กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เรื่องเล่าต่าง ๆ โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > ใต้ฟ้าอิระวดี

Notices

ใต้ฟ้าอิระวดี การท่องไปในเมืองพม่า โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 17-01-2010, 22:56
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 663
ได้ให้อนุโมทนา: 26,519
ได้รับอนุโมทนา 88,284 ครั้ง ใน 1,256 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default ใต้ฟ้าอิระวดี ตอนที่ ๒

ลุกขึ้นเดินจงกรมตั้งแต่ตีสาม พระพุทธเจ้าตรัสว่า “บุคคลผู้นอนไม่หลับ” มีอยู่ ๕ ประเภท คือ

๑. หญิงผู้ครุ่นคำนึงถึงชาย
๒. ชายผู้ครุ่นคำนึงถึงหญิง
๓. คนร้ายผู้ประสงค์ต่อทรัพย์
๔. พระราชาผู้ขยันออกประกอบพระราชภารกิจ
๕. ภิกษุผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ลุกขึ้นเร่งทำความเพียรเพื่อความหลุดพ้น


อาตมาก็ไม่ทราบว่าตนเองนั้นจัดอยู่ในประเภทใด แต่รับรองว่าไม่ใช่พระราชาผู้ขยันแน่ ๆ พอตีสี่พระเวรลุกขึ้นมาตีเกราะปลุกทั้งพระเณรและชาวบ้าน เกราะทำด้วยท่อนซุงโตเป็นโอบ เสียงดังสะท้อนกับภูเขารอบข้างกระหึ่มไปหมด คนขี้เซาสุดขีดเท่านั้นที่จะไม่ได้ยิน (ถ้าถึงขนาดนั้นก็ควรหามไปเผาได้แล้ว..!)

อาตมาเลิกเดินจงกรมไปสรงน้ำ ท่านอังกุระทำท่าจะขาดใจตายแทน อากาศกำลังสบายแบบนี้ ท่านยังทั้งคลุมทั้งห่ม ถ้าเจอ ๑๔ - ๑๕ องศา แบบที่เกาะพระฤๅษี ท่านคงชักตายไปเลย..! ตีห้าครึ่งเสียงระฆังเรียกพระเณรออกบิณฑบาต ท้องฟ้ายังมืดอยู่ เห็นพระเณรเดินถือตะเกียงกระป๋อง สะพายบาตรเดินตามกันไปเป็นทิวแถวในความมืด…


พระภิกษุสามเณรกำลังออกบิณฑบาต

หกโมงครึ่ง รถกระบะเก่า ๆ มารับอาตมากับคณะไปฉันเช้าที่บ้านงาน มาตอนกลางวันแบบนี้จึงเห็นชัดว่า บ้านเรือนของชาวบ้านล้วนแต่ชำรุดทรุดโทรมทั้งนั้น ท่านนาวินอธิบายว่า “รัฐมอญกับรัฐกะเหรี่ยงไม่ค่อยเจริญหรอกครับ รัฐบาลเขาว่าพวกนี้หัวแข็ง จึงไม่มาพัฒนาให้ ต้องเลยหงสาวดีไปแล้ว จึงค่อยเห็นความเจริญบ้าง...”

อาหารพม่าหนักเครื่องเทศและน้ำมัน จะผัดจะแกงน้ำมันท่วมมาทั้งนั้น “ท่านอาจารย์พอจะฉันแกงพม่าได้ไหมครับ..?” ท่านอังกุระ มหาบัณฑิตจากสำนักมหากันตะยงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “อะไรที่มนุษย์เขากลืนลงไปได้ คุณส่งมาได้เลย..” อาตมาตอบแบบไม่ต้องรบกวนกฤษฎีกาตีความ เป็นพระมีอะไรก็ต้องฉันแบบนั้น แค่ดำรงขันธ์ไปวัน ๆ ก็พอแล้ว...

เห็นแบบอย่างที่ดีจากชาวบ้านที่นี่คือ เขามีพานดอกไม้ธูปเทียนสำหรับขอศีล มีการประกาศให้สรรพสัตว์ทั้งหลายร่วมโมทนาบุญ และเมื่อเสร็จพิธีแล้วจะกราบขอขมาพระรัตนตรัย ลักษณะแบบนี้อาตมาเห็นแต่ชาวบ้านทางเหนือของเราเท่านั้น ที่ยังทำกันอยู่เป็นปกติ ที่อื่นถ้ายังมีอยู่ ก็แปลว่าอาตมายังไม่เคยพบ ถ้าเป็นดังนั้นก็ต้องกราบขออภัย…

กลับมาสอนลูกแมวต่อ อาจารย์สุมังคะละท่านขอร้อง “ขอบารมีท่านอาจารย์ด้วยเถอะครับ ให้ผมสอนจะกลายเป็นสำเนียงลาวหมด…” มันก็จริงของท่าน พยายามแก้คำว่า “เกี้ยว” ให้เป็น “แก้ว” คำว่า “แบ้น” ให้เป็น “บ้าน” เท่านี้ก็แย่แล้ว การเรียนภาษาตอนโตแล้วมันเสียตรงฐานการออกเสียงนี่แหละ เผลอทีไร ร.เรือ เป็น ร.เรีย ทุกที..!

ถูกไล่ที่ถึงรู้ว่าเพลแล้ว หยุดสอนไปฉันขนมจีนพม่า น้ำยาแบบลาวหน้าตาคล้ายแกงเขียวหวาน แต่รสชาติของมันคือซุปหัวหอมดี ๆ นี่เอง ส่วนน้ำยาแบบพม่านั้นก็คือแกงหยวกกล้วยธรรมดา สีดำ ๆ รสชาติค่อนข้างจะเค็ม ไม่มีผลไม้ตามมาหลังอาหาร มีแต่ขนมหน้าตาแปลก ๆ ๒ - ๓ ชนิด รสเหมือนแป้งทอดเปี๊ยบเลย...

หมดปัญหาเรื่องปากท้อง แต่ปัญหาใหญ่กำลังจะตามมา แม่ออกกงซุ่ยเกิดคิดแผนเลิศขึ้นมาได้ จะให้ลูกแมวตามไปเรียนหนังสือที่เมืองไทยกับอาตมา “ยกให้เป็นลูกครูบา..” แม่ออกแกสรุปง่าย ๆ ยุ่งตายห่..เลยตู.. ถ้าไม่ถูกบรรดาลูก ๆ ของอาตมาฉีกเป็นชิ้น ๆ ซะก่อน อาตมาก็คงติดคุกหัวโต ข้อหาให้การอุปการะคนต่างด้าว..!

ถามดูถึงรู้ว่ายายหนูอายุ ๒๐ แล้ว ครบลักษณะผิวพม่านัยน์ตาแขก เพียงแต่ตาออกจะเจ้าชู้ไปหน่อย.. “พ่อใหญ่ แม่ใหญ่ ของมันเป็นลาว พ่อทวด แม่ทวด ของมันก็ลาว แม่มันก็เป็นลาว มาได้กับพม่า...” แม่ออกแกชักประวัติจนหลานสาวบ่นอุบอิบว่า “เป็นม่านมันบ่ดีที่ใด๋ ?” ม่านก็คือพม่านั่นเอง...

ขืนปล่อยให้สาธยายต่อคงถึงสิบแปดชั่วคน พอดีไม่ต้องเรียนกัน พระเจ้าจะอยู่กันไม่ได้ก็ตรงญาติโยมเอาลูกหลานงาม ๆ มาฝากนี่แหละ อาตมาตัดบทด้วยการแยกอักษรสูง อักษรกลาง อักษรต่ำ แล้วสอนวิธีการผันวรรณยุกต์ตามเสียงอักษร ให้ลูกแมวก้มหน้าก้มตาซ้อมการผันเสียงไป ก่อนที่แม่ออกแกจะมีแผนร้าย..เอ๊ย..แผนดี ๆ อะไรออกมาอีก..!

สี่โมงเย็นเลิกสอน ทรงสมาธิแน่นไปหน่อย เพราะกลัวจิตใจจะฟุ้งซ่าน ไปคิดมิดีมิร้ายกับลูกศิษย์สาว ๆ เข้า พอดีมีโยมโดนไสยศาสตร์มาให้ท่านสุมังคะละช่วย ท่านว่ามันเกินกำลัง ขอให้อาตมาสงเคราะห์แทน ฟาดหัวไปเปรี้ยงเดียวหลุดเกลี้ยงยิ้มแต้ไปเลย บอกว่ารักษามาหลายที่ไม่หายเด็ดขาดเหมือนที่นี่..!

หลังทำวัตรเย็นถึงได้ดูของดี ท่านสุมังคะละสวมหน้ายักษ์อบรมพระเณรและเด็กวัด ใครขาดสวดมนต์ทำวัตรถูก “ชยันโต” ซะหูตูบไปตาม ๆ กัน เด็กวัดที่ไม่มาสวดมนต์ทำวัตรถูกเรียกมาเข้าแถว ฟาดหลังด้วยรัดประคตคนละ ๓ ที “พ่อแม่เพิ่นอยากให้พวกมึงได้ดีถึงเอามาฝากวัด ขี้คร้านแบบนี้มันสิดีได้จังใด๋ ?”

คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg ๐๐๑.jpg (100.0 KB, 822 views)
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2010 เมื่อ 11:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 117 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ

ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:18



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว