กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #41  
เก่า 19-03-2014, 19:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวานมีโยมมาบูชาพระมหาเศรษฐีเงินล้าน รุ่น ๑ เนื้อนวโลหะ บอกว่าองค์ของตัวเองให้พี่สาวไปแล้ว ถามว่าทำไม ? เขาบอกว่าเทวดารักษาพระไปเข้าฝันพี่สาว บอกว่าขอไปอยู่ด้วย พี่สาวก็ไม่รู้จัก เห็นแต่ว่าเป็นพระลักษณะแบบนี้ ๆ พอเจอน้องชายเห็นแขวนอยู่ที่คอ ก็เล่าให้ฟัง น้องชายก็เลยต้องสละให้ไป ตัวเองมาบูชาองค์ใหม่ แสดงว่าเทวดาท่านเลือกเจ้าของเอง น้องชายสงสัยว่าพี่สาวเห็นพระก็ทำขนลุกขนพอง ที่แท้พระองค์นี้เองที่ไปเข้าฝัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-03-2014 เมื่อ 19:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 240 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #42  
เก่า 19-03-2014, 19:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บางทีเราเดิน ๆ อยู่ก็สะดุด เหมือนมีใครมาทำ แต่ก็ไม่มีใครครับ ?
ตอบ : นึกว่ากรรมแล้วกัน เรื่องแบบนี้มีเป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าสติของเราสมบูรณ์ก็ไม่โดน พวกนี้จะแทรกมาตามวาระกรรม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-03-2014 เมื่อ 19:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #43  
เก่า 26-03-2014, 12:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนนี้ฟุ้งซ่านค่ะ
ตอบ : อยู่กับลมหายใจเข้าออกจะไม่ฟุ้ง คิดเรื่องอื่นก็ดึงกลับมาที่ลมหายใจใหม่ ถ้าอยู่กับลมหายใจได้ก็ไม่ฟุ้งแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-03-2014 เมื่อ 13:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #44  
เก่า 26-03-2014, 12:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "พวกเราน่าจะรู้จักเจงกิสข่านกันทุกคน ท่านถือเป็นจอมจักรพรรดิคนหนึ่งของแผ่นดินจีน ซึ่งตอนนั้นเป็นจักรวรรดิมองโกล เจงกิสข่านสร้างจักรวรรดิที่ใหญ่โตมโหฬารมาก กินพื้นที่ทั้งเอเชียและยุโรป ปรากฏว่าทุกวันนี้เขาค้นหาสุสานเจงกิสข่านไม่เจอ เขาเชื่อว่าบรรดาสมบัติต่าง ๆ ที่ตีชิงมาได้จากการยึดบ้านยึดเมือง จะยังฝังรวมอยู่กับศพของเจงกิสข่าน แต่ขออภัยเถอะ หากันทั้งชาติก็คงไม่เจอหรอก ที่เจอก็เป็นของคนอื่น

ตอนเจงกิสข่านตาย เขาให้เอาศพไปเลี้ยงอีแร้ง ไม่มีซากเลย เป็นการกระทำที่ฉลาดที่สุดในโลก ไม่สูญเสียทรัพยากรใด ๆ ทั้งสิ้น แถมไม่ต้องเสียเวลาฝังหรือเผาอีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-03-2014 เมื่อ 13:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #45  
เก่า 26-03-2014, 12:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงแหวนปลอกมีดว่า "พวกเรารุ่นหลัง ๆ ไม่เคยทำเหล็กรัดปลอกมีด เขาทำปลอกขึ้นมากันมีดบาด สมัยก่อนใช้โลหะ ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก ทองเหลือง ทองแดง แม้กระทั่งทองคำ ตีเป็นปลอกรัดมีดไว้ ถามว่ารัดปลอกมีดเขารัดแบบไหน ? ก็เผาไฟให้ขยาย ขยายแล้วก็สวมเข้าไป พอเย็นลงก็รัดแน่นพอดี เขาเลยเรียกโลหะเกลี้ยง ๆ ที่รัดปลอกมีดว่า แหวนปลอกมีด

สมัยนี้เห็นแล้วรำคาญตา บางทีเขาเขียนว่า "แหวนปอกมีด" ไม่รู้เห็นมีดเป็นผลไม้หรืออย่างไร คนสมัยหลังไม่ค่อยรู้ศัพท์ เจอเยอะมากเลย "รักสามเศร้า" จะเศร้าอะไรนักหนา หรือเห็นว่ามี ๒ คนแล้วอีกคนมายุ่งด้วย ก็เลยเศร้าทั้ง ๓ คน

เส้า ที่นี้หมายถึงก้อนเส้าที่วางรองหม้อไห เวลาสมัยก่อนเขาหุงต้มกัน แล้ว ๓ เส้าคือ มี ๒ คนแล้วคนที่ ๓ แทรกขึ้นมาเลยเป็นรักสามเส้าคือ ๓ คนแย่งกัน เดี๋ยวก็มีรายการทะเลาะกันบ้านแตกสาแหรกขาด แต่สมัยนี้เขียน รักสามเศร้า อาตมาก็สงสัย จะดราม่าอะไรนักหนาวะ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-03-2014 เมื่อ 13:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #46  
เก่า 26-03-2014, 12:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนโบราณเขาอวยพรให้เด็ก เขาว่าให้เย็นเหมือนฟัก ให้หนักเหมือนแฟง ให้อยู่เรือนเหมือนก้อนเส้า ให้เฝ้าเรือนเหมือนแมวคราว เวลาเขารับขวัญเดือนเด็กก็เลยมีพวกฟักแฟง มีก้อนเส้า แล้วก็มีแมวคราว คือ ตัวผู้ตัวโต ๆ

เย็นเหมือนฟัก หนักเหมือนแฟง คือให้เป็นคนใจคอเยือกเย็นหนักแน่น อยู่เรือนเหมือนก้อนเส้า ก้อนหินที่เอามาตั้งหม้อตั้งไหให้เราหุงต้ม จะไปไหนได้ ก็อยู่แต่ในบ้าน เฝ้าเรือนเหมือนแมวคราว แมวกลางคืนไม่นอนหรอก จะเดินร้องหง่าว ๆ ทั้งคืน ก็ถือว่าเฝ้าบ้าน ความจริงกลางคืนเป็นเวลาที่แมวออกหากิน แต่ความเชื่อของโบราณเขาว่าแมวเฝ้าบ้าน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-03-2014 เมื่อ 13:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #47  
เก่า 27-03-2014, 14:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีคนจำนวนหนึ่งไม่มากนัก แต่มักจะเป็นนักวิชาการมีชื่อเสียง เขาจะเน้นเอาธรรมะบริสุทธิ์อย่างเดียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าบุคคลมี ๔ ประเภท มีอุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู เนยยะ และปทปรมะ ถ้าไปเอาประเภทธรรมะบริสุทธิ์อย่างเดียวเนยยะก็ตาย ศาสนาก็ไปไม่ได้

อย่างศาสนาของเรา นักวิชาการสร้างแผนภาพเป็นรูปสามเหลี่ยมปิรามิด ฐานล่างสุดมีขนาดใหญ่ ก็คือพวกที่ยังติดพิธีกรรม ในช่วงกลางก็เป็นพวกที่เริ่มเข้าหาศีล สมาธิ ในช่วงปลายเป็นพวกที่ปฏิบัติครบในไตรสิกขา ก็คือมีปัญญาร่วมด้วย ก็แปลว่าขึ้นไปก็เหลือนิดเดียว คราวนี้ในส่วนที่ว่ามา เคยบอกไว้หลายครั้งแล้วว่า ต่อให้คนพูดเอง เอาธรรมะบริสุทธิ์ไปให้ล้วน ๆ ก็ไม่ทำหรอก แต่มักจะแสดงความเห็นให้ดูเก๋ เท่ ฉลาด

ถ้าเราไปดูบาหลีซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ ของอินโดนีเซีย ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศอิสลามที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประชากรอิสลามมากที่สุดในโลกถึง ๒๕๐ กว่าล้านคน บาหลีเป็นเกาะเล็ก ๆ นิดเดียว แต่เป็นฮินดู และความเป็นฮินดูเหนียวแน่นชนิดอิสลามแทรกไม่เข้า วันหนึ่ง ๆ มีการบวงสรวงบูชาพระเจ้า ๔ - ๕ รอบ เช้ายันค่ำ ต้องมานั่งเตรียมเครื่องบูชาไปถวายที่เทวาลัย กลับมาทำงานหน่อยหนึ่ง เดี๋ยวก็ไปต่ออีกรอบแล้ว หากเป็นงานเทศกาล วันเกิดของเทพเจ้าองค์นั้น วันฉลองของเทพเจ้าองค์นี้ ก็แทบไม่ต้องทำมาหากิน ไปกันทั้งวันเลย

นั่นพิธีกรรมล้วน ๆ แต่ทำไมพิธีกรรมเขาถึงได้เหนียวแน่นจนอิสลามแทรกไม่เข้า ? เป็นเรื่องที่น่าคิด เพราะว่าเขาใช้พิธีกรรมทำจนกระทั่งเป็นฌานไปแล้ว เป็นอนุสติ คือระลึกถึงเทพเจ้าของเขา นึกถึงเทวดาที่เขาเคารพ

แบบเดียวกับอิสลาม อิสลามที่เคร่งครัดทำละหมาดวันละ ๕ ครั้ง การที่เขาทำละหมาดวันละ ๕ ครั้ง ก็คือหลักปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา เน้นตรงตัวสมาธิ ดังนั้นบรรดาอิสลามที่เคร่งครัด เขาถึงยึดพระเจ้าของเขาอย่างเหนียวแน่นสุดชีวิต เพราะเขาสร้างสมาธิจากการละหมาด ถ้าไม่มีตัวนี้อยู่ ไม่สามารถที่จะรักษาอิสลามิกชนเอาไว้ได้ เพราะว่าไม่มีอะไรหล่อเลี้ยงจิตใจเขา

ดังนั้น..จะเห็นว่าในเรื่องของพิธีกรรมจริง ๆ ถ้าทำถูก ทำเป็น แล้วทำแบบจริง ๆ จัง ๆ ต้องบอกว่าเป็นส่วนในการค้ำจุนพระศาสนาที่สำคัญ ต้นไม้ต้นหนึ่ง เราจะเอาแก่นอย่างเดียว ต้นไม้อยู่ไม่ได้หรอก..ตายแน่ ต้องมีกระพี้ด้วย ต้องมีเปลือกด้วย นักวิชาการส่วนใหญ่จะเป็นนักวิชาเกิน อะไรที่ยากแล้วดูดีก็พยายามที่จะพูด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2014 เมื่อ 03:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #48  
เก่า 27-03-2014, 14:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พุทธศาสนาของเรา ถ้าเอาพิธีกรรมที่เห็น ๆ คือใส่บาตรตอนเช้า ถ้าเราสามารถใส่บาตรได้ทุกเช้า ถึงเวลาเกิดความรู้สึกขาดไม่ได้ แสดงว่าการให้ทานของเราควบกับศีลไปในตัว เพราะว่าตอนเราใส่บาตรเราไม่ได้ล่วงศีลแม้แต่สิกขาบทเดียว จึงก่อให้เกิดสมาธิ เท่ากับว่าสามารถสร้างฌานสมาบัติจากพื้นฐานของทาน หลังจากนั้นเราจะไปต่อยอดอย่างไรก็ขึ้นอยู่ที่เราจะพิจารณา

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนว่า ถ้าไม่มีโอกาสใส่บาตรก็ให้ถวายข้าวพระทุกวัน แล้วก็จะมีพวกนักวิชาเกินคอยเที่ยวมาไล่งับ ไล่กัด ไล่ตำหนิชาวบ้าน บอกว่าไม่ใช่คำสอนของพุทธศาสนา ไม่มีในพระไตรปิฎก จะเรียกพวกนี้ว่าอย่างไร ? ปทปรมะ ก็ดูจะยกย่องเกินไป ต้องเรียกว่ามิจฉาทิฐิ

ปทปรมะเป็นคนฉลาด ฉลาดมาก ๆ เลย แต่ฉลาดแบบไม่รับความคิดคนอื่น จึงเข้าถึงธรรมไม่ได้ แต่มิจฉาทิฐิไม่เอาใครไม่พอ หลงทางอีกต่างหาก แล้วท่านทั้งหลายเหล่านี้ ให้ปฏิบัติธรรมก็ไม่เอาหรอก กูอ่านพระไตรปิฎกอย่างเดียว แล้วมาวิเคราะห์ว่าพระไตรปิฎกมาจารึกขึ้นหลังพุทธกาลล่วงมาแล้วตั้ง ๓๐๐ - ๔๐๐ ปี ต้องมีการแต่งเติมขึ้นมาเพื่อสรรเสริญคุณศาสดาของตน ว่าให้ชุ่ยไปหมด อ่าน ๆ ไปแล้วก็สงสารเขา ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน กว่าจะรู้ตัวก็ตอนตายแล้ว ซึ่งแก้ไขอะไรไม่ทัน

เขาโจมตีเกี่ยวกับพิธีกรรมต่าง ๆ ว่ากลบแก่นแท้ของศาสนา เสกน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก เสกวัตถุมงคลขึ้นมาทำให้ชาวบ้านยึดติด อย่างกับว่าถ้าไม่มีวัตถุมงคลแล้วชาวบ้านจะไม่ยึดติดอย่างอื่น หลวงปู่ดู่ท่านถึงบอกว่า "ติดวัตถุมงคลยังดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล" แล้วเป็นเรื่องแปลกว่า นักวิชาการเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะจบด็อกเตอร์กัน มีตำแหน่งทางวิชาการ เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์ ฉลาดจริงหรือเปล่า ? แม้กุศโลบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่โบราณจารย์ทำให้ใจเราเกาะความดีเบื้องต้นก็ยังมองไม่เห็น แล้วจบด็อกเตอร์มาได้อย่างไร ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2014 เมื่อ 15:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #49  
เก่า 27-03-2014, 14:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราร่วมทำบุญสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ถ้าองค์พระยังสร้างไม่เสร็จ ทองยังไม่ได้ติด อานิสงส์ชำระหนี้สงฆ์จะสมบูรณ์หรือไม่ครับ ?
ตอบ : บุญได้ตั้งแต่ยังไม่ได้ทำ แค่คิดจะทำก็ได้แล้ว แต่ถ้าลงมือทำเมื่อไรก็สมบูรณ์ เพราะฉะนั้น..รีบทำ มีที่ไหนก็ทำ ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ๑๐๐ บาท ทำไปเถอะ สำคัญตรงที่ได้ทำ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2014 เมื่อ 15:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #50  
เก่า 27-03-2014, 14:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ปฏิบัติธรรมมา เกิดอาการทางร่างกายก็คือเกร็ง แรก ๆ ก็เป็นอย่างนี้ พอหลังไปนาน ๆ จะตึงมากขึ้น เวลาเดินออกกำลังกายจะเหมือนเกร็งตลอดเวลา จะมีวิธีแก้อย่างไรครับ ?
ตอบ : รู้ตัวก็ผ่อนคลายสิ ประเภทรู้แล้วไม่ผ่อน ก็ฉลาดน้อย

ถาม : บางจังหวะก็ไม่รู้ตัวครับ ?
ตอบ : ดีแต่เข้าออกไม่เป็น ลักษณะของการทรงสมาธิ ต้องทำให้เกิดความชำนาญในการเข้า ความชำนาญในการออก ความชำนาญในการไปตามลำดับ ความชำนาญในการไปสลับกัน คุณทำได้อย่างเดียวก็คือเข้าแล้วไม่ออก

เรื่องการตอบปัญหาจริง ๆ ครอบคลุมเอาไว้หมดแล้ว ยกเว้นพวกขี้เกียจหา เลยมาเอาถามใหม่ สรุปว่าถามเหมือนเดิม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2014 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #51  
เก่า 27-03-2014, 14:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การชำระหนี้สงฆ์ ได้ตั้งแต่ตอนที่จิตเราคิดจะสละออกแล้วหรือครับ ?
ตอบ : ได้แค่ส่วนเดียว ถ้าลงมือทำถึงจะได้เต็ม ส่วนพระจะสร้างเสร็จไม่เสร็จเป็นเรื่องของเขา

ถาม : ถ้าเราตั้งจิตเอาเงินไปชำระหนี้สงฆ์ แล้วคนเขาเอาเงินที่เราทำนี้ไปใช้ในทางที่ไม่ชอบ ?
ตอบ : ไม่ได้เกี่ยวกับเรา อานิสงส์ของเราได้ไปแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2014 เมื่อ 15:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #52  
เก่า 27-03-2014, 15:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า บุคคลที่เกิดมาแล้วพบกันในโลก ในอดีตไม่เคยมีความสัมพันธ์กันมานั้นไม่มีเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2014 เมื่อ 15:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #53  
เก่า 30-03-2014, 20:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาวางแผนจะสร้างที่พักสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ตอนแรกว่าจะเอาอาคารแบบหอพักสัก ๕ ชั้น นึกไปนึกมาแล้ว คงจะแออัดน่าดู เอาหลังเดี่ยว ๆ ดีกว่า หลังเดี่ยวนอนสักหลังละ ๕ - ๑๐ คน แบบรีสอร์ท"

ถาม : สร้างอยู่แถวไหน ?
ตอบ : ว่าจะสร้างไว้รอบ ๆ เมรุ ถ้าใครอยากสบายก็ไปผจญกับผีหน่อยแล้วกัน ไปเห็นเขาทำแล้ว อยู่แถว ๆ เลยแยกแก่งเสี้ยนไปไม่ไกล ว่าจะไปถามราคาเขาดู ถ้าราคาไม่โหดมากก็จะให้เขายกไปตั้งทีละหลัง

ตอนช่วงนี้ผลิตเงินไม่ค่อยทันใช้ แค่ค่าก่อสร้างศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ตกเดือนละล้านกว่าบาท ศาลาผ่านไปหนึ่งปี จะครบหนึ่งปีวันที่ ๒๗ มีนาคมนี้ จ่ายไปแล้ว ๑๗ ล้านกว่าบาท ได้แค่ที่เห็น ที่เขาตั้งงบไว้ ๔๐ ล้าน อาตมาบอกแต่แรกแล้วว่า ร้อยล้านไม่รู้จะอยู่หรือเปล่า ? พอศาลาเสร็จก็จะเริ่มทยอยทำที่พักของโยม

เรื่องซื้อที่ไม่ต้องซื้อแล้ว คนอื่นเขาซื้อไปแล้ว เพราะว่าเขาไม่ยอมแบ่งขาย ส่วนอาตมาต้องเก็บเงินไว้เผื่อสำรองในการก่อสร้าง ก็เลยไม่กล้าเอาไปใช้ เพราะถ้าเอาไปใช้หมด เกิดฉุกเฉินขึ้นมาจะยุ่ง ไม่อย่างนั้นแล้วอาตมาว่าจะซื้อที่ไว้ทำสถานที่ปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะที่ตรงนั้นแถวรอบ ๆ บึงน้ำน่าสร้างกุฏิปฏิบัติธรรมมาก แหล่งน้ำซับแบบนั้นไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่าย ๆ อาตมาทำเกาะพระฤๅษี ชาวบ้านเขาก็บอกว่าสร้างรีสอร์ทไปทีหนึ่งแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-03-2014 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #54  
เก่า 30-03-2014, 20:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระของหลวงพ่อโหน่งต้องบอกว่าเอาอานุภาพอย่างเดียว เพราะท่านทำด้วยดินท้องนา ถึงเวลาเผากันทีเป็นลำเรือ ๆ สมัยนั้นใครขอก็ขนไปเลย กว่าเขาจะรู้ว่าของดีก็หมดไปแล้ว"

ถาม : หลวงปู่จีน เป็นอาจารย์ของหลวงปู่ยิ้มอีกทีใช่ไหมครับ ?
ตอบ : องค์เดียวกัน หลวงปู่พระครูพรหมวิหารคุณนั่นแหละ

ถาม : พระครูพรหมวิหารคุณนะครับ ?
ตอบ : องค์เดียวกัน ท่านยิ้มทั้งวันเขาเลยเรียกว่า หลวงปู่ยิ้ม คราวนี้ท่านเป็นลูกจีน บางคนก็เรียกหลวงปู่เจ๊ก หลวงปู่จีน อย่าลืมนะว่าสมัยนั้นขึ้นเป็นพระครูได้นี่เกียรติคุณต้องดังระเบิดเลย หลวงปู่ปานกว่าจะเป็นพระครูได้เล่นเอาอายุเกือบเกษียณแล้ว หลวงปู่จงท่านอยู่มาเป็นหลวงตาธรรมดา ๆ จนกระทั่งมรณภาพไม่ได้เป็นอะไรเลย เพราะท่านไม่เอายศไม่เอาตำแหน่ง ท่านช่วยเขาไปเรื่อย

หลวงปู่จงออกจากวัดไป บางทีครึ่งปีไม่ได้กลับวัด ด้วยความมักง่ายของคน พอเจอท่านในงานก็ “บ้านดิฉันอยู่ไม่ไกลค่ะ นิมนต์หลวงพ่อด้วย” ต่อไปเรื่อย ๆ ท่านก็ไปกับเขาเรื่อย ลูกศิษย์ต้องเอาเกวียนไปตามกลับ บางทีข้ามไป ๔ - ๕ จังหวัด ครึ่งปีไม่ได้กลับหรอก จากตรงนั้นไปไม่ไกล แต่จากวัดท่านไกล นิมนต์กันต่อไปเรื่อย ท่านเองก็เมตตาเขาเหลือเกิน นิมนต์ก็ไปสงเคราะห์เขาทั่วไปหมด

หลวงปู่จงท่านอายุยืนจริง ๆ รุ่นราวคราวเดียวกับหลวงปู่ปาน แต่หลวงปู่ปานมรณภาพแล้ว หลวงปู่จงอยู่มาอีก ๓๐ กว่าปี หลวงปู่จงมามรณภาพตอนอาตมาจะเข้าชั้นป.๑ อยู่แล้ว มรณภาพปี ๒๕๐๘ สมัยอาตมานี่เขาเข้าเรียนกัน ๘ ขวบ

งานประจำปีวัดบางนมโค เขาเอารูปปั้นหลวงปู่ปานมาตั้งไว้ แล้วก็มีตู้รับบริจาค หลวงปู่จงนั่งลงนะหน้าทอง เป่ากระหม่อมให้เขาอยู่ตรงนั้น ๙ วัน ๙ คืน ผ่านไปนับเงินได้ ๘,๐๐๐ บาท เปิดตู้หลวงปู่ปานนับเงินได้ ๘,๐๐๐ บาท หลวงปู่จงบอกว่า “เสียท่าท่านปาน นั่งเฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรได้ ๘,๐๐๐ บาท เราเป่าหัวคนจนจะเป็นลมได้ ๘,๐๐๐ บาท” แต่นึกถึง ๘,๐๐๐ บาทสมัยนั้น สร้างโบสถ์สวย ๆ ยังแค่ ๕,๐๐๐ บาทเท่านั้น ๘,๐๐๐ บาทเทียบกับรายรับสมัยนี้ก็หลายล้านบาท.."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-03-2014 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #55  
เก่า 30-03-2014, 20:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระเครื่องหลวงปู่ปานท่านบอกว่าให้ญาติโยมบูชาองค์ละบาท สมัยนั้นแพงสุด ๆ ก๋วยเตี๋ยวชามละไม่กี่สตางค์ อาตมาจำได้ว่า ตัวเองเข้าเรียนชั้นป.๑ ก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่งเพิ่งจะสลึงเดียว

หลวงพ่อฤๅษีขออนุญาตว่า หลวงปู่ปานเป็นหนี้อยู่ ๔,๐๐๐ บาท ก็เกือบสร้างโบสถ์ได้หลังหนึ่ง จึงขอกรรมการวัดว่าไม่ให้ตั้งราคา ให้โยมเขาบูชากันเอง กรรมการก็บอกว่า “ถ้าเกิดไม่พอล่ะ ?” หลวงพ่อบอกว่า “ถ้าไม่พอเดี๋ยวข้าเทศน์ใช้หนี้ให้เอง” กรรมการก็เลยตกลง

ปรากฏว่าได้เงินถล่มทลายเลย ท่านบอกว่าต่ำสุดเขาให้ ๓ บาทอยู่ ๒ คน แล้ว ๕ บาทอยู่ ๒ คน นอกนั้นให้ ๑๐ บาทขึ้นไปทั้งนั้น ได้มากกว่าที่ต้องการหลายเท่า สมัยนี้องค์งาม ๆ ราคาเป็นล้าน สมัยนั้นองค์ ๕ บาท ๑๐ บาทเอง ค่าของเงินก็ต่างกันจริง ๆ

อาตมาไปทำความสะอาดคลังหลวงปู่มหาอำพัน เจอทองแผ่นหนัก ๓ บาท เขาเขียนราคาติดหน้ากระดาษที่ห่อเอาไว้ กระดาษนี่กรอบหมดแล้ว “บาทละ ๔๐๐” โอ้..เมื่อไรจะมีบาทละ ๔๐๐ ให้พวกเราซื้อบ้าง ? ไม่รู้เขาถวายหลวงปู่มหาอำพันไว้ตั้งแต่ตอนไหน เพราะว่าท่านทิ้งเอาไว้ก้นคลังพัสดุ แล้วก็ไม่มีใครได้ไปดูไปแลเลย เพราะพระธรรมยุตท่านจับเงินจับทองไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-03-2014 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #56  
เก่า 31-03-2014, 16:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีอยู่ช่วงหนึ่งอาตมาก็ซื้อ-ขายทองอยู่อย่างนี้แหละ จนกระทั่งคุ้นอยู่กับร้านอยู่ ๒ - ๓ ร้าน อย่างบ้วนฮั่วล้งหรือฮั่วเซ่งเฮง ร้านบ้วนฮั่วล้งนั้นเป็นเพื่อนกัน เขาเรียนจบวิศวะฯ มา พ่อแม่ไม่ยอมให้ไปทำงาน ให้อยู่ช่วยขายทอง แล้วจะเรียนไปทำไม ? วิศวะฯ สมัยก่อนนี่สุดยอดพอ ๆ กับแพทย์เลย แต่เรียนจบมาให้ไปขายทอง ขายทองอาศัยแค่ประสบการณ์ ไม่ต้องใช้หัวขนาดนั้นก็ได้

ช่วงที่ทองไมครอนออกมา ร้านทองโดนหลอกไปเยอะ เพราะว่าตัดอย่างไรก็เป็นสีทอง แล้วข้างนอกเขาเคลือบหนา ๆ ไว้ เอาหินลองทองไปขูด ๆ หน่อยแล้วหยอดน้ำกรดลงไปก็เป็นทอง หลอกกินไปเยอะ สมัยนี้ถ้าเป็นทองแท่งใหญ่ ๆ ก็อันตราย เพราะเขาฝังข้างในมา แล้วพวกนี้เก่งมาเลย คำนวณน้ำหนักได้พอดี เขาใช้วิธีเคลือบทองแท้เข้าไปแล้วกะให้ได้นำหนักเดียวกับทอง

ยังเคยคิด ๆ อยู่ว่าความจริงเรามีวิธีหาเงินง่าย ๆ นะ คือไปที่ภูเขาทอง โกยมาทีละถุง สัก ๓ - ๕ กิโล แล้วก็หิ้วเข้าร้านไปขาย แต่ก็อันตรายเหมือนกัน อันดับแรก ถ้าคนรู้ก็ไม่ปลอดภัย อันดับที่สอง ไม่มั่นใจว่าการซื้อขายแบบนั้นต้องเสียภาษีหรือเปล่า ถ้าต้องเสียภาษี เราเป็นพระก็ต้องอาบัติปาราชิก ขาดความเป็นพระแบบไม่รู้ตัว ซวยพอกัน


ถาม : ที่ภูเขาทอง ทองเป็นทรายหรือครับ ?
ตอบ : เป็นทรายเม็ด ๆ ถ้าอย่างเม็ดใหญ่ ๆ ประมาณเม็ดข้าวโพด เป็นตะปุ่มตะป่ำหน่อย ตอนแรกด้วยความที่ไม่เคยเห็น ก็นึกว่าเป็นทองก้อน ๆ พอเห็นของจริงจึงรู้ว่าเป็นทราย ที่ซาอุดิอาระเบียก็มีภูเขาทอง ใครไปเที่ยวเขาก็ใส่ขวดเล็ก ๆ ขายให้เป็นที่ระลึก แต่ไม่ใช่ทองแท้ นั่นเป็นแร่ไพไรต์ เขาบอกว่าตันหนึ่งสามารถสกัดทองได้ ๒ บาทซึ่งก็คุ้ม แต่ว่าคนซาอุฯ รวยจนไม่รู้จะเอาไปทำอะไรแล้ว จึงปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ ปัจจุบันนี้ถ้าอพยพต่างด้าวออกจากซาอุดิอาระเบียหมด พวกนั้นตาย เพราะทุกวันนี้เขาทำอะไรไม่เป็น ต้องอาศัยคนอื่นทำทั้งนั้น เป็นแต่กินกับนอนแล้วก็ผลิตลูก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-03-2014 เมื่อ 16:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #57  
เก่า 31-03-2014, 16:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ประเทศกาตาร์ พัฒนาประเทศจนล้ำยุคสุดยอด เพราะประเทศเขามีขนาดเล็ก วิ่งสุดประเทศแค่ ๘๐ กิโลเมตร ผู้ปกครองของเขาชื่อเจ้าชายอะไรจำไม่ได้แล้ว ขับรถสำรวจประเทศทุกวัน ดูความเป็นอยู่ของประชากรอย่างใกล้ชิด ดูพวกโครงการก่อสร้างอะไรต่าง ๆ วิ่งพักเดียวก็ทั่ว วนดูทุกวัน

สิงคโปร์ประเทศเล็ก ๆ เขาก็บริหารได้ดี ต้องบอกว่าดูแลทั่วถึง กาตาร์ประเทศเล็ก ๆ เขาก็บริหารได้ดี ใครจะไปนึกว่ากลางทะเลทรายจะทำให้เจริญได้ขนาดนั้น อาบูดาบี ดูไบ พวกนี้เขาเรียกสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คือหลายประเทศมารวมกันเป็นประเทศใหญ่ แต่ว่าการปกครองของเขาก็ยังต่างคนต่างดูแลแต่ขึ้นกับศูนย์กลาง


ถาม : พม่านี่ขึ้นกับคนกลางไหมครับ ?
ตอบ : พม่านั้นต่างคนต่างอยู่ เมื่อไม่กี่วันก่อนมีข่าวว่าพม่าพบหยกหนัก ๕๐ ตัน ที่จริงเขาเจอมาเป็น ๑๐ ปีแล้วนะ แต่เขาปิดข่าวเอาไว้แล้วค่อย ๆ สกัดขึ้นมาขายทีละหน่อย เพราะเขารู้ว่าถ้าข่าวหลุดไปแล้วทหารจะมายึด ในที่สุดข่าวก็รั่วไปจนได้ เขาเจอตั้งแต่สมัยที่อาตมาไปพม่าใหม่ ๆ จะ ๒๐ ปีได้แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-03-2014 เมื่อ 16:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #58  
เก่า 31-03-2014, 16:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นิโรธสัญญาในสัญญา ๑๐ กับนิโรธในอริยสัจ มีอรรถะต่างกันอย่างไรหรือคล้ายกันครับ ?
ตอบ : คล้ายกัน ถ้าจะเอาแน่ ๆ ก็นิโรธในอริยสัจ เพราะแปลว่าหลุดพ้นแล้วแน่ ๆ

ถาม : ถ้านิโรธสมาบัติมีส่วนของวิปัสสนาญาณอยู่ด้วยไหมครับ ?
ตอบ : อยู่กึ่งกลาง ไม่ใช่สมถะและไม่ใช่วิปัสสนา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-03-2014 เมื่อ 16:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #59  
เก่า 02-04-2014, 21:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เป็นไปได้ไหมครับที่คน ๆ หนึ่งแขวนพระองค์หนึ่งสายหนึ่งก็ใช้ได้ปกติ ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอคนนี้มาแขวนปุ๊บ จะต้องมีเรื่องมีปัญหาทุกที ?
ตอบ : เท่าที่ประสบการณ์ผ่านมา มีพระรุ่นไฟไหม้มือของหลวงพ่อฤๅษี พกเมื่อไรนี่ แหม...ฮึกเหิมอยากตีกับชาวบ้านเขาประจำ แต่อาตมารู้ทันอารมณ์ตัวเอง ก็เลยระงับได้ ไม่อย่างนั้นก็คงโดดใส่เขาไปแล้ว

ถาม : แต่นี่เป็นเหตุการณ์ข้างนอกนะครับ ?
ตอบ : กรณีนี้ยังไม่เจอ เพราะว่าเท่าพกมาก็มีแต่ส่งผลในด้านดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-04-2014 เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #60  
เก่า 02-04-2014, 21:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่เขาบอกเกี่ยวกับผู้ที่จะมาตรัสรู้ในอนาคตวงศ์..?
ตอบ : โตเทยยพราหมณ์อยู่อเวจี พระเจ้าอชาตศัตรูอยู่สัญชีวนรก อยู่ข้างล่างทั้งคู่จ้ะ สมัยนี้คนเก่งมีเยอะ หลายท่านบอกว่า ตนเองเป็นท่านนั้นท่านนี้ในอนาคตวงศ์ แล้วเขาหากันได้ครบ ๑๐ องค์เสียด้วย อาตมาก็สงสัย เพราะในอนาคตวงศ์บางท่านไปพระนิพพานแล้ว ฉะนั้น..คนเก่งมีเยอะ อย่าไปเถียงกับเขาเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-04-2014 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว