กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 16-05-2010, 23:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระที่มาทางสายอภิญญา ถึงจะยังไม่ได้มรรคผล พอความดีปรากฏชัด ญาติโยมก็จะให้ความศรัทธามาก ทำให้กิจนิมนต์ท่านเยอะ จึงไม่มีเวลาปฏิบัติเป็นของตัวเอง กำลังของกิเลสก็จะเพิ่มขึ้น พอสักพักเสือทะลายกรง รัก โลภ โกรธ หลงก็ไหลมาเทมา

เราเสียพระนักปฏิบัติไปเยอะแล้ว บางทีท่านปฏิเสธศรัทธาญาติโยมไม่เป็น เลยไม่มีเวลาในการปฏิบัติ เสียแบบฆราวาสไม่เท่าไร แต่เสียแบบพระ..เสียแล้วเสียเลย แก้ตัวใหม่เอาชาติหน้า

ถึงเวลาให้พิจารณากลับมาที่ตัวเอง เราสงวนเวลาสำหรับการปฏิบัติตัวเองไว้ได้เท่าไร เรามีเวลาสำหรับภาวนาเท่าไร เช่น เช้าครึ่งชั่วโมง เย็นครึ่งชั่วโมง แล้วระหว่างวันกำลังมันพอไหม ? พอทำงานก็โดนกระทบ กำลังใจตก..เครียด ต้องหัดสังเกตตัวเองตรงจุดนี้ให้เป็น

เราจะต้องสร้างกำลังใจให้ต่อเนื่อง เร่งทำตอนเช้าเอาความดีเข้ามาในใจเรา อย่าให้ความเลวเข้ามาได้ “ให้ตื่นก่อนกิเลส”

พวกเราที่เป็นฆราวาส การกระทบจะมีมากกว่า จึงต้องรีบปฏิบัติ ต้องสร้างกำลังใจเอาให้อยู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2010 เมื่อ 03:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 112 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 16-05-2010, 23:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาสวดมนต์แล้วคาถาหรือบทสวดมนต์เปลี่ยนไป
ตอบ : ถ้าสติดี รู้ตัวว่ากำลังจะเปลี่ยนคาถา..ก็เปลี่ยนตาม แต่ถ้าขาดสติ..หลุดไป ให้ดึงกลับมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 110 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 16-05-2010, 23:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านสร้างพระแบบหลวงปู่ปานไหม?
ตอบ : ท่านไม่ทำพระวัดรอยครูบาอาจารย์ เพราะถ้าเก่าไปแล้ว จะแยกไม่ออกว่าพระองค์ไหนเป็นของใคร พวกที่อ้างชื่อวัดไปขายมีเยอะแยะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 111 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 16-05-2010, 23:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วัตถุมงคลต่าง ๆ ป้องกันให้เราแคล้วคลาดจากสิ่งที่ไม่ดีได้ใช่ไหม ?
ตอบ : วัตถุมงคลก็จะช่วยผ่อนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นหาย เหมือนโจรจะปล้นบ้านเรา แต่เรายืนคุยกับตำรวจอยู่ แล้วใครจะกล้าปล้น..!

การอาศัยคุณพระรัตนตรัยถือเป็นกรรมฐานที่ใหญ่มาก เมื่อใจเรายึดมั่นก็จะเกิดกำลัง ทำให้ปัจจัยแปรเปลี่ยน ทำให้สิ่งที่ไม่ดีนั้นทำอะไรเราไม่ได้ หรือเลื่อนออกไป หรือรอส่งผลใหม่

ยึดมั่นวัตถุมงคลเป็นพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติช่วยได้ แต่ถ้าเผลอเมื่อไรก็โดน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-05-2010 เมื่อ 09:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 114 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 17-05-2010, 11:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : โสดาปัตติมรรค และโสดาปัตติผล ต่างกันอย่างไร
ตอบ : มรรคคือเข้าถึง ผลคือได้แล้ว
โคตรภู กำลังใจมุ่งหน้าอย่างเดียว ตีก็ไม่ไป ไล่ก็ไม่หนี ยึดพระนิพพานเป็นที่พึ่ง โคตรภูแต่ละระดับก็เหมือนขาก้าวข้ามไปหนึ่งข้างแล้ว โอกาสเสื่อมถึงจะมี แต่ถ้าถึงขั้นนั้นมีแต่วิ่งขึ้นหน้าแล้ว เสื่อมไม่ใช่อย่างที่เราเข้าใจ เสื่อมในที่นี้คือ ฌานเสื่อม อาจเนื่องมาจากร่างกายป่วยมาก หิวมาก ฌานจึงเสื่อม แต่กำลังใจไม่เสื่อม ถ้าหล่นอย่างไรก็ไม่เกินนี้ เหมือนกับมีตัวกั้น

ถ้าเข้าถึงผลแล้วจะเป็นการทรงตัวแบบอัตโนมัติ กติกามีอย่างไรก็ตั้งหน้าตั้งตาทำต่อไป พิจารณาธรรมเพื่อความอยู่เป็นสุข กิเลสจะเบาบางลง สมาธิจะทรงตัวอัตโนมัติ เป็นสมาธิใช้งาน จะเบากว่าปกติเยอะเลย แต่กิเลสกินไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2010 เมื่อ 14:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 104 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 17-05-2010, 11:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตอนที่อาตมาป่วย พอใกล้หายจะมีนิมิตปรากฏให้เห็น มีครั้งหนึ่งเคยเกิดเป็นสิงโตตัวเมีย ถ้าลงมือเมื่อไรไม่เคยพลาดเป้า ตอนที่ล่าเหยื่อ จะรู้เลยว่า ถ้าเหยื่อหนีแล้วเราจะกระโดดใส่ตรงไหน งับคอ ขาหนึ่งตะปบจมูก อีกขาตะปบเข้าคอ กระดูกลั่นดังกร๊วบเลย ตอนเป็นสิงโตฆ่าไป ๒๐๐ กว่าศพ สิงโตมีกำลังสูงมาก สามารถพาวัวกระโดดข้ามรั้วสูงได้สบาย ๆ ตรงนั้นเราต้องหากินตามประสาสัตว์ กรรมเลยไม่หนักมาก

ตอนที่เป็นหมูป่าจ่าฝูง ก็รู้สึกถึงรัก โลภ โกรธ หลงหมดเลย พาลูกฝูงเดินหาอาหารอยู่กลางป่า มีเสือโคร่งตามหลังอยู่ตัวหนึ่ง เสือจะมาคว้าหมูตัวท้ายแล้ววิ่งหนีไป จ่าฝูงอย่างเราก็โกรธ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยหาทางล่อเสือเข้าไปในหุบเขา เป็นหุบที่มีลักษณะเป็นหน้าผาตัดทุกด้าน ทางเข้าก็แคบ หมูทั้งฝูงเข้าไปซุ่มอยู่ ๓ วัน เสือที่ตามมาก็หิว ทนไม่ไหวเลยถูกล่อเข้าไป

พอเสือรู้ว่าไม่รอด ก็ยอมสู้ โดนเสือตบเข้าไป ๗ - ๘ ครั้ง เจ็บมาก ๆ แต่ปกติหมูหนังเหนียวอยู่แล้ว ตอนนั้นเสือเป็นแผลจากการต่อสู้จึงเลยหาทางหนี ปะทะกันครั้งสุดท้าย ตัดใจว่ายอมตายแล้ว ปรากฏว่าเสือพลาดท่าเพราะหมูเร็วกว่า หมูเข้าขวิดใต้ท้องสะบัดทิ้งไปเลย มั่นใจว่าเสือตายแน่ ๆ แล้วหมูมือรองอีก ๘ - ๑๐ ตัวก็มารุมยำ กินเสือกันด้วย ไม่น่าเชื่อว่าหมูป่าก็กินเนื้อเหมือนกัน

สัตว์ทั้งหมดก็คือคนนั่นแหละ รู้จักวางแผน เห็นสถานที่ก็รู้เลยว่าต้องทำการ ณ ที่นี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2010 เมื่อ 14:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 101 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 17-05-2010, 11:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระราหู โดยสภาพแท้จริงแล้วท่านเป็นพระโพธิสัตว์ แปลว่าจะมาเป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า พระราหูเป็นพี่น้องกับพระอาทิตย์และพระจันทร์ ในสมัยนั้นสามพี่น้องได้ข่าวว่าพระพุทธเจ้าลงมาเกิด ก็เลยตั้งใจจะไปทำบุญ พระอาทิตย์ถวายข้าวด้วยขันทอง เลยสว่างเหมือนทองคำ ส่วนพระจันทร์ถวายข้าวด้วยขันเงิน เลยสว่างเหมือนแผ่นเงิน ส่วนพระราหูถวายข้าวด้วยกะบุง

ในสมัยพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระราหูเป็น ๑ ใน ๘ จอมอสูร มีร่างใหญ่มาก ระหว่างคิ้วซ้ายไปขวากว้าง ๑ โยชน์ พระราหูได้ยินคุณของพระพุทธเจ้า อยากจะไปหา แต่ตัวเองตัวใหญ่ กลัวว่าไปแล้วต้องก้มมองพระพุทธเจ้า เป็นการไม่เคารพ พระพุทธเจ้าทรงทราบ เลยเสด็จไปขวางทาง เนรมิตพระวรกายท่านใหญ่กว่าราหูอีก

พระพุทธเจ้าอยู่ที่ใดก็มีความพอดีอยู่เสมอ ไปไหนท่านก็ไม่ต้องก้มพระเศียรให้ใคร ราหูจึงตรัสสรรเสริญพระพุทธเจ้าว่า “ตัสสะ ตัสสะ” จึงเป็นที่มาของคำว่า ตัสสะ ในบทบูชาพระพุทธเจ้า (นะโมตัสสะฯ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2010 เมื่อ 14:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 111 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:14



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว