กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 29-06-2014, 19:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่มหายานเขารุ่งเรืองแล้ว ตั้งแต่สมัยพระนาคารชุนมา พอรุ่งเรืองขึ้นมาโดยเฉพาะท่านมีความสามารถมากประเภทแสดงอภิญญา ขึ้นฟ้าลงดินกันเป็นปกติ คนก็เลื่อมใสกันมาก พอมีการตั้งมหาวิทยาลัยนาลันทาขึ้นมาเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา ก็มีคนนับถือไปศึกษากันมาก โดยเฉพาะรุ่นถัด ๆ มาไม่ว่าจะเป็นท่านวสุพันธุ ท่านอสังคะ ท่านอัศวโฆส แต่ละคนสุดยอดปฏิภาณทั้งนั้น ทำให้ทางด้านมหายานรุ่งเรืองเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะพระเจ้ากนิษกมหาราชให้การสนับสนุนด้วย พระเจ้ากนิษกะที่เป็นผู้ที่สนับสนุนการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๕ แล้วมีการจารึกเป็นภาษาสันสกฤตลงในแผ่นทอง ๑๐๐,๐๐๐ โศลก ต้องใช้ทองตั้งเท่าไร ? หลังจากนั้นก็ส่งธรรมทูตออกไปเผยแผ่ยังดินแดนต่าง ๆ

ไม่ว่าจะเป็นพระถังซัมจั๋ง หรือหลวงจีนฟาเหียน ก็ไปศึกษาที่นาลันทา ท่านเหล่านี้เสียสละมาก จากที่ไม่รู้อะไรเลย ต้องไปเรียนจนรู้ภาษาของเขา พอรู้ภาษาของเขาแล้ว ต้องไปศึกษาพระไตรปิฎกจนแปลเป็นภาษาจีนได้ ไปกันที ๒๐ ปี ๓๐ ปี สมมติว่าตอนไป ๓๐ กลับก็ ๕๐ แล้วเดินทางไกลขนาดนั้น ท่านทั้งหลายเหล่านี้ต้องบอกว่ามีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาอย่างมหาศาล
"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 04:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 29-06-2014, 19:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : พระพุทธโฆสาจารย์จนป่านนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นคนอินเดีย ถ้าอินเดียก็ยังมีอินเดียตอนเหนือ อินเดียตอนใต้ บางเสียงก็ยังบอกว่าเป็นคนมอญ เขมรก็บอกว่าเป็นคนเขมร เขมรเขามีหลักฐานน้อยมาก มีแค่วิหารหลังหนึ่งที่เป็นของเก่าชื่อวิหารพระพุทธโฆสาจารย์ แต่พม่าเขาเขียนประวัติพร้อมสถานที่เกิดเสร็จสรรพ ขณะที่อินเดียก็เองยังตกลงกันไม่ได้ว่าท่านเกิดอินเดียตอนเหนือหรืออินเดียตอนใต้ ถ้าอินเดียตอนเหนือจะเป็นพวกอารยัน ถ้าเกิดอินเดียตอนใต้จะเป็นพวกมิลักขะ ถ้าเป็นมิลักขะคนจะเสื่อมความนับถือไปเลย เพราะถือว่าส่วนใหญ่เป็นพวกวรรณะต่ำ

ในส่วนของพวกวรรณะ ยังมีการแบ่งแยกกันอีก อย่างเช่นว่าชูชกเป็นพราหมณ์ก็จริง แต่เป็นขอทาน วรรณะเขาแบ่งกันแล้วแบ่งกันอีก เขาบอกว่าต้องฟังดูว่าเป็นคนตระกูลไหน พอได้ยินว่าเป็นคนตระกูลไหนแล้วถึงจะรู้ว่าอยู่วรรณะไหน ท่านอาจารย์ ผศ.ดร.วศิน กาญจนวณิชย์กุล ไปเรียนที่อินเดีย ไม่มีคนรังเกียจ ท่านถามว่า "โกนหัวห่มเหลืองเหมือนกัน ทำไมไม่มีคนรังเกียจ ?" อ๋อ..คุณเป็นวรรณะแพศย์ พวกพ่อค้า เพราะนามสกุลของท่าน วณิชย์กุลคือตระกูลพ่อค้า พอฟังแล้วเขาแปลออกเลย แปลกดีเหมือนกัน คนอื่นไปเป็นพระเหมือนกัน เขากลับรังเกียจ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 04:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 30-06-2014, 08:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถามเรื่องการประกอบอาชีพที่ผิดศีล ๕ (ไม่ชัด)
ตอบ : คนที่ไม่เข้าใจ จะคิดว่าเป็นการสนับสนุนให้เกิดการฆ่า ฉะนั้น..ผู้ที่เป็นพุทธมามกะ ไม่ควรทำอาชีพเหล่านี้ มี ขายสุรา ขายยาพิษ ขายมนุษย์ ขายสัตว์ที่มีชีวิต แค่ขายเนื้อก็เจ๊งแล้ว เพราะน้อยคนที่จะสามารถตัดกำลังใจของตัวเองได้ ถ้าตัดกำลังใจตัวเองได้อย่างภรรยาของพรานกุกกุฏมิตรก็จบ ตัดกำลังใจตัวเองไม่ได้ไม่พอ ยังไปว่าคนอื่นเขาอีก เป็นการสร้างกรรมเพิ่มขึ้น พระพุทธเจ้าท่านจึงห้ามไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 08:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 30-06-2014, 08:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ที่ไปเนปาลนั่น วัดที่ลุมพินีอาตมาไม่ได้ไปถึง ที่ลุมพินีน่าจะเป็นวัดมหานิกาย เพราะว่าเจ้าคุณวีรยุทธเป็นพระมหานิกาย แต่ว่าที่ภักตรปุระ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ท่านไปเริ่มไว้ เลยเป็นวัดธรรมยุต พระที่นั่นมาบวชมาเรียนที่วัดบวรฯ จนพูดไทยได้ชัดเลย ท่านชื่อวิปัสสี ตระกูลศากยะ เป็นตระกูลเดียวกับท่านเจ้าคุณอนิลมาน ท่านทำวัดให้เจริญดี วัดมีเนื้อที่แค่ครึ่งไร่กว่า ๆ ท่านจะซื้อเพิ่มอีกครึ่งไร่ ต้องใช้เงินตั้ง ๔ ล้านบาทไทย เลยแจ้งท่านไปว่าจะเอากฐินปลดหนี้ไปทอดให้ท่านซื้อที่ คราวนี้ท่านยังไม่ได้ตอบเมล์มา เลยไม่รู้ว่าท่านจะตอบหรือไม่ตอบ หรือป่านนี้ยังไม่ได้ดูเมล์ ท่านส่งพระเณรมาเรียนในเมืองไทย ๑๒๖ รูป ที่วัดยังมีพระอีก ๕ สามเณรอีก ๓๖ สามเณรกำลังหัดเรียนภาษาอยู่

คราวนี้กฐินที่นั่นน่ากลัว เพราะช่วงกฐินอากาศที่นั่นหนาวติดลบ ช่วงพฤศจิกายน ธันวาคม จะติดลบเลย ความจริงอาตมาไม่รู้จักวัดท่านหรอก เดินเปะปะ ๆ ไปเที่ยวดูบ้านดูเมือง แล้วมีสามเณร ๒ รูป กำลังย่อง ๆ กลับจากตลาด ก็เลยแปลกใจ มองไปข้างหน้าเห็นพระสีวลีแบบไทยชัดเลย คิดว่าต้องเป็นวัดไทยแน่ จึงตามไปดู

ปรากฏว่าเณรไปแล้วเข้าวัดไม่ได้ ต้องปีน เณรหนีเที่ยว เลยไปบอกท่านวิปัสสีเจ้าอาวาสว่า ผมตามเณรมา ท่านหัวเราะ บอกว่าจับได้แล้วว่าใครหนีเที่ยว ท่านบอกว่าวันนี้เพิ่งแจกเงินเณร พอมีเงินเลยเข้าตลาด คือที่โน่นรับเงินมาแล้วจะรวมเป็นกองกลาง ไม่เอาเป็นส่วนตัว แล้วจะแจกในวาระที่สมควร ปรากฏว่าวันนั้นเงินเดือนออก เณรหนีเที่ยว ถ้าเณรไม่หนีเที่ยวก็ไม่เจอกันหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 08:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 30-06-2014, 08:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “ถ้าหากว่าสมาธิทรงตัว อาการเป็นเหน็บจะไม่มีเลย ลุกขึ้นเดินได้เลย ช่วงที่ไปปฏิบัติแล้วส่งอารมณ์กับบรรดาวิปัสสนาจารย์สายพองยุบ เขาจะเน้นเรื่องเวทนา พออาตมาบอกว่าไม่มีเวทนาท่านไม่เชื่อนะ ท่านอาจารย์ประเสริฐ สุมงฺคโล จากวัดเพลงวิปัสสนา ซึ่งถือว่าเป็นปรมาจารย์ด้านพองยุบ พอบอกว่าไม่มีเวทนา ท่านว่าเป็นไปไม่ได้หรอก คุณนั่งเดี๋ยวนี้เลย นั่งต่อหน้าผมเลย อาตมาก็นั่งให้ดู เวลาประมาณ ๔๕ นาทีท่านก็เรียก พอลืมตาท่านก็สั่งให้เดินเดี๋ยวนั้น อาตมาก็ลุกเดินให้ดู จนในที่สุดท่านก็ครางอ่อย ๆ ว่า "เออ..เรื่องของสมาธินี่ระงับเวทนาได้จริง ๆ ด้วย"

ขอยืนยันเพราะว่าสมัยก่อนอาตมานั่งที ๓ ชั่วโมง ๕ ชั่วโมง ถ้าสมาธิทรงตัว ลุกขึ้นก็เดินได้เลย เหมือนกับว่าถ้าสมาธิทรงตัว ลมละเอียดจะเดินถึงกันหมด จึงไม่เป็นเหน็บ แต่ถ้าสมาธิไม่ทรงตัว อื้อหือม์..เหน็บกินอร่อยเหาะ

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่แน่เหมือนกัน สภาพร่างกายอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ แต่ขอยืนยันว่าถ้าสมาธิทรงตัวจริง ๆ จะไม่รับรู้อาการทางร่างกาย พอถึงเวลาความรู้สึกกลับมา ก็จะค่อย ๆ กระจายไปยังปลายมือปลายเท้า พอความรู้สึกกระจายไปจนทั่วถึงแล้ว ก็จะถามตัวเองว่าพร้อมที่จะลุกหรือยัง ? ถ้าพร้อมแล้วลืมตา ขยับมือ ขยับขา จะบอกตัวเองทีละขั้น ๆ เหมือนกับหุ่นยนต์ เรารู้สึกว่าช้าจนเป็นขั้น ๆ แต่ความจริงเร็วมาก พอพร้อมทุกอย่าง เราก็ลุกได้เลย ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวเล็ก : 30-06-2014 เมื่อ 15:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 30-06-2014, 08:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรื่องการเข้าสมาธิในระดับต่าง ๆ (ไม่ชัด)
ตอบ : นึกจะตรงไปฌานไหนก็ได้ จะนึกโดดหกคะเมนตีลังกาไประดับไหนก็ได้ ถ้าคล่องแล้ว ไม่ต้องไปตามขั้น แต่ถ้าคนที่ไม่ชำนาญ ใหม่ ๆ จากระดับฌานสูงเช่น ฌาน ๔ ลดฮวบลงมาเหลืออุปจารสมาธิ หัวใจจะเต้นเร็วมากจนร่างกายรับแทบไม่ไหว ที่ต้องเร่งระดับการเต้นเร็วมาก เพื่อบังคับให้ร่างกายทำงานได้ ถ้าใครมีประสบการณ์อย่างนี้ให้รู้ว่า เป็นเพราะเราถอนสมาธิเร็วเกินไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 09:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 30-06-2014, 08:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไปนั่งรถไฟความเร็วสูงแล้วประทับใจ นอกจากปลอดภัยแล้วยังนิ่มมากอีกด้วย จากเซี่ยงไฮ้ไปปักกิ่ง ๑,๕๐๐ กว่ากิโลเมตร ถึงตรงเวลาเป๊ะตามหน้าตั๋วเลย ที่ทึ่งมากก็คือเร่งความเร็วจาก ๐ ถึง ๓๐๐ กว่า เราไม่รู้สึกเลย ไม่มีประเภทกระชากหลังติดเบาะ ไปนิ่ง ๆ อยู่ ๆ สงสัยว่าทำไมฝรั่งหันกล้องมาถ่ายรูปกันใหญ่ อาตมานั่งอยู่ตั้งนานไม่ถ่าย ปรากฏว่าตัวเลขบอกความเร็วอยู่บนหัวพอดี นึกว่าทำไมเขาเพิ่งเห็นอาตมาเป็นดาราหน้ากล้อง ตอนแรกว่าจะไปเครื่องบิน โยมเขาบอกว่า ถ้าอยากควบคุมเวลาได้ให้ไปรถไฟ ก็งง ๆ อยู่ มารู้ตอนหลังว่าเครื่องบินประเทศจีนลงผิดเวลาเป็นปกติ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 09:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 30-06-2014, 08:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่แล้วเวลาท่านอาจารย์บางท่านขึ้นไปเป็นใหญ่เป็นโต มักจะไม่มีเวลาทำผลงานทางวิชาการ เลยไม่ได้ขยับ ลูกน้องแซงไปหมด ท่านอาจารย์ ผศ.ดร.สุรพลบอกว่า ปีนี้ต้องกัดฟันทำผลงานทางวิชาการให้ได้ ไม่อย่างนั้นลูกน้องแซงไปหมดแล้ว ขนาดท่านอาจารย์หรรษาเพิ่งอายุ ๔๐ กว่าขอศาสตราจารย์แล้ว ท่านอาจารย์หรรษาต้องบอกว่ามนุษย์มหัศจรรย์ ท่านเขียนบทความทางวิชาการคืนละเรื่อง จริง ๆ นะ พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ตอนนี้เป็น รศ. อายุตอนนี้ ๔๐ ปีเศษ ขอศาสตราจารย์แล้ว

คิดว่าผ่านด้วย เพราะผลงานของท่านท่วมโลกเลย อาตมามั่นใจว่าท่านอายุไม่ยืนหรอก เพราะเร่งตัวเองมากเกินไป เดี๋ยวเชื้อเพลิงหมด แต่ว่าท่านสอนประทับใจมาก พอเข้าห้องก็ เอ้า..ทุกคนนั่งสมาธิก่อน ๑๕ นาที ลูกศิษย์นั่งไม่นั่งไม่ว่า ท่านอาจารย์ไปก่อนแล้ว นั่งเงียบเลย

ท่านสอน ๙ ชั่วโมงจาก ๘ โมงครึ่งถึง ๑๑ โมงครึ่ง แล้วก็บ่ายโมงถึง ๖ โมงเย็น พอชั่วโมงท้าย ๆ เหลืออาตมานั่งดวลเดี่ยวกับท่านอาจารย์อยู่ ๒ คน เพื่อน ๆ เผ่นกันหมดแล้ว แต่บางวันสุขภาพของอาตมาไม่ไหว พอถึง ๕ โมงเย็นต้องขอร้อง "ท่านอาจารย์พอเถอะครับ สมองผมไม่ไหว ไม่รับอะไรแล้ว" เพื่อน ๆ เขาไว้วางใจ มีแฟล็ชไดรฟ์กองเบ่อเร่อวางเอาไว้ข้างอาตมา บอกว่า "สรุปเสร็จขอจุ๊บหน่อยนะครับ" แล้วพวกท่านก็ไปนั่งกินกาแฟ เพราะนิสัยต่างกัน นิสัยของอาตมาเรียนแล้วต้องรู้ รู้แล้วต้องสอนเขาได้ ของเพื่อนเขาเรียนเอาแค่จบ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 20:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 30-06-2014, 13:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า “ตอนนี้แม่ชีพิมพ์วรารอใจจดใจจ่อ รอคณะนิสิตที่ มจร.จะไปศรีลังกาวันที่ ๒๖ มิถุนายนนี้ อาตมาเตรียมของฝากให้ไปเพียบเลย โดยเฉพาะของกิน ที่ศรีลังกาเขากินเพื่ออยู่จริง ๆ มะพร้าวขูดแบบบ้านเรา ผัดกับเครื่องแกงแล้วคลุกข้าวกิน แม่ชีแกกินจนเซ็งแล้ว ขอปลากระป๋อง ขอน้ำพริก ขอปลาร้า ให้ยุ่งไปหมด ตอนนี้ไปเรียนภาษาอยู่เพราะว่ายังอ่านบาลีโรมันไม่ออก อาจารย์เขาถามว่าจบปริญญาตรีมาได้อย่างไร อ่านบาลีโรมันไม่ออก ก็เลยบอกว่า ของแม่ชีเรียนปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยข้างนอก ไม่ใช่มหาวิทยาลัยพระอย่าง มจร. แล้วเรียนปริญญาโท สาขาวิปัสสนาภาวนา เน้นการปฏิบัติอย่างเดียว เลยไม่ได้เรียนบาลีโรมัน อาจารย์จึงผ่อนผันให้ ตอนนี้ถ้าหากว่ากลับมาคงได้หลายภาษา คงได้สับสนกับชีวิตบ้าง พอใช้หลาย ๆ ภาษาบางทีอาตมาเองก็สับสนเหมือนกัน ต้องตั้งสติว่าตอนนี้อยู่ประเทศไหน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวลืม

เคยฟังแขกพูดภาษาอังกฤษหรือเปล่า ? ฟังยากอย่าบอกใคร โชคดีที่อาจารย์ของ มจร.ส่วนใหญ่จบมาจากอินเดีย แล้วตอนเรียนที่สถาบันภาษา อาจารย์ท่านก็เปิดแต่หนังอินเดียให้ดู ทำให้อาตมาฟังจนกระทั่งชิน ไปเนปาลก็เลยสบาย ไม่อย่างนั้นแล้วฟังไม่รู้เรื่อง คือสำเนียงแปลกมากเลย แต่ชอบใจอยู่อย่าง คือเขากล้าสื่อสารกล้าพูด ไม่อาย พูดถูกพูดผิดพูดไว้ก่อน เข้าใจให้ได้ก็แล้วกัน

พวกเราส่วนใหญ่เก่งแต่ตัวหนังสือ พอไปพูดจริง ๆ มักจะใบ้รับประทาน เพราะฟังไม่ทัน ถึงฟังทันก็มัวแต่คิดเป็นภาษาไทย แปลกลับเป็นภาษาอังกฤษก็จะช้าไปใหญ่ ห้ามคิดเป็นภาษาไทย ต้องคิดเป็นภาษาของเขาเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 20:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 30-06-2014, 13:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีโยมกล่าวถึงหลวงปู่ไดโนเสาร์ ?
ตอบ : เขาเรียกท่านว่าหลวงปู่ไดโนเสาร์ ไม่ใช่ว่าท่านหัวโบราณ ไม่ใช่ว่าท่านอายุยาวนาน แต่ท่านอยู่วัดภูกุ้มข้าว ที่เป็นแหล่งไดโนเสาร์ เลยเรียกท่านว่าหลวงปู่ไดโนเสาร์ พระนักปฏิบัติของแท้ต้องอย่างนั้น ใครถามปัญหานอกทุ่งนอกท่าโดนอัดหมด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 20:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 30-06-2014, 13:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "บรรดาอาจารย์ของ มจร. ท่านยิ่งแซวอาตมาอยู่ ท่านว่าอาตมาไม่เล่นเฟซบุ๊กแต่มีรูปลงเฟซบุ๊กมากที่สุดในโลก วันก่อนเจอท่านอาจารย์พระครูเกียรติศักดิ์ ท่านเพิ่งจบ ดร.ปีที่แล้ว เจอหน้าท่านยังแซว โอ้..อาจารย์พระครูเล็ก ถึงแม้ว่าเราจะนาน ๆ เจอหน้ากันจริง ๆ แต่ผมเจอหน้าอาจารย์ในเฟซบุ๊กทุกวัน ใครเอาไปลงเยอะแยะขนาดนั้นก็ไม่รู้ ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 20:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 30-06-2014, 13:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรื่องการจับกสิณไฟ (ไม่ชัด)
ตอบ : การดูไฟของเตโชกสิณให้จับลักษณะของดวงไฟ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องของสี ไม่ต้องไปดูว่าเป็นสีอะไร ไม่ต้องไปดูว่าสั่นไหวแบบไหน ไม่ต้องไปดูว่าข้างนอกสีออกแดง ข้างในสีส้ม ตรงกลาง ๆ เป็นสีฟ้า ๆ ให้สนใจแค่ว่าเปลวไฟเป็นลักษณะอย่างไหนก็พอ

ระหว่างที่ฝึกอยู่ ต้องจุดเทียนไว้ตลอดเวลา ลืมตามองแล้วหลับตาลงนึกถึงภาพเปลวไฟนั้น ถ้าหากว่าภาพหายไป ก็ลืมตามองใหม่ หลับตาลงนึกถึง ไม่ใช่ไปจ้องนาน ๆ ลืมตามองแค่พอจำได้ว่าเป็นอย่างไร แล้วหลับตานึกถึง ภาพก็จะติดตาติดใจอยู่พักหนึ่ง แล้วก็จะหายไป ให้ลืมตามองใหม่ หลับตานึกถึง พร้อมกับภาวนาควบลมหายใจว่าเตโชกสิณัง ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหลับตาก็เห็น ลืมตาก็เห็น จะหลับจะตื่นก็เห็นได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องใช้ไฟอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 20:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 30-06-2014, 13:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : การฝึกของเราทั้งหมดที่ว่ามา เหมือนกับเราก้าวไปหาของเก่า แต่การที่เราไปหาของเก่า ก็อย่าทิ้งของเดิม ก่อนจะเริ่มต้นใหม่ต้องทวนของเก่าก่อนทุกครั้ง กสิณเคยผ่านมากี่กอง ต้องทวนให้หมดแล้วถึงไปเริ่มของใหม่ อย่างเช่นว่าเราเคยผ่านวาโยกสิณ ผ่านอากาสกสิณ ผ่านอาโลกกสิณ ให้ย้อนทวนต้นก่อนทุกกอง อย่างเช่นว่าย้อนทวนแล้วเป็นแก้วใส ค่อยย้ายกองใหม่ ต้องย้อนทวนของเก่าทุกครั้ง แล้วเสร็จแล้วค่อยขยับไปฝึกของใหม่

ทุกครั้งที่จะฝึก ให้เริ่มด้วยการทบทวนศีลของเรา จะเป็นศีล ๕ หรือศีล ๘ ก็ตาม ให้ทบทวนจนมั่นใจว่าศีลของเราบริสุทธิ์แน่นอน ถ้าหากว่าเราตายลงไปตอนนี้เราขอไปพระนิพพานที่เดียว เอาพระนิพพานขึ้นหน้าไว้ก่อน ในเมื่อทบทวนจนเสร็จแล้ว ถึงเวลาจะพักผ่อน ให้ตั้งใจว่าถ้าเรานอนลงแล้วตายไปเลย ไม่ตื่นขึ้นมาใหม่ก็ตาม เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว แล้วเอาใจเกาะพระภาวนาให้หลับไป ไม่อย่างนั้นจะพลาดได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 20:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 30-06-2014, 13:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนการฝึกทิพโสต อันดับแรก เมื่อใจนิ่งสงบพอแล้ว ให้ตั้งใจฟังเสียงที่อยู่รอบ ๆ ข้างของเรา จะเป็นเสียงดัง เสียงเบาอะไรก็ตาม ฟังจนรู้สึกว่าชัดเจนทุกเสียง แล้วค่อยขยายวงให้กว้างออกไป อย่างเช่นว่าเราฟังอยู่ในห้อง ให้ได้ยินทุกเสียงที่ต้องการ ไม่ว่าเสียงพัดลม เสียงยุงบิน เสียงจิ้งจกร้อง เป็นต้น แล้วขยายวงให้เสียงออกไปห้องอื่น ออกไปทั้งบ้าน ออกไปทั่วขอบรั้ว ออกไปนอกรั้ว ทีละน้อย ๆ จนเราได้ยินเสียงชัดเจนหมด แล้วขยายออกไปทีละน้อย จนกระทั่งสามารถกว้างออกไปทั้งหมู่บ้าน ทั้งตำบล ทั้งอำเภอ ทั้งจังหวัด ค่อย ๆ ไล่ไปทีละขั้นตอนอย่าใจร้อน แต่ถ้าฝึกวิธีนี้ต่อไปจะรำคาญ ถึงเวลาใครบ่นก็ได้ยินหมด

อย่าลืมว่าขึ้นต้นด้วยการทบทวนศีลของเราทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์ ตั้งใจว่าถ้าเราตายลงไปขอไปพระนิพพานแห่งเดียว แล้วทบทวนกรรมฐานเก่าทุกกองที่เรามั่นใจว่าได้แล้ว ถ้าทดลองอธิษฐานใช้ผลได้ยิ่งดี คือทันทีที่เรากำหนดเป็นแก้วใสได้ ให้กำหนดกสิณกองนั้น ๆ ให้ขยายใหญ่ได้ ให้เล็กลงได้ ให้มาได้ ให้หายไปได้ แล้วลองอธิษฐานใช้ผลดู ถ้าหากว่าใช้ได้คล่องตัวแล้ว ค่อยขยับไปกองใหม่ ไม่อย่างนั้นก็เหมือนกับว่า เราจับแพะชนแกะไปเรื่อย ของเก่าก็ยังไม่ได้ ของใหม่ก็ยังไม่ดี กลายเป็นเหนื่อยเปล่า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 20:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 30-06-2014, 13:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การฝึกกสิณต้องใช้ให้ได้ผลก่อน ถ้ายังใช้ผลไม่ได้ยังไม่ถือว่าได้จริง อย่างถ้าเราใช้วาโยกสิณ เราอยู่ตรงนี้ตั้งใจว่าเราจะไปบ้าน กำหนดจิตเข้าสมาธิตั้งใจอธิษฐานว่าเราจะไปบ้าน คลายสมาธิออกมาอธิษฐานใหม่ แล้วตัวเราไปอยู่ที่บ้านเลย นั่นคือใช้วาโยกสิณได้ผล

อย่าลืมเริ่มต้นด้วยการทวนศีลแล้วเกาะพระนิพพานไว้ก่อน เพราะสภาพจิตเรามีการจำ เกิดผิดพลาดหมดอายุขัยตายลงไป เราก็ไปจุดที่เราต้องการ พอเลิกฝึกค่อยเอาใจเกาะพระนิพพานใหม่ พักผ่อนจับภาพพระของเรา พูดง่าย ๆ ว่านอนอยู่กับพระ หลับอยู่กับพระนิพพาน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 20:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 30-06-2014, 13:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : พอภาพไฟเป็นดวงแก้วก็ให้อธิษฐาน ขอให้เกิดแสงไฟขึ้นในบ้านก็ได้ หรือถ้าไม่มีอะไร มีอะไรก็ขอให้ติดไฟขึ้นมาก็ได้ เปลวไฟที่เกิดขึ้นเราบังคับได้ทุกอย่าง ต้องการให้ติดอยู่ที่ไหน ให้ทำอันตรายหรือไม่ทำอันตรายสิ่งใด จะเป็นไปตามความต้องการของเราทั้งหมด ฉะนั้น..ไม่ต้องเปิดไฟก็ได้ ใช้กสิณไฟเป็นหลัก ไม่ต้องเปลืองค่าไฟดี ถ้ายังไม่สามารถทำได้ ยังไม่ถือว่าสำเร็จกสิณ จับเฉพาะกองจนกว่าเราจะอธิษฐานใช้ผลได้จริง ๆ พอเราอธิษฐานใช้ผลได้แล้ว ค่อยเปลี่ยนกองถัดไป ไม่อย่างนั้นแล้วเหมือนเราโดนหลอกให้หลงทาง ทำอันนี้ แล้วทำอันโน้น ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ตลอด ไม่ได้จริงสักอันหนึ่ง ถ้าตายก่อนก็เสียท่า

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ถ้าไม่จำเป็นก็ปิดห้อง เพราะคนที่ไม่เข้าใจจะหาว่าเราบ้า บอกท่านว่าขอทีละอย่าง ขอทีละอย่างให้ได้จริง ๆ ก่อน ไม่อย่างนั้นครูเยอะเกินไปต่างคนต่างสอน ลูกศิษย์ก็ตายพอดี

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ฝึกกสิณก่อน พอได้กสิณตามที่ต้องการแล้ว ต่อไปเราก็ใช้คำภาวนาของท่านให้เป็นปกติไปเลย การฝึกกสิณ เวลาทั้งวันและทั้งคืน ต้องประคับประคองให้อยู่กับนิมิตและคำภาวนานั้น ๆ จนกว่าจะได้อย่างแท้จริงแล้ว ชนิดนึกเมื่อไรก็ปรากฏเมื่อนั้น อธิษฐานใช้ผลเมื่อไรก็ได้เมื่อนั้น ถึงจะเรียกว่าได้ผลจริง ๆ การฝึกกสิณจะยากแค่กองแรกเท่านั้น ถ้ากองแรกได้แล้ว กองอื่นง่ายเพราะว่าใช้กำลังเท่ากัน เพียงแต่เปลี่ยนกองเท่านั้น ถ้ากองแรกได้แล้ว กองอื่นไม่เกิน ๗ วันก็ได้หมด แล้วหลังจากนั้นค่อยไปยึด อิติสุคโต ตามที่ท่านบอก

ถาม : หากเกิดนิมิตบอกให้ทำสิ่งต่าง ๆ ควรทำอย่างไร ?
ตอบ : ทำให้ตัวเองมีความสามารถที่แท้จริงก่อน พอเราทำทุกอย่างได้แล้ว หลังจากนั้นเราจะรู้เองว่าควรจะทำอะไร ควรจะช่วยใคร ตอนนี้อย่าเพิ่งไปฟุ้งซ่านกับเรื่องอื่น จะทำให้เสียผลการปฏิบัติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 20:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 30-06-2014, 13:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : การปฏิบัติของเราจะอยู่ลักษณะกด รัก โลภ โกรธ หลง เอาไว้ คราวนี้กดไปนาน ๆ ถ้าเราพิจารณาตัดไม่เป็น ถึงเวลาจะเหมือนกับภูเขาไฟระเบิด บางคนสะกิดหน่อยเดียวโกรธเขาเป็นวรรคเป็นเวรไปเลยก็มี ฉะนั้น..ต้องมีสติคอยระมัดระวังไว้เสมอ ถ้าหากว่าสติสมาธิอยู่กับการฝึก อยู่กับกสิณ อยู่กับคำภาวนา เรื่องพวกนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าเกิดขึ้นให้รู้ว่าสมาธิเราตก หรือว่าเราหลุดจากสิ่งที่เราทำแล้ว รู้ตัวก็ให้รีบตะกายกลับไปใหม่ คว้าเอากสิณขึ้นมาใหม่ ไม่อย่างนั้นโดนกิเลสตีตาย

ความจริงฝึกกรรมฐานตอนเป็นฆราวาสกิเลสเต็มหัวก็ดี สนุกมาก กว่าจะรู้ตัวก็โดนกิเลสงัดหงายท้องไปแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 20:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 132 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 30-06-2014, 17:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “วันก่อนอาตมาไปจ่ายค่าเทอม ซึ่งตอนนี้กลายเป็นค่ารักษาสถานภาพนักศึกษาไปแล้ว เร็วดีแท้ ความจริงเขาเรียนกัน ๓ ปี ของอาตมาเพิ่ง ๒ ปีเอง ต้องจ่ายค่ารักษาสถานภาพนักศึกษาแล้ว ทำให้เผลอ ค่าเทอมของเทอมที่แล้วโอนไป ๒๐,๐๐๐ บาท สองคนกับพระครูปลัดปรีชา เป็น ๔๐,๐๐๐ บาท เขาบอกว่าไม่ใช่ ตอนนี้เหลือ ๑๐,๐๐๐ บาทเป็นค่ารักษาสถานภาพนักศึกษา อ้าว..เทอมนี้จึงต้องเอาสำเนาการโอนเงินไปยื่นที่ฝ่ายการเงิน บอกว่าผมโอนให้ล่วงหน้ามาแล้วครับ โอนทีเดียว ๒๐,๐๐๐ บาท ไม่ต้องเสียเวลาทำเรื่องคืนให้ยุ่งยาก มีอยู่รายหนึ่งเขาทำเป็นรายการให้ติ๊ก ท่านก็อ่านไม่รอบคอบ ท่านติ๊กให้โอนไปที่วิทยาเขตอื่น กว่าจะได้คืนตามอยู่ครึ่งปี ช่วงเทอมแรก ๆ จ่ายอยู่ ๙๐,๐๐๐ บาทก็เยอะสิ ถึงต้องรีบไปตามคืน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 20:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 126 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 30-06-2014, 17:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : อะไรที่พระหรือเทวดาท่านสั่งมา ถ้าไม่เกินวิสัยที่จะทำได้ ก็ให้ทำตามนั้น อาตมาเองแหกคอกประจำเลย สั่งมาแล้วทำไม่ได้ก็ไม่ทำหรอก สั่งมาถ้าทำได้จะลองทำดู แล้วท่านรู้ว่าไอ้นี่หัวดื้อ ความจริงก็ไม่ได้ดื้อ ดูด้วยความสามารถของตนเอง กำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา กำลังคน กำลังทรัพย์ คำนวณทุกอย่างแล้วถ้าทำได้ก็ทำ ถ้าคำนวณแล้วว่าทำไม่ได้ก็เฉย ๆ เพราะว่าบางอย่างที่ท่านมาสั่งก็ไม่ใช่ของจริง ท่านอาจจะมาลองดูว่าเรามีปัญญามากพอหรือเปล่า ขณะเดียวกันเราเชื่อฟังท่านจริงหรือเปล่า รู้จักระมัดระวังในนิมิตที่มาหรือเปล่า ก็บอกแล้วว่าไม่เกินความสามารถก็ทำ ถ้าเกินความสามารถก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ต้องทำถึงจะรู้ ถ้าไม่ทำก็ไม่รู้ว่าผลที่ตามมาเป็นอย่างไร

ถึงได้บอกว่าต้องรอเวลา ในขณะเดียวกันเรื่องการปฏิบัติต้องได้ผลจริง ถ้าได้ผลจริงก็แสดงว่าไม่ใช่อุปาทาน คราวนี้ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง ผิดก็ผิดที่เรา ถูกก็ถูกที่เรา ไม่ต้องไปโทษใคร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 20:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 136 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 30-06-2014, 17:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,957 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยนี้เป็นพระอุปัชฌาย์ยังโชคดี ส่วนใหญ่โยมที่บวชหาอัฏฐบริขารมาเอง เพราะในพระวินัยระบุไว้ชัดว่า ถ้าไม่มี พระอุปัชฌาย์อาจารย์ต้องหาให้กุลบุตรผู้มีศรัทธา..เวรแล้ว ...(หัวเราะ)... สมัยนี้เฉพาะบาตรอย่างเดียว ใบหนึ่งก็สองพันสามพันบาทแล้ว บาตรสเตนเลสดี ๆ สองพันซื้อไม่ได้แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2014 เมื่อ 20:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:13



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว