กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 18-07-2014, 12:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การไม่ประหยัด เป็นคนที่ฟุ้งเฟ้อกับวัตถุเป็นอกุศลไหมครับ ?
ตอบ : จะว่าเป็นอกุศลก็ไม่ใช่ แต่ขณะเดียวถ้าเราไปดูที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ตระกูลที่มั่งคั่งไม่สามารถที่จะตั้งอยู่ได้นาน เพราะสถาน ๔ คือ เกิดจากการที่ ไม่แสวงหาของที่หายไป ๑ ไม่ซ่อมแซมของเก่า ๑ ใช้จ่ายโดยไม่รู้จักประมาณ ๑ และตั้งผู้ทุศีลเป็นพ่อเรือนแม่เรือน ๑ เพราะฉะนั้น..การที่เราฟุ่มเฟือยก็จะไปผิดอยู่ในส่วนของธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ เรียกว่าโอกาสที่จะล้มละลายมีสูง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2014 เมื่อ 15:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 18-07-2014, 12:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่เราทำบุญแล้วไม่ไปบอกกล่าวหรือโอ้อวดว่าเราได้ทำ คือทำเพื่อบุญแบบเงียบ ๆ กับคนที่ทำบุญแล้วก็เล่าให้คนอื่นฟังเพื่อให้โมทนาบุญ แบบไหนจะได้บุญมากกว่ากันครับ ?
ตอบ : ถ้าบอกให้คนอื่นโมทนาบุญ ตนเองจะได้ในส่วนของปัตติทานมัยเพิ่มขึ้นด้วย แต่ว่าต้องมีว่ามีเจตนาที่ต้องการให้คนอื่นเขาได้ความดีในส่วนนั้นจริง ๆ ไม่ใช่ไปบอกเพื่ออวดเขา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2014 เมื่อ 15:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 18-07-2014, 12:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เขาบอกว่าคนทำบุญมาดีถึงได้ใช้ของดี อย่างเช่นนางวิสาขา แต่ทางศาสนาพุทธสอนว่าให้ประหยัดมัธยัสถ์ ?
ตอบ : ท่านบอกว่าให้สันโดษ คำว่าสันโดษมี ยถาลาภสันโดษ ยินดีตามลาภที่ได้มา ยถาพลสันโดษ ยินดีตามที่กำลังตัวเองหามาได้ ยถาสารุปปสันโดษ ยินดีตามฐานะของตน ก็เขารวยไม่รู้กี่ร้อยกี่พันโกฏิ ตามฐานะของเขาก็สามารถที่จะทำอย่างนั้นได้

คำว่า "สันโดษ" ไม่ได้แปลว่าต้องประหยัดมัธยัสถ์ในลักษณะของการทำตัวปอน ๆ เขามียินดีตามสารูปคือตามฐานะของตน ที่ในหลวงยืนยันว่าเศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่จน ก็คือท่านเอามาจากในเรื่องของสันโดษนี่เอง แล้วก็มียถาลาภสันโดษ ยินดีตามลาภที่ได้ ถ้าเกิดอยู่ ๆ ไปถูกล็อตโต้เป็นพันล้าน จะซื้อเครื่องบินส่วนตัวใช้ก็เอาสิ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2014 เมื่อ 15:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 18-07-2014, 12:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เราเป็นปุถุชน มีทั้งบุญและบาปที่เราทำผสมกันไป ถ้าเราไปส่งเสริมชาวบ้านเลี้ยงไหมเพื่อเอาใยไหมมาทำผ้า หรือว่าส่งเสริมเขาเลี้ยงปลา หรือว่าปลูกพืชผักซึ่งต้องฆ่าแมลง อย่างนี้คนที่ส่งเสริมไม่บาปแย่หรือครับ ?
ตอบ : ก็ต้องดูด้วยว่าเจตนาที่เราส่งเสริมนั้น เราตั้งใจให้เขาฆ่าหรือเปล่า ? ส่วนใหญ่แล้วท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็มักจะอยู่ในลักษณะที่ว่า ถ้าเห็นคนอื่นมีความสุขตนเองจะทุกข์เท่าไรก็ยินดี ออกไปทางด้านของพระโพธิสัตว์ ถ้าเป็นพระโพธิสัตว์นี่เราใช้กำลังใจคนทั่วไปวัดท่านไม่ได้ กำลังใจของท่านถ้าเพื่อความสุขของคนส่วนรวมท่านยอมลำบากคนเดียว

ในส่วนของการส่งเสริมผู้อื่น อย่างในหลวงของเราส่งเสริมให้ปลูกพืชเมืองหนาว ส่งเสริมให้ปลูกพืชทดแทนการปลูกฝิ่นของชาวเขา เราก็ต้องดูด้วยว่าแต่ละโครงการของท่านจริง ๆ จะหลีกเลี่ยงจากการฆ่าสัตว์ก็ได้ โดยเฉพาะว่าบุคคลทั่วไป ถ้าไม่สามารถจะรักษาศีลได้ตลอดเวลา หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าให้รักษาเป็นเวลาก็ได้ อย่างเช่นว่าถึงเวลาเราเข้าไร่เข้านาไป อาจจะต้องมีการฆ่าหนอนฆ่าแมลง อันนั้นก็ถือว่าช่วงทำงาน แต่ถ้าช่วงก่อนทำงานหรือหลังจากทำงานแล้ว เราก็สามารถที่จะรักษาศีล เจริญภาวนาสร้างความดีใส่ตัวได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2014 เมื่อ 15:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 18-07-2014, 13:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตัวคิดกับตัวรู้ต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : ตัวรู้คือเรา ตัวคิดเป็นสิ่งที่ใจของเราทำงาน แต่คราวนี้พอถึงเวลาสภาพจิตมีความเป็นทิพย์เกิดขึ้น ความรู้ที่เข้ามาจะตรงเข้าไปในใจของเราเลย คือต่อสายตรง ถ้าหากว่าความรู้ในช่วงนั้นเกิดขึ้นนี่ พริบตาเดียวสามารถอธิบายกันได้ครึ่งค่อนวัน สรุปง่าย ๆ ว่า ถ้ายังคิดอยู่เราต้องบังคับให้เป็น แต่ถ้าหากว่ารู้นี่ไม่ต้องบังคับ มาเองเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2014 เมื่อ 15:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 18-07-2014, 13:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “อาตมาเคยเห็นรอยจารของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก หลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว อย่างของหลวงปู่นาคนี่ท่านจารลงบนพระปิดตาเนื้อเมฆพัด ลึก ๆ ชัด ๆ หลวงปู่บุญท่านจารลงบนหลังหอยเบี้ย ลึก ๆ ชัด ๆ เหมือนอย่างกับเราจารลงบนดินน้ำมันเลย นั่นต้องไม่ใช่กำลังข้อมือเฉย ๆ ต้องเป็นอำนาจของกสิณด้วย”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2014 เมื่อ 15:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 18-07-2014, 13:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมมาถวายผ้าอาบน้ำฝน พระอาจารย์กล่าวว่า "ผ้าอาบน้ำฝนกับผ้าจำนำพรรษาก็อย่างเดียวกันนั่นแหละ ภาษาบาลีเรียกว่า วัสสิกสาฏก แปลว่า ผ้าอาบน้ำฝน คราวนี้คนไทยเราเรียกง่าย ๆ ว่าผ้าจำนำพรรษา ไม่ได้ไปจำนำอะไรหรอก คือผ้าที่ถวายให้พระใช้ประจำในระหว่างพรรษา เอาไว้สำหรับผลัดอาบน้ำ ถ้าพ้นพรรษาไปแล้วต้องทำวิกัปเป็นสองเจ้าของ กันพระบางรูปสะสมผ้า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2014 เมื่อ 15:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 19-07-2014, 12:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนโบราณเขาด่ากันไม่มีคำหยาบสักคำ เวรัญชพราหมณ์ไปหาพระพุทธเจ้า คราวนี้พระพุทธเจ้าก็ไม่ลุกขึ้นต้อนรับ ไม่จัดอาสนะ ไม่จัดน้ำใช้น้ำฉันให้ ท่านก็เลยด่าเอาว่าพระพุทธเจ้าไม่รู้ธรรมเนียม ทำไมผู้ที่อาวุโสกว่ามาแล้วถึงไม่ลุกรับ ไม่จัดอาสนะ ไม่ตั้งน้ำใช้น้ำฉันให้ แล้วก็ลำเลิกเบิกประจานไปว่า คนเขาว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่หาสมบัติมิได้

พระพุทธเจ้าตรัสรับรองว่า “ใช่..เพราะว่าราคะ โลภะ โทสะ โมหะ นั้นเราละจนหมดสิ้นแล้ว” ท่านด่าว่าพระพุทธเจ้ากล่าวถึงการไม่ทำ คือที่โน่นเขาด่ากันเรื่องมีกรรมไม่มีกรรม คราวนี้กรรมเขาแปลว่าการกระทำ กล่าวถึงการไม่ทำ พระพุทธเจ้าตรัสรับรองว่า “ใช่..เพราะว่าเราไม่ทำกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริตแล้ว” ด่าอะไรมาท่านบอกว่าใช่หมด

บอกว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้กล่าวถึงการขาดสูญ สมัยก่อนเขานิยมลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ใครไม่มีลูกถือว่าต้องตกนรกขุมปุตตะ พระภิกษุบวชมาแล้วไม่มีลูกเขาถือว่าขาดสูญ พระพุทธเจ้าก็รับรองว่า “ใช่..เพราะว่าตถาคตเองสูญไปจากราคะ โลภะ โทสะ โมหะและอกุศลทั้งมวลแล้ว” ด่าอะไรมาท่านรับรองว่าใช่หมด

ท่านด่าว่าพระสมณโคดมเป็นผู้ช่างรังเกียจ พระพุทธเจ้าท่านก็รับรองว่า “ใช่..เพราะว่าตถาคตรังเกียจในบาปอกุศลทั้งปวง” มีปัญญาด่าก็ด่าไป ท่านด่าว่าพระสมณโคดมเป็นผู้ช่างเผาผลาญ ความจริงนี่เป็นคำด่าทั้งหมดนะ แต่ว่าพระพุทธเจ้ารับรองว่า “ใช่..เพราะว่าตถาคตเผาผลาญเสียซึ่งราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ไม่ให้มีอะไรเหลืออยู่” ด่าว่าพระสมณโคดมเป็นผู้ไม่ผุดไม่เกิดแล้ว พระองค์รับรองว่า “ใช่..เพราะตถาคตทำให้สิ้นสุดเสียซึ่งการนอนในครรภ์แล้ว ไม่ต้องผุดต้องเกิดอีกแล้ว”

เวรัญชพราหมณ์ก็คงด่าจนเหนื่อย พระพุทธเจ้าท่านนั่งยิ้มรับอย่างเดียว แถมอธิบายให้ฟังอีกว่าด่าถูกแล้ว..ใช่เลย.. อะไรทำนองนั้น แล้วพระพุทธเจ้าก็ถามว่า “พราหมณะ..ดูก่อน..พราหมณ์ ถ้าลูกไก่ตัวใดเจาะฟองไข่ออกมาก่อน ลูกไก่ตัวนั้นสมควรจะนับเป็นพี่ได้หรือไม่ ?” เวรัญชพราหมณ์ก็ตอบว่า นับเป็นพี่ได้ ก็เพราะว่าเขาออกจากฟองไข่มาก่อน "ฉะนั้น..ผู้เป็นพี่ย่อมอาวุโสกว่าใช่ไหม ?" ก็ใช่ ถ้าอย่างนั้นตถาคตเป็นผู้ที่เจาะทำลายเสียซึ่งอวิชชา เข้าถึงวิชชาก่อนใคร อย่างนั้นตถาคตควรจะเป็นผู้อาวุโสกว่าหรือเปล่า ? เวรัญชพราหมณ์ตอบว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ใช่

พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า เพราะว่าท่านเป็นผู้ที่ทำลายเสียซึ่งอวิชชาแล้ว เหมือนอย่างกับลูกไก่ที่เจาะพ้นฟองไข่แล้ว ฉะนั้น..การที่ไม่ลุกรับ ไม่ปูอาสนะ ไม่ตั้งน้ำใช้น้ำฉันให้ เพราะไม่เห็นว่าผู้ใดสมควรที่จะให้พระองค์ท่านทำอย่างนั้น ถ้าพระองค์ท่านทำอย่างนั้นให้ บุคคลนั้นก็จะศีรษะแตกเป็น ๗ เสี่ยง พระองค์ท่านก็เลยต้องไม่ทำ เวรัญชพราหมณ์ถึงได้ยอมรับว่า ที่พระพุทธเจ้าไม่ลุกรับนั้นเป็นการสมควรแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2014 เมื่อ 14:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 20-07-2014, 13:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมเอาบาตรมาถวาย พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "เดือนตุลาคม หลวงปู่สาย อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ท่านจะครบ ๑๐๐ ปี อาตมาทำโครงการถวายท่านหลายโครงการ มีสร้างศาลาพิพิธภัณฑ์ ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ดำเนินการไปตอนนี้จวน ๆ จะได้ชั้นหนึ่งแล้ว หมดไป ๒๕ ล้านกว่า ๆ โครงการทำหนังสือประวัติวัดท่าขนุน โครงการสร้างวัตถุมงคล ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ดำเนินการจวนเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งหมด

โครงการบวชพระ ๑๐๐ รูปถวายกุศลหลวงปู่ คราวนี้โครงการบวชพระ ๑๐๐ รูป คนสมัครเกิน เลยขยายเป็น ๑๐๘ รูป คนก็สมัครเกินไปอีกแล้ว ตอนนี้น่าจะ ๑๑๓-๑๑๔ รูป ต้องเอาแค่ ๑๐๘ รูปก่อน เพราะว่า ๑๐๘ รูปนี่บวชกันเป็นวัน ๆ อยู่แล้ว คราวนี้พระ ๑๐๘ รูป อย่างอื่นมีครบ ขาดแต่บาตร โยมเอาบาตรมาพอดีเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2014 เมื่อ 15:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 20-07-2014, 13:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เห็นโยมถวายข้าวของเครื่องใช้ในครัวเยอะ ๆ แล้วนึกถึงแม่ชีพิมพ์ (อุบาสิกาพิมพ์วรา ทิพยบุลสิทธิ์) อาตมาส่งแม่ชีพิมพ์ไปเรียนปริญญาเอกที่ศรีลังกา แม่ชีพิมพ์อยากฉันอาหารไทยแต่หาเครื่องปรุงไม่ได้ ป่านนี้คงกำลังสำลักเครื่องปรุงอยู่ เพราะว่าเพิ่งส่งไปให้ ก่อนหน้านั้นส่งอีเมล์มาบ่อย ๆ พอส่งของกินไปให้ หายคิดถึงเมืองไทย ตอนนี้ไม่ส่งอีเมล์มาเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2014 เมื่อ 15:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 20-07-2014, 15:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เป็นผู้หญิงก็ลำบาก แต่งตัวสวยถ้าไม่เหมาะกับสถานที่ก็ต้องระมัดระวัง แต่อย่าถึงขนาดน้องเจมี่นะ โดนด่ากระจายเลย ความจริงแล้วน้องเจมี่ล้าหลังหลายร้อยปี ลองไปดูรูปตามวัดบางวัดแถว ๆ พระประแดง ผู้หญิงมอญเขาก็แต่งตัวแบบนั้นแหละ เขานุ่งผ้าแบบป้ายข้าง ไม่ได้เย็บเป็นถุง ก็เป็นเหมือนสบงพระ ถึงเวลาเดินก็ชะเวิบชะวาบแบบนั้นแหละ ที่หนักกว่านั้นคือ สมัยก่อนเขานุ่งแต่ท่อนล่าง ข้างบนเขาไม่ค่อยไม่ใส่อะไรกัน ผู้ใหญ่ไม่ค่อยใส่เสื้อทั้งผู้หญิงผู้ชาย เพิ่งจะมาใส่กันเมื่อไม่นานนี้เอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2014 เมื่อ 18:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 20-07-2014, 15:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนนี้มีงานปฏิบัติธรรมช่วงอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา หลังจากนั้นก็เป็นงานปฏิบัติธรรมของพระ เพราะว่าเจ้าคณะภาคมีนโยบายว่าให้ปฏิบัติธรรม ๓ วันก่อนเปิดสำนักเรียน ก็ลงที่ท่าขนุน..ไม่ได้ไปไหนหรอก เพราะทั้งอำเภอมีสำนักปฏิบัติธรรมอยู่วัดเดียว

เดือนสิงหาคม มีงานวันแม่ ถือเป็นงานใหญ่ เป็นช่วงที่ช่วยเหลือสงเคราะห์เพื่อนพระ ปกติก็จะร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๕๐ ศอก กับวัดพระพุทธบาทเขาน้อย ถวายท่านช่วยสร้างปีละล้าน มาปีนี้หลวงพ่อมณฑล วัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส บอกว่า "อาจารย์เล็ก..ช่วยผมหน่อยเถอะ ผมไม่ค่อยมีเอกลาภกับใคร ไม่เหมือนกับอาจารย์เล็ก ตอนนี้วัดเป็นหนี้เขาอยู่ ช่วยปลดหนี้ให้ผมด้วย.."

อาตมาเลยให้โยมเปิดกระทู้ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๕๐ ศอก และปลดหนี้วัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส ให้ไปจองพระ ถ้าใครเข้าเว็บไม่เป็นให้จองกับคุณก้านบัวเลยก็ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2014 เมื่อ 18:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 20-07-2014, 15:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาส่งพระปลัดเผื่อนเรียนปริญญาโทวิปัสสนาภาวนา พรรษานี้ต้องไปเข้ากรรมฐาน ๗ เดือน ปริญญาโทพอเข้ากรรมฐานแล้ว ก็วิเคราะห์ผลการปฏิบัติเป็นวิทยานิพนธ์ ปีนี้วัดท่าขนุนส่งเรียนเยอะหน่อย มีปริญญาเอก ๕ ปริญญาโท ๙ ปริญญาตรีอีก ๗ แต่ละเดือนจ่ายเป็นแสนเลย ถ้าหากว่าเดือนไหนจ่ายค่าเทอมด้วย ก็ตก ๖-๗ แสนบาท ฉะนั้น..โยมไม่ต้องเกรงใจจ้ะ ที่ทำบุญกันมานี่ อาตมาใช้เงินเป็น ไม่ค่อยจะเหลือหรอก

จะว่าไปแล้วมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ค่าเทอมยังไม่แพงมาก อย่างปริญญาเอก ค่าเทอม ๙๐,๐๐๐ บาท ข้างนอกนี่ ปริญญาโท ๙๐,๐๐๐ บาท บางแห่งก็ถึง ๒๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนมหาวิทยาลัยพระ ปริญญาเอกเพิ่งจะ ๙๐,๐๐๐ บาท ปริญญาโท ๒๐,๐๐๐ กว่าบาท แต่วันก่อน พระมหาจรูญโรจน์ เบิกไป ๔๕,๐๐๐ บาท ถามว่าทำไม ? ท่านว่ามีไปดูงานต่างประเทศ ต้องจ่ายค่าเครื่องบินด้วย ยังดีไม่ไปไกล ถ้าไกลคงจ่ายกันอ่วมเลย

รุ่นของอาตมาเขาส่งไปดูงานยุโรป เจอไป ๑๑๗,๐๐๐ บาท แต่ว่า ๑๑๗,๐๐๐ บาทนี่ ไม่รู้ว่าบริษัททัวร์จะขาดทุนหรือเปล่า ? เพราะว่าไปนอนที่เมืองฟอเรนซ์ เฉพาะค่าห้องคืนหนึ่ง ๒๘,๐๐๐ บาท ปกติแล้วในเมืองท่องเที่ยว เราไปเที่ยวข้างในแล้วไปนอนกันนอกเมือง ครั้งนั้นคนขับรถวิ่งวนรอบเมือง ถามเขาว่าโรงแรมนี้อยู่ที่ไหน ? แล้ววนกลับมานอนข้างมหาวิหารฟอเรนซ์นั่นแหละ เจอไปคืนละ ๗๐๐ ยูโร ได้ยินแล้วสะดุ้งเฮือก ตั้ง ๒๘,๐๐๐ บาท แล้วพระไปตั้ง ๒๓ รูป..!

แต่ไปยุโรปแล้วภูมิใจ ภาษาอังกฤษของพวกเราเก่งกว่า คนยุโรปเขาค่อนข้างหยิ่ง ไม่ค่อยใช้ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศสเขาใช้ภาษาฝรั่งเศส อิตาลีเขาใช้ภาษาอิตาเลี่ยน สวิสเขาใช้ภาษาฝรั่งเศสกับเยอรมัน พอพูดภาษาอังกฤษแล้วพวกเราเก่งกว่า ปลื้มใจว่าเขาสู้เราไม่ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2014 เมื่อ 18:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 27-07-2014, 12:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ที่วัดท่าขนุนจะมีหมาชาวบ้านอยู่ ๒ ตัว ตัวดำใหญ่พันธุ์ลาบาดอร์ แล้วก็มีพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ ชื่อเจค็อบ หนีเจ้าของมาอยู่วัด เจ้าของมาไล่ต้อน เอาโซ่ล่ามกลับไป เผลอเมื่อไรก็หนีมาอยู่วัดอีก หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยบอกว่า เวลาเลี้ยงหมาให้ดูตรงใต้คาง ตรงใต้คางหมาจะมีตุ่มอยู่ตุ่มหนึ่ง มีขนแข็ง ๆ ยาว ๆ ถ้าขนเส้นเดียว ๒ เส้น หรือ ๓ เส้น เป็นหมาที่มาจากข้างบน ถ้าคนเลี้ยงมีบารมีน้อยกว่า เขาจะหนีไปหาคนที่มีบารมีเท่ากัน หรือสูงกว่า

ถ้าใครเลี้ยงหมาแล้วหมาหนี โปรดทราบว่าบารมียังสู้หมาไม่ได้..! ถ้ามีขนเส้นเดียวจะเป็นราชาหมา ราชาหมาไม่กลัวหมาที่ไหน ไปตัวเดียวที่ไหนก็ไปได้ หมาอื่นไม่กล้าทำอะไร ถ้าขน ๔ เส้นขึ้นไปเริ่มดื้อ คุยไม่รู้เรื่อง ขน ๑ เส้น ๒ เส้น ๓ เส้น คุยรู้เรื่อง สั่งครั้งเดียวรู้ คราวนี้ที่วัดมีหมาของญาติโยมหนีมาอยู่เรื่อย หนีมาเขาก็ตามคืน เผลอเมื่อไรก็หนีมาอีก อาตมาเองสมัยทำงานในกรุงเทพใหม่ ๆ ไม่ได้เลี้ยงหมาสักตัว ก่อนบวชมีหมาอยู่ ๑๑ ตัว หมาชาวบ้านหนีมาทั้งนั้น

ตอนที่ยังไม่ได้บวชมีหมา ๑๑ ตัว ชอบใจอยู่ตัวชื่อนางแดง อาตมาเรียกว่าไอ้หมารู เพราะชอบขุดรูอยู่เอง แล้วเขาไม่ง้อเราด้วย ถ้านางแดงขุดรูแปลว่าจะคลอดลูกแล้ว พอถึงเวลาเอาข้าวคลุกไปให้กิน นางแดงจะเลือกหมูเลือกปลากินหมด แล้วทิ้งข้าวไว้ เขาไม่ง้อหรอก ถึงเวลาหิวจะวิ่งเข้าตลาดไป พักเดียวลากไส้กรอกอีสานมาทั้งพวงเลย..! ปรากฏว่าบรรดาลูก ๆ ของนางแดง มีนางหรั่งที่รับคุณสมบัติของแม่มา นางหรั่งตัวสีน้ำตาลเข้มทั้งตัว หูตูบ ๆ หน่อย แต่ตาสีน้ำข้าว เลยเรียกว่านางหรั่ง

นางหรั่งเป็นหมารูเหมือนกัน ถึงเวลาจะคลอดลูกจะขุดรูลงไปทำเป็นโพรงใหญ่ ถึงเวลาพวกเราไปขอดูลูกไม่เป็นไร ถ้าเป็นคนแปลกหน้าจะโดดจากรูมากัดเลย แล้วก็ลักษณะเดียวกับแม่ คือไม่ง้อคนเลี้ยง ให้อาหารไม่ดี ไม่เป็นไร รู้จักหากินเอง วิ่งเข้าตลาดไปหาเองได้

อีกตัวหนึ่ง ตัวใหญ่มาก ไม่รู้ว่าพันธุ์อะไร เหมือนหมาป่าเลย สีดำทั้งตัว เรียกว่าไอ้หมี เจ้าหมีหนีมาถึงก็มาตีซี้อยู่เรื่อย พอเจ้าของมาเจอก็เอาโซ่ลากกลับบ้านไป เผลอหลุดจากโซ่เมื่อไรเจ้าหมีก็หนีมาอยู่เรื่อย อาตมาเลยสงสัยว่าเจ้าของบารมีสู้ไอ้หมีไม่ได้ จึงหนีไปหาคนอื่นอยู่เรื่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-07-2014 เมื่อ 12:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 27-07-2014, 12:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่แล้วทางราชการเวลาส่งจดหมายมาว่า วันนั้นวันนี้จะทำเรื่องนั้นงานนี้ นิมนต์พระคุณเจ้าด้วย ขอโทษ..อาตมาไปไม่ได้ ถ้าอาตมารับงานอื่นแล้ว งานใหม่สำคัญแค่ไหนก็ไม่ไป ยกเว้นงานหลวง งานหลวงคือพระราชพิธี ไม่ใช่งานที่ข้าราชการเขาจัด ถ้าเป็นงานราชพิธีของในหลวง ของพระราชินี ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จะไป จะยอมทิ้งงานอื่น ถ้าไม่ใช่งานหลวง ไม่ไปหรอก ใครนิมนต์ไว้ก่อนก็ไปที่นั่นแหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-07-2014 เมื่อ 12:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 27-07-2014, 12:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่ปฏิบัติแล้วมีอาการต่าง ๆ เช่น ฟ้อนรำ เป็นเพราะว่าเขามีกรรมแทรกหรืออย่างอื่นแทรก ?
ตอบ : บางอย่างก็แทรก แต่จริง ๆ บางคนก็เป็นปีติด้วย

ถาม : บางคนติดปีตินานเกิน ?
ตอบ : ถ้าเรามัวแต่อาย มัวแต่กลัวอยู่ จะติดอยู่ตรงนั้น ข้ามไม่ได้เสียที

ถาม : เขาจะค้างอยู่อย่างนั้นเป็นยี่สิบปีแล้ว ออกไม่ได้เลย ?
ตอบ :ต้องปล่อยให้เต็มที่ไปเลยแล้วจะหาย ถ้าไม่ปล่อยให้เต็มที่ เมื่อไรก็เมื่อนั้น ก็จะติดอยู่อย่างนั้น

ถาม : บางคนก็เป็นหมา ไม่อาบน้ำเลย ?
ตอบ : ต้องดูวิธีการฝึกของครูบาอาจารย์เขา อาตมาก็ไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้ไปเห็นการฝึกปฏิบัติของสำนักนั้น บางทีก็เหมือนกับการสะกดจิตว่าตัวเองเป็นอย่างนั้น ต้องดูว่าครูบาอาจารย์เขามีวิธีแก้ไหม

ถาม : เขาแก้ไม่เป็น ?
ตอบ : แก้ไม่เป็นก็ติดอยู่แค่นั้น

ถาม : เป็นปีไม่อาบน้ำอยู่อย่างนั้นเลย หลานผมเป็นพญาหมาอยู่อย่างนั้น ?
ตอบ : ต้องช่วยเตือนเขาว่าตอนนี้เขาเป็นคน..ไม่ใช่หมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-07-2014 เมื่อ 15:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 27-07-2014, 13:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์สนทนากับพระด้วยกันว่า "ผมคอยสังเกตอยู่ทุกเดือนว่าเขาจะขวางอย่างไรไม่ให้ผมมาทำงานที่นี่ คือทุกครั้งจะต้องหาเรื่องให้ป่วยจนได้ ปรากฏว่าก่อนจะมาสอนหนังสืออยู่ที่วัดใต้ จะบ่าย ๔ โมงอยู่แล้ว อากาศ ๔๑ องศา พอวิ่งขึ้นไปถึงลิ่นถิ่นเริ่มเข้าเขตทองผาภูมิ ฝนก็ตก อากาศลดเหลือ ๒๔ องศา ต่างกัน ๑๗ องศา..! แล้วจะเหลือไหมเล่า ? อากาศทองผาภูมิกับกาญจนบุรี ต่างกัน ๑๗ องศา ก็เป็นไข้

แค่นั้นยังไม่พอ ออกบิณฑบาตตอนเช้า ฝนกระหน่ำตั้งแต่ไปยันกลับ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีจีวร
แห้งเฉพาะที่เอามือกำไว้อยู่แค่นี้ ผมบอกกับพระใหม่ว่าพระพุทธเจ้าท่านลำบากกว่าเราเยอะ พระองค์ท่านเป็นสุขุมาลชาติ เกิดภายใต้เศวตฉัตร อีก ๗ วันความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิจะมาถึงแล้ว ยอมสละเศวตฉัตรมาตกระกำลำบาก ๖ ปีเต็ม ๆ ของพวกเราตากฝนแค่นี้ไม่ลำบากหรอก ฉะนั้น..จงตากฝนต่อไป..!

คิดดูว่าเขาหาเรื่องให้ผมป่วยจนได้ โดยเฉพาะว่าผมไม่ได้เอาตัวรอดคนเดียว จะเอาคนอื่นไปด้วย เขาต้องขวางสุดชีวิตเลย ผมสังเกตอยู่ทุกเดือน เขาเอาจนได้ ก็ดีเหมือนกัน ป่วยจะได้เห็นความไม่ดีของร่างกายชัดขึ้น จะได้ไม่หลงไปอยากได้ใคร่ดี ถ้าเขาปล่อยให้ผมแข็งแรง ๆ อาจจะหลงระเริง ยังดีที่ป่วยตลอด

ผมไปนึกถึงหน่อย (ร.อ.หญิงสุพรรณี ครองแถว) เป็นพยาบาลอยู่ตึกคุ้มเกล้า โรงพยาบาลภูมิพล ตึกที่มีเครื่องไม้เครื่องมือทันสมัยเกือบจะที่สุดในประเทศไทย เส้นโลหิตในสมองแตก ถ้ารู้ทัน..อย่างไรก็รักษาได้ ปรากฏว่าหน่อยก่อนออกเวรบ่นกับเพื่อน ๆ ว่าปวดหัวมาก ขอไปนอนก่อน ช่วงนอนนี่แหละน่าจะเส้นโลหิตในสมองแตก แล้วก็น็อกไปเลย

คนอื่นเห็นว่าน้องเขาเหนื่อย ก็ปล่อยนอนข้ามวันเลย ถ้ารู้ตัวอย่างไรก็รักษาได้ แต่นี่ข้ามวัน เรียบร้อย..จะ
ไปรักษาอย่างไร อยู่ในที่ที่เครื่องมือพร้อมที่สุด แต่รักษาไม่ได้ เพราะกรรมบัง ทำให้ทุกคนคิดว่าน้องเขาเหนื่อย ให้นอนพักไป นอนกันเป็น ๑๐ ชั่วโมง เส้นเลือดในสมองแตกไปตั้งนานแล้ว จะเหลืออะไร เวลากรรมเขาจะเล่นงาน เขาก็หาช่องว่างเอาจนได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2014 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 28-07-2014, 09:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยที่อาตมายังอยู่ที่วัดท่าซุง มีอยู่จุดหนึ่งที่เห็นว่าดีมาก ๆ เลย ก็คือญาติโยมที่ไปวัดรู้ว่าตัวเองควรที่จะทำอะไร ไปถึงก็มองหางานที่เหมาะกับตัวเอง ถึงเวลาก็ต่างคนต่างทำงานนั้น ๆ เต็มกำลังของตน ไม่ต้องมีใครสั่ง พอทำไปทำมารู้จักมักคุ้นกันมากขึ้น ๆ ก็เกาะกันเป็นคณะ ก็จะรู้ว่าคณะนี้ควรทำหน้าที่อะไร คณะนี้ทำหน้าที่รักษาความสะอาด คณะนี้เป็นแม่ครัว คณะนี้ช่วยงานสังฆทาน คณะนี้ช่วยจำหน่ายวัตถุมงคล เป็นต้น

คนใหม่มาก็รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไร วิ่งไปหางานทำ พอได้งานแล้วต่อไปก็ทำงานหน้าที่นั้น ๆ ซึ่งตรงจุดนี้เป็นการแสดงออกให้เห็นชัดว่าในเรื่องของบารมี คือกำลังใจของแต่ละคนนั้น สั่งสมกันมาเต็มจริง ๆ รู้จักทำงานเอง ไม่ต้องรอให้เรียกใช้ไหว้วาน ไม่น่าเชื่อว่าวัดที่ใหญ่โตขนาดนั้น มีญาติโยมไปทีหนึ่งสองแสนสามแสน ไม่ต้องจ้างแรงงานเลยแม้แต่คนเดียว ทุกคนนอกจากไปทำเองแล้ว ยังควักกระเป๋าทำบุญอีกต่างหาก เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก

พวกเราอาจจะไม่ได้สังเกต หรือไม่ก็เห็น แต่ไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่อาตมาอยู่ข้างใน เห็นอย่างชัดเจน จึงทำให้รู้สึกว่าในเรื่องกำลังใจได้เปรียบกว่าที่อื่นมาก เพราะว่าทุกคนทำงานด้วยใจจริง ๆ หลายต่อหลายวัด ขนาดสั่งยังไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไร เป็นเรื่องที่น่าหนักใจมาก

เมื่อเดือนที่แล้วมีงานพระราชทานเพลิงหลวงพ่อพระเทพเมธากร ทางเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีแต่งตั้งกรรมการดำเนินงาน ท่านใช้คำว่าคณะสงฆ์วัดท่าขนุน ท่านไม่ตั้งเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนนะ ท่านเอาทั้งวัดเลย วัดอื่นท่านตั้งเป็นตำแหน่ง ๆ ของวัดท่าขนุนท่านตั้งทั้งวัดเลย แล้วก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ถ้าไม่มีพระวัดท่าขนุนอยู่ มีหวังงานเละแน่ ๆ อาตมาส่งพระไปช่วยงาน ๕ รูป บวกกับของทางวัดพุทธบริษัท ซึ่งก็คือวัดท่าขนุนนั่นแหละ อีก ๒ รูป แล้วก็พระครูปลัดปรีชา รองเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รวมเป็น ๘ รูป ต้องแบกงานทั้งวัด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2014 เมื่อ 09:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 28-07-2014, 09:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พระเณรของทางวัดท่ามะขามไม่ค่อยรู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไร ขนาดสั่งงานแล้วยังทิ้งหน้าที่ ถ้าเป็นของวัดท่าขนุนแล้ว หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดท่านค่อนข้างมั่นใจว่างานไม่เสียแน่ ท่านเลยตั้งคณะสงฆ์วัดท่าขนุนเป็นกรรมการ แต่ว่าตอนเก็บกระดูกอาตมาต้องเหมาลงไปอยู่ในโลงเหล็กที่เขาเผา แล้วก็ใช้มือกวาดและกอบเอา ขึ้นมาก็ลายพร้อยไปทั้งตัว มีแต่ขี้เถ้ากระดูกติดมา คนอื่นเขากลัวผี อาตมานี่ถ้าเป็นคนแล้วไม่กลัว ถ้าเป็นผีอาตมาก็ไม่กลัวหรอก ตอนเป็น ๆ ยังไม่กลัวเลย จะไปกลัวอะไรตอนตาย แต่คนมักจะทำใจกันไม่ได้

แล้วก็มีอยู่ส่วนหนึ่งที่คนแปลกใจกันมากว่า หลังจากเผาแล้วทำไมมีลวดอยู่เยอะแยะไปหมด ถามว่าหลวงพ่อท่านโดนไสยศาสตร์หรือเปล่า ? อาตมาบอกว่า "ไอ้บ้า..เอ็งใส่ดอกไม้จันทน์ลงไปเท่าไร ?" ดอกไม้จันทน์มีลวดพันทุกอัน ใส่ไปเป็นพัน ๆ ช่อ ลวดก็เป็นหอบ ถึงเวลาก็เอาลวดขึ้นมาเขย่า ๆ ให้ขี้เถ้าออก แล้วก็โยนลวดทิ้ง แล้วก็กอบเอาขี้เถ้ากระดูกขึ้นมา แต่พอมานึกถึงว่า คน ๆ หนึ่งพอเผาเสร็จก็เหลืออยู่แค่ ๒ พาน แล้ว ๒ พานนี่ก็เป็นถ่านเป็นอะไรเสียเยอะเลย

ไปนึกถึงพุทธภาษิตที่ว่า รูปํ ชีรติ มจฺจานํ รูปคือร่างกายนี้ ถึงเวลาย่อยยับไปได้ นามโคตฺตํ น ชีรติ แต่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลไม่ได้ย่อยยับดับสลายไปด้วย ดังนั้น..คนโบราณเขารักชื่อเสียง รักเกียรติ รักวงศ์ตระกูล ก็เลยไม่ค่อยมีใครทำอะไรที่เสียหาย เพราะถ้าเสียก็เสียทั้งตระกูล ดังใน โคลงโลกนิติที่เขาว่า พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี

พฤษภคือวัว เดือนพฤษภาคมก็คือเดือนของวัว กาสรคือควาย กุญชรคือช้าง โททนต์คือฟันทั้งคู่ ก็คืองา เสน่งคือเขาสัตว์ ไม่ใช่ “เสน่ห์” ส่วนใหญ่เด็กรุ่นหลังคิดว่าเขาเขียนผิด บางคนเรียก เขนง เสนง หรือเสน่ง

นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา คนเราตายแล้วไม่เหลืออะไรเลย เหลือแต่ความดีความชั่วเอาไว้เท่านั้น ดังนั้น..คนเราต้องมีหลักการดำเนินชีวิต “อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง” ไม่ใช่อยู่เขาก็หมั่นไส้ ไปเขาก็จุดประทัดไล่ส่ง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2014 เมื่อ 09:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 28-07-2014, 09:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,095 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงมรณภาพ หลังจากนั้นไม่นานหลวงพ่อสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชผาติการามก็มรณภาพ อาตมาเห็นข้อเปรียบเทียบหลายอย่าง งานของหลวงพ่อวัดท่าซุงมีเจ้าภาพจองสวดตั้งแต่วันแรกถึงวันสุดท้าย บางวันสามสิบสี่สิบราย ถ้าโยมถามว่าเยอะขนาดไหน ? ขนาดที่ว่าอาตมาต้องสวดพระอภิธรรมตั้งแต่ ๐๘.๓๐ น. ถึง ๒๐.๓๐ น. ทุกรายไปถึงก็ต้องไปสวด กุสลา ธัมมาฯ ให้เขา กว่าจะ อนิจจา วะตะ สังขาราฯ กรวดน้ำอะไรเสร็จ ชุดใหม่ก็มาต่อ ถึงต้องผลัดเวรกัน แล้วชุดของอาตมาก็ทำลายสถิติเสมอ วันนี้ ๒๒ ราย งวดต่อไป ๒๕ ราย งวดต่อไป ๓๐ ราย งวดต่อไป ๓๓ ราย เยอะขึ้นไปเรื่อย ๆ ทำให้พี่ ๆ น้อง ๆ เขารู้ว่าคาถาเงินล้านมีผลจริง ๆ

คราวนี้หลวงพ่อสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ อันดับแรกท่านเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ถ้านับตำแหน่งในงานคณะสงฆ์ก็นับว่าสูงสุด เป็นรองแต่สมเด็จพระสังฆราชเท่านั้น หลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นเจ้าคุณพระราชพรหมยาน เป็นชั้นราช ขึ้นมาแค่ ๒ ระดับ ยังมีชั้นเทพ ชั้นธรรม ชั้นพรหม กว่าจะถึงสมเด็จพระราชาคณะ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ท่านจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค หลวงพ่อวัดท่าซุงจบ ๔ ประโยค แต่หลวงพ่อสมเด็จ ฯ วัดราชผาติการาม มีเจ้าภาพสวดศพเฉพาะเสาร์อาทิตย์ พูดง่าย ๆ คือเก็บครบ ๑๐๐ วัน มีเจ้าภาพเฉพาะเสาร์อาทิตย์ วันธรรมดาไม่มี แล้วญาติโยมที่เป็นฆราวาสแทบจะไม่มีไปเลย มีแต่พระ

ในด้านคุณธรรม หลวงพ่อวัดราชผาติการามกับหลวงพ่อวัดท่าซุงท้ายสุดไปพระนิพพานเหมือนกัน แต่เราเห็นความต่างในเรื่องของศรัทธาเลื่อมใสที่ญาติโยมเห็นอย่างชัดเจน รายหนึ่งมีสวดเช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า ส่วนอีกรายมีเจ้าภาพเฉพาะเสาร์อาทิตย์เท่านั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2014 เมื่อ 09:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:40



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว