#1
|
|||
|
|||
จิตติดท่องเที่ยว (ใครที่ชอบท่องเที่ยวลองอ่านดู)
|
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
|||
|
|||
|
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
|||
|
|||
|
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
|||
|
|||
พระธรรมในเรื่องนี้โดนใจผมอย่างมาก (เพราะเคยพลาดมาก่อนมาก ยังไม่เห็นทุกข์ในโลกเท่าตอนนี้)
ขออนุญาตเล่าประสบการณ์ส่วนตัวเพื่อเป็นอุทาหรณ์ เพราะเมื่อก่อนผมชอบท่องเที่ยวมาก โบกรถเที่ยว เดินทางไปเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ มากมาย (เดินป่าสำรวจป่าปิด เที่ยวเชิงวัฒนธรรม) เรียกว่าที่ไหนที่เป็น unseen ล่ะชอบไปนัก ที่ที่คนเขาไปยาก ๆ ผจญภัย ๆ ก็ไปกัน เอาภาพเอาบันทึกการเดินทางมาลงเว็บไซต์สนองกิเลสตัณหาในตอนนั้น และเที่ยววัดสำคัญ ๆ ในจังหวัดต่าง ๆ (ยังดีที่ติดบุญไว้บ้าง) ซึ่งต้องยอมรับความเสี่ยงต่ออันตรายต่อชีวิตมาหลายครั้งต่อหลายครั้ง และเวลา ความตายไม่เคยคอยใคร (ทุกขณะจิต) เวลาที่เหลือเอามาปฏิบัติเพื่อหวังการพ้นทุกข์ดีกว่า ต่อมาพอเริ่มมามารู้จักแนวทางการปฏิบัติตามแนวทางของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ในเริ่มต้นก็เริ่มหันมาเดินทางไปไหว้พระที่นั่น ที่นี่ พอดีมีคนนำหนังสือตามรอยพระพุทธบาทมาให้เล่มหนึ่ง จิตใจมันโลดแล่น (คงเป็นวิสัยเก่าที่เราต้องมาทำในชาตินี้ด้วย) เลิกเที่ยวแบบธรรมชาติและการสำรวจ มาเดินทางตามรอยพระพุทธบาท ทั้งสถานที่ที่ไปง่าย ๆ และไปลำบากต้องเดินทางเท้า เดินทางข้ามเขาหลาย ๆ ลูกก็มี แต่ก็อิ่มใจ รู้สึกเหนื่อยกายบ้าง แต่ก็มีกำลังใจเพราะติดบุญอยู่ แต่จิตมันก็ยังฟุ้งซ่านในการคิด วางแผน และการลงมือกระทำ (เดินทางไปทำความสะอาดรอยพระพุทธบาท ปิดทองคำเปลวแท้ ร่วมทำบุญในที่ต่าง ๆ ) และตอนหลังก็มาติดไหว้พระบรมธาตุเก่า ๆที่มีความสำคัญ (ไปมาเยอะมาก ๆ จนในที่สุดที่บ้านของตัวเองก็มีบูชา จะเดินทางไปให้เหนื่อยทำไม) แต่เริ่มพบครูบาอาจารย์ที่ท่านสอนเราได้อย่างจริง ๆ เวลาเดินทางไป ก็จะอธิษฐานตามท่าน คือขอพ้นทุกข์ในชาตินี้ทุกครั้ง มาตอนนี้เหมือนสิ่งที่ทำมามันเต็มหัวใจแล้ว ก็เคารพและกราบไหว้เหมือนเคย เริ่มจะรู้สึก เฉย ๆ ไม่ฟุ้งซ่านในบุญที่อยู่นอกกายกับจิต จนเกินพอดีเหมือนแต่ก่อน ปัจจุบันจึงมาเน้นฟังธรรมและปฏิบัติ เดินทางตามที่จำเป็นบ้างเท่านั้น จะพยายามยึดความพอดีให้มากกว่าเมื่อก่อน ในการตามพระอาจารย์ไปบำเพ็ญกุศล และสงเคราะห์สาธารณประโยชน์ มาคิดว่าเมื่อเราประมาทในความตายมากนัก ถ้าตายตอนนั้นคงไม่ถึงพระนิพพาน (ติดบุญมากเกินไปคงเป็นเทวดารักษาสถานที่นั้น ๆ ถ้ามีจิตเศร้าหมองคงลงอบายภูมิเป็นแน่) การประมาทในความตายเท่ากับประมาทในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ เน้นให้เราปฏิบัติที่กายกับจิตของเราเอง ที่ผ่านมาจิตส่งออกไปมาก แต่ตราบใดที่ยังไม่พ้นทุกข์เพียงใด เราก็ต้องจะติดบุญไว้ก่อน แต่เราไม่เกาะ เราทำเพื่อพ้นทุกข์อย่างเดียวเท่านั้น รักษากายไว้บ้างตามสมควรในทางสายกลาง เพื่อปฏิบัติธรรมให้พ้นดี พ้นเลว ให้ถึงที่สุดของการพ้นทุกข์ดีกว่า จึงขอนำเรื่องนี้มาเล่าดังนี้ครับ เพื่อประกอบกับพระธรรมข้างต้นครับ (ใครที่ยังมีจริตวิสัยดังที่กล่าวมาในอดีตของผม ถ้าหวังพ้นทุกข์ในชาตินี้ แนะนำให้อธิษฐานลาพุทธภูมิบ่อย ๆ จนเต็มหัวใจ)เพื่อให้การปฏิบัติ คล่องตัวและเห็นทุกข์เพื่อละทุกข์มากยิ่งขึ้นครับ) สิ่งใดที่กล่าวผิดพลาด ในที่นี้ ต้องขอขมาพระรัตนตรัยและท่านผู้ทรงความดีทั้งหลายมา ณ ที่นี้ด้วย แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 21-09-2012 เมื่อ 12:27 |
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
|||
|
|||
ถ้าฝึกจิตไปท่องเที่ยวที่นิพพานได้วันละนิดละน้อย
ก็คงจะดีกว่าไม่น้อย... |
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|