กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 02-05-2018, 08:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๑

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราทั้งหมดไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ วันนี้จะกล่าวถึงการปฏิบัติธรรมของพวกเรา ซึ่งส่วนใหญ่ก็หวังในส่วนของฤทธิ์ ของอภิญญา ซึ่งไม่ใช่ความผิด เพราะว่าการปฏิบัติของเราถ้าไม่มีส่วนของธรรมฉันทะ คือความพอใจในส่วนใดส่วนหนึ่ง เราก็จะขาดความพากเพียรทุ่มเททำให้กับสิ่งนั้น ๆ

ถ้าหากว่าเราต้องการในเรื่องของฤทธิ์เรื่องของอภิญญานั้น ก็เป็นไปได้โดย ๒ แนวทาง แนวทางแรกของเราก็คือ ฝึกตามแบบของวิสุทธิมรรค ก็คือจับกสิณกองใดกองหนึ่งที่วัสดุหาได้ง่ายสำหรับเรา มองภาพกสิณนั้นพร้อมกับกำหนดคำภาวนา อย่างเช่นว่า ถ้าเป็นสีแดงก็ภาวนาว่า โลหิตกสิณัง โลหิตกสิณัง เป็นต้น ถ้าเป็นธาตุดิน เป็นก้อนดิน ก็ภาวนา ปฐวีกสิณัง ปฐวีกสิณัง เป็นต้น

เมื่อภาพเลือนไปก็ลืมตามองใหม่ หลับตาลงจำภาพนั้นแล้วภาวนาใหม่ อย่างนี้เป็นต้น ทำแบบนี้เป็นร้อยเป็นพันครั้ง จนกระทั่งเราจะลืมตาหรือหลับตาก็เห็นภาพนั้นได้เท่ากัน เมื่อถึงขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนที่ยาก เพราะว่าเราต้องประคับประคองภาพกสิณนี้ให้อยู่กับเรา จะหลับ จะตื่น จะยืน จะนั่ง ต้องแบ่งความรู้สึกส่วนหนึ่งไว้กับภาพกสิณนี้เสมอ ไม่เช่นนั้นก็จะเลือนหายไป ทำให้เราต้องไปเริ่มต้นทำภาพกสิณมาใหม่

แต่ถ้าเราสามารถรักษาเอาไว้ได้ ภาพกสิณเหล่านี้ก็จะมีการเปลี่ยนสี จากสีเข้มก็เป็นสีจางลง จากสีจางลงก็เป็นสีเหลือง จากสีเหลืองเป็นสีเหลืองอ่อน จากสีเหลืองอ่อนเป็นสีขาว จากสีขาวเป็นใส จากใสเป็นสว่าง ถ้าหากว่าความสว่างขึ้นเต็มที่ เราสามารถที่จะอธิษฐานให้ใหญ่ ให้เล็ก ให้มา ให้ไปได้ ก็แปลว่าเราสามารถใช้กสิณกองนั้น อธิษฐานให้เกิดผลตามที่ท่านระบุเอาไว้ในตำรา อย่างเช่นว่าจะทำของอ่อนให้แข็งก็ใช้ปฐวีกสิณ ถ้าหากอยากไปที่ไหนเร็ว ๆ ก็ใช้วาโยกสิณ เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2018 เมื่อ 16:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 03-05-2018, 07:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้อีกส่วนหนึ่งก็คือ การที่เราภาวนาบทพระคาถาที่ครูบาอาจารย์ท่านให้เอาไว้ อย่างหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยให้เอาไว้สองบทด้วยกัน ก็คือ "สัมปะจิตฉามิ" และ "โสตัตตะภิญญา" ซึ่งทั้งสองบทนี้ถ้าใครทำตามด้วยความเคารพ ถูกต้องตามกติกาแล้ว เมื่อเกิดผลขึ้นมา เราจะสามารถสำแดงฤทธิ์ได้เหมือนอย่างกับฝึกกสิณ ๑๐ มาเช่นกัน

แต่เพียงแต่ว่าในเรื่องของการใช้พระคาถานั้น สำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ก็จะไม่รู้เคล็ดลับ ในส่วนของการใช้พระคาถานั้น ถ้าหากว่าเราภาวนาไป แล้วปรากฏแสงสีทองขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นจุด เป็นแต้ม เป็นดวง เป็นแผ่น เป็นผืนอย่างไรก็ตาม ให้พยายามกำหนดใจดึงเอาแสงนั้นเข้ามาไว้ในอกของเรา ถ้าแสงสามารถรวมกันเป็นดวงอยู่ในอกเมื่อไร ร่างกายของเราก็จะเริ่มลอยขึ้น เราก็ซักซ้อมค่อย ๆ ลอยในระยะใกล้ ๆ ในระยะต่ำ ๆ เสียก่อน เพื่อที่ว่าพลาดพลั้งสมาธิคลายตัวอย่างกะทันหันจะได้ไม่บาดเจ็บ

เมื่อซักซ้อมจนคล่องตัวแล้วเราจึงค่อยไปในที่ไกล ๆ หลังจากนั้นเมื่อซักซ้อมคล่องตัวแล้วสามารถใช้ได้ดังใจ เราก็ลองอธิษฐานใช้ผลอื่น ๆ อย่างเช่น ทำของอ่อนให้แข็ง หัดเดินบนน้ำ หรือเดินบนอากาศ เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-05-2018 เมื่อ 18:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 03-05-2018, 07:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากเราตั้งใจทำ ก็จะทำให้สามารถเกิดฤทธิ์ เกิดอภิญญา ทำในสิ่งที่มนุษย์ทั่ว ๆ ไปไม่สามารถจะทำได้ แต่มีส่วนที่น่าหวาดหวั่นอยู่ก็คือ เรามักจะไปหลงติดอยู่ตรงนั้น เพราะว่าเมื่อเวลาที่เราทำได้ คนอื่นจะเห็นเป็นผู้วิเศษ ต้องการที่จะให้ช่วยในเรื่องนั้น ต้องการที่จะให้ช่วยในเรื่องนี้ ต้องการจะเห็นแบบนั้น ต้องการเห็นแบบนี้ เราไม่สามารถสนองกิเลสคนให้ได้ทุกคนโดยครบถ้วนสมบูรณ์ เพราะว่าเรื่องของคนคือเรื่องของโลก เรื่องของโลกคือเรื่องที่หนักเกินกว่าที่เราจะแบกเอาไว้ไหว เราจะต้องตัดที่ตัวเอง จะต้องละที่ตัวเองเท่านั้น เราจึงจะสามารถล่วงพ้นกองทุกข์ไปสู่พระนิพพานได้

ดังนั้น...เราจะต้องไม่ลืมกฎเกณฑ์กติกาของความเป็นพระอริยเจ้า ก็คืออย่างน้อยเราจะต้องรักษาศีลทุกสิกขาบทตามสภาพของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล ต้องมีความรู้สึกตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ถ้าหากว่าเราตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานที่เดียว และทำความเคารพใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้แน่นแฟ้นจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้า และลับหลัง

ถ้าหากว่ากฏเกณฑ์กติกาเหล่านี้อยู่ทรงในใจของเรา โอกาสที่ท่านทั้งหลายจะล่วงพ้นจากกองทุกข์ถึงจะมีได้ ไม่เช่นนั้นต่อให้ได้อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ สำแดงอิทธิฤทธิ์ได้มหัศจรรย์เพียงใดก็ตาม ท่านทั้งหลายก็ยากที่จะพ้นจากทุคติได้ เพราะว่าอภิญญาสมาบัติเหล่านั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นไปในด้านโลกียอภิญญา ไม่ใช่ในเรื่องของการหลุดพ้นจากการทุกข์

ลำดับถัดต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-05-2018 เมื่อ 18:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:31



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว