กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 15-04-2011, 10:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การเป็นผู้ใหม่อยู่เสมอ..?
ตอบ : มีสติระลึกได้อยู่ในสิ่งที่เราทำ เราก็จะไม่ย่อหย่อนปล่อยให้จมปลักอยู่อย่างนั้น จะมีการพยายามทำในสิ่งต่าง ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ย้ำแล้วย้ำอีกโดยไม่เบื่อหน่าย เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งนั้นเป็นของเราอย่างเที่ยงแท้

ถาม : แล้วถ้าเราทรงอยู่อย่างเต็มที่ ในส่วนชืด ๆ ก็คือ การทรงอยู่ในฌานหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ใช่..แล้วก็จะติดอยู่แค่นั้น รูปราคะ ติดอยู่ในรูปฌาน อรูปราคะ ติดอยู่ในอรูปฌาน

ถาม : การเอาสติฝืนรู้ ต้องใช้พลังงานมากนะคะ
ตอบ : ถ้าไม่ฝืนมาก เราต้องเสียเวลาฝึกทีเป็นสิบ ๆ ปี โดยเฉพาะพวกเราพอฝึกได้แล้ว เราไปใช้พลังงานจนหมด จนกระทั่งกำลังไม่พอ เราปล่อยให้พลังงานไหลออกทางตาบ้าง หูบ้าง จมูกบ้าง ลิ้นบ้าง กายบ้าง ใจบ้าง อยู่ตลอดเวลา

ในเมื่อเราไม่ปิดประตูระบายน้ำ เราก็มีน้ำไม่พอใช้งานเสียที ฉะนั้น..ต้องสั่งสมให้ได้ในระดับที่ต้องการใช้งาน ทุกอย่างต้องรอการสั่งสม ต้องรอเวลา แต่คราวนี้ว่า เวลาจะมาถึงช้าหรือเร็ว อยู่ที่ปัญญาของเรา ถ้าปัญญาเราเห็นชัด ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ทำให้กำลังของเรารั่วไหล เราก็พยายามปิดรูรั่วนั้น ในเมื่อปิดรูรั่วได้ กำลังก็จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2011 เมื่อ 11:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 15-04-2011, 10:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาหนูทำงานหนักมาก ๆ แล้ว พอเสร็จงานเหมือนกับว่ากำลังตัวเองตกลง สติ สมาธิ ปัญญาลดลงไป ทั้ง ๆ งานที่หนูทำก็อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ใช้ความคิด ใช้สมาธิ ถือว่าเป็นรูรั่วที่ทำให้เกิดการปรุงแต่งหรือเปล่า ?
ตอบ : เป็นรูรั่วและใหญ่มากด้วย

ถาม : เหมือนเป็นการสร้างตบะให้ตัวเอง ต้องอาศัยความอดทนมากในการนั่งทำงาน
ตอบ : นั่นเป็นการเอากำลังที่เราสั่งสมมาทั้งหมดไปใช้ในงานนั้น ๆ อาตมาเวลาอยู่ที่ห้องเรียน ก้มหน้าก้มตาอยู่กับคอมพิวเตอร์ไปเรื่อย ๆ ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า จนกระทั่งหลวงพ่อปรีชา (พระครูบรรพตพัฒนคุณ วัดเขาอิติสุคโต) ให้คำจำกัดความว่า "อาจารย์เล็กท่าจะบ้าคอมพิวเตอร์ นั่งดูจอได้เป็นวัน ๆ"

แต่ความจริงสติ สมาธิ ของเราจดจ่ออยู่ตรงนั้น ทำให้เราสามารถที่จะทำได้ ในขณะที่คนอื่นไม่สามารถที่จะทนนั่งได้นานขนาดนี้

ถาม : แต่เราต้องใช้กำลังสูงมากในการกระทำสิ่งนั้น ๆ ?
ตอบ : แต่พอเราทำไปเสร็จเรียบร้อย กำลังส่วนหนึ่งใช้ไปแล้ว ส่วนที่ใช้ในการตัดกิเลสก็เลยเหลือไม่พอ มีวิธีหนึ่งที่จะทำได้ก็คือ ทำอย่างไรที่เราจะรักษาระดับกำลังให้ทรงตัวโดยที่ไม่ลดลง ทำงานก็เหมือนกับเราเข้าสมาธิ เข้าสมาบัติไปในตัว ซึ่งเกิดจากความชำนาญในการเข้าออกฌาน

ต้องไปซ้อมความชำนาญในการเข้าฌานและออกฌาน สมาปัชชนวสี ความชำนาญในการเข้าฌาน วุฏฐานวสี ความชำนาญในการออกจากฌาน สองตัวนี้เราต้องทำให้คล่อง ถ้าเราทำได้คล่อง เราสามารถที่จะทรงฌานไปด้วยทำงานไปด้วยได้

ความคล่องตัวขนาดนั้นเกิดจากการที่กำลังสมาธิของเราเริ่มอยู่ตัว พออยู่ตัวแล้ว ใช้ขนาดไหนต้นทุนก็ยังเท่าเดิม เพราะเท่ากับเราเติมของใหม่อยู่ตลอดเวลา ต้องซ้อมกันอีกหน่อย ไม่ยากหรอก คนอื่นเขาทำกันได้เยอะแยะ

ถาม : เกี่ยวกับร่างกายไหมคะ ?
ตอบ : เกี่ยว...สมาธิเกี่ยวกับร่างกายเยอะมาก ถ้าร่างกายแย่สมาธิก็ไม่ทรงตัว เพราะฉะนั้น..ต้องไปถึงเอกัคตารมณ์ของแต่ละสมาธิให้ได้ ถ้าถึงเอกัคตารมณ์ จะมีพื้นฐานรองรับไว้ ร่างกายแย่ขนาดไหน กำลังใจก็ทรงตัวอยู่อย่างนั้น เริ่มต้นทำได้แล้ว..มัวแต่ถามอยู่เราจะไม่ได้อะไร ถ้าทำจึงจะมีความก้าวหน้า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2011 เมื่อ 11:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 15-04-2011, 11:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คำว่าองค์พระบิดาของศาสนาอื่น ?
ตอบ : จะไปตื่นเต้นอะไรกับศาสนาเขา

ถาม : คำว่าองค์พระบิดาของศาสนาอื่น หมายถึงใคร ?
ตอบ : ถามแล้วได้อะไร ?

ถาม : บังเอิญมีกลุ่มคณะหนึ่ง เขาสอนให้นับถือองค์พระบิดาเป็นเอก และพระพุทธเจ้าเป็นลำดับถัดไป
ตอบ: ขอให้รู้ว่าผิดทางแล้วจ้ะ

ถาม : สรุปว่าไม่มีจริง ?
ตอบ : จะมีจริงหรือไม่มีจริง อยู่ที่ใจเขายึดถือ ถ้ายึดก็จะมี ถ้าไม่ยึดก็ไม่มี แต่อย่าลืมว่า ถ้ายึดก็ไปไหนไม่ได้ เราต้องการการหลุดพ้นก็ต้องปล่อย

ถาม : สรุปว่าเราห้ามยึดพระพุทธเจ้าด้วย ?
ตอบ : ตอนแรกเรายึดพระพุทธเจ้าเพื่ออาศัยท่านเป็นเครื่องระลึกถึงในการทำคุณความดี พอไปถึงวาระสุดท้าย เมื่อความดีเต็มที่แล้ว แม้แต่ดีก็จะไม่ยึด แต่พูดไปแล้วก็แค่นั้น โยมฟังก็แค่เอาไปพูดต่อเท่านั้นเอง เพราะยังทำไม่ถึง

ถาม : หมายถึงองค์พระบิดาใช่ไหมคะ ?
ตอบ : จะพระบิดาหรือใครก็แล้วแต่ที่เขาเรียก

ถาม : คำว่ามโนมยิทธิที่ท่านสอนในเว็บ ส่วนใหญ่ ๙๐ เปอร์เซ็นต์นี่จะ..?
ตอบ : ก็อย่างที่เห็น..เห็นไปถึงองค์พระบิดาแล้ว ต่อไปก็จะมีองค์พระเจ้าปู่ องค์พระเจ้าย่าไปเรื่อย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-04-2011 เมื่อ 16:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 15-04-2011, 11:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทางเชียงใหม่เขาสอนอย่างนี้
ตอบ : ปล่อยเขา อาตมาเริ่มรู้สึกเป็นห่วงตั้งแต่แรกแล้ว ท้ายสุดก็ไม่ทัน บุคคลไหนที่การรู้เห็นชัดเจน จะโดนหลอกให้หลงทางง่ายที่สุด เพราะทุกคนจะมีอัตตายึดอยู่ในใจในเรื่องของตัวกูของกู ในเมื่อกูเห็น กูเลยเชื่อ แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่เห็นนั้น เป็นการปรุงแต่งที่หลอกลวงกันได้

อาตมาเคยยกตัวอย่างว่า เห็นเขาไล่ฆ่าไล่ฟันกันมา เราก็ลากมีดลากปืนไปช่วยเขา จะโดนเขากระทืบตายเพราะเขากำลังถ่ายหนังกันอยู่ เราเห็นเขาไล่ฆ่าฟันกันมาจริงไหม ? จริง..แล้วเรื่องที่เราเห็นจริงไหม ? ไม่จริง..เพราะเขาถ่ายหนังอยู่

เพราะฉะนั้น..ยิ่งรู้เห็นชัดเจนเท่าไรก็ยิ่งโดนหลอกมากเท่านั้น ถ้าขาดสติสัมปชัญญะหรือขาดปัญญาประกอบ เราก็จะคล้อยตาม เชื่อตาม โดยเฉพาะบุคคลที่ไม่ศึกษาพระไตรปิฎกหรือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่แท้จริงให้ถ่องแท้ จะโดนหลอกง่ายที่สุด

ไปดูในเกสปุตตสูตร พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้ว มา ปิฏกสมฺปทาเนน อย่าเชื่อแม้มีจารึกไว้ในพระไตรปิฎก มา สมโณ โน ครูติ อย่าเชื่อแม้สมณะนี้เป็นครูของเรา ท่านให้เชื่อก็ต่อเมื่อปฏิบัติแล้วได้ผลตามนั้น

ถาม : แล้วการที่ท่านสอนว่า ถ้าเรานึกถึงนิพพานบ่อย ๆ เราก็จะไปได้ ก็คือ นึกถึงพระพุทธเจ้าด้วย ?
ตอบ : พระพุทธเจ้าด้วย พระนิพพานด้วย บอกแล้วว่าเราต้องสร้างเหตุให้ผลเกิด ถ้าเราสร้างเหตุที่ดี ผลลัพธ์ที่ดีจะเกิดแก่เรา พอเราสร้างเหตุที่ดีจนเพียงพอ เหมือนกับตักน้ำจนเต็มถังไปแล้ว เราก็เลิกตักน้ำใส่ถัง..ใช่ไหม ? แปลว่าการสร้างเหตุดีสำหรับเรา เมื่อถึงตอนนั้นเราไม่ต้องสร้างอีกก็ได้ เหตุชั่วไม่ต้องพูดถึง เพราะเราละทิ้งตั้งแต่แรกแล้ว แต่ท่านที่ทำถึงระดับนั้นท่านทรงความไม่ประมาทเป็นปกติ ก็จะสร้างดีหนีชั่วไปเรื่อย ไม่ได้นอนตีพุงเฉย ๆ

ถึงได้บอกว่าท้ายสุดจะไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว แต่คำว่านิพพานเต็มอยู่ในใจของเราเอง เราอยู่ที่ไหนก็จะรู้ว่าตรงนั้นก็คือนิพพาน ต่อให้ไม่มีทิพจักขุญาณ ไม่ได้เห็นอะไรเลย ถ้าเข้าถึงจริง ๆ ก็จะรู้ว่านี่คือพระนิพพาน เพราะฉะนั้น..การรู้เห็นด้วยทิพจักขุญาณไม่จำเป็นต้องมีก็ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2019 เมื่อ 04:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 15-04-2011, 11:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ท่านรู้เรื่องทางเชียงใหม่หรือเปล่า ?
ตอบ : อาตมาอยากจะบอกกับโยมว่า ถ้าหากทำอย่างนั้นได้ พระพุทธเจ้าเอาพวกเราไปนิพพานหมดแล้ว ท่านตรัสเป็นบาลีชัด ๆ ไว้แล้วว่า สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง อัญโญ นาญยัง วิโสธเย ความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์เป็นของที่ต้องกระทำเฉพาะตน คนหนึ่งจะทำให้อีกคนหนึ่งให้บริสุทธิ์หาได้ไม่ ถ้าไปอาบพลังแล้วเลื่อนขั้นเป็นพระอริยเจ้าได้ ก็เป็นทั้งประเทศแล้วสิ..!

ถาม : ของเขาจะสอนเรื่องการแผ่เมตตา ผ่านองค์พระ ผ่านแสงฉัพพรรณรังสี
ตอบ : อาตมาก็สอนอย่างนั้น แต่ยังไม่มีพระบิดาแบบเขา อย่าลืมว่าสิ่งที่เขาหลอกเรา เขาจะบอกความจริงเกิน ๙๐ เปอร์เซ็นต์ แต่จะหลอกตอนท้ายไว้นิดเดียว เราลองนึกดูว่า เราเดินตรงนี้ผิดไปองศาเดียว ข้างหน้าสักร้อยกิโลเมตรเราจะห่างเป้าหมายไปเท่าใด ? เขาจะค่อย ๆ ชักให้ผิดทางไปเรื่อย ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว แล้วก็ยังมั่นใจว่าถูกทางด้วย เพราะการรู้เห็นชัดเจนนั่นแหละ กูรู้..กูจึงเชื่อ

ไม่เป็นไร ลองไปปฏิบัติตามเขา อาจจะได้เห็นพระบิดาบ้าง แต่อาตมาไม่มี เพราะเป็นลูกกำพร้า..!

ถาม : เขาก็อยากได้หนังสือของท่าน ให้ช่วยส่งไปให้
ตอบ : ก็ได้อยู่เพราะเป็นประโยชน์ อย่างเช่น อาจจะอ้างว่าอาตมาไปรับรองให้เขา คราวนี้เห็นหรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น ท้ายสุดกลายเป็นว่า อาตมาเป็นคนรับรองให้ว่าพวกเขาทำถูกแล้ว พวกเราต้องทำตาม กลายเป็นว่าเอาสิ่งที่ดีไปพูดเพื่อเอาดีใส่ตัว พอเถอะ..เหนื่อยกับเรื่องนี้มามากแล้ว

ถาม : เห็นว่าท่านไม่สบาย
ตอบ : กายไม่สบายเท่านั้น แต่ถ้าโยมมาผิดท่าก็ยังมีแรงด่าได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2011 เมื่อ 12:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 16-04-2011, 16:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ต้องพยายามระมัดระวังให้มากไว้ การปฏิบัติของเราในปัจจุบันนี้ มารเขาสร้างสิ่งปรุงแต่งขึ้นมาครอบงำมากขึ้นอีกหลายเท่า บันดาลความสะดวกสบาย เทคโนโลยีไอทีต่าง ๆ กลายเป็นว่าคนในปัจจุบันต้องฝ่าฟันกิเลสมากกว่าคนโบราณหลายล้านเท่า..!

อาตมาไม่เคยเจอพระบิดาหรอก แต่เคยเจอมารซึ่ง ๆ หน้า นั่งคุยกันเหมือนเพื่อนกันนี่แหละ ตีกันมาจนกระทั่งคุ้นกันแล้ว เขาบอกว่า "สิ่งที่ท่านสอนไปไม่มีประโยชน์หรอก ผมครอบซ้ำไปไม่รู้กี่ชั้นแล้ว ถ้าสติไม่กล้า ปัญญาไม่แหลมคม กำลังสมาธิไม่เพียงพอ ไม่มีใครแทงทะลุสิ่งที่ผมครอบไว้ได้หรอก"

เราก็บอกว่า "ขนาดนั้นเชียวหรือ ?" เขาบอกว่า "พระคุณท่านยกมือขึ้นมาสิ..นี่มือใช่ไหม ? ใช่..นี่สมมติขั้นที่หนึ่ง นี่หน้ามือ หลังมือ นิ้วมือ นี่นิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วก้อย กี่สมมติเข้าไปแล้ว ? นี่นิ้วโป้งข้อที่หนึ่ง นิ้วโป้งข้อที่สอง.. นิ้วชี้ข้อที่หนึ่ง นิ้วชี้ข้อที่สอง นิ้วชี้ข้อที่สาม.. ไล่ไปเรื่อย นี่เล็บมือ เล็บนิ้วโป้ง เล็บนิ้วชี้ เล็บนิ้วกลาง เล็บนิ้วนาง เล็บนิ้วก้อย แค่เฉพาะมืออย่างเดียวผมครอบไปเป็นร้อยชั้นแล้ว..!"

เขาบอกว่า "ลองคิดดูสิ ถ้าปัญญาไม่ถึง สามารถสู้ผมได้ไหม ?"

ถาม : สรุปได้ว่า มารจะถอยก็ต่อเมื่อปัญญาเราถึง ?
ตอบ : ปัญญาไม่ถึงก็เสร็จเขา หลอกให้เราใช้ปัญญาในการคิดไปกราบพระบิดา อาจจะเป็นมารนั่งให้เรากราบแทนก็ได้

ถาม : ขอถามต่อค่ะ
ตอบ : ถามต่อได้ แต่น่าจะโดนด่า..! คำตอบทุกอย่างชัดแล้ว ยังจะถามอีก

ถาม : หลักการของเขาจะอิงธรรมะของหลวงพ่อวัดท่าซุง
ตอบ : ถึงได้บอกว่าพวกนี้เขาจะอาศัยความจริงเกิน ๙๐ เปอร์เซ็นต์ แต่จะมีตอนท้ายนิดเดียวที่ไม่ชอบมาพากล ถ้าเราไม่สังเกต มีปัญญาไม่พอ มองข้ามไป ก็จะโดนเขาหลอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2011 เมื่อ 17:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 16-04-2011, 16:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่าไปตำหนิใคร เพราะแต่ละคนล้วนคิดว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นดี จึงได้ทำ ด้วยเจตนาที่เขามุ่งมั่นจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้พ้นทุกข์ เพราะเจตนาตัวนี้แหละที่ทำให้โดนหลอกได้ง่าย

อะไรที่คิดว่าทำแล้วดีเพื่อผู้อื่นเขาก็ทำ เมื่อได้รับคำสอนที่สอดแทรกไปในทางที่ผิด แต่ไปเข้าใจว่าดี เขาจึงได้ทำ เพราะฉะนั้น..ถ้าเขารู้ว่าสิ่งนั้นไม่ดีจริง เขาจะไม่ทำอย่างนั้น

ถาม : แต่เขาคิดว่ากลุ่มเขามีมโนมยิทธิแจ่มใส
ตอบ : จ้ะ ยิ่งแจ่มใสเท่าไรยิ่งโดนหลอกได้ง่าย อาตมายืนยันว่า มโนมยิทธิไม่ใช่ของจำเป็น มโนมยิทธิจะเป็นของจำเป็นก็ต่อเมื่อเราใช้ถูกตามที่หลวงพ่อวัดท่าซุงต้องการ ก็คือ การรู้จักพระนิพพานได้ ไปนิพพานเป็น

พอไปได้แล้วจดจำอารมณ์ที่ปราศจากกิเลสมา แล้วพยายามทำให้ถึง นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงที่หลวงพ่อท่านสอนมโนมยิทธิ และหลวงพ่อท่านก็เชื่อมั่นว่าลูกศิษย์ของท่านฉลาดพอ แต่ปรากฏว่าเจอเกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ที่ฉลาดมากเกินกว่าหลวงพ่อท่านต้องการ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2011 เมื่อ 17:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 16-04-2011, 16:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขออยู่ในกลุ่มที่ฉลาดน้อยดีกว่า
ตอบ : จะฉลาดน้อย ฉลาดมากก็ช่าง เอาฉลาดแค่พอดี ๆ ทำแค่หลวงพ่อท่านสอนก็พอแล้ว ยึดหนังสือหลวงพ่อเป็นหลัก สมัยก่อนอาตมาก็ใช้แค่ไม่กี่เล่ม คู่มือปฏิบัติกรรมฐาน กรรมฐาน ๔๐ ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า ธรรมปกิณกะ เล่ม ๑ เล่ม ๒ ไปลองอ่านดู ถ้าขี้เกียจอ่านพระไตรปิฎก ก็เอาหลวงพ่อท่านเป็นหลัก

ถาม : อ่านหนังสือธรรมะบ่อย ก็โดนติงเหมือนกัน
ตอบ : เพราะว่าเราอ่านแล้วเราไปฟุ้งซ่านอยากมี อยากได้ อยากเป็นอย่างนั้น ถึงเวลาปฏิบัติอารมณ์นี้ต้องไม่มี ถามว่าในเมื่อไม่อยากแล้วจะทำไปทำไม ? เราอยากได้ไม่เป็นไร แต่ตอนปฏิบัติให้ลืมความอยากนั้นให้หมด เรามีหน้าที่ปฏิบัติสมาธิภาวนา รักษาจิตใจให้สงบ ส่วนผลจะเกิดหรือไม่เกิดอย่างไรช่างมัน เรามีหน้าที่ทำไปเท่านั้น

ถ้าวางกำลังใจอย่างนี้ผลจึงจะเกิดได้ง่าย แต่ถ้าอยากได้นั่นอยากได้นี่ เขาจะให้มากกว่าที่เราอยาก เขาได้พระบิดาไปแล้ว เดี๋ยวเราได้พระเจ้าปู่ พระเจ้าย่าไปด้วย

ถาม : เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ใครเป็นมาร ใครเป็นพระ ?
ตอบ : ทุกอย่างที่เข้ามาให้เรารับรู้ รับไว้ด้วยความเคารพ ถ้าเป็นจริงตามนั้นก็ขอบพระคุณที่ท่านมาบอกให้ทราบ ถ้าไม่เป็นจริงตามนั้น ก็เป็นความผิดของเราเอง เรื่องอย่างนี้ผิดกันได้อยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2011 เมื่อ 17:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 16-04-2011, 16:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราสงสัยว่าเขาเป็นมาร เรานึกถึงพระ มารเขาจะหายไปไหม ?
ตอบ : พระก็คือพระ มารก็คือมาร เป็นแค่สิ่งที่สมมติขึ้นมาเท่านั้น เราจะคิดว่ามารเป็นศัตรูก็ไม่ใช่ แต่มารเป็นครู เป็นครูที่โคตรขยันเลย ทดสอบเราทุกวินาทีที่เผลอ ถ้าเราก้าวข้ามไปได้ เราจะไม่แพ้ตรงจุดนี้อีก ถ้าเราไม่รับการทดสอบ เราก็จะไม่รู้ว่าเรามีความก้าวหน้าเท่าไร ฉะนั้น..เขาจึงเป็นครูที่ดีมาก

แต่ถ้าเราไม่สามารถที่จะก้าวล่วงไปได้ เราก็จะติดอยู่ตรงนั้น ตอนนั้นมารก็คือผู้ขวาง คือผู้ฆ่า ฆ่าเราจากความดี ต้องโทษว่าสติ สมาธิ ปัญญาของเราไม่เพียงพอ เขาจึงขวางเราได้ ต้องไปเร่งสติ สมาธิ ปัญญาของเราให้มากขึ้น

ถาม : จะมีมารทางโลก และมารทางธรรม ?
ตอบ : เหมือนกัน ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มารทั้งนั้น เขาจะใช้คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว ในการขวางเรา ทำให้เราเกิดรัก โลภ โกรธ หลงขึ้น ยั่วให้กำหนัด ล่อให้หงุดหงิด ลวงให้หลงผิด

ยึดติดทางโลกก็ไม่ได้ปฏิบัติธรรม พอยึดทางธรรมกลายเป็นชาวบ้านเขาด่าว่าบ้า เราก็ทนฟังไม่ได้ เพราะมารอาศัยปากพูด ถ้าเราไปคล้อยตามก็เสร็จเขาอีก ท้อถอยเลิกปฏิบัติ ความดีเราก็ไม่ได้

ตั้งสติให้ดี ๆ แล้วทำไปเถอะ ขอยืนยันว่ามารไม่ใช่ศัตรู และไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่เป็นครูที่โคตรขยันเลย เราลองนึกถึงครูที่ยืนอยู่หน้ากระดานดำ ออกข้อสอบให้เราทำทุกวินาทีที่เราเผลอ จะได้ภาพพจน์ที่แท้จริงของมาร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2011 เมื่อ 17:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 16-04-2011, 17:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คล้อยตามเพราะเห็นว่าศาสนาอื่นเขาสอนคน..?
ตอบ : ใช่..แล้วสังเกตไหมว่าทุกวันนี้บางศาสนาเขาเป็นอย่างไร

ถาม : คนเขาเคร่ง ๆ ดูเหมือนจะดี
ตอบ : เขาเคร่ง ถ้าศาสนาพุทธเคร่งได้แบบนั้นบรรลุกันเพียบเลย แต่ทีนี้เขาใช้ความเคร่งในทางที่ผิด สอนให้ฆ่าผู้อื่นเพื่อปลดปล่อย พอพวกเราจะปลดปล่อยเขาบ้างกลับไม่ยอม ถ้าเราใช้ปัญญานิดเดียวก็จะเห็นว่าผิดหลักการตั้งแต่แรกแล้ว

สอนว่าสัตว์เป็นอาหารของเรา ต้องฆ่าด้วยมือจึงจะบริโภคได้ ถ้าสัตว์เป็นอาหารของเรา สัตว์เจอหน้าเราก็ต้องวิ่งมาให้เรากินสิ นี่วิ่งหนีทุกตัว หลักการธรรมดาแค่นี้ ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย ตรองดูนิดเดียวก็รู้แล้วว่าผิดหรือถูก

ถาม : จะคุยกับคนที่อยากปฏิบัติ ดูว่าเขาจะถามอะไรเพิ่มไหม ?
ตอบ : อะไรที่เราไม่คล่องและชำนาญจริง หากเขาถามเราก็ไม่สามารถที่จะชี้แจงได้แจ่มแจ้งได้ด้วยตัวเอง จะกลายเป็นข้อถกเถียงไปอีก ให้ทำโง่ ๆ หุบปากเอาไว้ดีกว่า

พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราจะไม่กล่าววาจาอันเป็นเหตุให้ถกเถียงกัน เพราะวาจาอันเป็นเหตุให้ถกเถียงกันจำเป็นต้องพูดมาก บุคคลที่พูดมากจิตใจย่อมฟุ้งซ่าน ผู้ที่ฟุ้งซ่านย่อมห่างจากสมาธิ

เราสั่งสมกำลังของสมาธิเพื่อให้จิตมีกำลังเพียงพอที่จะใช้ในการตัดกิเลส แต่เราไปเอากำลังไปใช้รั่วไหลในเรื่องต่าง ๆ เช่น เอาไปนั่งเถียงกันบ้าง วิพากษ์วิจารณ์กันบ้าง ตาเห็นรูปก็ยินดี หูได้ยินเสียงก็ยินดี จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส ใจครุ่นคิด ยินดีเป็นราคะ ยินร้ายเป็นโทสะ ทำให้เรามีกำลังไม่พอตัดกิเลสเสียที

เพราะฉะนั้น..ปิดตา ปิดหู ปิดปาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ปิดให้หมด พอกำลังไม่รั่ว เราก็มีแรง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2011 เมื่อ 01:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 16-04-2011, 17:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราอยู่ทางโลก เราต้องทำงานก็ปิดไม่ได้
ตอบ : เอาแค่ตรงทำงาน พอถึงที่ทำงานก็ทำตามหน้าที่ไป พอเลิกงานก็ปิดของเราใหม่ ๒๔ ชั่วโมงอย่าให้ขาดทุนตลอด

มัชฌิมาปฏิปทาของพระพุทธเจ้าใช้ได้ทุกงาน ทำอย่างไรให้พอดี หลายเดือนก่อนอาตมาเคยยกตัวอย่างโยมคนหนึ่ง กลัวว่าตัวเองจะผิดกรรมบถ ๑๐ เวลาไปทำงานเจ้านายถามก็ไม่พูด เพื่อนร่วมงานถามก็ไม่พูด เขาเห็นแล้วหมั่นไส้ หยิ่งดีนัก ก็เลยแกล้งจนร้องไห้

เขาบอกว่า เขาทำความดีขนาดนี้แล้ว ทำไมต้องเจอคนอย่างนี้ด้วย ? อาตมาบอกว่าตัวเขาเองนั่นแหละที่ไม่รู้กาลเทศะ ใช้หลักธรรมไม่ถูกต้อง ถ้ามีกาลัญญุตา รู้กาลเทศะ รู้ว่าตอนนี้เป็นที่ทำงาน เราต้องทำงานก็ทำไป แต่พออยู่คนเดียวเราก็เข้าหาความดีของเรา แต่นี่เขาเล่นเอาแต่ความดีอย่างเดียว ทางโลกก็ช้ำ พอช้ำเขาก็เล่นงานเอาบ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2011 เมื่อ 17:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 16-04-2011, 17:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "บทเรียนของคนอื่น พอมาถึงเราจะเป็นเรื่องสนุก แต่ถ้าโดนเองก็จะเป็นเรื่องที่เราจะหัวเราะไม่ออก เรื่องอะไรก็ตามถ้านอกลู่นอกทางมาก อย่างเรื่องของจักษุธาตุ ประมาณ ๗-๘ เดือนก่อนเขาเอามาให้ดู มีทั้งรูปถ่าย มีทั้งซีดีมาให้ อาตมาเห็นเข้าก็บอกว่า คล้ายกับเป็นการถ่ายภาพซ้อนเพชรรัสเซียกับดวงตาคนไว้ด้วยกัน ก็เลยดูเหมือนว่าใช่

อะไรก็ตามที่ตำราไม่ได้ระบุไว้ ให้ละไว้ก่อนในฐานที่เข้าใจว่า..อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะพระบรมสารีริกธาตุนั้น มีตำราบอกเอาไว้ชัดเจนว่า มีสัณฐานเหมือนถั่วแตกหรือข้าวสารหัก สัณฐานเหมือนถั่วแตกก็ชิ้นใหญ่หน่อย สัณฐานเหมือนข้าวสารหักก็อย่างที่เราเห็นกันบ่อย ๆ

นอกจากชิ้นสำคัญไม่กี่ชิ้น คือ พระอุณหิส คือกระดูกหน้าผาก พระอุรังคธาตุ คือกระดูกหน้าอก พระรากขวัญ คือกระดูกไหปลาร้า และพระเขี้ยวแก้วก็คือเขี้ยวทั้งสี่ข้าง ที่ไม่เปลี่ยนสภาพแล้ว นอกจากนั้นแล้วก็เหมือนถั่วแตกหรือข้าวสารหัก

อีกส่วนหนึ่งที่ไม่เหมือนใครก็คือ มีสัณฐานเหมือนเมล็ดผักกาด ก็คือเป็นกลม ๆ เล็กนิดเดียว ส่วนนั้นจะเป็นพระอังคาร คือขี้เถ้า ตำราบอกเอาไว้ชัดว่า มีวรรณะเหมือนทองอุไร ก็คือ สีเหลืองเหลือบทอง

เราจะเห็นว่าทุกอย่างระบุไว้ชัดเจนแล้ว แต่ในปัจจุบันนี้มีสารพัดเลย นี่เป็นพระบุพโพธาตุ นี่เป็นพระโลหิตธาตุ เพิ่มเกินตำรามาเยอะแยะยุ่งไปหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2019 เมื่อ 16:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 16-04-2011, 17:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถามว่าถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไร ? ก็ให้บูชากราบไหว้ แล้วนึกถึงพระพุทธเจ้าตามปกติ ก็ถือว่าใช้ได้เหมือนกัน เพราะความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าจริงหรือปลอม แต่ความสำคัญหรือสาระที่เป็นแก่นสารก็คือ การที่เราได้ยึดพระองค์ท่านเป็นที่พึ่ง ถ้ายึดถือหรือระลึกถึงได้ก็จัดเป็นพุทธานุสติ จะของจริงของปลอม ถ้าเรานึกถึงพระพุทธเจ้าได้ก็ใช้ได้เหมือนกัน

แต่สมัยนี้เข้าท่าพระจันทร์ไป ใครจะเอาพระธาตุสักกี่เกวียนก็ให้บอก เขาผลิตไว้เพียบเลย..! และอย่าไปทดสอบด้วยการลอยน้ำ เพราะการทำแบบนั้นเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยโดยตรง โทษใหญ่จะเกิดแก่ตนเอง พระพุทธเจ้าไม่ใช่นักเล่นกลนะจ๊ะ เรานึกจะทำอะไรจะได้ทำได้ทันที"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2011 เมื่อ 02:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 17-04-2011, 17:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาเราเจอภัยพิบัติ จะใช้คาถาบทไหนที่จะลดความรุนแรง ?
ตอบ : ความจริงถ้าเรายึดมั่นในคุณพระรัตนตรัย "อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ" ก็พอแล้ว

ถ้าเป็นคาถาของหลวงปู่ชุ่ม (หลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดไชยมงคล) ว่า "วิวะ อะวะ สุสะตะ วิวะ สวาหะ" ท่านบอกว่าป้องกันภัยธรรมชาติ ไฟป่า น้ำป่า หรือสัตว์ร้าย

ถาม : ถ้าภัยมาแรง ๆ ขอคาถาสั้นที่สุด
ตอบ : คาถาทุกบทเป็นเครื่องโยงให้เกิดสมาธิ ถ้าเกิดสมาธิคิดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ท่านถึงได้บอกว่าสำเร็จด้วยใจ อยากได้สั้น ๆ ไม่ต้องท่องก็ได้ แค่คิดก็พอแล้ว

ถาม : คาถากันเชื้อโรค ?
ตอบ : ถ้าตามที่ท่านท้าวเวสสุวรรณท่านบอก ท่านให้ภาวนา "คะสะชะนะ อิติ ศัตรู อย่ามาคะตา" ท่านบอกว่ากันได้แม้แต่โรคเอดส์ เพราะตอนนั้นโรคเอดส์กำลังระบาด

ถาม : หมายถึงท่องครั้งเดียว ?
ตอบ : ภาวนาให้อารมณ์ใจทรงตัวทุกวัน ไม่ใช่ท่องครั้งเดียวแล้วกันได้ตลอดชีวิต อย่างนั้นคุณภาพจะครอบจักรวาลเกินไป..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2019 เมื่อ 16:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 17-04-2011, 17:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แต่ถ้าติดเชื้อโรคมาแล้ว จะใช้คาถาบทไหน ?
ตอบ : คาถาหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ "ทนเอา"

ถาม : คาถาบทไหนทำให้โรคคลายตัวลง ?
ตอบ : จะทำให้โรคคลายตัวลงนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะโรคเกิดจากวาระกรรม แต่ถ้าเราภาวนาจนกำลังใจทรงตัว จิตกับประสาทแยกออกจากกัน เราจะไม่ค่อยรับรู้อาการทางร่างกาย ก็เหมือนกับโรคเบาลง

เพราะฉะนั้น..บทไหนก็ได้ เอาอย่างหลวงปู่เนียม วัดน้อย เจ็ดตำนานทั้งหัว ท่องไปเถอะ พูดง่าย ๆ คือทั้งเล่มเลย ต้องการอันไหนก็ท่อง

หลวงปู่เนียมท่านเป่าแก้งูเห่ากัด หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถามว่า "ใช้คาถาบทไหน ?" หลวงปู่เนียมบอกว่า "เจ็ดตำนานทั้งหัว บทไหนก็ได้" สมัยก่อนหนังสือทั้งเล่มเขาเรียกเป็นหัว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2011 เมื่อ 19:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 17-04-2011, 17:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "พระใหม่บางรูป ยังเคยชินกับนิสัยเดิม ๆ ของฆราวาส ถึงเวลาไปกิจนิมนต์บ้านโยม มีอาหารมาหลายอย่าง บังเอิญมีของชอบอยู่ด้วยคือไข่ดาว ท่านเล่นควักแต่ไข่แดงฉันหมด

พระเก่าท่านเห็นว่าน่าเกลียด ท่านก็จิ้มไข่ขาวมาฉัน พระใหม่ก็ฉันไข่แดงใบที่สองอีก พระเก่าก็จิ้มไข่ขาวมาแล้วฉันอีก พระใหม่บอกว่า "แหม..ดีจังเลยครับ ผมชอบไข่แดง ท่านชอบไข่ขาว เราไปกันได้" พระเก่าเลยพูดไม่ออกเลย อุตส่าห์ช่วยแล้วยังไม่รู้ตัวอีก..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2011 เมื่อ 19:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 17-04-2011, 17:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนไข้บางคนมีของแสลงสำหรับเขาเยอะ ถ้าพระมีของแสลงเยอะ ๆ พระจะเลือกฉันไหม ?
ตอบ : อาตมาก็เลือกเหมือนกัน เพราะว่าอาหาเรปฏิกูลสัญญา ไม่ใช่แต่เราพิจารณาเห็นว่าอาหารมีพื้นฐานจากความสกปรกเท่านั้น ต้องพิจารณาด้วยว่า เหมาะกับธาตุขันธ์ของเราหรือไม่

ถ้าเลือกไม่ได้ก็ทนกินไป แต่ถ้าเลือกได้ก็อย่าเลือกจนน่าเกลียด ประเภทจ้วงอยู่จานเดียว ไปเล็ม ๆ จานอื่นบ้าง หรือไม่ก็เอาช้อนดัน ๆ ให้ดูแหว่ง ๆ ไปบ้าง ความจริงอาหารบางอย่าง อาตมาไม่ได้แตะเลย แต่มีศิลปะอยู่ ก็คือเอาช้อนดัน ๆ ให้อาหารนั้นถอยหลังไปเยอะ ๆ หน่อย แล้วก็ปาด พอโยมเขาเห็นก็คิดว่าเราฉันของเขาไปเยอะแล้ว คราวหน้าก็โดนอีก อาตมาโดนมาจนเข็ดแล้ว

สมัยก่อนบวช พี่สะใภ้คนที่ ๓ สงสัยว่าจะชอบอาหารรสเปรี้ยว จึงซื้อแต่สับปะรดเปรี้ยว ๆ มา อาตมารู้ว่าคนอื่นไม่กิน ก็จิ้ม ๆ มากินให้หมด ๆ ไป บางทีกินจนลิ้นแตก แสบไปหมด ปรากฏว่า พี่เขาก็ตีความว่าอาตมาชอบ ยิ่งซื้อมาใหญ่เลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2019 เมื่อ 16:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 17-04-2011, 17:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวานท่านนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลทองผาภูมิโทรมาบอกว่า "ได้ยินว่าที่วัดจัดบวชปฏิบัติธรรม แล้วยังจะจัดกิจกรรมวันสงกรานต์ในวัดได้หรือเปล่าครับ ?" อาตมาเลยบอกว่า "รีบมาจัดเลย พวกที่บวชเขาอยากเล่นสงกรานต์ด้วย" ตอนแรกท่านนายกเทศมนตรีก็หนักใจ เขากลัวว่าถ้าทางวัดจัดบวชปฏิบัติธรรมแล้ว จะเข้าไปตึงตังโครมครามไม่ได้ เขาไม่รู้หรอกว่าที่จัดบวชก็เพื่อให้เข้ากับงานเลย

ก่อพระเจดีย์ทรายปีนี้ไม่รู้ว่าเขามีกติกาอย่างไร ? ปีที่ผ่านมามีกติกาง่าย ๆ ก็คือ สวย ใหญ่ ทรายเยอะ

งานบวชปฏิบัติธรรมที่ผ่านมามีครอบครัวจันทรนิภาพงษ์ ไปทุกงาน ยกบ้านไปเลย ไม่ต้องห่วงใคร มาด้วยกันหมดแล้ว เป็นครอบครัวที่ตั้งใจปฏิบัติจริง ๆ

ลักษณะอย่างนี้จะทำให้ไม่ขัดกัน หลวงปู่บุดดาท่านบอกว่า "บุคคลที่มีธรรมไม่เสมอกัน ไม่สามารถจะไปด้วยกันได้" ในครอบครัว ถ้าหากว่ามีทาน ศีล ภาวนา เสมอกัน ก็จะเป็นครอบครัวที่มีความสุข

พระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่ามี สมชีวิธรรมเสมอกัน สมชีวิธรรม ๔ ประการ ก็คือ ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2011 เมื่อ 19:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 17-04-2011, 17:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์บอกว่า "คนพอแก่ขึ้นแล้วไฟธาตุน้อยลง ธาตุสี่ ดิน น้ำ ไฟ ลม จะพร่องลงเรื่อย ๆ พอธาตุสี่พร่อง อาการเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะเกิด คนแก่ไฟธาตุจะน้อยและธาตุลมน้อย พอเวลาลมน้อยก็เคลื่อนไหวช้า ไฟธาตุน้อยก็ไม่กระปรี้กระเปร่าและขี้หนาว บางทีอากาศสบาย ๆ คนแก่ก็ยังใส่เสื้อกันหนาว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2011 เมื่อ 19:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 17-04-2011, 18:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,774 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของน้ำท่วม ไฟไหม้ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ภัยธรรมชาติที่เดือดร้อนคนส่วนรวม ส่วนใหญ่ที่เดือดร้อนจนถึงแก่ชีวิต มักจะเคยสร้างกรรมร่วมกันมา อย่างเช่น ยกทัพไปตีบ้านทำลายเมืองเขา พอวาระกรรมมาก็โดนพร้อม ๆ กัน และให้สังเกตว่า บางคนที่ไม่เคยร่วมกรรมมาก็ไม่เห็นเป็นอะไร

แบบสึนามิที่ญี่ปุ่น คุณปู่ท่านหนึ่งลอยอยู่ในทะเลสองวัน เขาไปช่วยกลับมา ก็ไม่เป็นอะไร หรือหลายสิบปีแล้วที่เครื่องบินโดยสารของญี่ปุ่นตก ผู้โดยสารสามร้อยกว่าคนตาย มีเด็กห้าขวบอยู่คนหนึ่งไม่เป็นอะไรเลย เขาก็ไปทำวิจัยหาสาเหตุ เขาบอกว่า เด็กตัวเล็ก พอรัดเข็มขัด เครื่องบินระเบิดก็หลุดไปทั้งเก้าอี้ เก้าอี้ตกลงมาครอบเด็กอยู่พอดี เขาคิดอย่างนั้น

อาตมาก็คิดว่าบ้า ลองไปทิ้งเก้าอี้ลงมาจากที่สูง ๑๐ กว่ากิโลเมตร เก้าอี้จะเหลือไหม ? เรื่องของบุญรักษา รักษาได้ทุกที่จริง ๆ เมื่อไม่นานมานี้ที่เครื่องบินเขมรตก แล้วมีเด็กรอดอยู่คนหนึ่ง ถ้าไม่ได้สร้างกรรมร่วมกันมา ก็ไม่เป็นไรหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2019 เมื่อ 16:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:31



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว