วก็ทำ อาตมามีหน้าที่เป็นกำลังใจให้ เพราะตัวเองก็ทำจนจะหมดแรงอยู่แล้ว

เมื่อวันที่ ๒๙ นี้ถ้าหากว่าญาติโยมไปวัด จะเห็นว่าทหารไปเป็นชุดเลย เพื่อกดดันไม่ให้เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนพูดอะไรในลักษณะปลุกระดมญาติโยม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2018 เมื่อ 12:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #45  
เก่า 07-06-2018, 09:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนนี้ที่เขาตีข่าวใหญ่ทางพระพุทธศาสนามีจุดมุ่งหมายอยู่อย่างหนึ่งก็คือ จะออกกฎหมายใหม่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่อิสลาม กฎหมายนี้ดุเดือดมาก ก็คือจังหวัดไหนมีสุเหร่า ๓ แห่ง จังหวัดนั้นสามารถตั้งคณะกรรมการอิสลามกลางประจำจังหวัด ประจำอำเภอ ประจำตำบลได้

แล้วคณะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัด มีหน้าที่ให้คำแนะนำผู้ว่าราชการจังหวัดว่าควรจะทำอะไร คณะกรรมการกลางอิสลามประจำอำเภอ เป็นคณะที่ปรึกษาให้คำแนะนำว่านายอำเภอควรจะทำอะไร และคณะกรรมการกลางอิสลามประจำตำบล มีหน้าที่ให้คำแนะนำว่ากำนันต้องทำอย่างไร

ช่วงนี้ที่เขาตีข่าวทางพระพุทธศาสนาให้ดังมาก ๆ เพื่อจะกลบกฎหมายเหล่านี้เสีย แล้วกฎหมายอีกอย่างหนึ่งที่จะออกมาก็คือ กฎหมายฉบับใหม่ที่จะล้มล้างมหาเถรสมาคมและการปกครองคณะสงฆ์ เป็นฆราวาสร่างกฎหมายปกครองพระ

อาตมาเองก็ยังนึกขำอยู่ว่า นี่ถ้าเขาให้พระร่างกฎหมายปกครองทหารตำรวจบ้างจะเป็นอย่างไร ? อย่างเช่นว่า ถ้าหากว่าจะเป็นทหารตำรวจต้องถือศีล ๒๒๗ ข้อ ต้องห้ามมีเมีย จะรับได้ไหม ? เพราะว่าเอาคนที่ไม่รู้เรื่องในวงการนั้นไปร่างกฎหมายให้เขาปฏิบัติตาม ก็คนที่ร่างบางคนบวชยังไม่เคยบวชเสียด้วยซ้ำไป แล้วโดยเฉพาะถ้าหากว่าเป็นคณะ สนช. ๘๔ คนเป็นอิสลามชัด ๆ ไป ๖๓ คน แล้วที่เป็นโดยแฝงอยู่แล้วเราไม่รู้อีกตั้งเท่าไร แล้วมาร่างกฎหมายปกครองพระ ก็เท่ากับกดดันและบีบคั้นให้พระอยู่ยากขึ้นไปเรื่อย ๆ

สรุปง่าย ๆ ว่า ต่อไปพระหายใจก็ผิด ต้องเลิกหายใจเท่านั้น ดังนั้น...เรื่องที่เขาตีข่าวใหญ่ในพระพุทธศาสนา ส่วนใหญ่แล้วเขามีเป้าหมายหลายอย่างด้วยกัน ทั้งทางด้านการเมือง ทั้งทางด้านศาสนา และทั้งการออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายของตนและทำลายล้างศาสนาพุทธ เรื่องพวกเราจะต้องรู้เท่าทัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2018 เมื่อ 12:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #46  
เก่า 07-06-2018, 09:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เราจะเห็นว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผ่านมา ที่ออกกฎหมายแล้วให้ประชาพิจารณ์ภายใน ๙๐ วัน แต่ก็ตีข่าวใหญ่ขึ้นมาเพื่อกลบเสีย จนกระทั่งเราลืมไปหมดแล้วว่ากฎหมายที่ออกมาคืออะไร เรื่องพวกนี้ลึกซึ้งมาก เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามระดมด็อกเตอร์ ๓๐๐ กว่าคน ปรับแผนยุทธศาสตร์กันทุกอาทิตย์ เพื่อครองประเทศไทยให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

น่าเสียดายที่ว่าพุทธศาสนิกชนของเรา นอกจากรู้ไม่เท่าทันแล้วยังเป็นแนวร่วมให้เขาโดยไม่รู้ตัว แค่ถึงเวลามีข่าวคุณออกมาด่าพระ เขาก็ประสบความสำเร็จแล้ว และการอวดดีอวดฉลาดด่าพระโดยไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก เป็นการแสดงความโง่ในสายตาของอาตมา ท่านทั้งหลายเหล่านี้ต้องบอกว่าเป็นแนวร่วมชั้นดีในการทำลายพระพุทธศาสนา ด้วยความภาคภูมิใจว่าตัวเองทำดีทำถูก

พวกเราต้องระมัดระวังและมีความสามัคคีเหนียวแน่น แสดงออกในการปกป้องพระพุทธศาสนาให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นศาสนาพุทธที่บรรพบุรุษของเราเอาเลือดเนื้อและชีวิตปกป้องรักษา เพื่อให้ตั้งอยู่ในแผ่นดินไทย จะสูญสิ้นไปในรุ่นของเรานี่เอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2018 เมื่อ 12:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #47  
เก่า 07-06-2018, 09:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"โดยปกติปัจจุบันนี้แม้กระทั่งในคณะพระอุปัชฌาย์รุ่น ๕๑ ในสังกัดคณะสงฆ์หนกลาง ๒๓ จังหวัดที่อาตมาเป็นประธานอยู่ ถึงเวลาก็ออกมาโวยวายกันในลักษณะที่ว่าทำอย่างนี้ได้อย่างไร ? เราจะสู้เขาได้อย่างไร ? โดยที่ไม่ได้มีความคิดแนวทางอะไรในการที่จะต่อสู้ออกมาเลย

จนกระทั่งอาตมาต้องบอกว่า "แล้วทำไมไม่รู้จักหาข่าวดี ๆ มาสู้กับเขาบ้าง ?" เราทำอะไรมี Facebook มี LINE มีเว็บไซต์ใส่ลงไปให้มาก ๆ ให้ญาติโยมเขาได้รู้จักว่าพระในพระพุทธศาสนาของเราทำความดีอะไรบ้าง วิสาขบูชาที่ผ่านมาอาตมาเพิ่งให้ทุนการศึกษาไป ๑๒ โรงเรียน ถ้าหากว่านับเป็นตัวเงินก็เป็นล้าน ข่าวเหล่านี้เคยมีออกไหม ?...ไม่มี

ปัจจุบันนี้การออกข่าวทางสื่อโซเชียลเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเรา เพราะฉะนั้นในเมื่อทางสื่อหลัก ๆ อย่างหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ เขาไม่ออกให้ หรือที่เขาบอกว่าข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีต้องเสียเงิน เราเองในฐานะพุทธศาสนิกชน เราก็ช่วยกันออกสิ ลง Facebook ของเราแล้วแชร์กันไปก็ได้ ลง YouTube ก็ได้ ถ้าหากว่าลง YouTube กลัวต่างประเทศไม่รู้ ก็ใส่ซับไตเติ้ลเป็นภาษาอังกฤษไปด้วยก็ได้

เป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินกำลังที่พวกเราจะทำ จะได้รู้ว่าพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาของเราจริง ๆ แต่ละปีสร้างสิ่งที่ดีมากมายมหาศาล แต่ว่าเราไม่เห็น ไม่ยกย่อง ไม่สรรเสริญ แต่พอมีสิ่งที่เขาบอกว่าไม่ดีออกมานิดเดียว เราช่วยกันรุมถล่ม ก็กลายเป็นเราทำตัวเป็นคนพังรั้วบ้านให้โจรปล้นบ้านเราเอง ก็แบบเดียวกับที่ว่าการโกงเงินคนจนให้ออกจากราชการ ถ้าหากว่าพระท่านทำจริงก็คือให้ออกจากตำแหน่งหน้าที่ที่ท่านบริหารอยู่ แต่คราวนี้กลายเป็นว่าพระของเรายังไม่ทันจะตัดสินว่าผิดหรือถูก เขาก็เอาเข้าคุกไปแล้ว

เขาพยายามที่จะทำให้พวกเราหวั่นไหว สงสัย ลังเล ในตัวบุคคลที่เราเคยเคารพเลื่อมใส แล้วท้ายสุดก็กลายเป็นหมดความเคารพนับถือในพระพุทธศาสนาไปด้วย
ดังนั้น...อาตมาถึงได้ดุเพื่อนพระอุปัชฌาย์ไป บอกว่าให้สร้างข่าวดี ๆ ขึ้นมาสู้กับเขา เขาก็บอกว่าข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีเสียเงิน อาตมาบอกว่าของตูไม่เห็นต้องไปจ้างเขาลง ถ้าคิดว่าคุณทำอยู่ในระดับที่ดีพอ เขาจะต้องมาง้อเอาข่าวไปลงเองนั่นแหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2018 เมื่อ 12:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #48  
เก่า 07-06-2018, 09:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เรื่องของพุทธอิสระ ซึ่งปัจจุบันก็คือนักโทษชายสุวิทย์ ทองประเสริฐ เราสามารถมองเป็น ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือท่านเสียสละตัวเองเพื่อจะล้มล้างฝ่ายตรงข้าม ก็คือทำให้รัฐบาลดูดีว่า ไม่ได้จัดการเฉพาะฝ่ายพระมหาเถระเท่านั้น แม้กระทั่งฝ่ายเดียวกันถ้าทำไม่ดี ทำไม่ถูกก็โดนด้วย นี่คืออย่างที่หนึ่ง

ส่วนอย่างที่สองก็ตรงกับภาษิตจีนที่ว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล กลายเป็นว่า ตอนที่ต้องการใช้งานก็ปล่อยท่านเอาไว้ กี่ปีกี่ชาติก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากว่าไม่ใช้งานเมื่อไรลุยจับทันที ซึ่งลักษณะการบังคับใช้กฎหมายแบบนี้ ในความรู้สึกของอาตมาขอบอกว่าทุเรศมาก แต่เขาก็ทำกันเป็นปกติ

ในเมื่อเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไร เราก็อย่าไปเสียอารมณ์ทุเรศกับเขาเลย แล้วเราจะเห็นว่าบรรดาข่าวทางหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ จะออกข่าวแต่ด้านพุทธอิสระที่โดนจับกุมคุมขังอยู่ในชุดนักโทษ แต่จะไม่มีข่าวทางด้านพระมหาเถระ เพราะว่าต้องการเอามาลดกระแสความไม่พอใจของพุทธศาสนิกชน เพราะว่าถ้าบุคคลที่ทางด้านลูกศิษย์ลูกหามั่นใจว่าท่านไม่ได้ทำผิด แต่ว่าโดนใส่ร้าย โดนให้ร้าย โดนทำลายล้าง ทั้งทางการเมืองและทางศาสนา ก็เกรงว่ากระแสความไม่พอใจของลูกศิษย์จะกลายเป็นการปลุกระดมมวลชนขึ้นมา จึงไม่ให้ออกข่าว

แต่ทางด้านของพุทธอิสระนี้ที่ให้ออกข่าว เพื่อลดกระแสความไม่พอใจลงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยที่ทางด้านรัฐบาลออกมากล่าวคำขอโทษในลักษณะว่าทำการรุนแรง แต่จริง ๆ แล้วในส่วนที่ออกมาขอโทษ ก็คือละครการเมืองอย่างหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งถ้าเรามีความเข้าใจตรงจุดนี้ก็จะไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าแปลกใจ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2018 เมื่อ 12:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #49  
เก่า 07-06-2018, 09:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เรื่องของทางด้านพระมหาเถระทุกรูปก็ดี ทางด้านพุทธอิสระก็ดี เมื่อเรื่องราวเกิดขึ้นเป็นเครื่องวัดกำลังใจของพวกเราเป็นอย่างดีว่า รัก โลภ โกรธ หลง ของพวกเรามีมากแค่ไหน ? มีโกรธ มีน้อยใจ มีเสียใจ มีหดหู่ มีเศร้าหมองหรือไม่ ? เป็นการวัดกำลังการปฏิบัติธรรมของเรา หรือว่าดีใจ สะใจ ที่เห็นอีกฝ่ายหนึ่งติดคุก ถ้าลักษณะนั้นก็แปลว่ากำลังใจของเราใช้ไม่ได้

ทำอย่างไรถึงจะทำให้กำลังใจของเราอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ยินดียินร้าย พยายามมองให้เห็นว่าเป็นวาระกรรม อย่างที่หลวงพ่อพรหมดิลกท่านใช้คำว่า น่าจะหมดบุญของท่านแล้ว เป็นต้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2018 เมื่อ 12:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #50  
เก่า 07-06-2018, 09:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนอาตมาอุ้มถุงใส่เม็ดเงิน ๓๒ กิโลกรัมกว่า อุ้มมือเดียวอีกมือหนึ่งก็ปิดประตูรถ พระท่านก็วิ่งเข้ามาด้วยความหวังดี “หลวงพ่อครับ..ผมช่วย” ถามว่า “แน่ใจนะ ?” ท่านบอกว่าแน่ใจ “ถ้าแน่ใจ..ก็เอาไปเลย” พอรับไปท่านก็หัวทิ่มไปพร้อมกับถุงเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2018 เมื่อ 12:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #51  
เก่า 08-06-2018, 09:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของพระ เรื่องของพรหม เรื่องของเทวดา อาตมาขอยืนยันว่ามีจริง และพบมาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว สิ่งต่าง ๆ ที่ท่านบอก ที่ท่านกล่าว เป็นไปตามนั้นจนเลิกสงสัยมานานสิบปีแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านบอกอะไร อาตมาทำตามอย่างเดียว

สมัยก่อนมีรุ่นน้องคือทิดชาติชาย พอถึงเวลาอาตมาก็บอกว่าพระท่านบอกอย่างนี้ ให้ทำอย่างนี้ หลวงพ่อบอกอย่างนี้ ให้ทำอย่างนี้ ท่านย่าบอกอย่างนี้ ให้ทำอย่างนี้ ท่านก็มาซักรายละเอียดกับอาตมาว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ? ทำไมถึงไม่เป็นอย่างนี้ ? อาตมาก็บอกว่า "กูไม่รู้" ทิดถามว่าทำไมถึงไม่รู้ ? "ก็กูไม่สงสัย กูเลยไม่ถาม" เพราะฉะนั้น...ถ้าใครสงสัยก็ไปถามท่านเอง

ตัวสงสัยอย่าลืมว่าเป็นส่วนของวิจิกิจฉา ในเมื่อลังเลสงสัยก็ทุ่มไม่เต็มร้อย ในเมื่อทุ่มเทไม่เต็มร้อยโอกาสจะได้ผลมากก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ เราจะเห็นว่าการทำสิ่งเดียวกัน ทำไมคนหนึ่งทำแล้วได้ผลมากกว่า เพราะว่าเขาทุ่มเทเต็มร้อย ขณะที่เราเองลงแรงไปไม่ถึงครึ่ง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2018 เมื่อ 19:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #52  
เก่า 09-06-2018, 16:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการปฏิบัติธรรม ก็คือการที่เราปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ว่าให้ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใสจากกิเลส

คราวนี้การปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ เราจะเข้าใจว่าเป็นการนั่งสมาธิ ซึ่งก็ยังดีที่เข้าใจเช่นนั้น เพราะว่าถ้าอย่างน้อยกำลังสมาธิทรงตัว ก็กดกิเลสลงได้ชั่วคราว ทำให้สภาพจิตของเราผ่องใสไประยะหนึ่ง ถ้าไม่ได้ทำต่อเนื่อง ถึงเวลากิเลสตีกลับก็มัวหมองใหม่ แต่ถ้าทำได้ต่อเนื่องยาวนาน สภาพจิตยิ่งผ่องใส ก็จะเกิดปัญญาเห็นว่า จะชำระกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง แต่ละตัวให้หมดไปอย่างไรบ้าง

ดังนั้น การที่เรามาปฏิบัติธรรม อันดับแรกเลยก็คือ สร้างความดีให้เกิดขึ้นในใจของเรา หลังจากนั้นก็เพิ่มความดีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เหมือนกับเติมน้ำจืดลงในน้ำเค็ม ถ้าเติมมากพอ น้ำเค็มไม่ได้หายไปไหน แต่รสเค็มไม่ได้ปรากฏ เพราะว่าน้ำจืดมีปริมาณมากกว่า พอถึงเวลาทำไปแล้วก็กลายเป็นความดีเฉพาะตัว

ความดีเฉพาะตัวเขาเรียกว่า คุณธรรม พอเรามีความดีเฉพาะตัวเวลาไปไหนคนเขาเห็นว่าเรามีศีลมีธรรม ก็ให้เกียรติยกย่อง คนที่อยากเป็นแบบนั้นบ้างก็ทำตาม การที่คนอื่นเลียนแบบทำตาม เขาเรียกว่า จริยธรรม

จะเห็นได้ว่าในเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรมนั้น ศีลธรรมต้องมาก่อน ปฏิบัติตามศีลตามธรรมจนเกิดความดีเฉพาะตัวจนเกิดเป็นคุณธรรม เมื่อคนอื่นเห็นว่าความดีเป็นสิ่งที่ดี อยากทำตาม เมื่อเริ่มมีคนทำตามก็เป็นจริยธรรม เป็นแบบอย่างแก่เขาได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2018 เมื่อ 19:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #53  
เก่า 09-06-2018, 20:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"บางทีฟังมานานแต่เราก็แยกไม่ออก ประสิทธิภาพกับประสิทธิผลก็แยกไม่ออก ประสิทธิภาพคือความสามารถที่จะทำงานให้สำเร็จ ประสิทธิผลคืองานที่สำเร็จนั้นดีแค่ไหน ทำไมเวลาฟังคนอื่นพูดแล้วไม่รู้เรื่อง ฟังอาจารย์พูดแล้วง่ายนะ ?

พรุ่งนี้เป็นต้นไป อาตมาต้องเข้าสู่วงจรเดิม ๆ คือไปสอนนิสิต ซึ่งโดนนิสิตเรียกร้องมากขึ้น ๆ อย่างพรุ่งนี้ก็สอน ๕ ห้อง ๑๐ ชั่วโมง เหตุที่นิสิตเขาเรียกร้องมากขึ้น เพราะเขาบอกว่าเวลาอาจารย์พูดแล้วเข้าใจง่าย แต่เวลาอาจารย์ท่านอื่นพูดแล้วอาจารย์เองก็ยังไม่เข้าใจ อาตมาขอยกตัวอย่างท่านเจ้าคุณโสภณกาญจนาภรณ์ ท่านบอกว่า "อาจารย์เล็ก...ช่วยสอนวิสุทธิมรรคศึกษาแทนผมทีเถอะ ผมเองยังอ่านไม่เข้าใจเลย แล้วผมจะไปสอนให้ลูกศิษย์เข้าใจได้อย่างไร ?"

วิสุทธิมรรคศึกษาต้องแปลไทยเป็นไทยย้อนหลายชั้น เพราะว่าเป็นคำไทยเก่า ๆ ถ้าหากว่าเรายังไม่เข้าใจความหมาย พอถึงเวลาไปอธิบายให้คนอื่นเข้าใจย่อมเป็นไปไม่ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2018 เมื่อ 18:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #54  
เก่า 10-06-2018, 09:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณเข้าใจคำว่า ติดหลังแห ไหม ? ส่วนใหญ่พวกเราไปใช้คำว่า ติดร่างแห ติดหลังแหก็คือปลาดวงซวย ถึงเวลาเขาเหวี่ยงแห พอแหคลุมลงไป ปลาก็จะติดขึ้นมา แต่ตอนที่เขาชักขึ้น ปลาดวงซวยดันติดหลังแหด้านนอกขึ้นมา นั่นแหละ...แบบพวกที่ไปนอนอยู่ข้างวงไพ่ พอตำรวจจับคนเล่นไพ่ ตัวเองก็โดนไปด้วย...ทำนองนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2018 เมื่อ 18:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #55  
เก่า 10-06-2018, 09:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าอยากให้ผอมต้องดื่มน้ำร้อนทั้งวันหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : งานวิจัยของคุณหมอเขาบอกว่า ให้ดื่มน้ำร้อนให้ได้วันหนึ่งประมาณ ๔ ลิตร แต่ว่าแก้วหนึ่งให้จิบให้นานที่สุด โดยอุณหภูมิสูงที่สุดเท่าที่เราทนได้ พอจิบลงไปเรื่อย ๆ อุณหภูมิร่างกายจะร้อนเหมือนตอนที่เราออกกำลังกาย ระบบร่างกายของเราพอร้อนถึงระดับหนึ่ง ก็จะเตือนให้ร่างกายผลาญแคลอรี

ก็คือตอนเราออกกำลัง ร่างกายต้องการพลังงานไปเพื่อจะใช้ในการออกกำลัง แต่น้ำร้อนเป็นตัวหลอกให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น แล้วระบบร่างกายก็จะคิดว่าจะเป็นการออกกำลัง ต้องการใช้พลังงาน ก็จะช่วยผลาญแคลอรี่ให้ เพราะฉะนั้น...ลองเปลี่ยนนิสัยดู ทำให้ได้อย่างที่คุณหมอเขาว่า แต่ต้องยอมรับนะ...หมออายุ ๕๐ กว่าแล้ว ยังสูงระหงทรงเพรียวหุ่นเรียวชะลูดอยู่เลย

วันละ ๔ ลิตรไหวไหม ? ความร้อนสูงที่สุดเท่าที่เราทนได้ แล้วจิบยาว ๆ อย่าไปอึกเดียวหมด เขาต้องการคงอุณหภูมิในร่างกายเราให้นานที่สุด เพื่อหลอกร่างกาย

อาตมาก็มานึกถึงตัวเองว่า ที่เราผอมอยู่ทุกวันนี้เป็นคงจะเพราะน้ำร้อนนี่แหละ แล้วที่เป็นอย่างนี้ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะทำให้ผอม แต่เกิดจากว่าเป็นมาลาเรียแล้วโดนน้ำเย็นไม่ได้

เป็นผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ไปทั่วโลก ก็ถือว่าได้รับการรับรองแล้ว ในวงการแพทย์เขาฮือฮากันใหญ่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2018 เมื่อ 19:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #56  
เก่า 10-06-2018, 09:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คุณหมอพิพิธพรน่ารักมาก ทำบุญตลอด หมอเกรียงศักดิ์สามีก็ประเภทภรรยาว่าอะไรก็ว่าตามกัน ถวายที่ดินที่เชียงราย ๒๐๐ กว่าไร่ให้หลวงพ่อเยื้อน ขนฺติพโล คุณหมอก็บอกว่า “ที่สวยมากนะคุณ แบ่งไว้สักนิดไม่ได้หรือ ?” หมอพิพิธพรบอก ว่า ไหน ๆ ก็ถวายแล้ว ก็ถวายทั้งหมดนั่นแหละ ตกลงก็ยกถวายไปหมดเลย

นี่กำลังเลี้ยวมาจะหาให้พระอาจารย์เล็ก อาตมาบอกว่าไม่ต้องหาภาระมาเลย ขนาดที่ของคุณนิรันดร์ที่เชียงรายยังไม่กล้ารับเขาไว้ เพราะว่าเวลารับไว้เขาก็จะให้หาพระไป ตอนนี้ทางเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิขอเจ้าอาวาสมาอีก ๒ ราย ยังไม่มีปัญญาหาให้เขา เดี๋ยวกลับไปค่อยไปประชุมว่าใครจะดวงเฮง เดี๋ยวคงต้องให้ปลัดนก (พระปลัดคมสันต์ ธมฺมรโส)ดวงเฮงสักวัดหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2018 เมื่อ 19:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #57  
เก่า 10-06-2018, 09:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อวานนี้อาตมาไปเผาศพแม่ของท่านปลัดนกที่วัดป่ากลางทุ่ง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ตอนกลางเดือนพฤษภาคมน้องชายของท่านตาย พอถัดมาอีกไม่ถึงอาทิตย์แม่ตาย เมื่อวานตอนไปเผา “อาจารย์ครับ ขออนุญาตลาต่อนะครับ เมื่อวานย่าผมตาย..!” ๓ ศพติดกัน ก่อนจะขึ้นเมรุท่านก็มาถาม “ตกลงนี่ผมเผาได้ไหม ?” อาตมาบอกว่า “เผาไปเถอะ ถ้าเป็นอาถรรพ์ว่าเผาแล้วจะตายต่อ ๆ กัน ก็เผาให้หมดบ้านไปเลยแล้วกัน”

ที่เขาห้ามคือคนเป็นพ่อเป็นแม่ ห้ามว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่าไปเผาลูก ถ้าเผาแล้วจะได้เผาอีก เป็นความเชื่อของเขาอย่างนั้น นี่ตัวเองเป็นลูกจะเผาแม่ก็เผาไปเถอะ ก็มีแม่อยู่คนเดียวเท่านั้นแหละ ไม่มีอีกหรอก ยกเว้นว่าใครเป็นแม่บุญธรรมก็เผาต่อไปเลย

การที่เจอเหตุการณ์หนัก ๆ แบบนี้ คนในบ้านตายที ๓-๔ ศพติด ๆ กัน ถ้าหากว่าผ่านไปได้ จะเป็นการเจริญเติบโตทางจิตอย่างหนึ่ง ก็คือสภาพจิตรับการกระทบขนาดนี้ได้ เหมือนกับเป็นการตื่นรู้และยกระดับจิตของตัวเองขึ้นไป ต่อไปจะมั่นคงมาก ถ้าขนาดคนใกล้ชิด ๓ ศพ ๔ ศพยังเฉย เรื่องอื่นก็เรื่องเล็กแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2018 เมื่อ 19:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #58  
เก่า 10-06-2018, 22:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมถวายมะม่วงเขียวเสวยยักษ์ "อาตมาถึงได้ว่ารู้จักต้นไม้กับรู้จักพระเครื่องก็เหมือนกัน จะมาลูกใหญ่ ลูกเล็ก ลูกบิด ลูกเบี้ยวอย่างไร เรามองก็รู้ว่านี่คือเขียวเสวย แต่โยมมองแล้วไม่แน่ใจ "มะม่วงอะไรวะ..ใหญ่จัง ?" เรื่องของพระเครื่องหรือบรรดาเครื่องรางก็เหมือนกัน พอเราดูเป็นดูออกแล้ว ชิ้นต่อไปก็เหมือน ๆ กัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2018 เมื่อ 03:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #59  
เก่า 10-06-2018, 23:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : โบสถ์มีรูปแบบตายตัวไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มี จริง ๆ แล้ว สมัยโบราณไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าเป็นจุดที่กำหนดว่าให้ทำสังฆกรรมได้ ก็จะส่งพระออกไป ๘ ทิศ ในระยะที่เพียงพอต่อการที่พระส่วนใหญ่นั่งทำสังฆกรรมรวมกัน แล้วก็สวดถามว่าแต่ละทิศมีอะไรเป็นเครื่องหมาย ? เมื่อยืนยันกลับมาแล้วก็จดจำไว้ว่า ทิศนี้มีอย่างนี้เป็นเครื่องหมาย ๆ ครบทั้ง ๘ ทิศแล้วก็ทำสังฆกรรมได้

พอมาระยะหลังมีการสร้างเป็นอาคารถาวรขึ้นมา ก็แล้วแต่ว่าศิลปะของแต่ละสถานที่เป็นอย่างไร จะสร้างแบบไหนก็ได้ แต่ส่วนสำคัญก็คือต้องมีสีมา ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือที่ปัจจุบันเราเรียกว่าลูกนิมิต

ดังนั้นแบบไม่ตายตัว สร้างแบบไหนก็ได้ เล็กที่สุดต้องบรรจุพระได้อย่างน้อย ๒๑ รูป ใหญ่ที่สุดไม่เกิน ๓ โยชน์ ก็คือห้ามกว้างเกิน ๔๘ กิโลเมตร ที่กว้าง ๔๘ กิโลเมตร ส่วนใหญ่เขาเรียกว่า คามสีมา พูดง่าย ๆ ว่าทั้งหมู่บ้านหรือว่าทั้งเมืองเลย จะเป็นเขตสีมาหมด นั่นหมายความว่าถ้าพระพุทธเจ้าเสด็จแล้วพระตามไป ๒๐๐,๐๐๐ รูปอะไรอย่างนี้ ก็คงได้ปิดบ้านปิดเมืองเพื่อทำสังฆกรรมกันเลย

ถาม : แล้วที่ผ่านมาในพระไตรปิฎกมีแบบนี้ไหมครับ ?
ตอบ : เต็มที่ก็ ๒๐๐,๐๐๐ รูป เคยมีมาแล้ว

ถาม : โบสถ์ควรจะมีกี่ชั้นคะ ?
ตอบ : กี่ชั้นก็ได้ แต่ถ้าทำสังฆกรรมควรจะให้คนที่อยู่ข้างล่างออกไปเพื่อความแน่นอน เพราะว่าบางคนเขาลังเลสงสัย

ถาม : แล้วในช่วงที่ไม่มีสังฆกรรม สามารถเข้าไปใช้งานใต้โบสถ์ได้ไหม ?
ตอบ : จะทำอะไรก็เชิญ ถ้าทางฝั่งพม่าโบสถ์นี่ก็คือที่พัก ทางฝั่งพม่าไม่ให้ความสำคัญกับโบสถ์ ทั้ง ๆ ที่โบสถ์เป็นที่ทำสังฆกรรมทั้งหมด เขาจะให้ความสำคัญกับศาลารับแขก ก่อสร้างทุกอย่างเสียหรูหราสุด ๆ จนกระทั่งเขาสรุปว่าเอาไว้อวดแขก ส่วนโบสถ์อย่างไรก็ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2018 เมื่อ 03:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #60  
เก่า 10-06-2018, 23:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช่วงงานกฐินเราถวายแต่เงิน ไม่ได้เอาผ้าไตรไป จะได้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ได้ ก็เท่ากับว่าเราร่วมกองบุญไป อย่าลืมว่าเขาใช้คำว่า กะฐินะจีวะระทุสสัง ผ้าจีวรสำหรับกรานกฐิน แล้วคราวนี้ยังมีบริวารอีก ที่เราถวายเงินไปก็คือบริวารกฐิน

ถ้าไม่มีผ้าไตรแล้วที่วัดไหนเขามี เราก็ไปบูชาที่วัดแล้วถวายร่วมไป กะฐินะจีวะระ ก็คือจีวรสำหรับกฐิน ทุสสัง คือผ้า ผ้าจีวร
สำหรับกรานกฐิน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2018 เมื่อ 03:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:33



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว