กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 20-07-2010, 01:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แต่ที่เห็นว่าด่าแล้วได้ผล ก็พระครูแสงชัย สมัยนั้นท่านยังไม่ได้บวช ด้วยความที่ท่านอยากรู้ว่าเราเดินอย่างไร ทุ่งใหญ่ระยะทาง ๙๓ กิโลเมตร เราเดินวันเดียวไปถึงได้ ก็เลยให้เขาไปด้วย เพราะไม่มีอะไรดีกว่าการพิสูจน์ด้วยตนเอง ไปบอกหรืออธิบายให้เขาฟัง อย่างไรก็ไม่หายสงสัย

ตอนนั้นเดินตอนตีสามแล้วฝนก็ตก ตกตั้งแต่ก่อนตีสามอีก จึงต้องเดินตากฝนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งบ่ายโมงจะบ่ายสองอยู่แล้ว ฝนก็ยังไม่หาย แม้แต่ขณะที่เดินอยู่ก็ยังรู้สึกหนาว มือเหี่ยวซีดไปหมด

ตอนนั้นคุณแสงชัยยังไม่ได้บวช ตกไม่เลิกสักที คงอดรนทนไม่ไหวแล้ว ด่าลั่นเลย "โคตรพ่อโคตรแม่มึง ทางอีสานเขาต้องการ มึงไม่ไปตก กูไม่ได้ต้องการ ดันตกอยู่ได้..!" ด่าจบฝนหยุดตกเลย อย่างนี้น่าจะด่าเสียตั้งแต่ตอนตีสามแล้ว..!

ตามสำนวนกำลังภายในเขาว่า "พลังวัตร" ไม่พอ อุตส่าห์คุมตัวเองได้มาเป็นสิบชั่วโมง มาหลุดเอาตอนท้าย เลยก่อวจีกรรมเข้าจนได้

พาเขาไปจนถึงบ้านคลิตี้บน (บ้านทุ่งเสือโทน) ตอนบ่ายสามโมงพอดีเลย คุณแสงชัยไปถึงก็หัวไถพื้น นอนแผ่หลา เราถามว่า "เฮ้ย..ไม่ไปอาบน้ำ กินข้าวกินปลาก่อนหรือ ?" เขาก็บอกว่าไม่ จะนอนท่าเดียว เราไม่รู้จะทำอย่างไรก็เลยเอายาแก้ไข้ยัดปากให้ไปสองเม็ด กรอกน้ำให้แล้วก็หลับไปเลย

ส่วนเราออกไปโบกรถ นั่งรถออกมาอีก ๘๐ กว่ากิโลเมตร กว่าจะถึงตลาดทองผาภูมิก็ค่ำ ไปทุบประตูเขาขอซื้อแกลลอนสองใบ ใบละ ๓๐ ลิตร แล้วก็วิ่งไปปั๊มน้ำมัน ขอซื้อน้ำมันเบนซิน เติมมา ๖๐ ลิตร ไปนอนค้างที่เกาะพระฤๅษีคืนหนึ่งก็วิ่งกลับเข้าไปใหม่ ไปช่วยรถที่ติดอยู่ข้างใน

รถสองแถวเขามาได้แค่บ้านทุ่งเสือโทน เราก็ต้องแบกน้ำมันสองถัง ๖๐ ลิตร เดินเข้าทุ่งใหญ่อีกรอบ ผลปรากฏว่า..ความที่คิดจะช่วยคนอื่นเขาโดยไม่นึกถึงความยากลำบาก เทวดาท่านอาจจะเห็นใจ

พอดีไปเจอคณะนักศึกษาธรณีวิทยา หัวหน้าคณะ คือ ท่านอาจารย์บุญส่ง โยกาศ ท่านแปลกใจว่า พระแบกน้ำมันสองถังเดินมาทำอะไร ? ตอนนั้นท่านกำลังคุมนักศึกษาให้เก็บตัวอย่างแร่อยู่ในป่าข้างทาง ยังอุตส่าห์เดินขึ้นมาถาม ก็เลยบอกกับท่านว่า มีโยมที่เพิ่งจะรู้จักกัน รถเขาไปน้ำมันหมดอยู่ในทุ่งใหญ่ ก็เลยต้องแบกน้ำมันไปให้เขา

อาจารย์บุญส่งท่านคงจะเห็นความบ้า ก็เลยบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นไปรถผมก็แล้วกัน" ถามท่านว่า "แล้วงานของอาจารย์ล่ะ ?" ท่านก็บอกว่า "ไม่เป็นไร ปล่อยนักศึกษาเก็บตัวอย่างไป เดี๋ยวผมกลับมารับเขาได้"

ท่านก็ขับรถพาไปส่ง ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ ยังไม่ได้เจอหน้าท่านอาจารย์บุญส่งอีกเลย คาดว่าคงเกษียณไปนานแล้ว ถ้าจำไม่ผิด ช่วงนั้นประมาณปี ๒๕๓๖ หรือ ๒๕๓๗ นี่แหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2019 เมื่อ 20:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 20-07-2010, 13:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เรื่องนี้เกิดจากความห้าว ประเภทไม่รู้จักเสือเอาเรือมาจอด เรื่องมีอยู่ว่า เด็กหนุ่มสี่คนเอนทรานซ์ติด คิดไปฉลองกัน ตกลงกันว่าไปทุ่งใหญ่

เด็กทั้งสี่คนรู้จักทุ่งใหญ่แต่ชื่อ เห็นระยะทางไม่ถึงร้อยกิโลเมตร ก็คิดว่าสบายมาก ว่าแล้วก็ลุยเข้าไปเลย ขณะนั้นพวกเราเดินธุดงค์ผ่านไปพอดี พอได้ยินเสียงรถ คุณแสงชัยกับคุณเต้ย เขาก็เกิดจินตนาการบรรเจิดว่า ไม่ต้องเดินแล้ว โบกรถดีกว่า ถึงเร็วดี

ความเฮงจึงมาเยือน ปรากฏว่าขึ้นรถเขาไปได้ไม่นาน รถเขาก็เจ๊ง ไหน ๆ อาศัยเขามาแล้วก็ช่วยกันเข็น คลุกโคลนคลุกเลนชนิดท่วมตั้งแต่หัวจรดเท้า เจ้าของรถก็ถอดใจ ตัดสินใจที่จะทิ้งรถ อาตมาบอกว่า "ไม่ได้..เอ็งไม่ต้องเข็น ถือพวงมาลัยอย่างเดียว อย่าเสือกออกความเห็น..!"

ตอนนั้นลำบากขนาดเจ้าของเขาถอดใจแล้ว เพราะไม่ใช่ทางราบ ใครเคยไปทุ่งใหญ่จะรู้ ถนนเป็นร่องลึกขนาดรถโฟร์วีลยังติด แล้วช่วงเนินสูงอย่างกับขึ้นลิฟต์เลย เวลาขึ้นเนินก็ช่วยกันดันรถขึ้นไปทีละนิ้ว ๆ แล้วก็เอาไม้รองเขยิบไปเรื่อยจนกว่าจะถึง

พอถึงยอดเนินแต่ละครั้งก็กระโดดขึ้นรถ แล้วก็ปล่อยให้ไหลลง สนุกอย่าบอกใคร..! งานนั้นไม่ได้ตั้งใจเป็นพระเอก แต่ต้องเล่นบทพระเอกตลอด ตอนแรกที่รถสตาร์ทไม่ติด คิดว่าแบตเตอรี่อ่อน เราก็แบกแบตเตอรี่เดินจากเหมืองพุจือ ออกมาบ้านจะแก จำไม่ได้ว่ากี่กิโลเมตร

นายปราโมทย์ นักศึกษาที่เพิ่งเอนทรานซ์ติด ตัวใหญ่ขนาดหนุ่มชินเชาวน์ แบกหม้อแบตเตอรี่ไหว แต่เขาเดินไม่ได้ เพราะพื้นเป็นโคลนเละเทะ พอก้าวทีก็หงายท้อง อาตมากลัวแบตเตอรี่จะเสีย ก็เลยต้องแบกแทน

แบกมาจนถึงบ้านจะแก ไปขอชาร์ตที่แผงโซล่าร์เซลล์ ตอนนั้นเป็นเวลากลางคืน ต้องรอจนกว่าจะสว่าง พอสว่างแล้วฝนดันตกอีก แทบจะไม่มีแดด สรุปว่า พอเอาแบตเตอรี่เข้าที่ชาร์ตเขาก็นอน อาตมาต้องเดินกลับมาเพื่อเฝ้ารถ ปล่อยให้พวกที่นอนนั้น หาข้าวหาปลากินกันในหมู่บ้านจะแก

สมัยนั้นข้างนอกน้ำมันลิตรละ ๖ บาท ข้างในนั้นลิตรละ ๒๕ บาท..! คราวนี้รถที่ไปเป็นรถเบนซิน เขาไม่รู้ว่าในป่ามีแต่ดีเซล หาเบนซินเติมไม่ได้ แล้วรถต้องใช้เกียร์ต่ำตลอด ก็เลยกะผิด กะว่าน้ำมันถังเดียว ๙๐ กว่ากิโลผ่านได้แน่ ปรากฏว่าหมดเกลี้ยง..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2010 เมื่อ 16:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 134 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 20-07-2010, 13:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาเดินลุยโคลนกลับไปนอนเฝ้ารถ ปรากฏว่าพอนอนลง หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็มา ท่านมาสั่งงาน..! ไม่มีเลยที่จะเอ่ยว่า ที่เราลำบากควรจะแก้ไขอย่างไร หรือมาปลอบใจเป็นกำลังใจ มาสั่งงานอย่างเดียวจริง ๆ..!

จึงสรุปได้ว่า การที่เราเดินสายพระโพธิสัตว์มาก่อน เรื่องที่คนอื่นว่ายาก สำหรับเราแล้วยังไม่ยากที่สุด ยังดื้อต่อไปได้ ขนาดเจ้าของรถคิดจะทิ้งรถ เรายังไม่ยอมเลย อย่างไรก็ต้องเอาออกมา ถ้าเป็นพวกเราจะยอมร่วมเป็นร่วมตายกับเขาขนาดนั้นไหม ?

พอเอารถผ่านบ้านพุจือ ผ่านบ้านจะแก ผ่านแม่กะสะ ผ่านเซซาโว่ ออกมาถึงห้วยซ่งไท้ และได้ฝากหน่วยป่าไม้เอาไว้ รุ่งขึ้นนัดแนะเป็นอย่างดี

ตอนนั้นคุณวีรวัฒน์ เป็นหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ หัวหน้าวีรวัฒน์บอกว่า พรุ่งนี้มีรถออก ถามว่าออกกี่โมง ? ท่านว่าประมาณ ๗ โมงครึ่ง เราก็นัดแนะทุกคนตั้งแต่ ๖ โมงเช้า บอกว่าในป่าไม่มีอะไรแน่นอน ฉะนั้น..อย่าไปเชื่อที่เขานัด

พอตีห้าครึ่งก็หุงข้าว หกโมงเช้าให้พวกเขาประเคน ฉันเรียบร้อยภายใน ๑๐ นาที พอไปถึงรถกำลังจะออก เราก็กระโดดขึ้นรถพร้อมกับฤๅษีบุญทรง ส่วนพวกคณะสี่คนยังนอนอยู่เลย เขามั่นใจว่า ๗ โมงครึ่งแน่ ในเมื่อเราเตือนแล้ว เขายังนอนกลิ้งอยู่ ก็ปล่อยให้เขารับผิดชอบชีวิตตัวเองบ้าง

ปรากฏว่าช่วงที่หารถเพื่อเข้าทุ่งใหญ่ ตลอดจนเอาน้ำมันเข้าไป มีเหตุการณ์หลายอย่าง คือ ไปขอความช่วยเหลือใครก็ตาม เขามักจะบ่ายเบี่ยงหรือปฏิเสธ เพราะเห็นว่าธุระไม่ใช่ ก็ตามเคย คุณแสงชัยด่าเขาโขมงโฉงเฉง จนกระทั่งต้องบอกเขาว่า หน้าที่ขอความช่วยเหลือเป็นหน้าที่ของเรา ส่วนจะช่วยหรือไม่ช่วยเป็นน้ำใจของเขา อย่าจำในสิ่งที่ไม่ดีที่คนอื่นทำกับเรา แต่ถ้าใครทำดีกับเราให้จำเอาไว้ และรอเวลาทดแทน

นี่เป็นแนวปฏิบัติประจำตัวมาแต่แรกเลย ฉะนั้น..ใครทำไม่ดีกับอาตมา อาจจะรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ อยู่ แต่พอเจอหน้า อาตมาก็สบาย ไม่เคยจำเลย จนกระทั่งคนทองผาภูมิเขาสงสัยว่า อาจารย์เล็กโกรธใครไม่เป็นเลยหรือ ?

นึกถึงหลวงปู่อุบาลีคุณูปมาจารย์ วัดไร่ขิง คนเขามาถาม "หลวงปู่ คนด่าหลวงปู่ขนาดนั้น หลวงปู่ไม่โกรธหรือ ?" หลวงปู่ตอบว่า "มีหรือไม่โกรธ อยากจะมองให้มันหายวับไปตรงนั้นเลย แต่หลวงปู่เป็นพระ หลวงปู่จะทำอย่างไรได้ ก็ได้แต่ยิ้ม" นั่นนักเลงจริง ท่านยอมรับว่าโกรธ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2010 เมื่อ 16:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 21-07-2010, 00:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นิมิตกสิณเราต้องกำหนดนึกตลอดไปหรือเปล่า หรือว่าติดตาติดใจ มองไปที่ไหนก็เห็นตลอด ?
ตอบ : เลิกกำหนดเมื่อไรก็หายเมื่อนั้น ยกเว้นว่าเราจะคล่องตัวจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นเวลาเราเผลอก็อาจจะยังอยู่ได้

ถาม : เวลาเผลอก็ยังอยู่ได้ แปลว่า ติดตาตลอด ?
ตอบ : แปลว่าสมาธิไม่เคลื่อน ถ้าเผลอแล้วไม่เคลื่อนก็ยังอยู่ได้ แต่ถ้าเผลอแล้วเคลื่อนก็หายหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2010 เมื่อ 02:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 21-07-2010, 01:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทางบริษัทจะมีการกำหนดว่า เราจะต้องเขียนว่าหน้าที่การงานในอนาคตที่เราจะไปคืออะไร ? ตอนนี้ผมคิดไม่ออก เพราะพอใจจะอยู่ตรงนี้แล้ว แต่ว่าเหมือนกับเป็นกฎบังคับว่าเราจะต้องเขียน
ตอบ : เขียนว่า "ไปนิพพาน" ดูซิว่าเขาจะว่าบ้าไหม ?

ถาม : จะใช้หลักอะไรในการพิจารณาดี ?
ตอบ : ก็ต้องมีการคาดการณ์ในอนาคตว่าจะไปทางไหน แต่คาดการณ์เป็นได้ทั้ง "ใช่" และ "ไม่ใช่" โอกาสผิดกับถูก ๕๐ : ๕๐ เราลองคาดการณ์ดูว่าอนาคตจะไปทางด้านไหน แล้ววางเป็นแผนขึ้นมา

เพราะการวางแผนนโยบายต่าง ๆ เราต้อง "คิดว่า" หรือ "คาดว่า" เราเองก็ถือว่าภายในสองชั่วโมงนี้จะยอมให้ฟุ้ง แล้วก็นั่งคิดไป ถ้าเราไม่ยอมปล่อยให้ฟุ้งเราจะคิดไม่ออกหรอก กำหนดเวลาไว้ ขอฟุ้งซ่านหน่อย พอเขียนแผนเสร็จเรียบร้อย เราก็เลิก กลับมาอยู่กับปัจจุบันของเราตามเดิม


ถาม : เพราะมัวแต่ฟุ้ง เลยไม่อยากจะเขียน
ตอบ : ในเมื่อเป็นงานก็จำเป็นต้องคิด

ถาม : มีวิธีการคิด ที่พอจะเดาได้ว่า อย่างน้อยเราจะหลีกไม่ต้องคิดไปตรงนั้น แล้วเราก็เขียน อย่างนั้นก็ได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ได้..เขาให้อิสระเราอยู่แล้ว ต้องการแค่ว่าให้เราเขียนออกมาให้ได้แค่นั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 30-01-2019 เมื่อ 00:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 121 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 21-07-2010, 01:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กติกาของความเป็นพระโสดาบัน คือรักษาศีล ๕ เคารพในพระรัตนตรัย นึกถึงความตาย และรักพระนิพพาน ทีนี้การทรงอารมณ์เหล่านั้น พอเราคุยหรือเราเรียนหนังสือ ลมหายใจเราหลุดออกจากอารมณ์นั้น
ตอบ : เรื่องของลมหายใจเป็นเครื่องช่วยในการตัดกิเลสเท่านั้น ถ้าเวลาทำงานให้สมาธิของเราอยู่กับงาน ถ้าว่างจากงานแล้วให้มาจับภาวนา ยกเว้นถ้าเรามีความคล่องตัวจริง ๆ เราจะภาวนาพร้อมกับทำงานได้

แต่ถ้ายังทำอย่างนั้นไม่ได้ ก็ให้สมาธิทั้งหมดก็อยู่กับงาน จะได้ไม่ฟุ้งซ่านไปอย่างอื่น เลิกงานแล้วค่อยมาอยู่กับกรรมฐาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2011 เมื่อ 01:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:33



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว