กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 25-12-2019, 19:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๒

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจ..เข้าให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ต้องบอกว่ายังอยู่ในช่วงใกล้เคียงกับวันพ่อ ซึ่งเมื่อวานเราได้กล่าวถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไปแล้ว วันนี้ก็อยากจะตอกย้ำเพิ่มเติมให้กับพวกเราทุกคน ว่าในเรื่องของการปฏิบัติธรรมเพื่อมรรคเพื่อผลนั้น สิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้ก็คือ บารมี ๑๐

เพราะว่าบารมีทั้ง ๑๐ อย่าง ถ้าเราก็ทำเต็มสมบูรณ์บริบูรณ์ ก็ย่อมเข้าถึงมรรคถึงผลตามที่ตนปรารถนา แม้แต่จะตั้งใจปรารถนาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นได้ คราวนี้ในส่วนของบารมี ๑๐ นั้น ถ้าเราเองยังไม่ชัดเจน ก็ให้เปรียบกับองค์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของพวกเราทั้งหลาย

อย่างเรื่องของทานบารมี พระองค์ท่านให้การสงเคราะห์ต่อประชาชนโดยเสมอหน้ากัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่มีชาวเขาไม่มีชาวเรา ไม่มีความแตกต่างกันด้วยเชื้อชาติศาสนา เราจะเห็นว่าพระองค์ท่านมีทั้งราชประชานุเคราะห์ ราชประชาสมาสัย มีทั้งมูลนิธิต่าง ๆ เช่น ชัยพัฒนา เป็นต้น พระองค์ท่านไม่ได้ให้ทานด้วยการให้อย่างเดียว ในลักษณะที่บางท่านเปรียบว่าเหมือนเอาปลาให้ชาวบ้าน แต่พระองค์ท่านสอนวิธีจับปลาให้ด้วย คือเป็นการให้ทานด้วย ให้ปัญญาไปในตัวด้วย

ในเรื่องของศีลนั้น พระองค์ท่านทรงศีลเป็นปกติและบางสิ่งที่เราไม่รู้เลยก็คือพระองค์ท่านทรงศีล ๘ เป็นปกติในทุกวันพระ ในช่วงที่ "สมเด็จย่า" ยังอยู่ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จไปเสวยพระกระยาหารค่ำกับสมเด็จย่าอาทิตย์ละ ๕ วัน ที่เว้นไป ๒ วันเพราะว่าไปเสวยพระกระยาหารกับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในสมัยนั้น ๑ วัน และทรงศีล ๘ หนึ่งวัน ก็แปลว่าในเรื่องของศีลบารมี ในหลวง ร.๙ ทรงมีสมบูรณ์บริบูรณ์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2019 เมื่อ 03:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 26-12-2019, 19:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของเนกขัมมบารมี พระองค์ท่านนอกจากเสด็จออกบวชในปี ๒๔๙๙ แล้ว พระองค์ท่านก็ยังคงสร้างบารมีในลักษณะของนักบวชหัวดำ เราจะเห็นว่าพระองค์ท่านประหยัดมัธยัสถ์ต่อตนเองยิ่งกว่านักบวชที่ถือศีล ๒๒๗ ข้อ ก็แปลว่าในส่วนของเนกขัมมบารมีคือการออกจากกามนั้น พระองค์ท่านทำตัวห่างออกมาพอ ๆ หรือว่ามากกว่านักบวชทั่วไปเสียอีก

ในด้านของปัญญาบารมีนั้น พระองค์ท่านใช้ปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรม ปัญญาทางโลกสิ่งที่พระองค์ท่านค้นคว้ามากลายเป็นสิ่งสำคัญของโลก อย่างเช่นวิธีการทำฝนเทียม กังหันน้ำชัยพัฒนา วิธีการปรับปรุงดิน เพื่อให้ดินมีสภาพความพอเหมาะพอสมต่อการเกษตรในแต่ละพื้นที่ จนกระทั่งต่างประเทศให้การยอมรับ องค์การยูเนสโกประกาศให้วันที่ ๕ ธันวาคมของทุกปี เป็นวันดินโลก นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของพระปัญญาที่ใช้ในทางโลก

ส่วนในทางธรรม พระองค์ท่านนั้นเข้าถึงธรรมลึกซึ้งมาก มีปัญญามาก นำเอาหลักธรรมมาใช้ในการปกครองประเทศโดยไม่มีกลิ่นอายบาลีอยู่เลย เราจะเห็นว่าหลักธรรมที่พระองค์ท่านใช้นั้น ถ้าไม่ใช่นักปฏิบัติจริง ๆ หรือว่าไม่ใช่ผู้ที่ค้นคว้าตำรามาอย่างช่ำชองจริง ๆ บางทีจับไม่ได้เลยว่าพระองค์ท่านตรัสถึงหลักธรรมอยู่ จะเห็นได้ว่าในส่วนของปัญญาบารมีพระองค์ท่านถึงพร้อมทั้งทางโลกและทางธรรม

ส่วนเรื่องของวิริยบารมีนั้นไม่ต้องพูดถึง พระองค์ท่านพากเพียรที่จะให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมาตลอด ๗๐ ปีที่ทรงครองราชย์อยู่ เป็นงานที่กระทำไปโดยแทบที่จะไม่ได้เห็นผลง่าย ๆ แต่พระองค์ท่านก็พากเพียรทำมาโดยตลอดไม่ย่อท้อ ๗๐ ปี ๔,๐๐๐ กว่าโครงการ ทำไปเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน เห็นชัดว่าวิริยบารมีของพระองค์ท่านนั้นท่วมท้นล้นแผ่นดิน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2019 เมื่อ 20:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 26-12-2019, 19:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของขันติบารมีนั้น พระองค์ท่าน อดทน อดกลั้น อดออม ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทนต่อความเหนื่อยยากพระวรกาย ทนต่อแรงกระทบต่าง ๆ ทนต่อความว่ายากสอนยากของประชาชนโดยเฉพาะราชการ ถ้าไม่มีความอดทนอดกลั้นตรงจุดนี้ พระองค์ท่านมีสิทธิ์ที่จะลงโทษเขาได้อย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่มีเลย อย่างดีก็ตำหนิด้วยวาจา แล้วเป็นการตำหนิที่บางทีคนโดนตำหนิก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองโดน ดังนั้น...ในส่วนของขันติบารมีพระองค์ท่านมีอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์

ในด้านของสัจจบารมีนั้น แค่พระปฐมบรมราชโองการ ว่าเราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ก็แสดงออกถึงสัจจะอย่างจริงแท้แน่นอนของพระองค์ท่าน ตลอด ๗๐ ปีทำเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนมาโดยตลอด ไม่มีอะไรให้สงสัยเลย

ในด้านของอธิษฐานบารมี คือความตั้งพระทัยอย่างมั่นคงของพระองค์ท่าน สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระองค์ท่านตั้งพระทัยกระทำแล้ว ก็ทำไปจนสำเร็จ ถ้ายังไม่สำเร็จก็ยังไม่เลิก ค้นคว้าต่อไป ดังนั้นในความตั้งใจมั่นคืออธิษฐานบารมี พระองค์ท่านก็ถึงพร้อมโดยสมบูรณ์บริบูรณ์

ในเรื่องของเมตตาบารมี พระองค์ท่านนั้นยิ่งใหญ่ ไม่มีอะไรจะเปรียบปาน ด้วยความรักความเมตตาต่อประชากรทุกคน ประหนึ่งบุตรในอุทร ตั้งใจสงเคราะห์ทุกคนเป็นอัปปมัญญาก็คือไม่มีประมาณ เห็นทุกคนเป็นพสกนิกรที่ต้องให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์ ไม่เห็นถึงความแตกต่างของเชื้อชาติศาสนาเลย นี่ก็คือเมตตากรุณาที่หาประมาณไม่ได้ ไม่เลือกที่รักมักที่ชังอย่างแท้จริง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2019 เมื่อ 20:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 27-12-2019, 20:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท้ายสุดก็คืออุเบกขาบารมี สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เกินกำลัง ไม่ว่าจะเป็นกำลังพระวรกาย กำลังคน กำลังทรัพย์ พระองค์ท่านก็ปล่อยวางเป็นอุเบกขาบารมีที่ประกอบไปด้วยเมตตากรุณา มีโอกาสเมื่อไรพร้อมที่จะมาเริ่มต้นใหม่ กระทำใหม่ ช่วยเหลือใหม่ในทันที

ดังนั้น...ในส่วนของบารมีทั้ง ๑๐ ที่เราดูในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นตัวอย่าง พวกเราเองมีพร้อมสมบูรณ์บริบูรณ์แล้วหรือยัง ? ถ้ายัง..ในแต่ละวันต้องทบทวนอยู่เสมอ หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกกล่าวกับลูกศิษย์ โดยเฉพาะพระภิกษุสงฆ์อยู่เสมอว่า บารมี ๑๐ ให้เขียนติดหัวเตียงไว้ แต่ส่วนใหญ่แล้วพระวัดท่าซุงไม่ได้เขียนติดหัวเตียง แต่เขียนติดข้างฝา บางท่านก็ยังมีคำวิจารณ์วิจัยเล็ก ๆ ต่อยอดไปอีก แตกแขนงไปอีก ว่าตรงนี้ของเราบกพร่องตรงไหน ตรงนั้นของเราบกพร่องตรงไหน

บางทีอาตมาได้เข้าไปในห้องของเพื่อนพระในยุคนั้น พระพี่พระน้องหลายรูปตั้งใจปฏิบัติอย่างน่าชื่นชม ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำมาแล้ว ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในการปฏิบัติธรรม ต้องมีบารมี ๑๐ เป็นหลัก ปฏิบัติได้ครบถ้วนสมบูรณ์เมื่อไรสำเร็จเมื่อนั้นอย่างแน่นอน

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2019 เมื่อ 20:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:51



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว